กลอนกำลังใจ

อย่ายอมนะ

White Lady


ฉันเป็นเช่นนกน้อยที่ลอยโผบิน
โบกปีกบินจากแดนแสนไกล
มีเหนื่อยบ้างและทุกข์ท้อใจ
กางปีกบินไปสู่แดนแห่งฝัน
ฝ่าลมฝนพายุลูกใหญ่
ฝ่าอันตรายมาหลายคืนวัน
อุปสรรคมากมายมากั้น
โอ้ใจฉันเหนื่อยล้ามากมาย
อยากจะบิน อยากจะบิน กลับไป
พักฟื้นหัวใจถิ่นที่จากมา
แต่ความฝันดึงรั้งข้าไว้
เหลียวมองกลับไปมีคนคอยท่า
แววหวังอยู่ในดวงตา
ส่งรอยยิ้มมาให้กำลังใจ
บอกตัวเองต้องก้าวต่อไป
เพื่อใครอีกคนที่อยู่ข้างหลัง

แรงงาน...!!

ลานเทวา


เค็มหยาดเหงื่อ เรื่อแดดที่แผดเผา
ตระหง่านเงาเมืองฟ้า พร่าวิถี
นิรนามความจริงฝัน บรรดามี
เร้นมุมภาพวันเดือนปี แห่งชะตา
ทุรายรนวนเวิ้ง อัปภาคย์
ทุกฝั่งฟากมืดมน การค้นหา
จากต้นเริ่มเดิมเห็น ความเป็นมา
ล้วนทุกข์ย้ำกรำพา ร้าวลำเค็ญ
นับไม่สิ้นในดิ้นรน ปรนชีวิต
จะลิขิตใดหวัง ยังไม่เห็น
ฝันเพียงฝันเก่าเก่า ผ่านเช้าเย็น
ฝันจะไป ฝันจะเป็น อยู่เช่นนั้น
กรำแรงงาน สานสร้างเป็นทางมอบ
มืดมนคือคำตอบ คำปลอบขวัญ
โอ้ ความวิไล ใต้ดวงตะวัน
อนาคตช่างเงียบงัน ความเป็นไป
สุดแรงล้า หน้าที่แห่งชีวิต
ณ ท่ามกลางความเบือนบิด ยุคสมัย
ความเจริญเดินหน้า เร็วกว่าใจ
แรงงานใคร ทนกล้ำให้ดำเนิน
…………………
โดยคำ ลานเทวา

..อ้อมแขนของกำลังใจ..

bananaleaf


ในอ้อมแขนที่..ว่างเปล่า..
พร้อมรับ ความเงียบเหงา ด้วยยิ้มปร่า
วางทุกสิ่งให้เลือนหาย กับสายธารแห่งกาลเวลา
แม้วันนี้ วันหน้า ไม่ขอ..จำ..
ต่อจากนี้ในอ้อมแขน
จะโอบกอดตัวเองให้แน่น ทุกคืนค่ำ
ปรามาสหมื่นร้อยใน..รอยคำ
จุดด่างดำ..ของชีวิตจักปลิดปลง
อ้อมแขนนี้กับ..ทุกนาทีที่เหลือ
ฉันจะคอย จุนเจือ และเสริมส่ง
ด้วยพลัง จากใจหนึ่งซึ่ง..มั่นคง
แลธำรงไว้ด้วยความ..ปรารถนาดี
แด่มวลมิตร ถ้วนไปที่ในโลก
ผู้เสพย์โศก ทุกข์ทน จนล้นปรี่
ให้พอคลายซมเศร้าเร้าฤดี
ด้วยวิถี..แห่งเรา..นะเจ้าเอย
จากนี้ จักเป็นเช่นไรมิอาจรู้
สุข ปลื้ม เหงา หิว หดหู่ หรืออยู่เฉย
มาบ้าง หายบ้าง ใช่ว่าจะร้างเลย
ถ้าบังเอิญพบ ก็อย่าลืมเอ่ยเพื่อ..ทักทาย..
ดูนั่นสิ..แผ่นน้ำ และผืนฟ้า
เป็นเช่นนี้ทุกเพลา มิห่างหาย
อิ่มโอบอุ่น..แสงสุรีย์..ที่พร่างพราย
มิเสื่อมคลาย..ผูกพัน..สักวันเลย..

สู้ตาย ค่ะ

คนบางบอน


ถึงตัวดำ เสียงเหน่อ เด๋อด๋าบ้าง
ก็เป็นอย่าง น่ารัก ประจักษ์แจ้ง
ไม่ได้ทำ ดัดจริต คิดดัดแปลง
ไม่เสริมแต่ง ก็งามตา น่าชื่นชม
อยู่ที่บ้าน กาญจน์บุรี หลายปีแล้ว
ยังไร้แวว คนภักดิ์ หอบรักห่ม
ก็เหงาบ้าง บางเวลา ตามอารมณ์
หักใจข่ม เก็บไว้ เพียงใจเรา
ถึงวันนี้ ไม่มีใคร ก็ไม่ท้อ
มิได้รอ ร้อนรน เยี่ยงคนเขลา
ทำความดี เสริมค่า ลบฟ้าเทา
ลืมเรื่องเศร้า ร้อนรน กังวลใจ
เทความรัก ให้ครอบครัว รั้วชีวิต
เทิดอุทิศ เติมฝัน มิหวั่นไหว
ไม่มีคน คิดถึงบ้าง ช่างปะไร
ครอบครัวให้ ความรัก ประจักษ์พอ
ถึงเมืองกาญจน์ บ้านเรา เงียบเหงาบ้าง
จะให้ร้าง แรมไกล ไม่เคยขอ
สักวันคง มีรัก มาถักทอ
มาเติมต่อ กำลังใจ ให้แก่กัน
บอกกับคน ที่บ้านว่า  อย่าเป็นห่วง
จะไม่ให้ ใครลวง เหนือห้วงฝัน
จะอดทน ไม่ย่อท้อ  ขอยืนยัน
บอกสั้นสั้น แม้เดียวดาย  “สู้ตายค่ะ”ฯสมยศ   เปียสนิท
20  เม. ย.  2555

ฟังถ้อย

din


ฟังฟังถ้อยร้อยรักสลักมั่น
หวิวหวิวหวั่นพรั่นจิตด้วยคิดถึง
รินรินถ้อยร้อยรจพจน์รำพึง
ซ่านซ่านซึ้งถึงอยู่มิรู้เลือน
ร่ำร่ำร้องโหยหาอาลัยนัก
เกรงเกรงจักร้าวใจใครจะเหมือน
คิดคิดถึงแก้วขวัญจนฟั่นเฟือน
จารจารเตือนจ่อจดจนหมดใจ
หวั่นหวั่นเกรงรักลาน้ำตาตก
ฟูมฟูมฟกอกพรั่นถึงหวั่นไหว
พร่ำพร่ำเพ้อแม้ห่างหนทางไกล
เรียงเรียงร้อยหัวใจไว้ใกล้กัน

อดีตคือความหลังอย่าฝังใจ

ครูกรุง


บางครั้งอดีต...มันก็ทำให้เราเจ็บเจียนตาย
แต่เราก็ผ่านมันมาได้ไม่ใช่เหรอ
จะทนฝืน เจ็บใจ ใยเล่าเออ
ในเมื่อคน ข้างๆเธอ ยังห่วงใย
ปล่อยอดีตไว้ข้างหลังครั้งยังเจ็บ
แม้ปวดร้าวหนาวเหน็บสักแค่ไหน
แต่คนเรา ต้องเดินหน้า ก้าวต่อไป
คนที่ใช่ คงเข้ามาไม่ช้านาน

ล้มแล้วลุกกับสตีฟ จ็อบส์

เชษฐภัทร วิสัยจร


ชมว่าสตีฟจ็อบส์นี้........ปัญญา ดีเฮย
ท่านพลาดผิดหวังมา..........กี่ครั้ง
ท่านเรียนลุกสู้พา...........สักกี่ ครั้งเฮย
และลุกอย่างไรตั้ง..........จิตต้องศึกษา

คนกรุงศรี

คนกรุงศรี


อยากจะจาร สานกลอน อักษรศิลป์
ตามดังจินต์ รินคำ ให้ฉ่ำหวาน
คัดวลี หลากรส พจมาน
เป็นกลอนกานท์ หวังเพราะ เสนาะใจ
เกิดที่ย่าน บ้านทุ่ง เมืองกรุงศรี
ก็หลายปี มีมา อายุขัย
ก็มากอยู่ ดูแย่ เพราะแก่วัย
แต่ว่าไฟ ไม่มอด ตลอดมา
ที่ว่าไฟ ในนิยาม มีความหมาย
อยากกรีดกราย เรียงคำ นำภาษา
อักษรศิลป์ กินใจ ในอุรา
อยากนำพา ให้ดำรง อยู่คงทน
เรียนเพื่อนพ้อง น้องพี่ ที่นับถือ
พวกเราคือ ผู้หนึ่ง ซึ่งหวังผล
ด้วยใจภักดิ์ รักกวี ที่ยินยล
ขอทุกคน ร่วมด้วย ช่วยบรรเลง
หยิบปากกา คว้ากระดาษ วาดอักษร
ทุกวรรคตอน เขียนไป ไม่รีบเร่ง
บางถ้อยคำ หยอกเย้า เรากันเอง
มิกลัวเกรง โกรธเคือง กันเรื่องไร
ฉันทลักษณ์ หลักกฎ กำหนดนิด
สิ่งถูกผิด ร่วมกัน นั้นแก้ไข
ต้องคงรูป บทกลอน อักษรไทย
ดำรงไว้ ให้อยู่ คู่แผ่นดิน

. . กำลังใจ . .

ธารินทร์


. . หากโลกนี้ยังไม่หยุดหมุน . .
ก็ยังคงมีความอบอุ่นของกำลังใจ . . ให้เธอเสมอ . .
อย่าอ่อนล้านะ . . กับสิ่งที่พบเจอ
เพราะมันเป็นเพียงบททดสอบ . . ที่เธอต้องฟันฝ่า . .
. . จะท้อแท้บ้างก็ได้ แต่อย่าท้อถอย . .
ก้าวเดินทีละน้อย ค่อยค่อยเดินไปข้างหน้า
อาจล้มลุกคลุกคลานบ้าง . . บางเวลา
จุดหมายข้างหน้า ยังอีกยาวไกล . .
. . กำลังใจจากฉัน . . มีให้เสมอ . .
สำคัญที่เธอต้องเข้มแข็งเข้าไว้
หากเหนื่อยนักก็พักหน่อย . . จะเป็นไร
เติมพลังให้เต็มหัวใจ . . แล้วค่อยเดินทาง . .

คมพิษสวาท

din


ในโลกแห่งความฝันอันไพจิตร
เธอมีสิทธิ์คิดอย่างคนช่างฝัน
โลกความจริงเลือนหายสลายพลัน
เหลือคุณค่าอันใดให้จดจำ
เมื่อความฝันทุกฝันถึงวันจบ
เธอก็พบความซมตรมจนหนำ
ยอมกรีดเลือดจารึกผนึกจำ
ให้รักมันทิ่มตำอย่างจำเป็น
เธอก้าวไปในโลกของคนโศก
วิปโยคเร้ารุกจนทุกข์เข็ญ
น้ำใสไหลจากตาพาลำเค็ญ
คือประเด็นชี้ให้ไกลจากกัน
เมื่อเส้นทางรักเรามันเฉาอับ
จะมัวปรับหัวใจทำไมขวัญ
ปล่อยทุกสิ่งลอยคว้างระหว่างวัน
แล้วลืมมันเสียบ้างไม่คว้างตรม
เราต่างเดินในทางที่ร้างจาก
การพลัดพรากจากกันมันขื่นขม
จารจารึกผนึกถ้อยร้อยอารมณ์
อย่าให้คมพิษสวาทมันบาดใจ

รอ ฟ้าสร่างฝน

แดดเช้า


ดวงตะวัน ยังมิผันหันไปไหน
เวียนอยู่บนฟ้าไกลไม่เคยหนี
มรสุมรุมเร้าเข้าวันนี้
เมฆหมอกมีม่านหม่นก็ทนรอ
ตราบเท่าที่หัวใจไม่ไหวหวั่น
จุดหมายมั่นที่เก่าเป้าหมายหนอ
เส้นทางนี้ที่ไม่ไกล ใจถักทอ
เป็นหวังก่อสู่จุดหมาย ให้มั่นคง
แค่พายุปะทุใจให้เจ็บร้าว
และเรื่องราวโถมกระหน่ำ ให้ช้ำหลง
สักวันหนึ่งเผยตะวันวาดหวังวง
โค้งบรรจงหลากสีรุ้ง งามรุ่งเรือง.
แดดเช้า : ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๕

ไม่ท้อ ใจขอสู้

meyalee


แม้วันนี้ความเหนื่อยล้าถาโถมใส่
ความห่วงใยห่างหายคล้ายไม่เห็น
อาจท้อบ้างยามน้ำตาสาดกระเซ็น
ช่างยากเย็นเป็นอย่างนี้อีกนานไหม
แต่ยังไงใจไม่ท้อขอสู้ต่อ
ถึงแม้นานก็จะขอรอต่อไป
แค่ให้เราไม่สิ้นหวังกำลังใจ
ก้าวเดินไปอีกไม่นานฝันเป็นจริง

เยาวชนไทยยุคใหม่ในต่างแดน

อนงค์นาง


การศึกษาพัฒนาไม่หยุดยั้ง
ส่งเสริมพลังก้าวไปไม่ขัดขวาง
ไม่แบ่งแยกสัญชาติที่วาดวาง
สนับสนุนอย่างเป็นธรรมผลกรรมดี
ความขยันหมั่นเพียรเรียนเพื่อสร้าง
สังคมกว้างโลกนี้มีศักดิ์ศรี
อุตสาหะละชั่วตัวราคี
บาปกรรมมีอยู่จริงทุกสิ่งไป
นำความรู้มาใช้ให้ประโยชน์
ไม่ก่ิอโทษทำร้ายได้สดใส
ช่วยสังคมสากลหนหางไกล
เผื่อแผ่ใจให้กว้างอย่างเมตตา
ลูกผู้พี่ผู้น้องเราต้องสู้
เกิดมารู้หน้าที่มีมากหนา
ก้าวตามไม่หลงผิดคิดเสพยา
ความชั่วอย่าข้องเกี่ยวไม่เหลียวแล
พ่อแม่นั้นรากเหง้าเราอิสาน
แม้ห่างบ้านจากทุ่งมุ่งกระแส
ส่งลูกหลานด้วยใจไม่เชือนแช
ไม่ยอมแพ้อุปสรรคที่ทักทาย
วันนี้ยังไม่พ้นบนหน้าที่
ทุกคนมีความฝันอย่าพลันหาย
แม้เหนื่อยยากสู้ต่อไม่ท้อกาย
ตราบวันตายกุศลผลบุญมี
ลูกสาวคนโตมีจุดมุ่งหมายในชีวิต เหมือนกับลูกผู้พี่(ลูกชายของพี่ชายอนงค์นาง)ที่เป็นแพทย์ในโรงพยาบาลเด็กแห่งหนึ่ง ลูกฝันที่จะเรียนต่อแพทย์ในปีหน้าให้ได้ อยากเดินทางไปช่วยผู้คนทั้งเมืองไทยและนานาชาติเพื่อการกุศล พ่อแม่ขออวยพรให้ลูกประสบความสำเร็จตามที่ปรารถนา เราจะก้าวไปด้วยกันเป็นทีมที่ต้องทำฝันให้เป็นจริง
ลูกผู้พี่
G.. K..... M.D. is a CHOC Children’s Specialists Hospitalist who completed his residency training and currenlty serves as Chief Resident Liaison and Clinical Instructor at UC Irvine, California. He attended medical school at SUNY Downstate Co

คือดวงใจ

คนกรุงศรี


เมื่อวันวาร ผ่านผัน แสนนานเนิ่น
สองเราเดิน ร่วมทาง เพื่อสร้างฝัน
วางวิถี ชีวิต ช่วยคิดกัน
ร่วมฝ่าฟัน อุปสรรค ทั้งหนักเบา
ด้วยความรัก เข้าใจ หมายมุ่งสร้าง
แม้มีบ้าง หมางใจ ให้หงอยเหงา
ความอดทน อดกลั้น ช่วยบรรเทา
เพราะสองเรา เข้าใจ ในแนวทาง
หวังก้าวข้าม ความยาก จากวันก่อน
พบลุ่มดอน หนามขวาก ร่วมถากถาง
ด้วยความรัก ห่วงใย ไม่เจือจาง
สามารถย่าง ผ่านผัน อย่างมั่นใจ
เรือลำเดียว เกี่ยวก้อย ร่วมลอยล่อง
ช่วยสอดส่อง มองทาง สว่างใส
ถือหางเสือ คัดท้าย คุมสายใบ
พายุใหญ่ คลื่นจัด ซัดไม่จมเป็นนางแก้ว ในใจ หาใครเท่า
ดั่งสองเรา ฟ้าสร้าง อย่างคู่สม
ทองเนื้อเก้า เราได้ ไว้ชื่นชม
รื่นภิรมย์ ร่วมอยู่ คู่ชีวี
ขอขอบคุณ สิ่งดีดี ที่มอบให้
ยากหาใคร ทั่วแคว้น มาแทนที่
แทนมะลิ ร้อยมาลัย ให้คนดี
ใจฉันนี้ นั่นหรือ ก็คือเธอ
คนกรุงศรี ฯ
กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา
๑๐/๓/๒๕๕๕

ก่อนตะวันลับฟ้า

อิสรชัย รัตน


ก่อนตะวันลับฟ้า คราหน้าแล้ง
พ่อได้แจ้งแก่ลูกยาก่อนพาหาย
ว่าได้งานที่ใหม่ค่อยสบาย
ลูกของพ่อ จงอย่าได้มาห่วงใย
พ่อบอกลูกก่อนพรากจากวันนั้น
จะหาเงินให้กำนันก่อนปีใหม่
ไถ่นาคืนเพื่อจะได้ความเป็นไท
เริ่มหว่านไถ ปีหน้าพาชื่นชม
แต่พ่อจ๋า วันนี้ ปีใหม่แล้ว
ไร้วี่แวว พ่อมากลับพาขื่นขม
นาที่เคยจะไถ่คืน ฝืนระทม
ลูกตรอมตรมมองนาพาอาดูร
กำนันตักหน้าดิน เอาไปขาย
ลูกได้แต่นั่งมองความสิ้นสูญ
ทำเงินตราให้แก่เขา อย่างเพิ่มพูน
จากที่นาเนินนูน นั้นลุ่มลงก่อนตะวันชิงพลบคาคบไม้
กลับมาทันปีใหม่ไม่พาหลง
แล้วอยู่บ้านของเราอย่างยืนยง
ฉันก็คงเฝ้ารอ พ่อกลับมา
กลับมาแล้วพ่อจะเปลี่ยนหลังคาใหม่
หากฝนตกครั้งต่อไปไม่เปียกหนา
เมื่อลมฝนพัดมาเยือนเตือนอุรา
ลูกนอนมองหลังคา น้ำตานอง

จากใจพิม

พลายแก้ว เมืองกาญจน์


ไม่ต้องการ แหวนเพชร เม็ดโตใหญ่
มิกลัวว่า มีใคร ไหนเหยียดหยาม
การตัดสิน ดูที่ ความดีงาม
มิครั่นคร้าม ขยัน สร้างสรรตน
กำหนดมา หมั้นหมาย ปลายเดือนสี่
ได้ฤกษ์ดี ที่ตอน ก่อนหน้าฝน
จะเร่งรีบ จัดการ งานมงคล
พิมฯหน้ามล จะรอ นะพ่อพลายฯหากเก็บเกี่ยว เที่ยวนี้ หมดหนี้สิน
พลิกผืนดิน อีกครั้ง ยังไม่สาย
ธรรมชาติ เหมือนว่า จะท้าทาย
กับแรงใจ แรงกาย จรดปลายทางแม้มีแหวน สามสลึง สร้อยหนึ่งบาท
ก็มิอาจ ทำให้ ใจเมินหมาง
ถ้ามีคน ลือไกล ไปทั้งบาง
ถือว่าช่าง ประไร ใครอยากคิด

สอนใจ

คนกรุงศรี


มองข้างหน้า อนาคต จะสดใส
หรือกระไร ใจเรา เฝ้าถวิล
เฝ้าพินิจ คิดมา น้ำตาริน
เพราะชีวิน คนนั้น มีผันแปร
หัวใจยัง มั่นคง ซื่อตรงยิ่ง
มิทอดทิ้ง ละวาง ห่างเธอแน่
รักของเรา รวมอยู่ คู่ดวงแด
มิท้อแท้ ทั้งที่ มีปราการ
มโนธรรม กำแพง แกร่งกั้นขวาง
เพียงกายห่าง แต่ใจ ให้อาจหาญ
เฝ้าถนอม กล่อมเกลา รักเนานาน
สองดวงมาน ซื่อตรง แสนคงทน
อนาคต เป็นเช่นไร ใครเล่ารู้
ตราบกายอยู่ ยังที่ มีกุศล
จะปกปัก รักษา เจ้าหน้ามล
ถึงจวบจน วันที่ ยังมีลม
สอนให้แกร่ง เก่งกล้า อยู่ท้าโลก
รับทุกข์โศก สุขศรี ที่ผสม
ต้องน้อมนำ จำใจ เอาไว้ชม
ใช่วิโยค โศกซม ตรมฤดี
แต่หากถึง ซึ่งวัน อันมิหมาย
หลับตาคลาย ทุกข์ไป ไม่อาจหนี
ใจเธอจง แกร่งกล้า ท้าไพรี
เหมือนยังมี ฉันอยู่ เคียงคู่เธอ
หน้า / 16  
ทั้งหมด 261 กลอน