30 พฤศจิกายน 2547 00:09 น.

..เพียงความเคลื่อนไหว../

kwan

ชั่วเหยี่ยวกระหยับปีกกลางเปลวแดด
ร้อนที่แผดก็ผ่อนเพลาเพราะเวหา
พอใบไม้ไหวพลิกริกริกมา
ก็รู้ว่าวันนี้มีลมวก
      
      เพียงกระเพื่อมเลื่อมรับวับวับไหว
      ก็รู้ว่าน้ำใสใช่กระจก
   เพียงแววตาคู่นั้นหวั่นสะทก
 ก็รู้ว่าในหัวอกมีหัวใจ
     
 โซ่ประตูตรึงผูกถูกกระชาก
เสียงแห่งความทุกข์ยากก็ยิ่งใหญ่
สว่างแวบแปลบพร่ามาไรไร
ก็รู้ได้ว่าทางยังพอมี
     
       มือที่กำหมัดชื้นจนชุ่มเหงื่อ
ก็ร้อนเลือดเดือดเนื้อถนัดถนี่
กระหืดหอบฮวบล้มแต่ละที
ก็ยังดีที่ได้สู้ได้รู้รส
      
       นิ้วกระดิกกระเดี้ยได้พอให้เห็น
  เรี่ยวแรงที่แฝงเร้นก็ปรากฏ
  ยอดหญ้าแยงหินแยกหยัดระชด
   เกียรติยศแห่งหญ้าก็ระยับ
    
  สี่สิบปีเปล่าโล่งตลอดย่าน
สี่สิบล้านไม่เคยเขยื้อนขยับ
ดินเป็นทรายไม้เป็นหินจนหักพับ
ดับและหลับตลอดถ้วนทั้งตาใจ
      
นกอยู่ฟ้านกหากไม่เห็นฟ้า
ปลาอยู่น้ำย่อมปลาเห็นน้ำไม่
ไส้เดือนไม่เห็นดินว่าฉันใด
หนอนย่อมไร้ดวงตารู้อาจม
       
ฉันนั้นความเปื่อยเน่าเป็นของแน่
ย่อมเกิดแก่ความนิ่งทุกสิ่งสม
แต่วันหนึ่งความเน่าในเปือกตม
ก็ผุดพรายให้ชมซึ่งดอกบัว
      
      และแล้วความเคลื่อนไหวก็ปรากฏ
เป็นความงดความงามใช่ความชั่ว
มันอาจขุ่นอาจข้นอาจหม่นมัว
แต่ก็เริ่มจะเป็นตัวจะเป็นตน
     
 พอเสียงรั่วรัวกลองประกาศกล้า
ก็รู้ว่าวันพระมาอีกหน
พอปืนเปรี้ยงแปลบไปในมณฑล
ก็รู้ว่าประชาชนจะชิงชัย ฯ
   ++++++++++++++++++++++++++

    (* กวีประพันธ์โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์  )				
30 พฤศจิกายน 2547 00:02 น.

รักแท้ในยามยาก

kwan

วันจะขื่นคืนจะขมระทมไฉน
             มิเคยร้างรมณีย์ฝันพิไล
        แต่งกาพย์กลอนสะท้อนสมัยให้แผ่นดิน
         
          กาพย์กลอนสะท้อนอารมณ์ความรู้สึก
           สะท้อนความคิดนึกจารึกถวิล
          สะเทือนทุกข์ สะท้อนทุกข์ ปลุกชีวิน
            ให้ต่อสู้อย่ารู้สิ้นศักดิ์ศรีคน
      
             กาพย์กลอนสะท้อนฝันบันดาลรัก
           จุดประทีปชีพประจักษ์ทุกแห่งหน
               ร้อยดวงดาวแด่ชาวดินผู้ดิ้นรน
              แต่งชีพฝันดั้นด้นทุกหนทาง
              อารมณ์ของแผ่นดินจะรินร่ำ
            ผ่านถ้อยคำของมนุษย์พิสุทธิ์สร้าง

             ร้อนจะเร้าหนาวจะเร่ง เปล่งหัทยางค์
               ทุ่งแม้ร้างทางแม้รก มิรอรี
               ด้วยแรงแห่งมนุษย์จะรุดหน้า
                   พุ่งพลังหวังท้าหาวิถี
              ด้วยเรี่ยวแรงแห่งรักพร้อมจักพลี
                 โรจน์ศรัทธาหทัยนี้รุ่งชีวิน
     
               จะวักดื่มกษีราจากสาคเรศ
           กอบเก็บแก้วพิเศษจากกรวดหิน
                 ถางทางท่องไปในปัฐพิน
                 จูบใจหอมจินตนาการ
           
             คอยเหินหาวราววิหคแสวงหา
               จะย่ำรุ่งสู่ทุ่งหญ้าอย่างกล้าหาญ
                    ย่ำเย็นวนาหาผกาบาน
                    ย่ำดึกบันดาลฝันสกาว
      
                   ตีนเมื่อเดินติดดินกลิ่นจะหอม
                      ใจเมื่อพร้อมเสียสละจะสีขาว
                 มือเปื้อนดิน จะปันดินเป็นดวงดาว
            ใจเหน็บหนาว จะเคี่ยวหนาวเป็นเปลวไฟ
      
       กาพย์กลอนคือรักแท้ในยามยาก
         จะแต่งดอกหญ้าฝากรักยิ่งใหญ่
             ยากจน จดจำค่าน้ำใจ
              ดีกว่ารวยแต่ไร้  ใจจะรัก 
       __________________________
   
             (*   บท ฤดีกาล ของ ไพรวรินทร์ ขาวงาม )				
29 พฤศจิกายน 2547 23:35 น.

หิ่งห้อย..(วิญญาณ)

kwan

๑.
     ดับดวงดาวดวงสุดท้ายที่ปลายฟ้า
แสวงหาความหยิ่งแสงหิ่งห้อย
จากดินดูสู่ฟ้า-ดาวพร่าพร้อย
กับสัตว์น้อยด้อยแรง...แสงพอทาน
      ๒.
     แล้วข้า...เลือกเป็นหิ่งห้อย
แทนดาวลอยสูงศักดิ์อัครฐาน
จึงมีปีก มีความหวัง อหังการ
มีสิทธิผ่านมุมอับอันลับดาว
    เบาปีกบาง บินไป บินไป
เผาไหม้ใจช่วงในห้วงหาว
เผชิญพายุบ้างบางคราว
ร้อนหนาว เข้าถึงโลกแท้จริง
     ๓
     ไม่มีดาวดวงสุดท้ายที่ปลายฟ้า
บางครั้งฉันอ่อนล้า เหนื่อยนิ่ง
ในมุมมืดหม่นมอดถูกทอดทิ้ง
ข้า...อยากมีค่ายิ่ง ณ ที่นั้น 
        _________________				
29 พฤศจิกายน 2547 23:28 น.

อย่าตอกย้ำ

kwan

			
                     ถึงซักถามตามระบอบให้ตามถ้อย
	  เหมือนฟื้นฝอยหาตะเข็บให้เจ็บจิตต์
                                ช่วยเฉลี่ยเกลี่ยไกล่เสียให้มิด
	              ด้วยชอบผิดตนก็รู้อยู่แก่ใจ
                              ***************************************				
29 พฤศจิกายน 2547 23:19 น.

/ความเหงาในหน้าหนาว/

kwan

อันความเหงาว้าเหว่เวลานี้          แสนสุดที่จะประมาณขนานไหน
 แม้นอันแดดอันแผดกล้ามาอย่างไร        ก็ไม่เห็นสว่างไสวอย่างไรมี
 เห็นไบไม้ไล้ลมคล้อยลอยละลิ่ว            ถูกปลิดปลิวด้วยลมพัดฉวัดฉวี
 ไร้เรี่ยวแรงต้านทานสายลมวี                ลอยลงสู่ผืนนทีอันกว้างไกล
 
เหมือนดุจหนึ่งใจข้ามาคราวนี้              ไร้ซึ่งที่แหล่งหล้าจะอาศัย
 รอลมพัดปลิดปลิวละลิ่วไป                  จะตกถิ่นแห่งหนใดไม่แจ้งเลย
 นกนางนวลบินคู่ดูโดดเด่น                  เจ้าช่างเป็นคู่สมชมเฉลย
  บินระเรี่ยสายน้ำอย่างคุ้นเคย                  กระไรเลยเจ้าช่างหยามใจข้าจริง
  
บินหนีหนาวเพื่อหลบเอาแสงแดดอุ่น      กายไอกรุ่นกกกอดคู่ดูสุขยิ่ง
  เมื่อยามหิวก็บินหาไม่ประวิง                 จะหาสิ่งสุขอันใดให้เทียมทัน
 โอ้ช่างผิดกับตัวข้ามาคราวนี้                 จักหาที่หนใดให้เหหัน
 ยามลมหนาวต้องกายก็ก่ายกัน               สองมือพลันกอดไหล่ให้วังเวง
  น้ำตาไหลเปื้อนแก้มแต้มดวงหน้า           ลมหนาวเจ้าทำร้ายข้าราวข่มเหง
  ใช่ว่าคลายกลับถาโถมมิยำเยง                ราวบรรเลงเร่งเพลงโศกยิ่งโศกใจ
 
 เห็นกิ่งไม้โยกไหวมิไกลหน้า                ราวเย้ยหยันน้ำยาหาผิดไม่
  โอ้ตัวเราช่างเขลาโฉดนี่กระไร               คงสมใจเจ้ากิ่งไม้ที่ไหวติง 
  จึงเมียงมองหาใครให้คลายเหงา              แต่ด้วยเราอับจนขัดสนยิ่ง
   อันทรัพย์สินเงินทองหากมีจริง               เพียงประวิงประทังกายให้หายใจ
 
 แลไร้ซึ่งวาทีอันแสนหวาน                   สำเนียงขานดุจไม้ฟืนหยิบยื่นให้
  ไร้วาทีอันสุนทรให้ผ่อนคลาย                มีแต่ใจสุนทรแต่อ่อนแรง
   จึงได้เสี่ยงร้อยกลอนใจมาให้เจ้า              มิได้เอาผลประโยชน์อันเสแสร้ง
   เพียงพยุงจูงใจอันอ่อนแรง                    ให้กล้าแกร่งต่อสู้โลกที่โศกร้าย
    __________________________________________
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟkwan
Lovings  kwan เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟkwan
Lovings  kwan เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟkwan
Lovings  kwan เลิฟ 0 คน
  kwan
ไม่มีข้อความส่งถึงkwan