รวมพลังตั้งจิตอธิษฐาน เทพประทานพรชัยให้สุขสันต์ สิบแปดตุลาวันเกิดเลิศอนันต์ สุขนิรันดร์เคียงคู่ “คอนพูทน” ในนามของไมตรีจิตมิตรอักษร ขออวยพรทุกการกิจสัมฤทธิ์ผล สิ่งวาดหวังสำเร็จได้ในบัดดล ห่างเจ็บจนภัยทุกข์หยุดรุกราน ทุกถ้อยพจน์บทกวีที่ลิขิต มีชีวิตคมขลังดั่งสื่อสาร ทุกงานการทำอยู่รู้เชี่ยวชาญ เก่งทุกด้านคว้าฝันงามตามใจปอง เกียรติยศปรากฏก้องทุกท้องที่ พบคนดีควรคบหามาเกี่ยวข้อง จงร่ำรวยสินทรัพย์รับเงินทอง ญาติพี่น้องมอบน้ำใจไม่โรยรา ขอทุกถ้อยรอยกลอนอักษรศิลป์ ได้หลั่งรินพรชัยดั่งใฝ่หา นำสุขสู่“คอนพูทน” ล้นอุรา ทุกทิวาราตรีมีสุขเทอญ.......
คนฉลาด คิดแต่กลัวเอาตัวรอด คุณจึงอยู่เยี่ยมยอดปลอดภัยผอง คุณซ่อนซุกสุขกระไรในกระดอง คุณเมียงมองจ้องกำไรไว้ทุกครา ยามภัยมาคุณซุกร่างแอบข้างหลัง หวาดระวังมิให้ออกมานอกหน้า สยบพร้อมยอมแพ้แก่ชะตา เพราะรู้ว่าจะมีคนดิ้นรนแทน เขาเป็น คนโง่โง่ ไร้แง่เงื่อน เขาเห็นทุกข์ของเพื่อนนับเรือนแสน เขามีใจรับรู้ไม่ดูแคลน เขายอมแอ่นอกรับกับพิษภัย คนฉลาด ฉลาดรู้ดูทางลม ถ้าเขาล้มก็เหยียบย่ำซ้ำเติมใส่ ถ้าเขาชนะก็ดี๋ด๋ามาร่วมใจ ร่วมประโยชน์ฉลองชัยไม่เคยอาย เขาโง่เง่าในสายตาคนฉลาด แต่องอาจในวิถีมีความหมาย เขารู้เท่ารู้ทันว่าอันตราย แต่เสี่ยงตายด้วยสำนึกระลึกรู้ บ้านเมืองไม่อับจนเพราะ คนโง่โง่ ที่กล้าขืนยืนโต้ออกต่อสู้ คนโง่โง่ ต้องเจ็บตัวเต็มประตู คนฉลาด จึงได้อยู่อย่างร่มเย็น! ในสถานการณ์คับขันหรือเกิดปัญหาขึ้นในสังคม เรามักจะพบคนสองกลุ่มใหญ่ๆเสมอ กลุ่มหนึ่งโถมตัวอุทิศตนเข้ามารับผิดชอบแก้ไขปัญหา ขณะอีกกลุ่มหนึ่งนั่งดูอยู่ห่างๆเพื่อรอเวลารับผลประโยชน์
ครบรอบความคิดถึง ย้อนรำพึงตรึงตราฝัน เรียงร้อยถ้อยรำพัน ส่งสาส์นนั้นวานฝากลม บางบางจางสะบัด พลิ้วแพรพัดเป็นเพลงพรม ห่างหายคลายคลี่คม เพียงซากซมจมตะกอน ดอกรักรักสีขาว แซมโศกพราวร้าวอาทร แสบแปลบแอบเว้าวอน ลิขิตกลอนตอนจากลา ชิดใกล้จนใกล้ชิด สุดสนิทเสน่หา จุมพิตผ่านเมฆา หยาดหยดมานัยตาเธอ เรี่ยรายปรายเปียกแก้ม ยิ้มยอมแย้มแกมเผยอ หนึ่งมิตรคิดพร่ำเพ้อ อาบใจเธอ..ซึ้งหนึ่งนัย...
.. ดาวหม่น คนเริ่มเมา เหล้ายังมี ณ คืนนี้ถ้าไม่เมาเราไม่หยุด เหตุด้วยเรื่องเปลืองใจคิด ..จิตมนุษย์ ที่มันสุดลึกล้ำเหลือรำพัน เมื่อรักเขา เขาไม่รักหนักอกเธอ เลยรักเก้อเพ้อพกตกสวรรค์ เศร้าแสนเศร้าเพียงแค่ไหน รู้ใจกัน เธอกับฉันมันเพื่อนเก่า ฉันเข้าใจ ... ดาวก็หม่น คนก็เมา เหล้าเกือบหมด เพื่อนยกซด ราวเป็นน้ำหลามรินไหล รับสภาพ ตราบนี้หนอ ต่อนี้ไป คงสิ้นไร้สุขแล้วในแววตา เมื่อรักเขา เขาไม่รักหนักแดเดียว เปล่าใจเปลี่ยวแสนอนาถวาสนา มองยังเห็นเป็นความรักประจักษ์ตา แต่ไร้ค่าเมื่อสิ้นรักประจักษ์ใจ ... ดาวก็หม่น คนก็เมา เหล้าก็หมด ราดรันทดรดดวงแดแก้หมองไหม้ คนเมาเหล้าคงหลับลงปลงใจไป คนเมาใจยังตาค้างอ้างว้างจินต์ น้ำตาคนแอบรักมันหนักหนา หนักเกินกว่ากำลังใจยกได้สิ้น ..ต้องคอยรับซับน้ำตาที่บ่าริน จากใจวิ่นแหว่งเว้า รักเขาข้างเดียว.. ฉบับนี้ เรียบเรียงเรื่องใหม่ ให้สมบูรณ์กว่าเดิม แต่ไม่รู้ว่า มันเผยตัวมากเกินไปกว่าฉบับก่อน หรือเปล่า จนทำให้วรรคจบอ่อนแรงกว่าฉบับที่แล้ว
.. ดาวหม่น คนเริ่มเมา เหล้ายังมี ณ คืนนี้ถ้าไม่เมาเราไม่หยุด เหตุด้วยเรื่องเปลืองใจคิด ..จิตมนุษย์ ที่มันสุดลึกล้ำเหลือรำพัน เธอรักเขา เขาไม่รักหนักอกเธอ เมื่อรักเก้อเพ้อพกตกสวรรค์ เศร้าแสนเศร้าเพียงแค่ไหน รู้ใจกัน เธอกับฉันมันเพื่อนเก่า ฉันเข้าใจ ... ดาวก็หม่น คนก็เมา เหล้าเกือบหมด รินเหล้ารดราดดวงแดแก้หมองไหม้ ..จะคอยรับซับน้ำตาทุกคราไป แม้ที่เธออยากอยู่ใกล้ ไม่ใช่ฉัน คำเตือน : สุราไม่ใช่ยาแก้อกหัก เด็กและเยาวชน ควรพิจารณาในการอ่านกลอนขี้เมาแต่ง.. หุ หุ
จะมีเหงาใดเล่าเหงาไปกว่า มองฟ้าสะท้อนตา คนที่เหงา ฟ้าสีฟ้ายังเห็นว่า ฟ้าสีเทา แล้วในใจคนนั้นเล่า เทาเท่าไร
น้ำตาปริ่มเจียนหลั่ง ก็ยังทน ความทุกข์ท่วมใจท้น ต้องทนได้ ยามยาก จากบ้านแสนนาน-ไกล กลั้นน้ำตา-กลั้นใจ ไม่หลั่งริน ไม่อยากจะร้องไห้ ไม่ใช่บ้าน แม้นร้าวรานแร้นแค้นแสนถวิล ต้องอัดอั้นอกอุราเป็นอาจิณ จะทนสิ้น ด้วยพลังประทังใจ ทนนาทีต่อนาทีที่ผ่านพ้น ต้องร้าวรานอีกกี่หนทนให้ได้ ได้กลับบ้านวันหนึ่งซึ่งวันใด จะร้องไห้ ให้สิ้นเศร้าบ้านเราเอง
สุขสันต์วันเกิด... สุริยันต์ จันทราทิตย์ .................................. ขอจงมีแรงใจที่ใฝ่ฝัน มีร่างกายพร้อมประจัญทุกข์ปัญหา มีสมองสมจินต์อภิญญา มีคนรักอยู่พร้อมหน้าคราระทม มีลาภยศเงินทองของมีค่า มีจิตใจเมตตาน่าสุขสม มีเสน่ห์เลอค่ามหานิยม คนชื่นชมหลงรักภักดีเทอญ..... .......................................... ในเช้าของวันที่พิเศษในบางวัน การได้รับสิ่งดี ๆ จาก เพื่อนพ้องน้องพี่ และคนที่เราแคร์และแคร์เรา แม้เพียงสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มันก็ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่เราอาจจะขาดไป ได้ป็นอย่างดี แค่คำพูดเพียงไม่กี่คำ แค่รอยยิ้มที่มีให้กัน มันก็ทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น....มิใช่หรือ ................................. สุขสันต์วันเกิดจ้า....โป้ง รัก ปรารถนา สิ่งใด ขอให้สมหวัง จงทุกประการจ้า... ........................................... ด้วยรัก นายสุรศรี
ปืนแผดดัง ! กลางป่าน่าอนาถ สรรพสัตว์ตื่นแตกวิ่งแหวกข้าม เพื่อนร่วมป่า ร้องระงมล้มคะมำ ผู้กระทำ ! หามร่างเพื่อนเลือนหายไป ก่อนกินอยู่คู่ป่าสง่าสงบ ไม่เคยพบมนุษย์ สุดโหดร้าย บัดนี้ต้อง ย่องระวังระแวงไพร กลัวปืนไฟสาดใส่ร่าง ถูกย่างกิน ! มนุษย์หนึ่ง..พร้อมกล้องส่องดูสัตว์ หยิบกระดาษวาดจดบนโขดหิน คอยเยี่ยมเยือนเพื่อนร่วมป่าเป็นอาจินต์ ให้อยู่กินสิ้นภัย ไม่พักวาง ความลึกล้ำธรรมชาติและสัตว์ป่า ต่างพึ่งพาพึ่งกันอย่างสรรค์สร้าง ป่าอุ้มน้ำค้ำชู สัตว์อยู่ยัง ดูดฝนหลั่งพรั่งพรู ฟ้าสู่ดิน ใต้ผืนป่าห้วยขาแข้ง แหล่งต้นน้ำ ยังชุ่มฉ่ำ อุดมสมบูรณ์ถิ่น ธรรมชาติ จัดแจงแบ่งสัตว์กิน สร้างสมดุลไม่สูญสิ้น ดินน้ำป่า ! มนุษย์โหดโฉดชั่วไม่กลัวบาป หน้าฉากฉาบ หลังฉากกลับ ไล่ขับฆ่า ถืออำนาจบาตรใหญ่ไร้เมตตา ย่ำยีป่า ลอบล่าสัตว์ลักตัดไม้ เสียงปืนดัง! ครั้งนั้นสะท้านก้อง ทั่วโลกมองห้วยขาแข้งแหล่งป่าใหญ่ ปลิดชีพตนหนทางคืบสืบสุดจุท้าย จุดประกาย..ได้เป็นมรดกโลกต่อมา ตำนานป่า..สืบ นาคะเสถียร เป็นบทเรียนให้ตื่นตัวกันทั่วหน้า เพื่อนร่วมโลกต้องปกปักและรักษา ป้องพิบัติ สัตว์และป่า..หน้าที่คน ถึงบทจาก ฝากไว้ให้ประจักษ์ นักอนุรักษ์..คนดีที่เปี่ยมล้น ปกป้องภัยให้ผืนป่า..กล้าปลิดตน ปลุกผองชนคนหวงป่า.. กล้าป้องไพร ! สืบเอย.. เจ้าจากไปไม่สูญเปล่า สืบเอย...อุดมการณ์จะสานสืบ !. ๑ ก.ย.๕๔ ร่วมรำลึก ๒๑ ปี.. การจากไปของ สืบ นาคะ
น้ำเต้าหู้ คงไม่หวาน เจือตาลแล้ว เพราะน้องแก้ว สิรินญา เมินหน้าหนี ไม่ตอบรัก รับประทับ กับฤดี ทิ้งให้พี่ อ้างว้าง อยู่กลางไฟ แรกไฟอ่อน จึงอ้อนเชิง ระเริงสู้ เหมือนหนึ่งชู้ หลงเริงรัก มักตักษัย คิดว่ารัก เลยอ้อนออด สอดฤทัย แท้จริงใจ ลวงเล่ห์ไว้ ใช้เล่ห์ลวง หรือเพราะรัก ร้าวราน ผสานผสม จึงใช้ลม ลวงเล่ห์ เร่หาหวง หาห่วงใย เติมเต็ม ให้เต็มทรวง ผิรู้ลวง ว่าให้ใจ ใครร้าวราน เพราะเราซื่อ ถือว่ารัก บริสุทธิ์ จึงเจือสร้อย ร้อยนุช สุทธิสาร เจือชีวิต เจือจิตใจ ใส่วิญญาณ เจือความรัก เจือความหวาน ตาลเจือใจ แต่ผิดถ้อย ร้อยลำนำ ที่พร่ำบอก ตาลไม่บอก ออกอาการ ที่หวานไหว มีแต่ร้าง ห่างเหิน ดำเนินไป เพราะหัวใจ กลับรับเขา เข้ามาคืน ใจของพี่ เลยต้องร้าง เส้นทางรัก น้อยใจนัก รักช่างทำ ช้ำสะอื้น อุตส่าห์รัก อุตส่าห์หวัง ตั้งวันคืน สุดท้ายยืน เดียวดาย อยู่ปลายทาง เพราะเห็นว่า มีแววหวัง เลยตั้งจิต สุดท้ายผิด เพราะน้อง นั้นหมองหมาง เพียงหว่านเล่ห์ เสน่ห์คำ ทำอำพราง สุดท้ายร้าง เลือนไกล ไม่ไยดี หากเจ้ามี คู่อยู่แล้ว น้องแก้วเอ๋ย พี่ขอเลย ล่วงลา หลบหน้าหนี ขอให้สม รักสุขหวัง ดั่งควรมี สำหรับพี่ ผู้แพ้พ่าย ขอวายปราณ
อาจทำตัวเซ่อซ่าไม่น่ารัก ดูอกหักเศร้าใจมาหลายหน ช่างทำตัวมีปัญหาไม่อดทน แต่เป็นคนจริงใจห่วงใยเธอ แม้ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้จาก แต่ขอฝากบทกลอนไว้ก่อนสาย หากเคยพลั้งพลาดไปไม่ทักทาย สุดเสียดายหากไปไม่อำลา อยากจะเห็นรอยยิ้มที่ข้างแก้ม โลกคงแจ่มสดใสเพราะใบหน้า โปรดเถิดมองมิตรภาพที่แววตา หากแต่ฟ้าจะนำพาเราเจอกัน อยากจะเดินเคียวข้างยามเธอเหงา อยากเป็นเงาตามติดความสุขสันต์ คอยกางร่มห่มผ้าคืนชมจันทร์ เมื่อไกลกันยามใดใจพวง อาจจะเคยรบกวนทบทวนคิด คงสะกิดความใดให้ใจหลง เคยส่งกลอนบ้าบอก็ลดลง อาจเพราะคงหมดหวังพลังใจ หากว่าไม่รังเกียจคนต้อยต่ำ วันอาทิตย์ขอย้ำวันสดใส ร่วมยินดีกับบัณฑิตคนเมืองไกล ที่อาคารหลังใหม่..สวนอัมพร กว่าจะเป็นปัญญาชนคนหมู่มาก สู้กับความลำบากครั้งเก่าก่อน มันไม่ง่ายชีวิตเป็นเช่นละคร หากขาดตอนเมื่อไหร่หยุดก้าวเดิน จะขอเป็นกำลังใจไม่เหินห่าง ขอสะสางเรื่องคาใจให้สรรเสริญ ขอให้มิตรสหายร่วมเผชิญ พร้อมก้าวเดินต่อไปชัยยังมี ฝากบทกลอนอ่อนหัดเพิ่งคัดเสร็จ จะจริงเท็จแค่ไหนในวิถี คงเพราะผ่านการขัดเกลามาหลายปี ขออภัยเธอคนดีที่รบกวน ข้าพเจ้า ขอเเสดงความยินดีกับเพื่อนบัณฑิตที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๓ วันอาทิตย์ ที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ จาก หนึ่งในบัณฑิต คณะนิเทศศาสตร์ สาขาการโฆษณาประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
เช้ายังเป็นช่วงเช้าอยู่ช้าๆ.. ลมพลิ้วลมยังพรมมา เอื่อยอ้อยอิ่ง เงาใบไม้ขยับใบเพียงไหวติง ใจเรานิ่งสนิทใจไร้อาทร เมื่อไรัรักก็พักใจให้ไร้รัก เพียงวางพักหัวใจเก็บไว้ก่อน เอาวางไว้ไม่อ้างว้างวางอาวรณ์ เลิกแรมรอนดิ้นรนดั้นสวรรค์ใด ไม่รักใครแต่มิใช่ว่าไร้รัก ยังพร้อมพรักจะรักชอบตอบใจได้ เพียงวันนี้ที่อยู่ว่างขอวางไป วางเอาไว้ใจว้าเหว่ในเวลา ว่างใจไว้ให้ใจวางอย่างแจ่มใจ วางเอาไว้ให้ใจว่างอย่างแจ่มจ้า จะอ้างว้างก็วางลงปลงอุรา จะอ่อนล้าอาวรณ์บ้างก็ช่างมัน ..จะไหวหวั่นใจบ้างก็ วางใจ..
แม่พระ ผู้ประเสริฐสร้างเราเกิด กำเนิดมา โอบอุ้ม คุ้มชีวาเปี่ยมเมตตา เป็นอาจิณ แม่เฝ้า เอาใจใส่ตามห่วงใย ไม่จบสิ้น รับใช้ เหงื่อไหลรินกัดเกลือกิน ก็ยินดี รากฐาน ซึ่งแม่ปลูกดลให้ลูก ล้วนสุขศรี สารพัน อันลูกมีเกิดจากที่ แม่ชี้ทาง ถึงครา แม่ลาไกลลูกอาลัย ไม่รู้สร่าง ดุจเรือ เมื่ออับปางโลกดูอ้าง-ว้างฉับพลัน น้ำตา ลูกชุ่มโชกวิปโยค แสนโศกศัลย์ แต่นี้ ทุกวี่วันใครจะหมั่น หันเหลียวแล แม้เกิด ชาติไหนไหนขอปักใจ ไว้แน่วแน่ ผูกพัน มิผันแปรเป็นลูกแม่ ทุกชาติไป
...กลอนบูชาพระคุณแม่.. *เนื่องวันแม่ที่สิบสองเดือนสิงหา ชาวประชานึกถึงแม่กันอีกหน แม่ของท่านแม่ของฉันแม่ทุกคน แม่ปวงชนคือแม่ของแผ่นดิน *เทิดพระเกียรติขอจงทรงเกษมสุข นิราศทุกข์จากโภยภัยไกลเศร้าหมอง ปราศโรคร้ายเกษมศาสน์กายดั่งทอง ผิวผุดผ่องละอองเนียนเทียมดวงจันทร์ *วันของแม่นี้ดีประเสริฐยิ่ง ย้ำความจริงพระคุณแม่แผ่ไพศาล เป็นแม่พิมพ์ที่ดีครูอาจารย์ เป็นแบบอย่างแก่ลูกปลูกคุณธรรม *พระคุณแม่ล้นฟ้ามหาสมุทร บริสุทธิ์เกินกว่าคำปราศรัย ลูกควรคิดถึงพระคุณแม่ร่ำไป ควรบวชให้พระคุณแม่ทดแทนคุณ *พระคุณแม่เป็นหนึ่งไม่เป็นสอง เพราะแม่ต้องเลี้ยงดูลูกสู่จุดหมาย เลี้ยงลูกโตขึ้นมาแม้เสี่ยงตาย แม่ก็หมายให้ลูกตนเป็นคนดี *พระคุณแม่ยิ่งใหญ่นักเป็นผู้ให้ สุดหัวใจของท่านนั้นแสนห่วง ลูกหนึ่งคนคือหัวใจแม่หนึ่งดวง แม่จึงห่วงอยากให้ลูกตนได้ดี *แต่ว่าลูกบางคนก็สิ้นคิด แม้ลูกผิดแม่อภัยให้เสมอ ลูกไม่เคยนึกถึงอกแม่ของเธอ บางคนเผลอตีด่าแม่ของตน *แม่เป็นคนเช่นไรก็คือแม่ ผู้ให้แท้ให้ชีวิตอย่าผลักไส ให้อุ้มชูให้เลือดเนื้อให้ทั้งใจ ให้เลี้ยงดูเจริญวัยสุขสมบูรณ์ *แต่ว่าลูกบางคนมาลืมแม่ ช่างบาปแท้โธ่ลูกรักลูกอยู่ไหน แม่คิดถึงแต่ลูกจนร่ำไห้ ลูกไปไหนทำไมไม่กลับมา *แม่เป็นห่วงแต่ลูกตั้งแต่เกิด ให้กำเนิดลูกน้อยคอยเฝ้าขวัญ คอยให้นมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงทุกวัน ความผูกพันธ์นั้นสายเลือดทิ้งไม่ลง *คลอดหนึ่งครั้งเสี่ยงหนึ่งครั้งอาจตายได้
หลับเสียเถิด...เจ้าตัวน้อย แม่จะคอยเห่กล่อมถนอมเฝ้า ด้วยเพลงผิวแผ่วพรมลมเบาเบา แนบรักเนาหนูไว้ไม่รู้ลา คือความรักทั้งหมดที่แม่ให้ หลั่งจากใจใสเกินจะเดินหา ตั้งชื่อหนูว่า "รัก" สื่อศักดา อันหมายค่าความรักที่ภักดี น้ำนมที่เรียวปากดื่มจากถัน ให้ชื่นขวัญอย่าตระหนกตกใจหนี อ้อมตระกองกอดอุ่นละมุนมี แววอารีนัยน์เนตรเปี่ยมเมตตา หนูคือเทพธิดาฟากฟ้าร่อน มาหนุนนอนตักนุ่มคุ้มเกศา ไล้ห่วงใยให้หลับกับนิทรา ใต้ร่มอาณาจักรรักแม่คลุม "แม่ปลูกรักเพื่อหนูนะลูกรัก แทนสิ่งจักเลี้ยงใจให้ฉ่ำชุ่ม หนูชื่อรักจงเพาะรักเกาะกุม เติบโตอุ้มรักเกื้อเพื่อทุกคน" ปล.รักแม่ให้มากๆนะครับ
โล่งใจไปคนไทยได้นายก ความเพ้อพกวิตกจริตคงผิดท่า ข่าวลือโน่นนี่นั่นรังสรรค์มา เก้าสิงหาโปรดเกล้าเข้าทำงาน เขา ? จะได้จัดทีม ครม. อย่าเพิ่งท้อการจัดทัพรับการบ้าน ใครจะเป็นอะไรคงไม่นาน เธอคงได้จัดการประสานมา ได้เวลาคนไทยมีความสุข สี่ปีที่ความทุกข์มาถามหา นี้คือป้ายหลังแถลงคำสัญญา และคำสัจวาจาผู้มีชัย เคยเรียก เธอ ต่อไปต้องเรียกท่าน ขอให้นำทุกสิ่งอันเอาใจใส่ การใดอันเร่งด่วนคนห่วงใย ขอให้พรรคเพื่อไทยใส่ใจทำ ทั้งข้าวยากหมากแพงค่าแรงถูก คอมพิวเตอร์ให้หลานลูกผูกใจย้ำ รถไฟฟ้ากี่สิบสายเสนอนำ สามร้อยบาทขั้นต่ำเพื่อแรงงาน ปริญญาระดับตรีมีรายได้ หมื่นห้าพันสัญญาไว้ให้เป็นฐาน รวยจะไม่กระจุกจะกระจาน เกษตรกรชาวบ้านมีงานทำ รื้อประกันรายได้ทั่วประเทศ นำจำนำสนองเจตน์จำนงย้ำ ชาวไร่นาหน้าสู้ดินสิ้นทุกกรรม ข้าวจำนำหมื่นห้าจ้าวสองหมื่นหอม ทั้งไข่ไก่ เนื้อสัตว์ และผักสด ราคาคงไล่ลดลงเยาว์ย่อม ไม่ใช่แค่เทคนิคอันจอมปลอม ว่าใช้กล่อมคนให้ได้เข้าสภา ใครที่ไม่มีบ้านได้มีบ้าน รถเมล์เลิกใช้งานกันไหมหนา ลดภาษีรถคันแรกกำลังมา พร้อมราคาน้ำมันที่ลดลง อินเตอร์เน็ตให้ฟรีทั่วประเทศ เครดิตการเกษตรอย่าลืมหลง อีกหลายสิ่งยิ่งคิดยิ่งงวยงง สุดบรรจงให้บรรยายคงหลายวัน โล่งใจด้วยช่วยได้คงหายทั่ว จะได้ตัวนายกเช่นความฝัน เธอคงจะจัดคนทำงานพลัน อย่าเอานโยบายนั้นถมทะเล !!! พระอาทิตย์ที่ ๘ สิงหาค์ ๕๔ / แทนคุณแทนไท เทียบกันชัดๆ นโยบ
ลูกคลานหมอบ นอบนบ ซบตักแม่ ผู้ปกแผ่ รักแท้ มิแปรผัน อ้อมอกอุ่น พระคุณแม่ แม้รำพัน เกินจำนรรจ์ กล่าวขวัญ กลั่นจากใจ เพลงเห่กล่อม ถนอมลูก ผูกพันจิต แม่จุมพิต ลูกนิทรา น้ำตาไหล สองมือแม่ โอบรัด ปัดริ้นไร เฝ้าห่วงใย ฟูมฟัก รักอาทร ลูกป่วยไข้ ใกล้ชิด สนิทมั่น ความผูกพัน ยิ่งใหญ่ คล้ายสิงขร มิต้องการรางวัล ฤาจันทร เพียงเว้าวอน โพยภัย อย่ากรายมา ยามได้เห็น ลูกน้อย ค่อยเติบใหญ่ ก้าวหน้าไกล ไม่แร้นแค้น แสนหรรษา เป็นคนดี มุ่งมั่น มีปัญญา มีวิชา ความรู้ คู่กายตน คำว่าแม่ ความหมาย ยิ่งใหญ่นัก แทนคำรัก มากมาย หลายล้านหน เป็นทั้งหมอ ทั้งครู ผู้ดาลดล จากกมล รักแท้ มอบแก่เรา จึ่งก้มกราบ แทบเท้า รักเคารพ สุดทำนบ คณาทรัพย์ ยังอับเฉา บุญแม่สร้าง แม้นภางค์ ยังบางเบา มิเทียมเท่า รักใด ในโลกา มอบมาลัย พวงน้อย เป็นสร้อยรัก ที่ทอถัก แทนใจ อาลัยหา แม้มาลัย เรียงร้อย ด้อยราคา แต่ซึ้งค่า กตเวทิตา มารดา..เอย