กลอนกำลังใจ

เส้นทางที่ต้องกล้า

อัลมิตรา


จะหวาดหวั่นไปไยภัยเผชิญ
มัวขัดเขินทำไมไม่เข้าท่า
เป็นมนุษย์สุดแต่กรรมจะนำพา
สู้อุตส่าห์ประเสริฐเกิดเป็นคน
ทุกเรื่องที่ติดขัดจิตขัดข้อง
แม้มิลอง ฤๅ จะประสบผล
เจอะปัญหาคราใดให้อดทน
แล้วคิดค้นหนทางสว่างเดิน
ชั่วชีวิตปรัศนีย่อมมีบ้าง
ทะเลกว้างยังมีที่ตื้นเขิน
ตั้งสติแกร่งกล้าท้าเผชิญ
โลกเชื้อเชิญแล้วหนาอย่าหวั่นใจ
เมื่อแสงแดดแผดจ้าเริ่มปรากฏ
หมอกที่บดบังทางเริ่มจางใส
เมื่อหนทางทอดยาวจงก้าวไกล
ลุกขึ้นใหม่เถิดเพื่อนพ้องลองอีกที

บ้านกลอนของเรา

KIRATI


เหมือนฝูงปลาพากายมาว่ายแหวก
ใต้สาแหรกแหวกว่ายในละหาน
หลบพักคลื่นครืนเครงในเพรงกาล
เปรียบร่มลาน...บ้านเก่ามาเกลากลอน
 
หัดต่อเสียงเรียงคำมานำต่อ
ถูกผิดพอ...อภัยในอักษร
ขอเพียงจิตคิดใฝ่แม้ไร้พร
สวรรค์อ้อน...เอื้อนได้(อย่า,ไม่)อายใคร
 
แค่หาคำนำโยงพยางค์วาง
นึกโครงร่างสร้างบทกำหนดไว้
สัมผัสผูกถูกผังทั้งนอกใน
ที่เหลือ “ใจกับจิต”
พิชิตกลัว
 
สาแหรกนี้มีขึ้นด้วยปีกฟ้า
อัลมิตรา ดุแล แม่ทูนหัว
โลกลับแลแห่งกลอนอักษร พัว-
-พันรักทั่ว โลกศิลป์ ในถิ่นไทย
 
หนึ่งในเวปกลอนดีที่เป็นหนึ่ง
สายใยซึ้ง...ตรึงตราอัชฌาสัย
ใช่เพียงเวป...เสพอ่านสำราญใจ
เพราะอะไร....ไม่รู้ต้องดูเอง
 
สมัครง่ายย้ายยากไม่อยากจบ
อุ่นอวลอบไมตรี...มิข่มเหง
แอบกระเซ้าเย้าแย่แลบรรเลง
เหมือนบทเพลง...ร้องร่ำเป็นทำนอง
 
ตระเตรียมงานการเหนื่อยแล้วเมื่อยล้า
เพียงพักพา กมลที่หม่นหมอง
หอบอารมณ์จ่มฝันมากลั่นกรอง
เบิกบ้านช่อง ห้องหับสดับจินต์ (จินตนา)
 
ตะนาการแห่งศรี...วลีถ้อย
เพื่อเพียงปล่อย...ลวดลายระบายลิ้น
จะยอกจิก...หยิกกัด...ก็ชัดยิน
ยิ้มถ้วนถิ่น...ทุ่งกานท์ในบ้านกลอน
 
@@@@@@@@@@@@
 
ปีกฟ้าสู้ สู้..... ปีกฟ้าสู้ตาย....
ปีกฟ้ามีกาย.... เป็นลายพาดกลอน
ปีกฟ้าสู้ สู้ ปีกฟ้าอย่านอน....
จงสร้างบ้านกลอน ให้พวกเราเฮย...อิอิ
 
ในนามของสมาชิกบ้านกลอน(สมอ้าง กิกิ)
ขอเป็นกำลังใจ ให้ปีกฟ้า แอนด์ ดิ
อัลมิตรา
ขอ....อย่ายอมแพ้...
อย่าอ่อนแอ
แม้จะ

ผู้หวังดี

นักสืบไร้ชื่อ


ฉันบังคับฉันดุฉันโหดร้าย 
ขึ้โวยวายอารมณ์เสียอยู่เสมอ
เธอคงไม่อยากพบไม่อยากเจอ
  สายตาเธอคงมองว่าฉันเลว
ฉันกรีดกั้นทุกอย่างในความคิด 
เหมือนนำพาชีวิตเธอตกเหว
ฉันไม่สนแม้ใครว่าฉันเลว
ฉันแหลกเหลวเพียงหวังเธอได้ดี
ที่ฉันคอยดุด่าค่อยว่าร้าย
โปรดเข้าใจความหมายฉันให้ดี
ใช้หัวใจของเธอที่เธอมี
ลองคิดดูอีกทีที่ฉันทำ
ไม่จำเป็นที่ฉันต้องเสแสร้ง
แกล้งแสดงทำเหมือนให้เธอขำ
ฉันคนนี่..นี้แหละที่จะนำ
พาเธอนั้นไปยังฝันตามใจเธอ
อาจจะดูโหดร้ายในสายตา
อาจจะดูเหมือนคนบ้าอยู่เสมอ
ฉันแค่หวังให้เธอได้พบเจอ
ทางที่เธอต้องการตลอดมา
ซักวันหนึ่งเธอคงรู้และเข้าใจ
ว่าเหตุใดฉันถึงคอยดุด่า
ถึงวันนั้นเธอคงสุขอุรา
จงรู้ว่าครูอาจารย์นั้นหวังดี.....

** อสงไขย**.

ราชิกา


** อสงไขย  คล้ายบ่วง   เกี่ยวดวงจิต
ยอดมิ่งมิตร  คนไกล  ที่ใฝ่ฝัน
เฝ้ารอคอย  หนทาง  แต่ปางบรรพ์
ฤาพบกัน  ทุกชาติ  ประหลาดจริง
รู้เพียงว่า  รอใคร  ในวันก่อน
อดีตย้อน  เคียงครอง  ด้วยน้องหญิง
ตักเจ้าพี่  หมายแนบ  เคยแอบอิง
ใจพักพิง  หวนนึก  ระลึกรอย
สองชีวิต  ไม่คิดว่า  มาบรรจบ
คราแรกพบ  สานเชื่อม สุดเอื้อมสอย
หากบุพเพ  สันนิวาส  มิคลาดคอย
นำน้องน้อย  กับพี่ยา  มาร่วมเคียง
คงเป็นบุญ  หนุนนำ  เกินย้ำกล่าว
ร้อยเรื่องราว  แว่วหวาน  ประสานเสียง
สื่อฤทัย ร่ายคำ  ด้วยสำเนียง
ลำนำเรียง  รสถ้อย ถักร้อยใจ
** ท่ามวันคอย  ดวงจิต  เฝ้าคิดถึง
รักรำพึง  มั่นคง  อสงไขย
เพียงกายสอง  จำพราก  ต้องจากไกล
หากหทัย   แนบชิด  นิจนิรันดร์.......ฯ

เมื่อแดดยังออก สองขายังเดิน..(Rewrite)

ประภัสสุทธ


๏ เมื่อใดที่มองฟ้ายังเห็นดาว
เมื่อใดที่ตีนเปล่าก้าวเดินผ่าน
เนื้อตัวห่อหุ้มผิวอันหยาบกร้าน
สะพายอุดมการณ์ปาดเหงื่อหลั่ง
๏ แสงแดดระอุอุ่นตะวันรอน
เงาทาบถนนร้อนทิ้งเบื้องหลัง
ย่ำเดินบนดินแล้งแตกผุพัง
เหนื่อยกายสายใจยังหลั่งลุกไหม้
๏ หนาวเย็นจนเหน็บกายยามหมดแดด
มิดมืดเสียงลมแผดกระพือไหว
คร่ำเคร่งอยู่กับงานสะท้านใจ
ใต้กลิ่นละอองไออุดมการณ์
ประภัสสุทธ
1 สิงหา 48 ถึง 14 มีนา 56

ศิษย์รัก

ครูกระดาษทราย


ครูเป็นเพียงกรวดทรายหนึ่งในล้าน
ที่ผสาน ปูน หิน น้ำทำเสาเข็ม
ตอกลึกลงคงมั่นหมั่นเติมเต็ม
โคลนตมเค็มอย่างไรไม่สั่นคลอน
ครูเฝ้าดูอยู่ห่างห่างอย่างห่วงห่วง
กาลผ่านล่วงแนะนำพร่ำสั่งสอน
ด้วยดวงจิตเมตตาเอื้ออาทร
ศิษย์ว่านอนสอนง่ายไม่ดื้อดึง
วันนี้ศิษย์ดุจตึกระฟ้าตระหง่าน
งามตระการตามฝันดั้นด้นถึง
ครูภูมิใจในตัวศิษย์จิตคำนึง
ว่าเป็นหนึ่งในรากฐานอันมั่นคง
ขอให้ศิษย์คนดีมีความสุข
ด้วยสนุกกับการงานสานประสงค์
ทั้งก้าวหน้าในหน้าที่ที่ดำรง
ขอศิษย์ทรงความดีไว้ให้ดุจเกลือ
ครูกระดาษทราย
๕ มีนาคม ๒๕๕๖
จดหมายจากศิษย์ ตอนป..๖

แพ้บ้าง ช่างประไร..

ลานเทวา


แพ้บ้าง ช่างประไร...
...............................
แผ่วล่วงกาลผ่านแปร แต่ละภาพ
ก็เผินซาบใจซึ้ง ถึงไหนไหน
กว่ารู้ตนรู้ตัว โอ้ หัวใจ
เจ็บลึกเนิ่นเกินใคร จะรับรู้…
เมื่อแต่ละภาพตำตา สภาวะ
จ่มแต่ละขณะท่วง อันล่วงสู่
เจ็บ มันถึงเจ็บไปทุกอณู
จบเนิ่นนับสดับดู อย่างผู้แพ้…
เมื่อมิอาจหยัดอยู่ เยี่ยงผู้ชนะ
สิ้นจบฝันพันธะ ใดเผื่อแผ่
เฉยเมยโลกผ่านลา สองตาแล
เศร้างดงามจริงแท้ ผู้ปราชัย….
มีความเหงาเป็นเพื่อนในเรือน อก
ปลอบหัวใจสะทก สะท้านไหว
เริ่มชีวิตอีกหน ทนทนไป
เริ่มแบบไม่มีใคร จะใยดี….
เฉยเมยโลกเย็นชา ใจบ้าบิ่น
ดักดานทนคุ้นชิน ทุกถิ่นที่
เดียวดายโลกอ้างว้าง ในบางที
หลากทุกข์สุขบรรดามี ช่างประไร….
…………………….
โดยคำ ลานเทวา

ที่พักใจคนไร้คู่

พจนา


๐ ทุกชีวิต เกิดมา อยากมีคู่
ไม่มีใคร อยากอยู่ อย่างโดดเดี่ยว
บ้างเจอคู่ ง่ายดาย เสียจริงเชียว
บ้างทนเหงา เปล่าเปลี่ยว ยังไม่เจอ
๐ หากทำบุญ ร่วมใคร ในปางก่อน
ต้องพบกัน แน่นอน ไม่คอยเก้อ
แต่หากรอ เท่าไร ก็ไม่เจอ
ฉันไม่อยาก ให้เธอ ต้องเหงาใจ
๐ เชิญเธอมา พักใจ ในบ้านกลอน
คงจะผ่อน คลายเหงา ทุเลาได้
ณ.แห่งนี้ มีเพื่อน อยู่มากมาย
...
บรรทัดสุดท้าย เชิญเพื่อนๆร่วมสนุกครับ

ส่งใจไปชายแดน

หญิงบ้า


แอบส่งความห่วงใยไปที่หนึ่ง
ส่งไปถึงผู้คนไม่รู้จัก
ณ มุมนี้มีหนึ่งคนหม่นใจนัก
รุนแรงหนักไม่สงบอบอุ่นใจ
อยู่ทางนี้มีแต่รับข่าวสาร
สิ่งที่อ่านที่เห็นเท็จจริงไหม
เมื่อรับรู้เหตุการณ์ความเป็นไป
ทำได้เพียงทำใจและไตร่ตรอง
แต่ละวันปั่นป่วนล้วนสลด
ช่างรันทดหมดกันพลันเศร้าหมอง
อยากให้หยุดให้จบทบทวนมอง
นั่นพวกพ้องมิใช่หรือที่สิ้นใจ
มิอาจหรอกบอกกล่าวใครเศร้ากว่า
หยดน้ำตาฉันเธอล้วนเอ่อไหล
เธอฆ่าฉันฉันฆ่าเธอเสมอไป
คนข้างหลังขาดใจไปตามกัน
.:T____T:.

สักวันหนึ่ง

din


ทางข้างหน้าก้าวไปไม่ยั้งหยุด
ก้าวให้สุดปลายทางที่ฝันใฝ่
บนเส้นทางความหวังซึ่งยังไกล
แม้เส้นชัยไกลลิบสู้ยิบตา
กับรางวัลชีวิตที่คิดหวัง
หากก้าวพลั้งอย่าหวั่นกับปัญหา
เพราะสมองสองมือคือปัญญา
อย่าอ่อนล้าทุกข์ทนจนฟูมฟาย
ทุกฝีเท้าก้าวไปอย่าไหวหวั่น
จงตั้งมั่นให้ถึงซึ่งจุดหมาย
แม้วันเปลี่ยนเวียนลับแล้วกลับกลาย
อย่าแพ้พ่ายต่อโลกโชคชตา
เพราะสมองสองมือคืออาวุธ
อย่ายั้งหยุดมุ่งมาดปรารถนา
หากแม้มีอุปสรรคหนักนานา
ใช้ปัญญาพินิจครุ่นคิดตรอง
จงใคร่ครวญดูเลศของเหตุผล
อย่าหลงกลพาใจให้มัวหมอง
รู้ผิด-ชอบดีงามตามครรลอง
ฟ้าสีทอง...เป็นของเรา...เข้าสักวัน

อยากเป็นแรงใจ

พลายแก้ว เมืองกาญจน์


ฤดูก่อน ตอนฝน ที่หล่นพร่าง
พวกเราต่าง ตรากตรำ ทำนาสวน
พลิกผืนนา มาใหม่ เร่งไถพรวน
ทุกคนล้วน มุ่งมั่น ขยันงานกลับมาแดน แผ่นดิน ถิ่นพ่อแม่
ที่พวกแก ลงหลัก ปักถิ่นฐาน
ทั้งยายย่า ตาปู่ อยู่มานาน
ทุ่งเมืองกาญจน์ วันนี้ คืนชีวา
นำความรู้ หมายมา ฟื้นนาไร่
พบสิ่งใหม่ ไตร่ตรอง ลองค้นหา
มิกลัวเกรง เร่งรัด พัฒนา
นำวิชา หลากแหล่ง มาแบ่งปันมาร่วมร่าง ทางใหม่ ให้สวยสม
ช่วยระดม สมอง ลองสร้างฝัน
เป็นหนุ่มสาว รุ่นใหม่ สนใจกัน
จะสร้างสรรค์ ผืนนา บ้านป่าเรา
นาบ้านเหนือ เมื่อแล้ง แดดแรงจ้า
จนต้นกล้า เหี่ยวแดง และแห้งเฉา
ข้าวคอยฝน หล่นฟ้า มาบรรเทา
ส่วนคนเล่า รอใคร คนไหนกันสงสารคน บ้านเหนือ เมื่ออ่อนล้า
อยากจะมา ปลอบใจ ดีไหมนั่น
พบทุกข์สุข สิ่งใด ใคร่แบ่งปัน
แต่เรานั้น หวั่นใน ...ใจพิกล
พิกุล กาญจนบุรี

รักเสมอ

คนกรุงศรี


จากวันนั้น ถึงวันนี้ ค่อนชีวิต
นั่งตรองคิด คะนึง ถึงหนหลัง
วันเดือนปี ที่ผ่าน เนิ่นนานจัง
สองเรายัง คงมั่น มิสั่นคลอนถือหางเสือ เรือชีวิต ตามคิดฝัน
เราร่วมกัน สรรสร้าง อย่างคำสอน
ทำสิ่งดี ที่ตรอง มองทุกตอน
ด้วยอาทร กอบเกื้อ เอื้อเฟื้อกันด้วยความรัก ใส่ใจ ในทุกสิ่ง
รับความจริง ให้อภัย ไม่หุนหัน
พาครอบครัว พ้นผ่าน มานานวัน
สองเรานั้น มั่นคง มิหลงทาง
แม้ชีวี มีพลาด อาจเผลอไผล
ร่วมกันไต่ ตรึกตรอง มองหลายอย่าง
คนละครึ่ง ของใจ ให้ละวาง
จวบก้าวย่าง ดั่งฝัน ถึงวันวัย
เป็นพลัง แรงใจ ให้ต่อสู้
เธอคือผู้ ร่วมสร้าง ทางสวยใส
ครอบครัวเรา  สิ้นทุกข์ แสนสุขใจ
สำหรับฉัน นั้นใคร เทียบได้เธอ
ความสุขใด ใจต้อง เธอปองหา
มิรอช้า ตามใจ ให้เสนอ
ตอบแทนคุณ ความดี ที่เราเจอ
รักเสมอ ตราบที่ ...ชีวียัง
คนกรุงศรี ฯ

เรียงความของหนู

กระบี่ใบไม้


คุณครูขาหากพรุ่งนี้ไม่มีหนู
หนูไม่รู้ว่าคุณครูจะเศร้าไหม?
แต่วันนี้ไม่มีครูหนูเสียใจ
ต่อจากนี้จะมีใครสอนหนูเรียน
ที่เย้โย้ตัว ก.ไก่ หัวแปลกแปลก
อักษรแรกครูจับมือหนูหัดเขียน
สมุดขาวเล่มนี้เปื้อนสีเทียน
หนูแอบเขียน ก.ไก่ ไว้ให้ครู
ครูมาจากเมืองใหญ่ห่างไกลบ้าน
ครูบอกอยากอยู่นานนานกับพวกหนู
ความทรงจำครั้งสุดท้ายยังพรั่งพรู
หนูมองดูโจทก์สุดท้ายที่บนกระดาน
“จงวาดสิ่งแทนฝันสันติภาพ”
การบ้านนี้หนูรับทราบก่อนกลับบ้าน
หนูวาดรูป “พิราบขาว” อันเบิกบาน
แทนความสุข-ทุกสถานบนแดนไทย
พิราบขาวส่งข่าวให้ใครใครรู้
บ้านของหนูสงบสุขขนาดไหน?
ไม่มีเลือดต้องไหลนอง...สิ้นผองภัย
อย่างที่ครูเคยสอนไว้ “ให้รักกัน”
ครูกล่าวชมภาพนี้ที่หนูวาด
ครูยิ้มให้แผ่นกระดาษที่วาดฝัน
ครูของหนู,ครูคนดีที่ผูกพัน
...ก่อนที่แผ่นกระดาษนั้นเปื้อนสีแดง...
ครูทำผิดอะไรไยถูกฆ่า
พิราบขาวบนท้องฟ้าคราสิ้นแสง
พวกเด็กเด็กร้องไห้จ้าจนหมดแรง
ครูอยู่แห่งหนไหนไม่เห็นครู
หนูยังคงเก็บภาพนี้ที่เคยวาด
แม้เปรอะเปื้อนยังสะอาดงดงามอยู่
ยังคงคิดถึงเสมอเมื่อมองดู
หนูรักครู...ครูของหนู...ตลอดไป

เฟสของเรา

ศรีสมภพ


คอมฯตัวเก่าของลูก..ถูกทิ้งไว้
พร้อมเบ็ดเสร็จเน็ตออนไลน์เล่นในบ้าน
เขาอยู่ไกล กทม. ขอทำงาน
เราก็สานต่อเฟสบุ๊คของลูกเลย..
เปลี่ยนชื่อรื้อภาพเก่า.. เอาภาพตัว
แอทแซทชัวร์ด้วยตัวเราไม่เปล่าเฉย
สร้างสัมพันธ์ฉันเพื่อนเกลื่อนเฟสเลย
ใคร่เฉลยว่าติดเฟส ..ยอมเสร็จมัน !
หนึ่งเฟสรวม.. ร่วมเธอฉันรู้กันหมด
เธอคิดโพสต์ ฉันกดพิมพ์ ยิ้มสุขสันต์
เธอร้อยแก้ว ฉันร้อยกรองไม่พร่องกัน
เพื่อนกดไล้ค์ให้รู้นั่น ..คือฉันเธอ !
คอมฯตัวเก่า.. ของลูกถูกอัพเกรด
แสนวิเศษ “ เฟสของเรา “  หนึ่งเสมอ
ไร้ไอแพด ไอโฟนคนใช้เกร่อ
ทั้งฉันเธอรวมเบ็ดเสร็จ.. “ เฟสของเรา “
( หนึ่งเฟสสองคนเล่น เป็นเช่นนี้ ..อิอิ )

ฝนพรำครวญรำพึง

คอนพูทน


๏ ตะวันฉาย..แดดเช้า
ริมระเบียงเรือน..ผีเสื้อหลากสี
ตื่นจากฝัน..บินอาบแสงตากปีกบางบางรับไออุ่น
พลางร่อนลงจุมพิต..ดวงดอกไม้ละมุน
๏ หอม..ระรื่นมวลมาลีกระซิบนาสา
ทุกลีลาและจินตนาการ..ตระกองเกสร
เรียงระบายบนเสรีแห่งความคิด..ปีกค่อยค่อยขยับ
แล้วก้าวย่าง..พลางรำพึง
๏ ฝันสวยสวย..ปราศจากการปิดกั้น
จึงวาดสาย..แต้มศิลป์ร่อนบินโบย
พร้อมผีเสื้อ..คลอคู่จูงมือกันไป..ชมทิวากาล
คงแค่..สุดปลายฟ้า
๏ สายลม!!.พัดแผ่ว
ปลอบประโลม..ก่อนที่ฝน..จะโปรยปรายลงมา
เจ้าดวงดอกไม่หน้าเรือน..ยิ้มทักทายสายฝน
พลางหยิบยื่นความชุ่มฉ่ำประพรม..สุดใจ
๏ หวานหวาน..น้ำค้างไสว
แว่วรำพันบทเพลง..แห่งมิตรภาพ
รับรู้..สัมผัสได้..แม้นเพียงเสี้ยวห้วงของความรู้สึก
อ่อนโยน..ประทับใจยากเลือนจาง
๏ ยังอยู่ที่นี่...ตรงนี้
มวลเหล่าผีเสื้อหลากสี..ร่าเริงสนาน
มาเถิด..ร่ายฟ้อนพจีทิพย์..เพียงเชื่อและศรัทธา
คุณ..เธอ..เรือนวรรณกรรมไทย ๚ะ๛
คอนพูทน

เพื่อนเก่าในปีใหม่

สายรุ้ง


เป็นอย่างไรเพื่อนเก่าในปีก่อน
เคยกินนอนอย่างเป็นสุขสนุกสนาน
มาปีนี้เป็นอย่างไรยังสำราญ
เหมือนเมื่อวานปีก่อนที่เคยเป็น
หรือว่ามีความสุขที่สดใส
ทั้งกายใจที่เคยร้อนและยากเข็น
ได้กลับกลายพร้อมปีใหม่ที่ใสเย็น
ให้เป็นปีที่สุดแสนจะเปรมปรีย์
ขออวยพรเพื่อนก่อนในปีเก่า
อย่าโศกเศร้าเมื่อมีทุกข์จงสุขศรี
จงรู้ตัวว่าเป็นทุกข์ทุกนาที
แล้วความทุกข์ที่มีจะหมดไป
เป็นวิธีแก้ทุกข์ที่ดีแน่
เพี่ยงต้องแต่เพียรกำหนดอย่าไปไหน
เอาสติกำหนดทุกข์จนมะลาย
แล้วสุดท้ายทุกข์จะกลายเป็นสุขเอย

ถึงจุดจบต่างไป

ป๋อง สหายปุถุชน


อันเกิดแก่เจ็บตายได้เวียนหมุน
ได้ผลบุญผ่อนเบาช่วยเราได้
คนเจ็บไข้พัดพรากจากเราไป
อายุไขหมดกรรมที่ทำมามนุษย์โลกทุกคนต้องประสบ
ถึงจุดจบต่างไปไม่ห่วงหา
ทรัพย์สมบัติมากมายไม่มีค่า
จบชีวาต่างไปได้แค่ตัวอย่ามัวเมายศถาบรรดาศักดิ์
อย่าจมปลักทรัพย์สินดินล้นหัว
บ้างแกร่งแย่งชิงดีตามืดมัว
ไม่เกรงกลัวบาปกรรมทำกันไปโหมงานหนักไม่พักเพื่อเงินตรา
ต่างไฝ่หาทรัพย์สินลุ่มหลงไหล
โรครุมเร้าลืมตัวไม่ใส่ใจ
คนห่วงใยไม่สนจนตัวตายคนที่อยู่ขอให้ได้ย้อนคิด
ถึงชีวิตผ่านมาน่าใจหาย
ทำความชั่วติดตัวไว้มากมาย
ก่อนจะสายกลับใจเป็นคนดีลดละเลิกเถิดหนาอบายมุข
หาความสุขทางใจไม่หมองศรี
หมั่นทำบุญบริจาคคนไม่มี
แสงริบหรี่เหลือน้อยค่อยดับลง
หน้า / 16  
ทั้งหมด 261 กลอน