คำรณวิทย์...ธูปไม่กระจ่างหรือไร?

นายหมอดี(แท้)

ในประเทศสารขันธ์ ที่จะกล่าวต่อไปนี้...
การเล่นการเมืองของพรรคการเมืองหนึ่งๆ
ตามตำรามันต้องมีการพัฒนาต่อยอดขึ้นไป
พรรคการเมืองต้องดูนโยบายพัฒนาประเทศ
เหมือนทหาร ก็ต้องป้องกันประเทศเป็นหลัก
แต่ในประเทศนี้....
ทหารดันไปใช้วิธีเยี่ยงโจร...ลอบประทุษร้ายบุคคล..
.ที่ตัวเองรบแพ้ โดยไม่คำนึงถึงวิธีที่ใช้...
พรรคการเมือง ดันไปใช้วิธีเยี่ยงโจร
โจมตีบุคคล โดยไม่คำนึงถึงวิธีที่ใช้
จริงๆแล้วในประเทศนี้ อนุรักษ์นิยมนั้นยังคง
ไม่พัฒนาไปตามการค้าเสรีนิยมที่เดินอยู่แทบทั้งโลก
การลอบกัด ลอบประทุษร้ายทั้งๆที่ไม่ใช่นโยบาย
ในการพัฒนาหรือป้องกันประเทศนั้น
น่าจะ เป็นกลไกของอนุรักษ์นิยมว่า
เป็นสิ่งที่ดีงามและถูกต้องแล้ว
สงสารประเทศ สงสารพลเมือง
ว่าประเทศนี้จะก้าวผ่านวัฒนธรรมทางการเมือง
ที่คับแคบในอุดมคติเหล่านี้ไปได้อย่างไร?				
comments powered by Disqus
  • พ่อ

    21 กันยายน 2555 15:16 น. - comment id 36858

    555000012246701.JPEG
  • ประชาธิเปรต แอบเช็ดเมียเพื่อน

    21 กันยายน 2555 18:50 น. - comment id 36859

    ขำพวกควายพวกควายเหลืองปากคาบโกเต็กซ์ว่ะ
    
    ขำพวกควายพวกควายเหลืองปากคาบโกเต็กซ์ว่ะ
  • ประชาวิบัติ ถนัดกู้ ถนัดโกง

    21 กันยายน 2555 18:52 น. - comment id 36863

    ไอ้หัวล้านนกตะกรุม เสียคนตอนแก่ไปอีกคนหนึ่งแล้ว
    
    ไอ้ปราแวก  วักสี  ลาพี่  สรากริก  ไอ้ปอ ประตูหลังจอมมารถั่วดำ
    
    เสียคนจนหมด  ออกมาให้เขาก่าด่า สาปแช่ง
  • สะเก็ดไฟ

    27 กันยายน 2555 12:38 น. - comment id 37019

    แผนอำมหิต “ดินเสียดแทงฟ้า” ชนวนเหตุ...แดงปะทะเหลือง
    
    สะเก็ดไฟ
           
           ความเศร้าของชาวไทย “มิคสัญญี” ใกล้เข้ามาแล้ว ที่กล่าวเช่นนี้ไม่ใช่จินตนาการ แต่ภาพคนไทยปะทะกันหน้ากองปราบปราม เป็นสัญญาณให้เห็นว่าภูเขาไฟใกล้ระเบิดแล้ว
           
           ไม่ว่าใครจะเริ่มก่อน ไม่ว่าใครจะยั่วยุ จนก่อให้เกิดอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ทั้งสองฝ่าย รากเหง้าของความขัดแย้งคือ ความเกลียดชังที่ฝังลึกจนกระทั่งเมื่อเจอฝ่ายที่เห็นต่างก็พร้อมที่จะเข้าห้ำหั่นกัน ไม่ต่างจากเด็กเทคนิคเห็นหัวเข็มขัดต่างสถาบันก็วิ่งไล่ตี ไล่ฟัน
           
           สังคมไทยเดินมาถึงจุดที่ความเชื่ออยู่เหนือความจริง อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล พรรคพวกอยู่เหนือความถูกต้อง ใช้กำลังได้ไม่ผิด เพราะไม่คิดเคารพกฎหมาย
           
           ประชาชนเสื่อมศรัทธากับผู้มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย เพราะสิ่งที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้แสดงออกตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้คนไทยคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเครื่องแบบสีกากีแต่หัวใจพิทักษ์ทรราชย์
           
           สภาพการณ์เช่นนี้นับเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับสังคมไทย ที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสถานการณ์บ้านเมือง
           
           การโทษกันไปมา การก่นด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย การเหยียดหยาม เยาะเย้ย ที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกต่ำต้อย
           
           การสาดความเกลียดชังใส่กัน ก็เท่ากับว่าทั้งเราทั้งเขาได้ตกอยู่ในเกมปั่นหัวจิ้งหรีดของคนชั่วที่คิดการใหญ่พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินไปเรียบร้อยแล้ว
           
           รัฐบาลยิ่งลักษณ์ บริหารงานห่วยแตกชนิดที่เรียกว่า คนเสื้อแดงก็น้ำท่วมปาก ประมาณว่ารู้อยู่เต็มอกแต่ไม่กล้าด่า เพราะกลัวเสียหน้าว่าเลือกข้างผิด
           
           นี่คือนิสัยไทยแท้ที่เราต้องเข้าใจเป็นพื้นฐานเสียก่อน และด้วยเหตุที่ธรรมชาติของคนไทยเป็นเช่นนี้ยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยจึงตั้งหน้าตั้งตาบริหารประเทศด้วยการขยายความแตกแยก ทำให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ดึงเอาความเป็นพรรคพวกมากลบเกลื่อนการกระทำความผิดให้กลายเป็นเรื่องที่ถ้าพวกเดียวกันทำก็ยอมรับได้
           
           ส่วนรัฐบาลก็สบายแฮทั้งงาบ ทั้งทึ้ง ทั้งปล้น คนไทยก็ยังไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่ทะเลาะกันอยู่ แถมเป็นความขัดแย้งที่อีกฝ่ายวางแผนมาให้เกิดเรื่องบนข้ออ้างว่า
           
           “ชนวนเหตุเกิดจากการคลั่งเจ้า”
           
           ทั้งที่ไม่เป็นความจริงเลย
           
           ผู้คนจำนวนมากที่พร้อมใจเดินทางไปที่กองปราบในวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น มีความรู้สึกร่วมที่ชัดเจนคือ ต้องการแสดงออกให้ครูสาวได้เห็นว่าเธอไม่โดดเดี่ยว หลังจากแสดงความกล้าเข้าไปถาม ดารุณี กฤตบุญญาลัย ว่า “คุณด่าในหลวงทำไม” แล้วเกิดขบวนการตำรวจเด้งรับตั้งข้อหาตามล่าออกหมายจับ
           
           ความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นจึงเป็นแรงกดดัน ทำให้น้ำในกาที่อยู่บนเตาไฟถึงจุดเดือด จนเกิดความรู้สึกร่วมว่าต้องแสดงออกให้ตำรวจรวมทั้งดารุณีได้เห็นว่า ประเทศนี้ต้องอยู่ร่วมกันด้วยการให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ใช่เลือกปฏิบัติทำคดีรวดเร็วเพื่อเล่นงานฝ่ายที่เห็นต่าง พร้อมกับคำถามตัวโตๆ ว่า
           
           ทำไมคนปกป้องในหลวงจึงต้องถูกดำเนินคดี
           
           แม้ว่า ครูสาวที่กำลังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการตั้งข้อหาที่ดูจะเกินเลยไปของตำรวจ ที่เอียงกะเท่เร่แทบจะเปลี่ยนเครื่องแบบสีกากีเป็นสีแดง ย่อมมีหนทางต่อสู้ตามช่องทางของกฎหมาย ทั้งการฟ้องกลับดารุณี และพนักงานสอบสวนที่เป็นผู้ทำคดี
           
           ส่วนการให้กำลังใจก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่คนไทยทุกคนสามารถแสดงออกได้ แต่คนที่สมควรถูกประณามที่สุดก็คือ ตำรวจ ที่ปล่อยให้คนไทยห้ำหั่นกันหน้ากองปราบปราม โดยไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทั้งๆ ที่มีเวลามากพอที่จะกันสองฝ่ายให้อยู่ห่างจากกัน แต่จากภาพที่เห็นไม่มีการแยกมวลชนสองฝ่ายอย่างเป็นระบบในการดูแลรักษาความปลอดภัย ที่ต้องมีตำรวจตั้งแถวกันแนวของทั้งสองฝ่ายให้อยู่ในที่ทางของตัวเอง ไม่ล่วงล้ำก้ำเกินไปยั่วยุ หรือละเมิดคนอื่น
           
           เกมอำมหิตที่คนชักใยกำลังคิดการใหญ่กำลังสยายปีกครอบงำประเทศไทยอย่างน่ากลัว ภาพคนเสื้อแดงใส่เสื้อ “เรารักพระ...” ในขณะที่อีกฝ่ายพวกเขาคือ “พสกนิกรของในหลวง” ที่มีความสุขเมื่อได้ใส่เสื้อ “เรารักในหลวง”
           
           แผนการสร้างความแตกแยกจากดินเสียดแทงถึงฟ้า เป็นเรื่องที่คนไทยต้องมีสติและรู้เท่าทัน
           
           หนทางเดียวที่จะทำให้คนชั่วไม่มีที่ยืนในสังคมจนทำร้ายคนดี มีเพียงอย่างเดียว คือ การสร้างปัญญาให้คนไทยไม่ว่าจะสีไหนตื่นรู้ ด้วยการให้ข้อมูลที่ถูกต้องด้วยความอดทน ไม่ใช่บ่มเพาะความเกลียดชัง หรือขยายความแตกแยกจนร้าวลึกยากจะแก้ไข
           
           การสมานบาดแผลแผ่นดินไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ต้องเริ่มจากตัวเองก่อนเป็นอันดับแรกด้วยการใช้สติเป็นตัวตั้ง ส่วนปัญหาในเชิงโครงสร้าง พฤติกรรมเลวของคนชั่วที่กำลังครองเมืองต้องยุติด้วยกระบวนการยุติธรรม
           
           ถ้าเราเดินหน้าประเทศแบบผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ เราก็จะได้ชื่อว่าเป็นคนไทยที่ช่วยประคับประคองประเทศผ่านพ้นความล่มสลายได้ด้วยการใช้ความดีเบียดพื้นที่คนเลวให้ออกจากวังวนแห่งอำนาจ
  • พ่อฯ

    3 ตุลาคม 2555 15:09 น. - comment id 37085

    คำรณวิทย์...ก็ฟายแดงนี่เอง
    ทำเป็นอวด ทำเป็นเบ่ง ให้เข้าตา ไข่แม้ว
    
    สุดท้ายก็พวกแดรกหญ้า ทั้งน้าน
  • พ่อฯ

    3 ตุลาคม 2555 15:30 น. - comment id 37086

    ้อ้าช่วยกันเล่า..ก๊ากๆๆๆๆ
    
    ...
    ไทยพีบีเอส รายงานข่าวว่า http://bit.ly/SznepZ สำรวจกทม.-กรมราชทัณฑ์ ขุดลอกท่อ รับมือฝนตกหนัก 
    ...
     
    
    หลังจากที่กรมราชทัณฑ์ขุดลอกท่อระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครและพบว่ามีถุงกระสอบทรายและก้อนหินขนาดใหญ่อุดตันในท่อระบายน้ำ นำมาซึ่งปัญหาการตอบโต้กันระหว่างพรรคเพื่อไทยและผู้บริหารกรุงเทพมหานครว่า มีการลอกท่อระบายน้ำจริงหรือไม่
    
    ** จากการลงพื้นที่ตรวจสอบทั้งเขตมีนบุรีและเขตบางกะปิ ที่ถูกระบุว่าพบกระสอบทราย ปรากฏว่า ชาวบ้านที่อาศัยในละแวกนั้น ยืนยันว่าไม่มีกระสอบทราย แต่พบว่ามีก้อนหินที่คล้ายเศษปูน อุดตันท่อระบายน้ำบริเวณถนนพหลโยธินจริง
    
    ปัญหาการพบกระสอบทรายในท่อระบายน้ำของกรุงเทพมหานคกว่า 100 ลูกในเขตมีนบุรี ที่เป็นข่าวตอบโต้กันไป-มาระหว่างพรรคเพื่อไทยกับผู้บริหารกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะการระบุในหน้าเฟสบุ๊คส่วนตัวของนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งตั้งข้อสังเกตถึงจำนวนกระสอบทรายที่มีน้ำหนักมาก จะสามารถลอยตามน้ำลงไปอุดตันในท่อ ตามคำกล่าวอ้างของกรมราชทัณฑ์ ที่ขุดลอกท่อระบายน้ำจริงหรือไม่จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ จุดที่พบกระสอบทรายอยู่ในท่อระบายน้ำ ที่บริเวณแยกลำสาลี เขตบางกะปิ ตามคำชี้แจงของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งไม่ใช่ที่เกี่ยวกันกับเขตมีนบุรี ตามที่ถูกระบุในข่าวนั้น ทีมข่าวไทยพีบีเอส ได้สอบถามชาวบ้านที่อาศัยในละแวกแยกลำสาลี ซึ่งให้ข้อมูลว่า วันที่เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์มาขุดลอกท่อระบายน้ำ พบเพียงเศษขยะ ใบไม้ ดินโคลน แต่ไม่พบถุงกระสอบทราย
    
    ไทยพีบีเอส ยังตรวจสอบข้อมูลกับเจ้าหน้าที่สำนักการโยธา เขตบางกะปิ พบว่า กรมราชทัณฑ์ เข้ามาช่วยกรุงเทพมหานครดำเนินการขุดลอกท่อระบายน้ำในจุดเสี่ยงน้ำท่วมขัง ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้กรมราชทัณฑ์เข้าไปช่วยแก้ปัญหาการระบายน้ำของกทม. โดยกำหนดจุดลอกท่อระบายน้ำทั้งหมด 32 จุด แต่กรมราชทัณฑ์ดำเนินการเพียง 7 จุด ซึ่งไม่ได้อยู่ในจุดที่กทม.กำหนดไว้ รวมถึงบริเวณแยกลำสาลีแห่งนี้
    
    ขณะที่บริเวณฝั่งขาออก ถนนพหลโยธิน ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นอีกจุดหนึ่ง ที่ระบุว่า พบก้อนหินขนาดใหญ่กว่า 10 ก้อน ซึ่งกรมราชทัณฑ์คาดว่า ผู้รับเหมาก่อสร้างถนน นำแท่งปูนมาทิ้งไว้ตามท่อน้ำ หลังก่อสร้างเสร็จสิ้น ไทยพีบีเอส จึงสอบถาม พนักงานกวาดขยะกทม. และพ่อค้าที่ขายของละแวกนี้ ซึ่งบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า น่าจะเป็นผู้รับเหมา ที่นำวัสดุก่อสร้างมาทิ้งลงท่อระบายน้ำ และเมื่อกรมราชทัณฑ์มาลอกท่อ ทำให้น้ำระบายได้ดีขึ้น
    
    ** ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ตั้งข้อสังเกตว่า มีความเป็นไปได้ที่กระสอบทรายจะค้างท่อระบายน้ำจากน้ำท่วมปลายปีที่แล้ว และกระสอบทรายน่าจะอยู่ในสภาพที่ฉีกขาด หรือ เปื่อยยุ่ยมากกว่าที่จะเห็นอยู่ในสภาพสมบูรณ์ และแถบเป็นไปไม่ได้ที่กระสอบทราย จะไหลตามกระแสน้ำ ยกเว้นน้ำไหลเชี่ยวและมีความลาดชันของท้องน้าสูง เพราะกระสอบทราย 1ลูกมีน้ำหนักมากถึง 30-50 กิโลกรัม
    
    แม้ขณะนี้ จะยังไม่สามารถสรุปได้ว่า มีถุงกระสอบทรายเข้าไปอุดตันในท่อระบายน้ำจริงหรือไม่ หรือหากมีจริงเป็นฝีมือใคร ที่พยายามดิสเครดิตการเมืองฝ่ายตรงข้าม แต่สิ่งที่ชาวกรุงเทพมหานคร ต้องการเรียกร้องคือ การที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขุดลอกท่อ จะต้องช่วยกันเอาสิ่งที่กีดขวางทางน้ำออกไป เพื่อรับมือกับน้ำฝนที่จะตกหนักในอีก 3-4วันข้างหน้านี้
    
    .....................
  • เป็ดเหลิม

    1 ตุลาคม 2555 10:20 น. - comment id 37102

    http://www.youtube.com/watch?v=pDRDUd9ExxU&feature=share64.gif
  • ฤกษ์(ไม่ได้ล๊อกอิน)

    3 ตุลาคม 2555 11:26 น. - comment id 37105

    คำรณวิทย์ชายแท้แน่ยิ่งนัก
    เมื่อใจรักบอกว่ารักอย่างหนักแน่น
    เมื่อเคารพก็ให้เห็นว่าเป็นแกน
    ไม่ใช้แผนแอบบังอยู่หลังใคร
    
    ใช่เป็นหน้าตัวเมียเลียลิ้นแลบ
    เป็นอีแอบเบื้องหลังแต่ครั้งไหน
    ใช่มีเกียรติ์แต่งเครื่งอแบบทหารไทย
    บอกไม่ได้ยิงฆ่าหน้าตัวเมีย
    
    เพราะคนยิงมิใช่เป็นคนพูด
    เอาตัวจริงมาพิสูจน์รู้ได้เสีย
    หาไม่ยากคนเบิกเบี้ยเลี้ยงเคลีย
    หกพันล้านราดเรี่ยเรียกมาดู
    
    น่าสงสารคำรณวิทย์แม้คิดถูก
    ไม่ยอมให้ล้วงลูกเพราะอดสู
    ลูกน้องตายไม่ยอมให้ใครมาขู่
    คนอย่างนี้ต้องชูสุดกำลัง
    
    โทษหนักหนอกูขอไม่ยอมให้
    อยู่ไม่ได้ต้องเอาเข้ากรุฝัง
    .ไอ้เอ๊ยอีชาติชั่วดันทุรัง
    ใช้พลังอิทธิพลเข่นคนดี..
    
    เดี๋ยวก็รู้ก็เห็น

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน