กลอนกำลังใจ

แม่จ๋า อีกไม่นานลูกจะกลับไปรับแม่

อนงค์...นาง


คุยกับแม่วันนี้มีความสุข
แม่ไม่ทุกข์กายใจไม่เศร้าหมอง
เช้าตักบาตรหน้าบ้านเบิกบานครอง
ลูกหลานร้องเรียกแม่ดูแลกัน
วันพระแม่ไปวัดจัดอาหาร
ทั้งคาวหวานดอกไม้ใจสุขสันต์
นั่งสมาธิภาวนาพาชีวัน
ปล่อยวางพลันใจสงบพบสัจธรรม
กำลังใจมากพอไม่ท้อถอย
ลูกต่างคอยเอาใจให้ชื่นฉ่ำ
ลูกหลานเป็นคนดีหนีบาปกรรม
ไม่ถลำอบายมุขสุขเพียงพอ
ขอส่งบุญลูกสร้างนำทางให้
แม่ปลอดภัยไร้โรคโชคดีหนอ
อายุยืนหมื่นปีมีสุขรอ
ลูกหลานขอพรส่งตรงจากใจ
ใกล้วันแม่ลูกรักถักโครเชต์
สไบเก๋สีขาวพราวงามใหม่
ให้แม่ห่มพาดเฉียงเคียงอุ่นไอ
แทนดวงใจใกล้ขวััญนิรันดร
ปีนี้ถักผ้าสไบสีขาวให้เป็นของขวัญในวันแม่
ขอส่งผลบุญที่ได้ทำมาตลอดให้แม่ค่ะ
โทรคุยกับแม่บ่อยเกือบทุกวันค่ะ�
โชคดีีที่เหลนสะใภ้ของแม่เป็นหมอในโรงพยาบาลประจำอำเภอ
ได้ดูแลใกล้ชิด พี่สาวคนโตเกษียณแล้ว ได้ดูแลแม่แทนน้องๆ
รอขอใบเขียวให้แม่ค่ะ แม่อยากมาอยู่ด้วยกันที่นี่
ต้องมีรายได้พอตามที่เขากำหนด ว่าในบ้านมีกี่คน รายได้ต้องไม่ต่ำกว่าเท่าไหร่ ถึงจะมีสิทธิขอได้ เพราะพลเมืองที่นี่ก็ตกงานกันมาก เป็นภาระให้รัฐบาล เก็บเงินภาษีจากคนที่มีงานมาเลีิ้ยงคนตกงาน คนต่างชาติจึงต้องมีคนในครอบครัวรับรองทางการเงิน คือลูกหรือคู่สมรส ถึงจะได้ใบเขียว
คือวีซ่าถาวรค่ะ ค่ารักษาพยาบาลแพงมากค่ะ สวัสดิการงานที่นี่คุ้มครองให้เฉพาะคู่สมรสกับบุตร ไม่ให้บิดามารดาเหมือนข้าราชการบ้านเรา
ข้าราชการไม่มีบ้านพักฟรี หรือเบิก

กำลังใจให้นักกีฬาไทย

นครา ประไพพงศ์


คนไทยเก่งและกล้าล้นสามารถ
พร้อมประกาศศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่
โอลิมปิคจึงกล้าท้าชิงชัย
ด้วยหัวใจนักกีฬาที่ท้าทาย
นักกีฬาคือความหวังคนทั้งชาติ
ด้วยบทบาทนักสู้สู่เป้าหมาย
ขอชื่นชมด้วยใจจริงทั้งหญิงชาย
แม้สุดท้ายมิคว้าชัยดั่งใจปอง
เพราะวันนี้เธอครองใจไทยทุกผู้
ขอเชิดชูด้วยศรัทธาน่ายกย่อง
สู้เต็มที่แม้ไม่ได้เหรียญทอง
แต่ได้ครองหัวใจไทยทุกคน

เธออยู่ไหน

คนบางบอน


เธออยู่ไหน คนดี อยู่ที่ไหน
รู้บ้างไหม หน้ามล มีคนห่วง
ฝากแผ่นดิน แผ่นฟ้า มาถามทวง
ทุกทุกห้วง คะนึงหา ทุกนาทีส่งข่าวบ้าง สักนิด เถอะ คิดถึง
คำซึ้งซึ้ง กลั่นให้ จากใจนี่
หวังว่าเศษ เมตตา ความปรานี
จะยังมี อยู่บ้าง ยามห่างไกล
คนเหงาเหงา เฝ้าหวัง มายังมิตร
จะให้สิทธิ์ รับรู้ เหมือนอยู่ใกล้
ยามท้อแท้ ยังหวัง กำลังใจ
ยามหวั่นไหว ยังอยากมี คนชี้ทางอยู่ห่างกัน แค่ไหน ไม่อาจรู้
แต่เหมือนอยู่ ในใจ ไม่เคยห่าง
ความคิดถึง มีให้ ไม่เว้นวาง
สานช่องว่าง อีกสักหน เถอะคนดี
ส่งข่าวใจ ฝากฟ้า มาปลอบขวัญ
ชุบชีวัน คนยาก จากซากผี
ยังเฝ้ารอ น้ำใจ เปี่ยมไมตรี
ของคนที่ มีใจ ให้กลับมา
บอกมาเถอะ คนดี อยู่ที่ไหน
ใกล้หรือไกล จะดั้นด้น เพื่อค้นหา
ถึงวันนี้ ยังไม่พบ ได้สบตา
โปรดรู้ว่า เธออยู่ใน ใจนิรันดร์ฯ

กำลังใจ

บุญเพิ่ม


กำลังใจ
ดูซิ! ดาวพราวฟ้าระย้าแสง
แวววาวแฝงลาวัณย์ชวนฝันใฝ่
แม้สูงลอยวิบวับระยับไกล
ยังท้าให้เธอจ้องแหงนมองดู
เธอนั่งหม่นหมองใจทำไมหรือ
ควรจะถือความกล้าตั้งหน้าสู้
หากมัวแต่โศกาน้ำตาพรู
ใครจะชูคุณค่าศรัทธาเธอ
โปรยรอยยิ้มเติมหวังอีกครั้งหนึ่ง
ค้นหาซึ่งความหมายเพื่อคลายเก้อ
คงมินานเกินไปต้องได้เจอ
ความเลิศเลอน่ายลหลังฝนโปรย
จงมองดาวบนฟ้าหากว่าท้อ
อย่าตัดพ้อ อ่อนแรง จนแห้งโหย
เธอเคยทอฝันทาบกุหลาบโรย
เขียนกลอนโดยเฉิดฉันงามบรรจง!ฯ
อริญชย์
๒๖/๗/๒๕๕๕

ฝากถึงใครสักคน

คนกรุงศรี


รู้ข่าวครา คนไกล ไต่ถามถึง
ยังนั่งอึ้ง ตรึงใจ ไมตรีมั่น
ไร้วจี ขับขาน แม้นานวัน
เรื่องลืมกัน ผันไป คงไม่มีมาอยู่ย่าน บ้านทุ่ง ไกลกรุงแสน
เกือบชายแดน สุขใจ ในที่นี่
กับญาติมิตร มากใน เปี่ยมไมตรี
เหมือนครั้งที่ กำเนิด เกิดกายมาเหมือนอยู่อย่าง พอเพียง แค่เลี้ยงชีพ
มิปากกัด เท้าถีบ ต้องรีบหา
เพราะข้าวของ บ้านไพร ไร้ราคา
เก็บผักปลา แลกข้าว เท่านั้นพอลืมชีวิต คนเมือง ที่เรืองรุ่ง
งานท้องทุ่ง ไถหว่าน ต้องสานต่อ
งานเงินเดือน เสียหาย จึงไม่รอ
มิต้องขอ ต่อรอง ค่าครองตนคนกรุงศรี พี่ชาย จดหมายเล่า
มีคนเขา ห่วงใย เหมือนไหม้หม่น
เขียนกลอนกานท์ ผ่านฟ้า มาเยี่ยมยล
ขอบคุณคน มากน้ำใจ ไม่ลืมกันใจยังรัก อักษรา ภาษาสาส์น
อยู่ที่บ้าน พงไพร ใจยังฝัน
ยังคิดถึง วันวาน สานสัมพันธ์
ที่กลุ่มวรรณ-กวี ศรีอยุธยา
ดอกแก้ว  ดวงฤทัย

คำถามที่ไร้....คำตอบ

แกงเขียวหวาน


แววตาใสเอ่อล้นปนคำถาม
ทุกโมงยามเฝ้ารอพ่ออยู่ไหน!
หนูรอแม่เฝ้าคอยอย่างน้อยใจ
ทอดทิ้งหนูจากไปทำไมกัน
หนูโหยหาอ้อมแขนแสนอบอุ่น
หมายนอนหนุนตักแม่แท้จริงนั่น
อ้อมแขนพ่ออุ่นไหมใจเล่งวัน
มีวันนั้นหรือไม่...ใจอยากรู้
ยามค่ำคืนยืนดูหนูมองฟ้า
ขอองค์แถนเทวาเมตตาหนู
กอดตุ๊กตาไร้สีรูปหมีพลู
นอนคุดคู้หมองเศร้าเขาทิ้งลง
เป็นความคิดจากใจที่ไร้เสียง
แม่ลำบากหากเลี้ยงจึงเขวี้ยงส่ง
พ่อละคะเหตุใดไม่มั่นคง
หรือประสงค์เห็นหนูอยู่แบบนี้
ปากอยากเรียก "พ่อแม่" แค่สักครั้ง
อยู่ด้วยหวังวาดไว้ไร้วิถี
มองครอบครัวคนอื่นชื่นฤดี
เขาคงมีความสุข....ทุกข์คือเรา
แกงเขียวหวาน

ความเจ็บปวดที่งดงาม

din


ความเจ็บปวดทางใจเคยได้รับ
มันเกินนับทับท้นกมลหมอง
ในท่ามความชอกช้ำน้ำตานอง
ความเรืองรองแห่งรักก็ทักทาย
แม้ต้องร้าวหนาวเหน็บถึงเจ็บปวด
เหมือนเขาลงแซ่หวดค่ำเช้าสาย
แต่สิ่งเข้าแทรกนั้นเกินบรรยาย
ความเปล่าดาย...ที่หมดจด...และงดงาม

ระหว่างเส้นทางฝัน

ไม้หอม


ระหว่างเส้นทางฝัน
เธออาจเจอหมอกควันไร้แสงสี
เธออาจพบสิ่งเลวร้ายประดามี
เธออาจได้ในสิ่งที่ไม่ต้องการ
ระหว่างเส้นทางฝัน
เธออาจตันเส้นทางที่มุ่งผ่าน
เธออาจล้มเจ็บปวดทรมาน
เธออาจทนแต่ไม่ทานสิ่งที่มา
ระหว่างเส้นทางฝัน
เธออาจหวั่นและไหวในปวดปร่า
เธออาจร่ำร้องไห้มีน้ำตา
เธออาจเหว่อาจว้าในวันวัย
แด่เธอ...เจ้าของความฝัน
ทุกที่ยังมีตะวันขึ้นมาใหม่
วันนี้เจ้าล้ม...จงลุกมาก้าวไป
วันหนึ่งเส้นชัยจะได้มา
แด่เธอ....เจ้าของความฝัน
อย่าหวั่นอย่าไหวไห้โหยหา
วีนนี้เจ้ายังมีศรัทธา
ปรารถนาแห่งเจ้า...ยังก้าวเดิน
แด่เธอ....เจ้าของความฝัน
จงผลักดันฝันร้ายให้ห่างเหิน
วันนี้เจ้ากล้าท้าเผชิญ
ความฝันเจ้าไม่ไกลเกินความเป็นจริง

ยอเกียรติพลทหาร๐

บุญเพิ่ม


ยอเกียรติพลทหาร๐
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
๐ร้อยกรองวจีรจิตพจน์                มธุรสมิพบพาน
ยอเกียรติคุณพลทหาร                นรชาญฉกรรจ์ไทย
๐ตื่นเช้าก็วิ่งหทยโลด                และกระโดดถลันไป
ครูฝึกก็จ้องระยะมิไกล                จะเตะใครมิอดทน
๐วิดพื้นกระอักขณะจะพัก            คุรุผลักและถีบก้น
คิดแล้วก็เศร้าปะฉะดะจน               มนพลทหารพัง
๐อาหารผักมธุระสิ้น                  จะมิกินก็ท้องหวัง
เสร็จแล้วก็หวีดระดะประดัง           จรหลังจะโดนทัณฑ์
๐จับปืนสนามปุ!ปะ!ปะ!ป้าง!      เฟอะฟะบ้าง ก็ฮาลั่น
น้องใหม่จะยิงกะระยะกัน           ปะทุปืนก็ดันให้
๐ร่างเซถลา ระอุ อุรา                ภยครูมิเห็นใจ
แต่ครูก็คนฤจะมิใส่-                   ธุระในทหารมี
๐ยามไทยระทมอุทกภัย           ชนไห้และขวัญหนี
ได้เหล่าทหารยุวทวี                พลมีประคองชน
๐ช่วยเหลือประชาพิริยะมุ่ง          ขณะถุงก็หนักล้น
ลากเรือและของอนุเคราะห์คน    และก็ตนพยุงไว้
๐เสร็จงานก็เข้าสมุหกอง*       มิคะนองฉลองใด
อยู่เวรประทังและจะมิให้          อริภัยผยองมา
๐แม้พลทหารยศมิเด่น             ผิก็เป็นทหารกล้า
สร้างชื่อและเกียรติรุจิรา           และสถิตหทัยชน! ฯ
อริญชย์
๑๙/๑๑/๒๕๕๔

ถึงเพื่อน

คอนพูทน


๏ ร้อยจิตเรียงจินต์ปิ่นแก้ว
แว่วกานท์เพลงกลอนอ่อนไหว
ถึงเพื่อน..เรือนคำทุกใคร
อยู่ไหนฝากนี้ศรีเพียง
๏ โลกฝัน..จุ่งฝันบรรเจิด
กว่าเลิศเพลินลานหวานเสียง
หลายคมหลากคิดชิดเรียง
สำเนียงผ่องนวลชวนพลิ้ว
๏ ไกลแสนแม้นห่างยังหอม
กล่อมเห็นเย็นลมโชยลิ่ว
รู้สึกนึกปลื้มนุ่มปลิว
สัมผัสแนบผิวเนียนพรรณ
๏ สุดเบื่อเมื่อเหนื่อยมากหนัก
พักหน่อยค่อยฝันต่อฝัน
คล้อยเลื่อนเดือนวามงามครัน
เธอฉันนอนชม..ห่มดาว
๏ เศร้าเหงาเราเคียงร่วมข้าง
ชวนพร่างคลายผ่อนร้อนหนาว
เบื้องหน้าฟ้าพริ้มแจ่มพราว
หนอก้าวพร้อมกัน..วันนี้
๏ ไกลไหน? เถิดหนาอย่าถาม
ร่อนยามโฉบย้ายหลายที่
บินผกนกรักเสรี
บอกชี้แล้วชัด...ศรัทธา ๚ะ๛
คอนพูทน

เขาเป็นใครหนอ ?

มวลภมร


ดูประชุม สภา วาระนี้
แสนยินดี มีผู้แทน นั่งพร้อมหน้า
ทำหน้าที่ ผู้แทน ในสภา
ชาวประชา อุตส่า เลือกเข้าไป
....
มีท่านหนึ่ง ท่านขยัน หมั่นเพียรยิ่ง
อยากรู้จริง เป็นผู้แทน จังหวัดใหน
ดูสง่า หน้าดำ ยกมือไว
เขาเป็นใคร วานช่วย บอกด้วยคน
....
นั่งดูเขา ประชุมกัน ชั่วโมงกว่า
เห็นพี่จ๋า ยกมือ สิบกว่าหน
หน้ามึนมึน ดำดำ ดูมืดมน
พูดวกวน เสียงคล้ายเมา เขาคือใคร
.....
ก่อนจะพูด ต้องติด กระดุมก่อน
เหมือนว่าตอน อยู่บ้านนอก ไม่เคยใส่
ยืนตัวตรง โงนเงน พูดเรื่อยไป
หาไม่ได้ สาระ แต่พูดนาน
.....
มีหน้าที่ คอยประท้วง ให้เต็มที่
ไม่ให้มี อภิปราย ไม่ให้ผ่าน
แต่แปลกใจ ทำไม ท่านประธาน
ชี้แต่ท่าน ผู้นี้ ทุกทีเลย
.....
ความจริงท่าน ขยัน จริงจริงนะ
ถึงแม้จะ พูดเหมือนกัน ทุกวันเอ๋ย
ความจริงท่าน อัดเทป แล้วเปิดเลย
ก็เหมือนเคย เหมือนเดิม แต่เติมไฟ
.....
ยืนตาปรือ เหมือนง่วง ถ่วงสภา
ชอบทายท้า เหมือนกับ นักเลงใหญ่
หน้าตาดำ สง่านัก ไม่เกรงใคร
ใครตอบได้ ตอบที คนนี้เอย..
เห็นผู้แทน เต็มสภา หานายก
ไม่โกหก เธอหายไป ใครเฉลย
หรือว่ามี วอ.5 ที่ใหนเอย
ท่านปูเอ๋ย นายกเรา เอาอยู่จริง..ๆ
22.38 12/06/2555

"เธอ"...สู่วันฟ้าใหม่

เปลวเพลิง


เธอนั่งเงียบเหงาหงอย-คอยใครอยู่?
หน้าเธอดูซึมเซา-เศร้าไปไหม?
แววหมดหวังซังกะตาย-หน่ายหรือไร?
เห็นน้ำตาเธอไหล-ใครทารุณ?ฉันยังมีไหล่ไว้ให้พิงพัก
มีเนินตักพร้อมเสนอยามเธอหนุน
มีเพลงกล่อมถนอมไล้ละไมละมุน
มีไออุ่นอ้อมจิตยามนิทราเชิญวางความเหนื่อยหนักลงพักผ่อน
อย่าอาวรณ์-ลืมวันพรั่นผวา
ทิ้งสรรพางค์ร่างกายลงไสยา
ใต้เงาฟ้า เดือน ดาว พราวโสภณฉันจะทอน้ำค้างต่างแพรผ้า
ถักใบหญ้าเบิกบานทั่วลานสถล
ร้อยความดีที่เหลือลงเจือปน
ด้วยเลิศล้นรักซึ่งฉันพึงมีเธอเหมือนรอเพียงวันครรไลจาก
สู่อีกฟากฝั่งของผองภูตผี
ชลนัยน์ที่หลั่งดังชีพนี้
ร้างรวีวันพรุ่งให้มุ่งไปเธอนั่งเงียบเหงาหงอยคอยใครอยู่?
หรือรอผู้นฤมิตชีวิตใหม่?
เขาน่ะหรือ-คือหวัง กำลังใจ
จุดเชื้อไฟเริงแรงแข่งโรคาและฉันก็อยู่ตรงนี้-ที่ใกล้ใกล้
แนบรักในกลอนเห่เสน่หา
อรุณรุ่งเมื่อเธอฟื้นตื่นลืมตา
จงรับฟ้าวันใหม่ไร้มะเร็ง

ปริญญาใจที่ไขว่คว้า

อนงค์...นาง


แสงแดดอ่่อนอุษานภากว้าง
ฟ้าสีจางสายลมสุขสมหวัง
หมู่วิหคโผผินบินกลับรัง
งดงามดั่งชีวิตลิขิตตน
ปริญญาอื่นใดไม่ไขว่คว้า
ปรารถนาทำทานงานกุศล
ขอเพียงครอบครัวสุขทุกกมล
ช่วยเหลือจนได้ดีมีการงาน
ขอเป็นแม่ศรีเรือนเพื่อนชีวิต
เป็นคู่คิดคนดีที่แสนหวาน
คล้องความรักยั่งยืนชื่นดวงมาลย์
สร้างวิมานด้วยใจในศรัทธา
ปริญญาใจนี้ที่อยากได้
พ่อลูกให้เกียรตินิยมสมฝันหา
มศร.แม่ศรีเรือนเพื่อนชีวา
แม่่บ้านพาความสุขทุกครอบครัว
ความสุขของสมาชิกในบ้านคือความปรารถนาของแม่บ้านค่ะ
ได้ทำอาหาร ดูแลบ้าน เลี้ยงลูก ทำงานช่วยหารายได้เข้าบ้าน
ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน ไม่เอาแต่ใจตน เรือนสามน้ำสี่ควรมีพร้อม
ศีลธรรมมีประจำใจ คือความสุขที่ไม่ต้องแสวงหาจากที่ไหน
เมื่อเป็นผู้ให้ด้วยใจเมตตา ครอบครัวก็มีความสุข
ทุกคนออกจากบ้านไปทำหน้าที่อย่างมีกำลังใจ
อาทิตย์หน้าเข้าวัดทำบุญวันวิสาขบูชาค่ะ

จารุบุตร

หญิงบ้า


พระอาทิตย์คิดน้อยใจไร้คนรัก
ทำงานหนักส่องแสงทุกแห่งหน
มองท้องฟ้ารอบกายเหงาเกินทน
สุริยาจึงหม่นปนเศร้าใจ
นึกอิจฉาพระจันทร์พลันหดหู่
ใยมีดาวเคียงคู่ดูสดใส
รัตติกาลผันผ่านมาคราใด
จำต้องไปให้พ้นบนนภา
บางเวลามีเมฆาล่องลอยผ่าน
มิเบิกบานพาลพบไม่คบหา
ลมใจร้ายรีบมาพรากเมฆจากลา
ข้าเหว่ว้ารู้บ้างไหมใยผ่านเลย
แต่ความลับแห่งนภายังมีอยู่
พระอาทิตย์มิใคร่รู้ยังอยู่เฉย
ดาวดวงน้อยแอบรักอยู่อย่างเคย
แสงน้อยไม่อาจเผยมาเคียงกาย
ดาวยังอยู่ที่เดิมมิไปไหน
สุริยาไม่สนใจไร้ความหมาย
ความห่วงใยของดาวพริบพราวพราย
แสงสูรย์ปรายสาดกลบแสงดารา
โปรดรับรู้เถิดนะพระอาทิตย์
ดาวดวงนิดคิดถึงจึงโหยหา
กำลังใจมีให้ทุกเวลา
บนนภาไม่อ้างว้างอย่างเจ้าเป็น
มิเคยหวังให้เธอต้องเพ้อหา
ขอแค่มุมหนึ่งนภาสายตาเห็น
แอบมองแสงแจ่มจ้ากว่าเดือนเพ็ญ
แม้นทุกข์เข็ญขอเป็นกำลังใจ

++ สะพานดาวดิน ++

ราชิกา


**..สุดไกลที่ปลายฟ้า
ดวงดารากระจ่างใส
พราวพร่างกลางหทัย
คือหนึ่งในน้ำใจนาง.....ฯ
**คืนเดือนแรมแซมดาวสกาวฟ้า
ดาริกาแจ่มกระจ่างสว่างไสว
มองก้อนดินที่ถวิลถึงดวงใจ
ด้วยเหตุใดดินพร่ำร่ำรำพัน
**ใยคุกเข่าแหงนมองบนท้องฟ้า
พร้อมน้ำตาร่วงรินสู่ถิ่นฝัน
คำวิงวอนตัดพ้อมีต่อกัน
ดาวรู้พลันเมื่อเห็นไม่เย็นชา
**ทางแสนไกลจนสุดสิ้นจุดหมาย
มิคลอนคลายด้วยรักเสน่หา
ดาวเจ้าลอยเคลื่อนคล้อยไม่ไคลคลา
จะกลับมาหาดินสู่ถิ่นไพร
**แม้นเนิ่นนานเพียงใดใจผสาน
สร้างสะพานวาสนาขออาศัย
เชื่อมดิน- ดาวพราวพร่างณ.กลางใจ
ผูกหทัยมิลวงเป็นดวงเดียว
**แม้เป็นเพียงความฝันอันขื่นขม
อย่าระทมโทษใครไม่แลเหลียว
ดาวกับดินหากผสมให้กลมเกลียว
อาจแน่นเหนียวเกี่ยวกอดตลอดกาล
** สะพานรักเชื่อมดาวสกาวเด่น
จะคอยเป็นพลังใจให้สืบสาน
ส่งไออุ่นที่ขาดแคลนมาแสนนาน
มิร้าวรานสดชื่นทุกคืนวัน
**ดาวดวงน้อยลอยผ่านสะพานรัก
ร่วมทอถักรักละไมสร้างใยฝัน
เพียงดาว- ดินถวิลถึงซึ่งสัมพันธ์
ตราบนิรันดร์เสน่หาทุกคราเอย.....ฯ

สุข สงบใดไหนเล่าเท่าธรรมะ

อนงค์นาง


รุ่งอรุณอุ่นใจในธรรมชาติ
นภาวาดสีงามฟ้าครามขาว
ตะวันสาดส่องหญ้าพฤกษาพราว
รับวันเช้าแจ่มใสละไมทรวง
เดินทางไปตักบาตรปราศจากทุกข์
รับศีลสุขสงบจริงยิ่งแมนสรวง
แผ่เมตตาสัตว์โลกอย่าโศกครวญ
อภัยชวนฝึกไว้ให้จิตงาม
เนื้อนาบุญหมั่นสร้างทางสวรรค์
กุศลพลันมีมากไร้ขวากหนาม
ทุกชีวิตต่างกรรมนำทางตาม
ความดีงามคงอยู่คู่โลกา
สุขสงบใดไหนเล่าเท่าธรรมะ
เลิกลดละกิเลศเหตุปรารถนา
พึงพอใจปัจจุบันสรรค์สร้างมา
เพียงพออย่าร้อนรนจนทุกข์ครอง
เสียสละช่วยเหลือเผื่ิอแผ่บ้าง
บนโลกกว้างห่างไกลไทยทั้งผอง
สามัคคีแบ่งปันตามครรลอง
ดั่งพี่น้องรวมใจชาติไทยเจริญ
ทุกวันอาทิตย์เราจะนำอาหารคาว หวาน ผลไม้ไปใส่บาตรกันค่ะ
ลูกคนเล็ก เป็นเด็กวัด  ดูมีความสุข สงบดีนะคะ
ลูกจะแสดงคอนเสริตกับวงออเคสตราของโรงเรียน วันพุธที่จะถึงนี้ ซ้อมไวโอลินหนักทุกวันเลยค่ะ
พ่อแม่พาลูกเข้าวัด ปลอดภัยและได้บุญดีค่ะ
นั่งชมบรรยากาศหลังวัด
วันนี้อนงค์นางได้รับคู่มือธรรมศึกษาตรีจากทางวัด เพราะอนงค์นางเคยขอยืมไว้เพื่อสมัครเรียนและเตรียมสอบเดือนเมษายนปีหน้า จะมีคณะสงฆ์จากสนามหลวง บินมาทำการสอบให้พุทธศาสนิกชนในต่างแดนค่ะ
โรงเรียนวัดปิดเทอมแล้วค่ะ วันเสาร์หน้าจะมีการแสดงนาฏฺศิลป์ ดนตรีไทยของนักเรียน
ฝึกซ้อมโดยครูประจำการที่ผ่านการสอบคัดเลือกมาจากเมืองไทยค่ะ
เด็กนักเรียนพากันวิ่งเล่นใต้ต้นไม้อันร่มรื่น ครูอาสานั่งอ่านตำราเตรียมสอบอยู่ใกล้ๆ
พ่อแม่พาลูกเข้าวัด ป

เหมายัน

ศิวสิโรมณิ


อัสสุชลล้นเอ่อไหลระรื่น
ประดุจคลื่นยามสงบวาโยหาย
ก่อนหยดหยาดพิรุณจะโปรยปราย
เสมือนคล้ายทุกอย่างสลายไป
ดวงจันทราที่งดงามเคลื่อนประดับ
โสตสดับสุรเสียงจากแดนไกล
ดุจสายลมพัดพลิ้วคอยปลอบใจ
ให้หลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทรา
เมื่อถึงคราวยามหลับยังคงฝัน
ไม่แปลผันยังคำนึงดั่งมัจฉา
ที่เคลื่อนไหลว่ายไปไกลในธารา
แม้นนิทราไม่เว้นวางว่างเปลี่ยวใจ
ดั่งดวงดาวดวงเดือนนั้นดับมืด
จะมีคืนไร้สิ้นแสงอีกนานไหม
รัตติกาลช่างเนิ่นนานแสนยาวไกล
อโณทัยถึงกาลใดจะหวนมา
นานเท่าไรความเศร้าจึงจางหาย
ต้องเดียวดายต่อไปอย่างไรหนา
สิ่งร้าวรานคือการต้องจากลา
ที่นำพาความโศกามาสู่ใจ
ส่วนกายาเสมือนสิ้นไร้เรี่ยวแรง
ดุจดั่งแสงเพียงเลือนลางจางหายไป
จะกล้ำกลืนความรู้สึกนั้นเช่นไร
แล้วแต่ใจเอาชนะตัวเราเอง
..........................................
เมื่อเปิดตาเปิดใจหันมองกลับ
แม้จะลับผู้ลาจากยังแลเห็น
ความห่วงใยจากใจจริงของผู้เป็น
แม้นยากเย็นเพียงใดจงลุกยืน...
หน้า / 16  
ทั้งหมด 261 กลอน