“ข้าพเจ้าก็อยากเป็นคนไร้ความทรงจำ แต่ข้าพเจ้าทำไม่ได้สักที”

อัลมิตรา

โดยส่วนตัวของผู้เขียนเอง เมื่อผู้เขียนนึกทบทวนว่ามีเหตุการณ์ใดบ้างที่ทำให้เกิดความทุกข์ขมขื่นจนอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตที่ผ่านมา  ก็พบว่ามี.. มีหลายเรื่องทีเดียวที่อยากจะย้อนกลับไปแก้ไข  เพียงแค่นึกในภวังค์ก็รับรู้ว่าความโศกเศร้านั้นยังไม่จางหายไปจากใจเลย
ถ้าตอนนั้น.. ตอนที่ผู้เขียนอายุได้ประมาณ ๖ ขวบ ด้วยวัยซนของผู้เขียน ที่ซนคะนองจนกล้าไปเล่นริมคลอง จำได้ว่าในตอนนั้น ผู้เขียนนั่งคร่อมบนตุ่มที่ชำรุดวางตะแคงไว้อยู่ขอบชายคลอง เอียงตัวโยกซ้ายขวาเหมือนดั่งบังคับยานอวกาศ หัวเราะร่วนร้องเพลงไปตามประสา จนกระทั่งผู้เขียนกลิ้งหล่นจากตุ่มที่นั่งคร่อมอยู่ จนร่วงลงน้ำ ร่างค่อยๆจมดำดิ่งลงไปยังเบื้องล่าง  ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเกินกำลังที่จะแก้ไข เนื่องจากตุ่มใหญ่ใบนั้นกลิ้งทับผู้เขียนอีกที น้ำหนักของตุ่มใบนั้นเหมือนดั่งช่วยกดลงให้ผู้เขียนจมน้ำยิ่งๆขึ้น  และด้วยเหตุการณ์นี้ ผู้เขียนต้องสูญเสียเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง เพราะเขาได้ช่วยชีวิตของผู้เขียนด้วยกำลังอันน้อยนิดของเขา  สองมือที่ไขว่คว้าหาสิ่งยึดครั้งสุดท้ายของผู้เขียน ยื่นคว้าไปอย่างตื่นตระหนก ซึ่งเขาคว้าตัวของผู้เขียนไว้ได้ และพยายามอย่างยิ่งที่จะลากผู้เขียนให้พ้นน้ำ  กระทั่งเขาทำสำเร็จ ลากผู้เขียนขึ้นมาอยู่ในระดับน้ำที่ปลอดภัย  แต่นั้นคงเป็นกำลังเฮือกสุดท้ายของเขา ก่อนที่เขาจะสิ้นแรงจนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้  หนึ่งชีวิตต้องดับสิ้นแทนที่  เป็นความยุติธรรมแล้วหรือที่จะต้องเป็นเขาผู้ที่เสียสละ จนทุกวันนี้..คำถามดังกล่าว ผู้เขียนไม่สามารถตอบมารดาของเขาได้ และด้วยเหตุการณ์ที่สะเทือนใจในครั้งนั้น ทำให้ผู้เขียนไม่สามารถพูดได้นานนับเดือน  หากย้อนเวลากลับไปได้  และถ้าวิกฤตนั้นยังจะต้องสังเวยด้วยคนใดคนหนึ่ง หากเป็นเช่นนั้นแล้ว  ผู้เขียนขอทวงชีวิตของเขาคืน และพร้อมที่จะไปแทนที่เขา  				
ถ้าตอนนั้น..ความคิดอันขลาดเขลาของผู้เขียน ที่ริอาจกระทำตัวเยี่ยงหัวขโมย  ขี้ขโมย.คำปรามาสนี้ยังก้องอยู่ในโสตเสมอ ด้วยความจำเป็น ปัญญาอันน้อยนิดไม่รู้จะหาวิธีใด ที่จะไม่ต้องถูกครูตี เนื่องจากไม่มีแบบฝึกหัดวาดเขียน  เด็กนักเรียน ป. ๔ ความคิดอ่านยังด้อย ผู้เขียนไม่เข้าใจว่า เหตุใดผู้เขียนจึงไม่มีแบบฝึกหัดดังกล่าว ทั้งที่บอกกับผู้ปกครองว่าต้องใช้เรียน แต่ดูเหมือนว่าแบบฝึกหัดนั้น ในละแวกบ้าน ไม่มีร้านค้าไหนขายเลย ทุกๆครั้ง เมื่อถึงคาบวิชาวาดเขียน เมื่อไม่มีแบบฝึกหัด ผู้เขียนก็จะถูกครูทำโทษทุกครั้ง  ทำไมหนอ ทำไมไม่มีเหมือนคนอื่นเขา  มือขวาที่ยื่นออกไปให้ครูตี เจ็บเหลือเกิน ทุกครั้งที่โดนตี ดูเหมือนว่าครูไม่รักเลย มีบางอย่างผิดปกติ หากครั้งใด ที่มีเพื่อนร่วมห้องลืมเอาแบบฝึกหัดวาดเขียนมา การทำโทษจะเปลี่ยนไปเป็นยืนหน้าชั้นเรียน ตรงนี้ทำให้ผู้เขียนมีความคิดขึ้นว่า ทำไมไม่ยุติธรรมเลย สำหรับการลงโทษ และจนกระทั่งผ่านมาอีกสัปดาห์ที่จะต้องเข้าชั้นเรียนคาบวิชานี้ คงเช่นเคย .. ผู้เขียนไม่มีแบบฝึกหัดวาดเขียน จะต้องเจ็บตัวอีกแล้ว ด้วยความกลัวและกเกรงว่าครูจะไม่รัก   ด้วยความเขลา จึงริอาจหยิบของเพื่อนมา เพื่อนสนิทเสียด้วย หยิบแบบฝึกหัดของเพื่อนและนำมาห่อปก โดยที่คิดว่า ถึงเพื่อนไม่มีแบบฝึกหัด เพื่อนก็คงไม่ถูกตี และขอให้ผ่านคาบชั่วโมงนี้ไปก่อน ก็จะนำไปใส่คืนในกระเป๋าให้เพื่อน สมุดแบบฝึกหัดยังคงเป็นชื่อเพื่อนอยู่ ผู้เขียนเพียงแต่นำปฏิทินมาห่อคลุมชั้นนอกไว้อีกที .. ในใจคิดเพียงเท่านั้น  คิดเพียงเอาตัวรอดผ่านพ้นไม้เรียวอีกหน  ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรทำ 

เวลาดูเหมือนจะผ่านไปช้าช้า จนกระทั่งถึงชั่วโมงเรียนวาดเขียน เห็นเพื่อนกระสับกระส่ายค้นหาแบบฝึกหัดวาดเขียนจากกระเป๋า ทำตาแดงๆจะร้องไห้  ปากก็พร่ำว่า ..เมื่อเช้าจัดใส่กระเป๋ามาแล้ว  ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน หาไม่เจอ หายไปไหน .. หายไปไหน  ..ผู้เขียนก็ยิ่งละอายแก่ใจยิ่งนัก ใจร่ำๆจะสารภาพความจริงไปว่า อยู่ตรงนี้ แบบฝึกหัดวาดเขียนของเธออยู่ตรงนี้ แต่ก็ไม่กล้า ความที่กลัวโดนครูตีมันจับใจมากกว่า

และในที่สุด เมื่อครูตรวจค้นทุกซอกมุมให้ห้อง กระทั่งมาหยุดยืนตรงหน้าผู้เขียน น้ำตาก็ร่วงเผาะๆ มือที่จับดินสอสีสั่นระริก ครูกระชากแบบฝึกหัดวาดเขียนขึ้นมา และฉีกปกปฏิทินที่ห่อออก  ครูก็จับได้ว่า ผู้เขียนหยิบของเพื่อนมาห่อปก ขโมย ขี้ขโมย เธอนั่นเองเป็นขี้ขโมย กล่าวพลางลากแขนผู้เขียนออกไปยืนหน้าชั้นเรียน  ความกลัวที่จะต้องโดนตี คงมีไม่มากเท่ากับความอัปยศที่เกิดขึ้นภายในใจ  ผู้เขียนถูกลงโทษหนักกว่าทุก ๆ ครั้ง ที่ผ่านมา  ครูให้ผู้เขียนเอ่ยปากยอมรับว่าเป็น ขโมย คนขี้ขโมย  แต่ผู้เขียนก็ไม่ยอมปริปากกล่าวคำนั้น ทั้งที่ในใจร่ำร้องว่า   หนูไม่ใช่ขโมย ..หนูไม่อยากเป็นขโมย ทำโทษหนูเถอะ แต่อย่าตราหน้าหนูว่าเป็นขโมย ..หนูเพียงแต่หยิบของเพื่อนมาห่อปก หนูไม่อยากถูกครูตี  ทำไมเวลาคนอื่นไม่มีแบบฝึกหัดวาดเขียน ครูไม่ตี แต่ถ้าเป็นหนู หนูจะต้องโดนตีทุก ๆ ครั้งไป หนูอยากให้ครูรักหนูบ้าง ทุกครั้งที่หวายลงหวด พร้อมกับตอกย้ำคำว่า ..ขโมย ยอมรับมั๊ยว่าเป็นขโมย ต่อไปคงขโมยไปเรื่อย คนขี้ขโมย .. คำประนามนี้มันเจ็บนัก.. เจ็บยิ่งกว่าการโดนทำโทษในทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา 

อาจจะเป็นโชคช่วยหรืออะไรก็ตามแต่ ครูใหญ่เดินตรวจตามชั้นเรียนต่าง ๆผ่านมาพอดี  และเมื่อทราบเหตุการณ์นี้ จากการรายงานของครู ครูใหญ่จึงพาผู้เขียนไปยังห้องส่วนตัวของท่าน และสอบถามถึงเรื่องราวทั้งหมด หนูไม่อยากเป็นขโมยค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจเป็นขโมย หนูอยากให้ครูรักหนู หนูไม่อยากโดนตี หนูไม่มีแบบฝึกหัด หนูบอกพ่อและแม่แล้ว แต่พ่อบอกว่าแถวนี้หาซื้อไม่มีเลย คงหมด หนูบอกครู แต่หนูก็โดนตีอีก หนูไม่อยากเป็นขโมยค่ะ .. จำได้ว่าสะอื้นตอบไปเช่นนั้น ..ผู้เขียนยังจำได้ดีว่า ครูใหญ่ดึงตัวไปกอดเช็ดน้ำตาให้พร้อมปลอบว่า   ครูเชื่อว่าหนู ไม่อยากเป็นขโมย เอานะ หนูไม่ใช่ขโมย เงียบเสียนะคนดี แล้วครูจะพาไปส่งที่ห้องเรียนนะจ๊ะ  .. ความอัปยศดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้น และหากย้อนเวลากลับไปได้ ผู้เขียนจะไม่ทำเช่นนั้นเด็ดขาด ไม่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการหยิบของเพื่อน จนกระทั่งคำว่าขี้ขโมยเป็นเหมือนตราบาปติดใจตลอดมา 

 ทั้งสองเหตุการณ์เป็นเสี้ยวชีวิตหนึ่งของผู้เขียน  และทุกครั้งเมื่อนึกย้อนกลับไปยังอดีต ก็ยังคงรู้สึกว่าความเจ็บปวด ความโศกเศร้าจากเหตุการณ์นั้น มันยังคงอยู่ เป็นความทรงจำที่ยากจะสลัดทิ้ง  และทั้งที่รู้ว่า..มันเป็นไปไม่ได้ที่จะย้อนเวลากลับไปแก้ไขหรือหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น  .. ผู้เขียนพยายามกำชับใจตนเองเสมอ มา ..ให้ยอมรับในความเป็นจริง กล่าวย้ำ ย้ำ และก็ย้ำกับตนเองว่าว่า .. ช่วงเวลาที่ขมชื่นในอดีตมันได้ผ่านไปแล้ว ทำใจเสียเถอะ อย่างไรก็ตามเราผ่านพ้นมาแล้ว และแม้ว่า.. หากย้อนเวลากลับไปได้ ชะตากรรมดังกล่าวก็อาจจะไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือความจริงที่ผู้เขียนควรยอมจำนน และป่วยการที่จะคร่ำครวญใดๆ  

อย่างหนึ่งที่ผู้เขียนสังวรเสมอ คือ ไม่มีมนุษย์คนใดที่จะไม่เคยพบพานความทุกข์  และเช่นกัน..ไม่มีมนุษย์คนใดที่ไม่โดนทดสอบจากเบื้องบน  สิ่งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะสุขสมหวัง หรือทุกข์ร้ายประการใด มันก็ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่มนุษย์ดำเนินชีวิตอยู่ในปัจจุบัน และอนาคตก็จะไม่มีวันเกิดขึ้น ตราบเท่ามนุษย์เรายังจ่อมจมอยู่กับอดีตที่ผ่านมา  บาดแผลในใจที่ยากลบเลือนเท่าที่ทำได้ในขณะนี้  ผู้เขียนคงทำได้แต่ ..ทำใจยอมรับในสิ่งที่เคยเป็นไป และคงมีเพียงประโยคนี้มาประโลมใจตัวเอง  ข้าพเจ้าก็อยากเป็นคนไร้ความทรงจำ แต่ข้าพทำไม่ได้สักที 				
comments powered by Disqus
  • pigstation

    13 สิงหาคม 2547 13:43 น. - comment id 76061

    คล้ายว่ากว่าจะได้ทานทุกเรียนต้องฝ่าขวากหนามก่อน จึงจะได้ทาน
    
    ความทรงจำแต่ละบทตอนคือการเรียนรู้มีสมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง
    
    ถ้าความทรงจำดีสวยสดงดงามอยู่คนเดียวจะไปเข้ากลุ่มกับชาวโลกที่เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมาแค่ไหน เมื่อมีคนช่วยชีวิตเราแล้วเขาจากไปแทนย่อมทำให้เราจะยิ่งต้องรักชีวิตยิ่งขึ้น เมื่อเขายอมเสียสละให้เราแล้ว เราก็พร้อมจะให้โอกาสใครต่อใครอื่นต่อไปเมื่อเราเติบใหญ่ขึ้น
    
    ส่วนการคิดตามประสาเด็กกลัวถูกทำโทษ เพราะเรื่องเล็กน้อยเราเลยต้องหาทางรอด แต่การถูกจับได้ การทำผิดที่เกินไปกว่านี้ก็ไม่มีเลยในชั่วเวลาที่ผ่านมา เพราะความหลาบจำและเรียนรู้จากความผิดเล็กๆก่อนลุกลามหากเราไม่เอามาไว้เตือนใจตัวเราเอง
    
    ผิดจากพวกความทรงจำบกพร่องโดยสุจริต จำไม่ได้ว่ามีหุ้นในธุรกิจเอกชนหรือเปล่าในขณะที่ต้องทำหน้าที่รับใช้บ้านเมืองอย่างซื่อสัตว์ เอ่อ...อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะ
    
    อยากทำโน้ดเพ็ดเป็นจัง มีเรื่องสั้น/บทความ ประหลาดๆในฮาร์ดดิสเราแต่แปลงไม่เป็น
    
    กำลังหาคนมาสอนน่าจะเร็วๆนี้
    จะได้แลกเปลี่ยนความทรงจำกัน
    
    การคิดทำให้เราต้องวิ่งผ่านความทรงจำที่มี แล้วเลือกเอามาใช้   หากจะถูกความทรงจำบางเหลี่ยมมือบาดเอา ก็ต้องยอม แล้วเอาความทรงจำแต่ละฉากมาคลุกเคล้าให้ได้ส่วน เพื่อเป็นความคิดสดใหม่ส่งผ่านให้ใครต่อใครที่ช่างคิดนำไปแปรรูปต่อยอดทางความคิดต่อไป
    เหมือนปลอกทุเรียนลูกแรกในชีวิตแหละ
    
    ไอ้พวกไม่ค่อยจะจำอะไรได้ มักเป็นพวกใช้ชีวิตตามสายพานการผลิตโดนต้อนไปห้างต่างชาติแล้วหยิบทุเรียนปอกแล้วมาทานบ่อยครั้งเกินไป เลยมักง่ายต่อการคิด ความจำสั้น จัดอยู่ในสปีชี่ปลาทอง และ ยุง
    
    
    
    
  • พายุ สุริยะ

    13 สิงหาคม 2547 14:33 น. - comment id 76063

    ... ดีจังครับ ชอบอ่านแบบนี้มาก ......
  • ใยไหม

    13 สิงหาคม 2547 15:43 น. - comment id 76069

    กาลเวลาเมื่อผ่านไปแล้ว  ย่อมล่วงเลยไปคงเหลือทิ้งไว้แค่ความทรงจำ.....  
    
    ไม่มีใครสามารถย้อนเวลาเพื่อกลับไปแก้ไขอตีดได้  สิ่งที่ยังคงทำได้คือ  ..ทำวันนี้ให้ดีที่สุด..  เพื่ออะไรเหรอ?เพื่อความเสียใจกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาจะได้มีน้อยที่สุด...
    
    มนุษย์ทุกผู้ทุกคนล้วนมีความผิดพลาด    ผิดหวังมาแล้วทั้งสิ้น  ขึ้นอยู่กับว่าเขาคนนั้นจะจัดการกับสิ่งนั้นต่อไปอย่างไร..
    
    หากย้อนเวลากลับได้ข้าพเจ้าคงจะดำเนินชิวิตด้วยความสงบมากกว่านี้  จิตใจที่ร้อนรนของข้าพเจ้าล้วนแล้วแต่นำมาซึ่งสภาวะอารมณ์ที่เลวร้าย ...
    
     สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เคยคิดว่าจะต้องสูญสลายกลับเป็นไป  ....แต่นี่แหละ  ที่เรียกว่าสัจจะธรรมของชีวิต   ....
    
    มีหลายสิ่งผ่านเข้ามาในชีวิตเพื่อให้เรียนรู้  และความเจ็บปวดในใจจักกลายเป็นความเข้มแข็ง...
    
    น้ำตา  ใช่ว่าแสดงถึงซึ่งความอ่อนแอเสมอไป    หากแต่มันนำมาซึ่งความเข้มแข็ง  การต่อสู้ทางด้านจิตใจและร่างกายนั้น  มีอยู่มากมายและพร้อมจักทดสอบเพื่อให้เราได้เรียนรู้มันอยู่ตลอดเวลาตราบใดที่เรายังไม่สิ้นลมหายใจ...
    
    หากเรายังมีจิตใจที่เข้มแข็ง  สิ่งต่างๆที่เข้ามาทดสอบเราก็จักผ่านไปด้วย  ใช้สติ  ในการตัดสินใจปัญหา  สมาธิจะนำมาซึ่งปัญญา.... การแก้ไขปัญหาทุกอย่างจะเป็นไปได้ดีแค่ไหน  ขึ้นอยู่กับจิตและการกระทำ...  
    
  • กุ้งหนามแดง

    13 สิงหาคม 2547 16:05 น. - comment id 76071

    ทุกเรื่องในอดีตนั้น ..เป็นบทเรียนของปัจจุบัน..
    ..
    เรื่องที่เราจำได้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบทเรียนที่สำคัญและมีค่ามาก...พระเจ้าจึงบังคับให้เราเก็บไว้ในสมองนานๆ ..
    ..
    จงมีสติ ระลึกรู้ และสมาธิจะนำมาซึ่งปัญญา  (อันนี้ลอกใยไหมมาน่ะ)..จะนำพาให้เราฝ่าฟันทุกอย่างไปได้ด้วยความสงบ เรียบร้อย ถูกต้อง ชัดเจน
    ..
    เราทุกคนไม่มีใครไม่เคยพลาดจ๊ะ...เป็นกำลังใจให้ตลอดไป..
    
    กุ้งหนามแดง
  • อัลมิตรา

    14 สิงหาคม 2547 11:46 น. - comment id 76091

    คุณpigstation ..
    
    คล้ายว่าจะทานทุเรียนต้องฝ่าขวากหนามก่อน ..:) เป็นคำเทียบที่อ่านแล้วเข้าใจได้ง่ายค่ะ หลายเหตุการณ์ที่พานพบ มีทั้งสุขและทุกข์ในความทรงจำ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเลือกจำแต่เฉพาะสุขเท่านั้น การที่เราได้ผ่านเวลาช่วงนั้นมาได้ ย่อมสั่งสมประสบการณ์และเพิ่มเติมความกล้าแกร่งให้กับตนเอง และยิ่งกว่านั้น ผู้ที่ไม่เคยผ่านวิกฤตการณ์เลวร้ายมา ย่อมอยู่ในสภาพพร้อมเผชิญไม่ทัดเทียมกับผู้ที่เคยผ่านวิกฤตนั้น
     
    คุณบอกว่าอยากทำnotepad เป็น ?? ตอนนี้ทำได้หรือยังคะ มีอะไรที่อัลมิตราพอจะช่วยได้หรือเปล่าคะ  จะว่าไปแล้ว ..คุณเองก็มีแนวความคิดเป็นของตัวเองดีนะคะ  อ่านข้อความที่คุณเขียนแล้วอัลมิตรากระจ่างใจตั้งหลายอย่างเชียวค่ะ
    ขอบคุณมากนะคะ ตอนนี้อัลมิตราเองก็ดูเหมือนวกวนในคำเขียนอยู่ บางทีเขียนจนตัวเองเวียนหัวเหมือนกันค่ะ เอาล่ะค่ะ แม้ว่าทุเรียนลูกแรกของอัลมิตราจะทำให้อัลมิตรามีรอยแผลบ้าง แต่คราวต่อไป อัลมิตราเชื่อมั่นว่าอัลมิตรามีวิธีปอกทุเรียน ให้ปลอดภัยแก่ตัวเองแล้วค่ะ
    
    ผ่านร้อนผ่านหนาวร้าวหลายหน
    ท่ามทุกข์ภัยผจญคนเย้ยหยัน
    เหลือเพียงซากพิจารณาค่าชีวัน
    กับร้อยกรองรำพันวันที่ตรม
    
    หนึ่งชีวิตดับสลายตายต่อหน้า
    เพื่อช่วยหนึ่งชีวาข้าขื่นขม
    ยุติธรรมใช่ไหมในโลกกลม -
    ที่โสมมควรฤๅคือชะตา
    
    และคำที่เขาประนามหยามดูถูก
    สมเป็นลูกโจรร้ายในครหา
    พร้อมสาปแช่งระบุโทษโอษฐ์ครูบา
    สมน้ำหน้าเด็กร้ายไอ้ขโมย
    
    เพียงอยากลบความทรงจำให้หมดสิ้น
    สิ่งเคยยินภาพเคยยลด้นไห้โหย
    แต่ยากเกินลบเลือนเบือนจิตโรย
    ดุจแส้โบยกระหน่ำย้ำย่ำแผลเดิม
    
  • อัลมิตรา

    14 สิงหาคม 2547 11:56 น. - comment id 76095

    คุณพายุ สุริยะ ...ขอบคุณมากค่ะ บทความที่นำมาเขียนในเรื่องนี้เป็นชีวิตจริงที่เกิดขึ้นในอดีตของอัลมิตราค่ะ รู้สึกเศร้าบ้างเมื่อต้องเขียนถึงเรื่องที่อยากจะลืม
    
    ยัยไหม .. หากมีใครสักคนที่อัลมิตราจะห่วงในตอนนี้ ก็คงจะเป็นยัยไหม .. และอัลมิตราก็เชื่อมั่นว่ายัยไหมจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ และดำเนินชีวิตต่อไปได้ด้วยตนเองอย่างปกติสุขตลอดไป เพียงแต่ .. ขอให้ยัยไหมลุกขึ้น ลุกขึ้นและก้าวเดินต่อไป ทั้งนี้เพื่อยัยไหมเอง
    
    คุณกุ้งหนามแดง .. ขอบคุณมากค่ะ ทุกคนผ่านการล้มมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อตอนเป็นทารกน้อยหัดเดิน กระนั้นยังยิ้ม หัวเราะ และกล้าเดิน  ดังนั้น ถ้าล้มอีกเมื่อตอนเป็นผู้ใหญ่ ล้มแล้วไม่ลุกนี่สิ..อายเด็กจังค่ะ
    
    
  • หมึกมรกต

    14 สิงหาคม 2547 13:30 น. - comment id 76099

    นั่นนะสิครับ
    
    รอบที่3 แล้วนะครับนี่ ที่แวะมาหน้านี้
    
    :)
  • Q 6:27

    14 สิงหาคม 2547 17:02 น. - comment id 76103

    อดีต  คือบทเรียนแก่ปัจจุบัน เพื่อปรับปรุงแก้ไข และเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่เราจะต้องเดินหน้าไปเผชิญกับมัน
    
    และอนาคตนั้น มันจะทอดไปไกลเพียงใดเล่า . ตราบสิ้นลมจวบจนสิ้นฟ้าหรือว่า ยาวนานกว่านั้นอีกไกลแสนไกล ?
    
    ไม่ว่ามันจะยาวนานเพียงใดก็ตาม แต่ละคนอาจจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว แต่กลับฝืนที่จะยอมรับมัน
    
    ปัจจุบัน เท่านั้น ที่เป็นช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจ.. ทำอะไรบางอย่างเพื่ออนาคตที่ดีที่สุด.... ซึ่งถ้าจะรอให้ถึงวันนั้น มันอาจสายเสียแล้วก็ได้ที่จะกลับมาเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างอีกหน
    
  • อัลมิตรา

    14 สิงหาคม 2547 21:19 น. - comment id 76112

    ศิษย์น้อง .. อ่านได้หลายรอบจ๊ะ ไม่คิดตังค์ 555 .. แต่ถ้าศิษย์น้องอยากจะแนะนำศิษย์พี่เรื่องวิธีเขียนบทความ ยินดีมากเลยนะ เพราะศิษย์พี่ไม่ค่อยมั่นใจตัวเองเลย เป๋ เป๋ ชอบกล ..
    
    
    ครูคะ ..ขอบคุณมากค่ะ ที่อบรม สั่งสอน อายะฮฺนี้อัลมิตราจะเข้าไปอ่านและทำความเข้าใจค่ะ
    
  • หมึกมรกต

    14 สิงหาคม 2547 22:21 น. - comment id 76123

    อ่ะ แวะมาอีกแล้วครับ คราวนี้มาวิจารณ์นะครับ
    
    คงไม่มี_ทันใดที่อยากให้เรื่องราวเหล่านั้นมันเป็นไปเช่นนั้น  พิมพ์ผิดหรือเปล่าครับ อ่านแล้วงง น่าจะเป็น ท่านมากกว่า
    
    จนกระทั่งผู้เขียนกลิ้งหล่นจากตุ่มที่นั่งคร่อมอยู่ จนลงน้ำ ประโยคนี้ฟังดูทื่อๆยังไงไม่รู้ครับ
    
    โดยรวมเขียนได้ดีมากแล้วครับ ใช้ภาษาที่สะท้อนอารมณ์ออกมาได้อย่างเหมาะเจาะ จนสามารถที่จะแทรกซึมเข้าถึงความรู้สึกของผู้อ่าน
    
    ขอชมนะครับ...
    :)
    
    เรื่องบทความ หรือเรื่องสั้น ศิษย์น้องก็ไม่ใคร่จะถนัดนักดอกครับ ศิษย์น้องเคยส่งความเรียงเข้าประกวดหลายครั้ง แต่ได้รับรางวัลชนะเลิศเพียงครั้งเดียวเท่านั้น 
    :)
    
    ...อดีต..บางครั้งทำให้ขมขื่น..บางครั้งทำให้สดชื่น..
    ขึ้นอยู่กับเรา..ว่าเราเลือกที่จะจมอยู่กับอะไร..ทว่า หลายครั้งที่เราไม่มีโอกาสได้เลือกเลย...
    
  • อัลมิตรา

    14 สิงหาคม 2547 23:22 น. - comment id 76132

    อืมมจริงสิ ศิษย์น้อง ปรับคำแล้วค่ะ ใจก็ว่าจะเขียนคำว่า ใคร ทำไมไปเขียนคำว่า ทันใด ..หว่า .. สงสัยใจจะเร็วกว่ามือคีย์
    
    เรื่องสั้น เรียงความ ..ศิษย์พี่ก็ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ อาศัยว่าตอนนี้ต้องpresent job บ่อยๆ เลยพูดยาวๆได้แยะหน่อยคะ และที่สำคัญ..มีภาระกิจที่จะต้องกระทำ ส่งบทความให้กับหนังสือพิมพ์สยามนิวส์ .. ทั้งที่ไม่เคยเขียนบทความเลย ก็เลยต้องกลับมาเริ่มต้นหัดเขียนค่ะ
    
  • พฤหัส กฤษชยรักษ์

    15 สิงหาคม 2547 05:50 น. - comment id 76134

    มาเชียร์ให้กำลังใจครับ แต่ผมคิดว่า ไม่ต้องเชียร์ก็วิ่งฉิวอยู่แล้วน่ะครับ
  • Q 26:91-104

    15 สิงหาคม 2547 10:26 น. - comment id 76142

    วันนั้น....มือที่เขายื่นให้... เราจับไว้อย่างแน่นเหนียวด้วยความตระหนกจนรอดมาได้ถึงทุกวันนี้  แต่..เขา..ผู้ซึ่งเป็นห่วงเป็นใยและหวังดี..กลับเป็นผู้ที่ต้องจากไป
    
    กลับกัน...ถ้าวันนี้...มือที่เรายื่นให้ใครสักคนด้วยความห่วงใยไม่น้อยไปกว่ากัน ขณะที่เห็นเขากำลังตกลงสู่เหวลึก แต่มันกลับถูกเมินเฉย มีเพียงสายตาที่เหมือนจะสื่อว่า อย่าห่วงฉัน แล้วเขาก็กลับไปคว้าเศษไม้ใบหญ้าที่ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ติดมือร่วงหล่นลงไปด้วยกัน...มันคงเป็นภาพที่เจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกิน
    
    จวบจนถึง...วันหน้า... ไม่ว่า ..เขา..เรา..หรือใคร.. เมื่อถึงเวลาที่ต่างคนต่างก็ช่วยเหลืออะไรกันไม่ได้เลยแม้สักสิ่ง.... ???
    
    -------------------------
  • นายทิวา

    15 สิงหาคม 2547 16:55 น. - comment id 76151

    ผมก็อยากเป็นคนไร้ความทรงจำ..แต่ผมทำไม่ได้ซักที... says: !!!
    
    แหะ แหะ ขอรับ.............
  • ดอกไม้ใต้หมอน

    20 สิงหาคม 2547 13:30 น. - comment id 76221

    ถ้าเป็นเราก็คงแย่นะที่ต้องเอาชีวิตคนอื่นแลกกับตัวเอง ทำบุญให้เขามากๆนะ
  • อัลมิตรา

    16 ตุลาคม 2547 13:20 น. - comment id 78099

    คุณพฤหัส ..กำลังใจสักนิด เพื่อเป็นพลังใจต่อกันค่ะ ขอละกัน
    
    ครูคะ .. วันนี้อัลมิตรา ทำผิดอีกแล้ว ที่ยังคงระลึกถึงเรื่องนี้อยู่
    
    อาทิวา .. ทำไม่ได้จริงๆ อย่างที่อากล่าวค่ะ
    
    คุณดอกไม้ใต้หมอน .. วันนี้ก็คิดถึงเขาอีกแล้ว ทุกครั้งที่อัลมิตราทำบุญ อัลมิตรากระทำแทนเขา ค่ะ 
    
    
    
    
  • ลักษมณ์

    19 ธันวาคม 2547 23:16 น. - comment id 80026

    ไม่ได้อ่านเนื้อเรื่องนะ
    อ่านแต่หัวข้อ
    
    แต่ขอเสนอแนะจากประสบการณ์ตรง
    ที่ได้เคยทำผิดใหญ่หลวงและมากครั้ง
    
    ดังนี้ว่า
    ไม่ต้องไปคิดที่จะวิ่งหนีและลืมในสิ่งที่ไม่อยากจำ
    
    ควรต้องทำความเข้าใจมัน เผชิญหน้ากับมันอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาอย่าปิดบังแม้เพียงเล็กน้อย 
    
    ปัญหาและสิ่งใดๆ ก็แล้วแต่
    ควรต้องมองให้เห็นเป็นลำดับแรก
    
    เมื่อเห็นแล้ว
    ควรต้องทำความยอมรับกับมันให้ได้เสียก่อน
    แม้จะไม่ชอบใจก็ตาม
    
    เมื่อนั้นจึงจะสามารถคิดแก้ไขได้อย่างถูกต้อง
    
    เห็น ยอมรับ แก้ไข
    ทุก(ข์) ปัญหา ชีวิต 
    
    เห็น ยอมรับ แก้ไข
    
    :] ..
    
  • ลักษมณ์

    16 สิงหาคม 2548 00:35 น. - comment id 86083

    ทุก(ข์) ปัญหา ชีวิต
    เห็น แก้ไข ยอมรับ
    :]

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน