ว่างเปล่าและเต็มเปี่ยม

คีตากะ

1746191nkhbhkf65b.jpg












ปราศรัยเป็นภาษาจีน โดยอนุตราจารย์ชิงไห่
ที่ศูนย์ซีหู หมู่เกาะฟอร์โมซา วันที่ ๒๔ ตุลาคม ค.ศ. ๑๙๙๔


      นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอาจารย์เซนชาวญี่ปุ่นและศิษย์ของเขา วันหนึ่งศิษย์ได้ถามอาจารย์เซนว่า "อาจารย์ ขณะนี้ไม่มีอะไรอยู่ในจิตของฉันเลย แล้วฉันควรจะทำอย่างไรดี?" เขาหมายถึงว่าเขาว่างเปล่า! เขาได้บรรลุถึงระดับของความสงบอย่างสมบูรณ์ สสารต่างๆ ไม่แตกต่างจากความว่าง และความว่างเปล่าก็ไม่แตกต่างจากสสาร การมีบางสิ่งบางอย่างก็เหมือนกับไม่มีอะไรเลย มีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยระหว่างการรับประทานอาหารมังสวิรัติและการรับประทานเนื้อ...(อาจารย์และทุกคนหัวเราะ) อะไรทำนองนั้นน่ะแหละ! ดังนั้นเขาจึงถามอาจารย์ของเขาว่า "อาจารย์! ฉันกำลังบำเพ็ญได้ดีมากแล้วนะนี่ ไม่มีอะไรอยู่ในจิตของฉันเลย ฉันควรจะทำอะไรต่อไปดีตอนนี้?" เขาหมายถึงว่าเพราะเขาบรรลุถึงระดับสูงสุดแล้ว ยังมีอะไรอื่นที่เขาสามารถทำได้อีก!
อาจารย์ของเขาจึงกล่าวแก่เขาว่า "ถ้าอย่างนั้น" เธอก็จงทิ้งมันไปเสีย! ลูกศิษย์ตอบว่า "แต่ฉันไม่มีอะไรเลย แล้วฉันจะสามารถทิ้งความไม่มีอะไรได้อย่างไร?" ถึงตอนนั้นอาจารย์ของเขาก็หมดความอดทนและพูดว่า "อย่างนั้นก็, เอามันออกมาซี" (อาจารย์หัวเราะ) เธอเข้าใจไหม?! บางทีเธออาจไม่มีอะไรอยู่ภายใน ดังนั้นเธอถึงไม่รู้ว่าจะเอาอะไรออกมา (อาจารย์และทุกคนหัวเราะ)
คิดดูซีแล้วเธอจะเข้าใจ ถ้าคนไม่มีอะไรอยู่ในใจเขาแล้วทำไมเขาถึงถามคำถามนี้? กังวลว่าจะทำอะไร ก็หมายถึงว่าเขายังมีอะไรเต็มอยู่ข้างใน เธอเข้าใจไหม? มันก็เหมือนอย่างที่เขาคิดว่า เขาไม่มีอะไรเลย นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมอาจารย์จึงขอให้เขาละทิ้งมัน, ปล่อยวางมันลง อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงเถีงว่า  "ฉันไม่มีอะไร" แล้วจะให้ฉันปล่อยวางอะไร? ดังนั้นอาจารย์ของเขาจึงกล่าวว่า "ก็ดีแล้วนี่ ก็เอามันออกมาซี่" เขาหมายถึงว่าเนื่องจากเธอไม่สามารถปล่อยวางมันลงได้ ก็จงเอามันออกมาและแสดงแก่อาจารย์ และท่านก็จะวางมันลงให้เธอดู อาจารย์ต้องการแสดงให้เขารู้ว่าเขายังคงมีบางอย่าง เขายังคงผูกเป็นปมอยู่ คนที่ปราศจากเงื่อนปมใดๆ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับว่าเขาทำอะไรวันนี้ จะทำอะไรในวันพรุ่งนี้ อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากเขารู้แจ้ง หรืออะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเขาไม่รู้แจ้ง หรือเขาควรจะทำอะไรดีในขณะนี้ที่เขาอยู่ในระดับที่สูงอย่างนี้ หรืออยู่ในระดับที่ต่ำเช่นนี้ ในการบำเพ็ญของเขา....เธอรู้ไหมว่า ฉันหมายความว่ายังไง? ถ้าภายในของเราว่าง ทำไมถึงถามปัญหาอะไรอีก? เราจะทำอะไรอื่นใดได้อีก เมื่อเราไม่มีอะไร? ไม่ใช่หรือ? ยกตัวอย่างเช่น ถ้าไม่มีน้ำสักหยดอยู่ในถ้วยใบนี้ และเขายังพูดว่า "ไม่มีน้ำในถ้วยใบนี้ แล้วฉันจะดื่มมันได้อย่างไร?" ถ้าไม่มีน้ำอยู่ในถ้วย ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องถามคำถามว่าจะดื่มมันหรือไม่ดื่ม จากคำถามของเขาก็หมายความว่า เขายังคงเต็มอยู่ข้างในเพียงแต่เขาคิดว่าไม่มีอะไรเต็ม
ผู้บำเพ็ญส่วนมากก็เหมือนอย่างนี้ หลังจากบำเพ็ญไปได้สักระยะหนึ่ง พวกเขาก้เต็มไปด้วยทฤษฎีต่างๆ พวกเขาอ่านนิทานเซนหลายเรื่องเกินไป และเขาก็ฟังธรรมบรรยายของอาจารย์เขาหลายเรื่องเกินไป พวกเขาจึงพูดในทำนองไว้ภูมิ "สสารวัตถุต่างๆ ก็ไม่แตกต่างจากความว่างเปล่า, และความว่างเปล่าก็ไม่แตกต่างจากสสารต่างๆ" และคำพูดทำนองนั้นอื่นๆ พวกเขาก็กล่าวกันไปเรื่อยๆ และก้คิดว่าพวกเขาเก่งยิ่งใหญ่มาก พวกเขาเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างหมดแล้ว มีอยู่เพียงไม่กี่คน พวกพระและฆราวาสที่เป็นอย่างนี้ พวกเขาปฏิบัติตามฉันไปได้ระยะหนึ่ง พวกเขาได้ฟังเทปคาสเซ็ททั้งหมดแล้ว (อาจารย์หัวเราะ) และดูวีดีโอเทปทั้งหมด แล้วพวกเขาก็พูดว่า "ฉันควรจะทำอะไรดีตอนนี้? (อาจารย์หัวเราะ) ฉันขอพูดอย่างนั้นเพื่อเป็นตัวอย่างนะ แล้วพวกเขาก็จากไปและออกไปข้างนอก ไม่นานนักพวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาควรจะทำอย่างไร พอพวกเขาออกไปอยู่ข้างนอกเข้าเท่านั้น และต้องเผชิญกับการทดสอบหลายอย่าง พวกเขาจึงรู้ว่าพวกเขาก็ยังไม่เก่งมากถึงขนาดนั้น
เราจำเป็นต้องระมัดระวังเมื่อเรารู้สึกว่า เราไม่มีอะไรเลย เราปิดขังทุกสิ่งไว้ข้างใน แล้วมองจากข้างนอกแล้วก็พูดว่า "ไม่มีอะไรอยู่ในบ้านเราเลย" ที่จริงเราเพียงแต่ปิดขังมันไว้ หลายคนทำอย่างนี้ ไม่ใช่มีเพียงผู้ที่บำเพ็ญธรรมวิถีกวนอิมเท่านั้น คนส่วนมากที่บำเพ็ญธรรมวิถีอื่นๆ ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน พวกเขาทุกคนคิดว่าพวกเขายิ่งใหญ่ เธอได้พบคนประเภทนี้แล้วหรือยัง พวกเขามักจะชอบเถียงเสมอๆ และอ้างว่าพวกเขามีความรู้เรื่องพระคัมภีร์ต่างๆ เต็มไปหมด พวกเขาคิดว่าพวกเขาว่างเปล่า และคิดว่าอาหารมังสวิรัติก็เหมือนอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ทุกสิ่งทุกอย่างก็เหมือนกัน เป็นต้น ที่จริงแล้วพวกเขายังคงมีความยึดมั่นมากมายเหลือเกิน จิตใจของพวกเขาเต็มไปด้วยเงื่อนปมต่างๆ พวกเขาไม่สามารถเปิดใจให้กว้างได้
ฉันเข้าใจนิทานเรื่องนี้ในทันทีที่ฉันอ่านมัน เป็นไปได้อย่างไรที่เธอยังไม่เข้าใจมัน หลังจากที่ฉันได้อธิบายให้เอฟังเป็นเวลาครึ่งค่อนวัน? (เสียงปรบมือ) ดังนั้น อย่ามาถามฉันว่า "เราควรจะทำอย่างไรดี เมื่อเราว่างเปล่าอยู่?" ถ้าเธอว่างเปล่าจริงๆ เธอก็ไม่จำเป็นต้องถาม เธอไม่ควรที่จะมีคำถามใดๆ และเธอก็จะไม่สนใจอะไร ถึงตอนนั้นเธอก็จะไม่กังวลว่าได้รับหรือไม่ได้รับความเป็นพุทธะ เธอจะไม่กังวลเรื่องอะไรอีก มันไม่สำคัญสำหรับเธออีกต่อไปไม่ว่าเธอจะไปสวรรค์หรือนรกหรือไม่ว่าเธอมีบุญหรือกรรม เธอจะไม่สนใจอะไรเลย! ตอนนี้พวกเธอเข้าใจแล้วใช่ไหม? (ผู้ฟังตอบ ไช่")

 


Be Veg, Go Green 2 Save The Planet
www.suprememastertv.com
www.godsdirectcontact-thai.org				
comments powered by Disqus
  • อ่านครับ

    18 กรกฎาคม 2554 20:21 น. - comment id 125079

    +
  • คีตากะ

    22 กรกฎาคม 2554 11:31 น. - comment id 125166

    36.gif36.gif36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน