คิดถึงบทกวี

แทนคุณแทนไท

เวลาคุณคิดถึงบทกวี คุณคิดถึงอะไร ? คิดถึงใคร? หรือคิดถึงอะไร?
สำหรับผมมีหลายประการให้นึกถึง
บ้างก็ความรู้สึกเมื่อแรกรัก! บางรู้สึกเมื่อยามเศร้า รวมถึงรู้สึกในยามสุข
บ้างครั้งอ่านบทกวีบางบทคิดถึงบางคนจับใจ ยิ้มบ้าง น้ำตาไหลบ้าง (เงียบๆคนเดียว) มิรู้ว่าความรักคิดถึงมีอนุภาพ หรือบทกวีทรงพลังกันแน่ *-*
วันเวลาที่ล่วงเลย เราหลงลืมหลายสิ่งหลายอย่างที่เคยผ่านเข้ามาเติมเต็มให้ชีวิต ให้ในแต่ละช่วงนั้นได้บริบูรณ์
ทั้งรักแรกที่สาปสูญ ทั้งรักแท้ที่หายไป ทั้งเพื่อนเก่าที่แรมร้าง และอีกหลายสิ่งที่พลัดหาย
บางความทรงจำหลบเร้นอยู่ในสายลม บางความนึกคิดซ่อนเงียบอยู่ในส่วนเศร้าและส่วนทุกข์ ซึ่งค่อนข้างจะเป็นซากปรักหักพังของความหลัง
เมื่อครู่คืน ผมฝันเห็นต้นสายโลหิตที่จากลาไปด้วยความตาย ณ มกราที่ผ่าน เมื่อตื่นขึ้น ใจเต้นผิดจังหวัง เสียดายความคิดถึงที่มิน่าตื่นมาพบกับความจริง แว่วบทอาลัยที่เคยจาร
ลอยแล้ว ลอยหาย กับสายฝน
น้ำตาเธอรินหล่น ปนฝนช้ำ
ธุลีเศร้า เหงาเหงา และเงียบงำ
เตือนย้ำ ความเศร้าโศก ที่เรามี
เมื่อรุ่งสาง ความเป็นจริงแห่งโลกได้ตอกย้ำความผ่านพ้นของทุกสิ่ง
เรามิหลงเหลือสิ่งใด หรือว่า มิอาจครอบครองสิ่งใดได้นิรันดร์ แม้แต่รู้สึกนึกคิดของตัวเอง
ขออภัยสำหรับอนุสติที่ได้ลืมเลือนกันไปบ้าง
สิ่งแน่แท้ของวันนี้
หลงเหลือไว้เพียงบทกวี เป็นเพื่อนแท้และมิตรนิรันดร์ ยามนึกคิด
เหมือนบทกวีที่ ท่านสุรพล สุมนนัฏ ว่าไว้  
ฉันสูญเสียเธอผู้ชื่นชูจิต
ทางชีวิตหม่นไหม้ไร้แก่นสาร
แต่...ฉันได้สิ่งหนึ่งซึ้งดวงมาน
สิ่งนั้นคือผลงานจาก "กานท์กลอน"
คิดถึงบทกวีหลายๆบท พอๆกับที่คิดถึงใครหลายๆคน
และอยากจะจรดจารรู้สึกลงไปว่า
(ฉันคิดถึงเธอ... ละไม ละเมอ ในฝันอันพรายหวาน) 
ปล. ถ้ามีใครผ่านมา คุณคิดถึงอะไร?  คิดถึงใคร?  และคิดถึงบทกวีบทไหน !!				
comments powered by Disqus
  • ดาวเปื้อนดิน

    3 กุมภาพันธ์ 2554 13:09 น. - comment id 26712

    คิดถึง..ใครคนหนึ่งที่ลมพัดมาให้รู้จัก..แล้วก็พัดผ่านไปเฉยๆๆทั้งๆๆที่ความรู้สึก...ดีๆๆมันยังอยู่กับเราแต่สายลมไม่ได้รับรู้อะไรเลย..แค่ผ่านมาให้สัมผัสที่ดีแค่แว๊บเดียวแล้วก้อผ่านไป..
      คุณเคยได้ยินไหมหนังสือเล่มเดียวกัน..แต่คนอ่านเข้าใจไม่เหมือนกันเหมือนกับข้อความบางทีเป็นข้อความเดียวกันแต่ให้ความหมายต่างกัน...บางทีการมีคำถามที่ชัดเจน..ดีกว่าการตัดสินใจเองมากมาย..เพราะบางทีคำตอบอาจจะชัดเจนมากกว่าการจากลาไปแบบไม่เข้าใจก็เป็นได้นะ.เพราะอย่างน้อยจะได้รู้ว่ามีใครแคร์..10.gif
  • กิ่งโศก

    23 ธันวาคม 2553 10:34 น. - comment id 32651

    สวัสดีครับคุณแทนคุณแทนไท
    
    .อ่านที่มาที่ไป แลบวกความหวนรำลึก ของคุณ น่าสนใจยิ่งครับ..
    
    กับ..ปล. ถ้ามีใครผ่านมา คุณคิดถึงอะไร?  คิดถึงใคร?  และคิดถึงบทกวีบทไหน !!..
    
    ยอมรับว่ามาลองหัดเขียนกลอนและอื่นๆในบ้านกลอนนี่แหละครับ เคยย้อนหลังไปอ่านงานของตัวเอง แรกๆ ก้ บางที ยังนึก ว่า..เขียนแบบนี้ได้ไง (คือยังไม่ดี แต่ตอนนั้น มันดีที่สุดแล้ว)  ..
    
    ไม่เคยนึกว่าตัวเองจะมาเขียน ..มีแต่อ่าน และก็อ่นอย่างเดียว..
    
    .พุดถึงบทกวี...ผมเองมักนึกถึงแต่บทๆ หนึ่งในนิยาย ที่ตัวเอง ชอบ และ อ่านหลายรอบ..
    ทั้งๆ ที่สมัยเด้กเคยท่อง บทอาขยาน ที่เป็นทั้ง กลอน ( รามเกียรติ  ขุนช้างขุนแผน) หรือ พวก กลอนดอกสร้อย...มดเอ๋ยมดแดง..กาเอ๋ยกาดำ....หรือกลอนละครวรรณคดี.. บัดนั้น พระยาภิเภกยักษีฯ...) เหล่านี้กับไม่นึกถึง เพราะคิดว่าครูให้ท่องเป็นบทอาขยาน  ไม่รู้ด้วยว่ามันคือบทกวี ..ต่างๆ
    
    แต่กลับไปนึกถึง บทกลอน บทหนึ่ง ที่ชักนำให้ อยากจะเขียน กลอนบ้าง..และมาเขียนจนในที่สุด  บทกลอนในเรื่องนี้ ในเรื่องนะครับ เป็นการระหกระเหิน ของราชนิกุลคนหนึ่ง.ที่ถูกตัดจากกองมรดกหมาศาล..ย่ำท่องไพร กับพรานคู่ใจ..ในท่ามไพรพฤกษ์ ดงดำ เต็มด้วยภัยภยันตราย..ความทุกข์ยากลำบาก..จึงจารึกบทกลอนด้วยถ่านสีดำบน หน้าผา 
    
    ..ณที่ใดดวงใจไม่ไหวหวั่น
    
    ขอฝ่าฟันอุปสรรคและขวากหนาม
    
    แม้สิ้นชื่อวาสนาชะตาทราม 
    
    ขอฝากนามให้โลกรู้กูก็ชาย
    
    
      ณที่นี้ไร้ญาติและขาดมิตร
    
    ยังก็แต่บ่าวสนิทพิสมัย
    
    เสมอเพื่อนเสมือนญาติไม่คลาดไกล
    
    เป็นเพื่อนตายเคียงกู คู่ชีวา 
    ....
    บรรดา แฟนๆ เพชรพระอุมา จะคุ้นเคย บทกลอนบทนี้..บางคนน้ำตาไหล เลยละครับ..หุหุ
    
    เพชรพระอุมา..ประพันธ์โดย พนมเทียน  ใช้เวลาเขียนเรื่องนี้..25 ปี 7 เดือน..
    
    ..จะกล่าวว่า..เวลานึกถึงบทกวี...ข้าพเจ้า นึกถึงบทนี้และครับ...นึกถึงตัวละคร ที่หลงไหล ..48 เล่ม..อ่านกันเป็นแรมปีเลยละครับ เป็นชุดที่รักที่สุด ..ในชั้นวางหนังสือที่ห้อง..
  • โคลอน

    23 ธันวาคม 2553 15:13 น. - comment id 32652

    เวลาคุณคิดถึงบทกวี คุณคิดถึงอะไร ? คิดถึงใคร? หรือคิดถึงอะไร?
    
    ................
    
    เวลาคิดถึงบทกวี จะคิดถึงคนที่เรารู้สึกดีๆด้วย และแต่ละคนที่เข้ามาในชีวิตเราก็จะเปรียบเหมือนบทกวีที่แตกต่างกันไปในแต่ละบทอ่ะค่ะ
    
    ทั้ง สุข เศร้า เหงา คิดถึง
    
    ส่วนใหญ่จะคิดถึงบทกลอนที่พอใส่ทำนองแล้วกลับกลายเป็นบทเพลงได้เพราะจับใจจริงๆค่ะ
    
    อย่างถ้าเวลาท้อฝนจะคิดถึงเพลงพระราชนิพนธ์ "ความฝันอันสูงสุด"  ซึ่งพอดูเนื้อเพลงแล้วก็คือบทกลอนที่ใส่ท่วงทำนองนี่เอง
    
    ........................................
    
    ทำนอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    คำร้อง ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค
    
       ...ความฝันอันสูงสุด...
    
    http://www.youtube.com/watch?v=UyGxzevO6Ds&feature=related
    
    
    ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
    ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
    ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
    ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง
    
    จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
    จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
    จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
    จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
    
    ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
    ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
    ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
    ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป
    
    นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง
    หมายผดุงยุติธรรม์อันสดใส
    ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
    ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน
    
    โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่
    เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
    ยังคงหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
    ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย
    
    29.gif29.gif29.gif
    
    ...................................
    
    และมีอีกหลาบบทเพลงเลยค่ะที่เนื้อคำสอดคล้องอย่างลงตัวเหมือน บทกลอน ที่ร้อยเรียงออกมาได้ประทับใจมากเลยค่ะ
    
    ส่วนใหญ่เพลงลูกกรุง ลูกทุ่ง สมัยเก่าอ่ะค่ะเนื้อหาจะเหมือนบทกลอน ใช้คำสละสลวยมากๆเลย
    
    อย่างเวลาคิดถึงบ้าน เพลงนี้จะลอยเข้าหูมาเลย
    
    เพลง คิดถึงบ้าน ของ จรัล มโนเพ็ชร 
    
    http://songforlife.exteen.com/20090316/entry-9
    
    
    มองดูดวงดาวก็คงเป็นดาวดวงเดียวกัน 
    มองดูดวงจันทร์ก็เหมือนกับจันทร์ที่บ้านเรา 
    ยามนี้ฉันเหงา คิดถึงบ้าน 
    มองดูท้องฟ้าก็ยังเป็นฟ้าพื้นเดียวกัน 
    มองดูดวงตะวันก็ยังส่องแสงไปบ้านฉัน 
    ยามฟ้ามืดครึ้ม คิดถึงบ้าน 
    
    อยู่ในเมืองกรุงก็คงวุ่นวายและวกวน 
    มีแต่ผู้คนก็เหมือนกับคนไม่รู้จักกัน 
    ชีวิตผกผัน คิดถึงบ้าน 
    มองไปทางใดก็มีแต่ตึกสูงสวยงาม 
    แต่ใจคนไม่งามเหมือนกับคนที่บ้านเรา 
    ยามนี้ฉันเหงา คิดถึงบ้าน 
    
    อยู่ในเมืองกรุงก็คงวุ่นวายและวกวน 
    มีแต่ผู้คนก็เหมือนกับคนไม่รู้จักกัน 
    ชีวิตผกผัน คิดถึงบ้าน 
    มองไปทางใดก็มีแต่ตึกสูงสวยงาม 
    แต่ใจคนไม่งามเหมือนกับคนที่บ้านเรา 
    ยามนี้ฉันเหงา คิดถึงบ้าน 
    
    .................................
    
    11.gif11.gif11.gif36.gif
  • ดอกบัว

    23 ธันวาคม 2553 18:38 น. - comment id 32654

    
    คิดถึงน้ำใจในมิตรอักษรทุกๆนามค่ะ
    
    เงียบๆ ลึกซึ้ง เสมอไป
    สวัสดีค่ะ พี่แทนไท
    มีแต่ความสุขเสมอนะค่ะ
    29.gif36.gif46.gif
  • หมอกจาง

    23 ธันวาคม 2553 20:47 น. - comment id 32657

    เวลาที่คิดถึงบทกวี ผมคิดถึงอะไร?
    
    มานั่งตรงดูแล้ว ทุกครั้งที่พูดถึงบทกวี คิดถึงบทกวี ผมมักจะนึกถึงบทกวีเล่มแรกในชีวิตเสมอ
    
    ไม่ใช่ว่าบทกวีที่ได้อ่านเล่มแรกในชีวิต หากแต่เป็นเล่มแรก ที่ทำให้รู้สึประทับใจในบทกวีอย่างลึกซึ้ง
    
    หนังสือเล่มนั้นคือ "คำหยาด" ของ อาจารย์ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
    
    เป็นหนังสือบทกวีเล่มแรกที่อ่านอย่างตื่นตาตื่นใจ อ่านอย่างซาบซึ้งในตัวอักษร และหวนท่องทวนไปมาซ้ำๆในหลายๆบทที่ชอบ
    
    และเป็นหนังสือเล่มที่ทำให้ต้องเสาะหาหนังสือกวีเล่มต่อๆไปมาอ่าน เพื่อที่จะพบว่าไม่มีหนังสือเล่มไหนที่เขียนเหมือนเข้าไปอยู่ในใจ เข้าไปอยู่ในความรู้สึกได้เหมือนคำหยาด
    
    ไม่ใช่ว่าหนังสือเหล่านั้นเขียนไม่ดี เพียงแต่รู้สึกว่ามันไม่ตรงกับความรู้สึกที่ตัวรู้สึก เหมือนเมื่อได้อ่านคำหยาด
    
    จนกระทั่งเหน็ดเหนื่อยพอสมควรกับการเสาะหา ก็เลยมาคิดว่า แล้วทำไเราไม่เขียนกลอน เขียนบทกวีเองเสียเลยล่ะ?
    
    แน่นอนว่า มันอาจจะกะโดกกะเดก ไม่ได้ดีได้งามเหมือนอย่างใครเขา แต่เราก็ย่อมรู้สึกถึงความรู้สึกของตัวเองชัดเจนที่สุดไม่ใช่หรือ ว่าเป็นแบบไหน อย่างไร
    
    ถึงมันจะไม่ดี ไม่ทำให้ใครชอบใครรัก แต่สิ่งที่เขียนออกมา มันก็น่าจะตรงใจเราที่สุด ตราบเท่าที่เราซื่อตรงต่อความรู้สึกของตนเองในยามลงปากกาเขียน
    
    และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเขียนกลอนและบทกวีของผมจนมาถึงทุกวันนี้
    
    ......................................................
    
    ทำไมคนเศร้าถึงชอบฟังเพลงเศร้า ?
    
    บางคนบอกว่าการที่คนเศร้านั้น ถ้ายิ่งมัวจ่อมจมอยู่กับเพลงเศร้า ก็คงมีแต่ดิ่งลึกลงไปทุกที ทำไมไม่ฟังเพลงที่มันมีความสุข ที่มันสนุกสนาน เผื่อว่าชีวิตจะได้ร่าเริงขึ้น
    
    ผมไม่เห็นด้วย
    
    สำหรับผมแล้วเพลงเศร้าคือสิ่งจำเป็นสำหรับคนเศร้า เพราะคนเศร้าไม่ได้ต้องการการปลอบประโลม ไม่ต้องการรอยยิ้ม ไม่ตองการแสงตะวันที่สดใสใดๆ
    
    ที่คนเศร้าต้องการคือความเข้าใจ ใครสักคนที่สามารถเข้าใจได้ในความเศร้าของเขา ใครที่มีหัวอกเดียวกัน เคยปวดร้าวมาแบบเดียวกัน
    
    ทุกครั้งที่เพลงเศร้านั้นดัง มันกำลังบอกคนเศร้าว่า คุณไม่ได้ปวดร้าวอยู่อย่างเดียวดาย
    
    บทกวีก็ทำหน้าที่อย่างเดียวกัน
    
    .......................................................
    
    ผมใช้บทกวีเหล่านั้นเป็นเพื่อนกับตัวเอง 
    
    ตรวจสอบความรู้สึกของตน เขียนมันออกมาอย่างซื่อตรง แม้มันอาจไม่ได้ไพเราะเพราะพริ้ง แต่มันก็เสมือนหนึ่งเครื่องปลอบประโลม
    
    บางครั้งเหมือนเอามีดกรีดซ้ำลงไปบนแผลที่คั่งหนอง เจ็บปวดจนน้ำตาหยด แต่แผลก็เหมือนพอทุเลาลงไปบ้าง
    
    ส่วนน้ำตานั้น เอามาปั้นเป็นดอกน้ำตาเล็กๆสักดอก ก็พอประโลมใจ
    
    ......................................................
    
    "แม้คิดถึงเพียงใดใจจะขาด ก็ไม่อาจไปตามความคิดถึง
    ห้ามมาหาแต่อย่าห้ามความคะนึง จะดื้อดึงโดยถ้อยร้อยรำพัน"
    
    เป็นบทหนึ่งในคำหยาดที่ผมจำจนขึ้นใจ สะทกสะท้อนกับตัวเองทุกครั้ง ยามที่มีเหตุการณ์สักเหตุการณ์ชักพาให้กลอนบทนี้วาบขึ้นมาในหัว
    
    
    "ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง คงชวดดวงบุปชาดสะอาดหอม" เนื้อเพลง สาส์นรัก หากแต่ผมอ่านและจำไว้เป็นเหมือนกลอน บ่นกับตัวเองดังๆในอกแล้วถอนใจ ยามที่ตัวเองไม่ได้ดั่งใจตัวเอง มองดูความรักเหมือนรอเหมือนคอยดอกไม้ให้ร่วง
    
    
    และก็มีบ่อยครั้งที่จะคิดถึงกลอนบางบทที่ตนเองเขียนเอง ไม่ใช่ว่ามันดีมันงามกว่าคนอื่นแต่อย่างใด แต่เพราะมันตรงใจเราทุกคำดังที่เกริ่นไว้ในตอนแรก
    
    "ยิ่งทบทวนหวนนึกยิ่งลึกซึ้ง ยิ่งคิด ยิ่งคิดถึงจนร้าวราน"
    
    บางทีคนเรา ต้องรอจนกระทั่งบางเรื่องบางราวนั้นได้ผ่านไปแล้ว เราถึงจะได้รู้ว่า ที่ผ่านๆมานั้นเราโง่เพียงใด อะไรบ้างที่เรามองข้ามและละเลย
    
    แต่ความปรารถนาที่จะย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไร ก็ยังคงเป็นแค่ฝันอันเลื่อนลอยของมนุษย์ทุกผู้อยู่เช่นเดิม
    
    
    ........................................................
    
    อารมณ์ความรู้สึกของคนเรา ละเอียดและซับซ้อน
    
    คนเศร้าใช่ว่าจะเศร้าเหมือนกัน ในรายละเอียดของความรู้สึกนั้น ผมเชื่อว่าความเศร้าแต่ละแบบก็จะมีรายละเอียดของมันต่างกันไป แม้จะเพียงน้อยนิดก็ตามที
    
    ความสุขก็เฉกเช่นเดียวกัน มันก็มีแง่มุมของมันที่ต่างกันไป
    
    ดีใจเสมอ ยามที่พบเจอบทเพลงหรือบทกวีของใครสักคนที่อธิบายความรู้สึกของเราที่กำลังเป็นอยู่ได้ตรงใจ
    
    และดีใจเฉกเดียวกัน หากมีใครพบว่าสิ่งที่ผมเขียนออกไปตรงกับใจกับความรู้สึกของเขา
    
    เพราะนั่นแปลว่า เราต่างไม่ได้จมจ่อมอยู่กับความรู้สึกนั้นเพียงลำพัง
    
    ยังมีใครสักคนในโลกใบนี้ที่เข้าอกเข้าใจเรา เป็นเสมือนเพื่อน-แม้ว่าอาจจะไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันเลยก็ตามที
    
    
    นั่นอาจจะเป็นหน้าที่หน้าที่หนึ่งของบทเพลง
    
    และนั่น-อาจจะเป็นหน้าที่หน้าที่หนึ่งของบทกวี
    
    ......................................................
    
    
    
    
    36.gif
  • คนเดียวกัน

    23 ธันวาคม 2553 22:45 น. - comment id 32658

    36.gif46.gif
  • %36%

    23 ธันวาคม 2553 23:40 น. - comment id 32659

    36.gif  คิดถึง .. เรไร.. 36.gif
  • .

    24 ธันวาคม 2553 08:10 น. - comment id 32660

    คิดถึงบทกวี..สุนทรีรส
    คำสะกดสะเทือนอารมณ์ไหว
    ต่อเรื่องราวเปลืองคิดสะกิดใจ
    ฝากหัวใจไห้-หัวเราะ.ตัวตน
    
    46.gif21.gif20.gif
  • ฉางน้อย

    24 ธันวาคม 2553 12:16 น. - comment id 32661

    คิดถึงบทกวี สิ่งแรกที่คิดถึงคือครูคนแรกที่หัดให้เราเขียนกลอน
    หัดให้เราเล่นเวปดีๆอย่างthaipoem.com
    
    ถ้าคิดถึงเรื่องสั้นก็มักเกิดจากจินตนาการและเรื่องราวรอบๆตัว แล้วลงมือเขียนเอง
    
    11.gif
  • (น้ำตาลหวาน)

    24 ธันวาคม 2553 16:21 น. - comment id 32662

    อ่านคำเม้นท์ความเห็นของคุณกิ่งโศก 
    น้องโคลอนและคุณหมอกจางแล้ว ทำให้รู้สึก
    ได้ว่า ตัวเองช่างอยู่ห่างไกลจากคำว่าบทกวี
    ส่วนมากคนเขียนกลอนมักจะเป็นคนชอบอ่านหนังสือ อยู่กับตัวเองนานๆ
    สำหรับพิมเขียนกลอนเพราะอยากเขียน ณ เวลานั้นๆ
    ไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจ แต่อยากเขียนกลอนเฉพาะ
    เวลาที่ตัวเองสบายใจค่ะ  ถ้ามีความทุกข์ เหงา
    เศร้า จะเขียนไม่ได้ สมองไม่ทำงาน นึกอะไรไม่ออก รู้สึก
    เห็นด้วยกับคุณกิ่งโศกที่ว่า พอย้อนกลับไม่อ่าน
    บทกลอนเก่าๆที่เคยเขียน จะนึกว่า เอ..เราเขียนไปได้ยังไง...แต่ ณ เวลานั้นเราอยากเขียน
    แบบนั้น ที่เป็นตัวเรา...เพราะมาเริ่มเขียนกลอน
    ในบ้านกลอนหลังนี้เช่นกันค่ะ...
    และก็เห็นด้วยกับน้องโคลอนที่ว่าบทกวีและ
    บทเพลงที่เรียงร้อยถ้อยคำได้ สละสลวย เมื่อใส่ทำนองเข้าไปทำให้ไพเราะยิ่งขึ้น
    และคุณหมอกจาง...กับคำพูดที่ว่า คุณเศร้าไม่ได้ต้องการคำปลอบประโลม ไม่ได้ต้องสิ่งใดๆ
    คนเศร้าต้องการคนเข้าใจ...จริงค่ะ
    ถ้าเข้าใจ เพียงแค่สายตาที่มองมา ก็สามารถรับรู้ได้
    เพลงเศร้า...ฟังครั้งใดก็ไพเราะสำหรับพิมค่ะ
    บทกลอนเศร้าๆ อ่านแล้วยิ่งเศร้าแต่ชอบอ่านค่ะ
    แม้ยังห่างกับคำว่า"บทกวี" แต่ก็ขอเป็นส่วนหนึ่งซึ่งจะดำรงไว้ให้สืบสานตลอดไปค่ะ
    
    ขอบคุณเจ้าของบ้านที่ให้โอกาสแสดงความคิดเห็นนะค่ะ 
    
    11.gif36.gif11.gif
  • เพียงพลิ้ว

    24 ธันวาคม 2553 16:37 น. - comment id 32663

    คิดถึงคนค่ะ
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • ผู้หญิงช่างฝัน

    24 ธันวาคม 2553 17:01 น. - comment id 32664

    คืนสู่อ้อมกวี : ที่รัก
    
    กลับมารื้ออารมณ์ห่มความฝัน
    ที่ยังคงเหมือนกันกับวันก่อน
    ย้อนรู้สึกกลับไปให้อาวรณ์
    เสียงกาพย์กลอนเคยคุ้นละมุนใจ
    
    พาชีวิตรอนรานไปนานนัก
    ถวิลรักโดยไม่รู้ว่าอยู่ไหน
    เพียงต้องการอุ่นอิงพักพิงใจ
    จากอกใครคนหนึ่งซึ่งไม่มี
    
    ที่สุดแล้วความหวังดังน้ำค้าง
    อยู่ท่ามกลางแสงแดดแผดขยี้
    แล้งไปทุกปรารถนาบรรดามี
    ไม่เหลือดีไม่เหลือใดให้ชีวิต
    
    กลับมารื้ออารมณ์ห่มความฝัน
    สู่คืนวันเก่าซึ่งเคยซึ้งจิต
    อ้อมกวีหวานละไมเคยใกล้ชิด
    ก่อนชีวิตจะแห้งผากมากกว่าเดิม
    ..
    
    ขอบคุณ.. กวีทุกบท ที่รินรดหัวใจให้ชุ่มชื่น
    ...................................
    
    หลับตาทบทวนรู้สึกนั้น  อุ่น หวาน.. ยังจำ  36.gif
  • แทนคุณแทนไท

    24 ธันวาคม 2553 23:21 น. - comment id 32666

    แวะมาสวัสดีและขอบคุณทุกท่านไว้เป็นเบื้องแรก สัญญาว่าจะกลับมาตอบความรู้สึกโดยละเอียดอีกครั้ง36.gif
  • ยาแก้ปวด

    25 ธันวาคม 2553 04:12 น. - comment id 32667

    ปล. ถ้ามีใครผ่านมา คุณคิดถึงอะไร?  คิดถึงใคร?  และคิดถึงบทกวีบทไหน !! 
     
      
     สำหรับฉัน
    
    คำตอบสั้นๆ
    
    "  คุณ " นั่นไง
    
    ปล. สั้นไปไหมสำหรับคำตอบ
    แต่เป็นคำตอบที่อธิบายได้จากใจเลยนะ..
    
    46.gif59.gif
  • เฌอมาลย์

    25 ธันวาคม 2553 10:02 น. - comment id 32678

    ^
    ^
    เลี่ยนๆ 20.gif21.gif74.gif
  • แมงกุ๊ดจี่

    25 ธันวาคม 2553 12:25 น. - comment id 32681

    คิดถึงความรัก  คิดถึงใครคนหนึ่ง
  • ฉางน้อย

    25 ธันวาคม 2553 22:53 น. - comment id 32708

    13  อะแฮ่มๆ 65.gif
  • ลชร

    26 ธันวาคม 2553 10:28 น. - comment id 32717

    ^
    ^
    ^
    ยาแก้ไอชวนป๋วยปี่แป่กอ ช่วยแกรได้ 19.gif19.gif19.gif
  • แจ้นเอง

    26 ธันวาคม 2553 21:49 น. - comment id 32729

    36.gif
    
    เมื่อย่างกรายเข้ามาในบ้านกลอน
    บทกลอนเก่าๆของคนเก่าก่อน
    อ่านแล้วจะรู้สึกถึงความอ่อนไหวในอารมณ์
    บางอารมณ์กลอนทั้งซาบซึ้งกินใจ
    และแฝงไว้ด้วยคำปลอบประโลม
    บางบทอ่านแล้วเหมือนเติมรู้สึกที่ขาดหาย
    
    คิดถึงบทกลอนของคุณ 
    คุณผู้หญิงช่างฝัน
    คุณอิม
    และใครๆอีกหลายคน
    บางครั้งอ่านแล้วน้ำตายังเรื่อราง
    
    ชอบอ่านมากกว่าเขียน
    แต่ถ้าเขียนมักเกิดจากความนึกคิด
    แบบกระทันหัน ให้มีข้อบังคับทำไม่ได้เลยค่ะ
    
    อ่านแต่ละคอมเม้นท์แล้วทำให้ได้รู้ว่า
    ส่วนใหญ่มีความรู้สึกใกล้ๆกัน
    แรกประทับใจ
    และอ่อนไหวในอารมณ์
    
    และ...
    
    แวะมาสวัสดีปีใหม่ค่ะ
    ขอบคุณที่ให้โอกาสเขียนความในใจ
    
    31.gif
  • แทนคุณแทนไท

    30 ธันวาคม 2553 11:37 น. - comment id 32884

    ขออนุญาตไปตอบทุกท่านไว้ในกระทู้ต่อไป
  • ยาแก้ป่วน

    2 มกราคม 2554 21:13 น. - comment id 32908

    T021210_09C.gif
    
    เพี้ยง.........
    
    58.gif58.gif61.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน