29 มีนาคม 2547 00:45 น.

ตัดบัวยังเหลือใย ตัดใจยังเหลือรัก

Nonmin

          ฉันกับชินรู้จักกันมาตั้งแต่ปี 1 ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ฉันเรียนคณะนิเทศศาสตร์ ส่วนชินเรียนคณะศึกษาศาสตร์ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเราไปด้วยกันไม่ได้ แต่เราก็ยังดื้อรั้น เราคิดที่จะพยายามทำให้ถนน 2 สายเป็นสายเดียวกัน
          ทำไมถึงงี่เง่าแบบนี้นะ
          ชินตั้งใจที่จะไปเรียนต่อที่อเมริกาเมื่อจบการศึกษา ส่วนฉันยังคงอยู่ที่ประเทศไทย ฉันสัญญากับเขาว่าจะรอ จนกว่าเขาจะกลับมา
          ในระหว่าง 2 ปีนี้ที่ได้รอเขา เราติดต่อหากันเสมอ แต่ระยะหลังๆ กลับค่อยๆ หายไป ชีวิตฉันนอกจากการทำงานนั้น ฉันละทิ้งแทบทุกอย่างที่ผ่านมา แต่พยายามทำทุกอย่างขึ้นมาใหม่เพื่อที่จะมีชีวิตใหม่กับเขา ใครๆ ก็คิดว่าฉันโง่ ฉันไม่สนหรอกว่าใครจะว่ายังไง
          เมื่อเวลาผ่านไป ฉันจึงได้รู้ว่าที่ทำมาตลอด 2 ปีไม่มีความหมายอะไรเลย
          ฉันไปซื้อของที่ห้างแห่งหนึ่ง เมื่อเดินผ่านร้านอาหาร ฉันพบกับผู้ชายคนหนึ่งที่คุ้นหน้ามาก เขาทานอาหารกับหญิงสาว ทั้งคู่ดูสนิทสนมกัน เรียกได้ว่าเป็นคู่รักกัน ฉันเริ่มค่อยๆ จำใบหน้านั้นได้
          "ชิน"
          เขามองกลับมา และคงรู้ว่าเป็นฉัน เพราะแววตาของเขาแสดงออกถึงความตกใจและคาดไม่ถึง
          คืนนั้น เตียงของฉันรับด้วยน้ำหนักจากร่างกายของฉัน หมอนที่ฉันหนุนทุกคืนชุ่มไปด้วยน้ำตา ฉันเสียใจมาก เมื่อชินได้แสดงแววตาแบบนั้น ฉันจึงรู้ว่าเขาไม่อยากเจอฉัน ก็เขามีผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้ว
          ตัดใจในสมองฉันคิดแต่เรื่องนี้
          "ตรู๊ดตรู๊ด" เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ฉันเช็ดน้ำตา น้ำมูก พยายามทำเสียงให้เป็นปกติแล้วรับโทรศัพท์
          "ฮัลโหล"
          "เดเหรอ?" ชินเสียงของชิน "คือขอโทษนะ ที่ฉันไม่ได้รักษาสัญญา เดเรามาพบกันที่สวน XXX ได้มั้ย"
          ตอนนั้นฉันพูดอะไรไม่ออกแล้ว จึงตอบเหมือนคราง อืออือ ไปเบาๆ เขาคงอยากพูดอะไรกับฉัน ฉันคิดว่าพรุ่งนี้อาจเป็นวันสุดท้ายที่เราได้พบกัน ฉันต้องไปไปพบเขา
          เมื่อเรามาพบกัน เขาก็ได้แต่พูด ขอโทษ ขอโทษ ที่ฉันทำแบบนี้ จนฉันทนไม่ไหว
          "พอเถอะ!" ฉันพูดแล้วยิ้ม "ฉันเข้าใจ อย่าคิดมากอีกเลย! ถ้าไม่ใช่เรื่องของผู้หญิงคนนั้น เราคงไปกันไม่ได้อยู่แล้ว เรามีทางคนละทาง เธอไปทางนั้น ฉันไปทางนี้ มันอยู่ที่จุดหมายปลายทางของเราตะหาก เราอย่าโทษใครเลยนะมันเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนเหมือนคนทั่วๆ ไป เราพบกันเพื่อจากกัน เฮ้อ พอเถอะนะลาก่อน! เราจากกันตรงนี้แหละ!" เรายิ้มให้กันอีกครั้งก่อนจะเดินแยกกันไป
          รอยยิ้มของฉันค่อยๆ เลือนหาย กลายเป็นน้ำใสๆ อุ่นๆ ที่ไหลลงมาจากตา ฉันรู้ สักวันหนึ่งฉันต้องมีชีวิตที่เป็นของตัวเอง ไม่ขึ้นอยู่กับใคร แต่ถึงจะตัดใจกับรักในครั้งนี้ ถึงคำว่า "รัก" ที่เคยมีให้เขาจะลดน้อยลง ยังไง มันก็คงเหลืออยู่ ฉันตัดความรักออกไปหมดไม่ได้ เหมือนที่โบราณบอกไว้ "ตัดบัวยังเหลือใย ตัดใจยังเหลือรัก"
          ฉันขอให้รักที่เหลืออยู่นั้น กลายเป็นรักที่ดีแบบมิตรภาพของเพื่อน ขอให้มันเป็นแบบนั้นสักวัน
				
3 มีนาคม 2547 22:10 น.

รักสามเส้า ระหว่างเราสามตัว…

Nonmin

           ในฤดูใบไม้ผลิอันแสนอบอุ่น นกเอี้ยงตัวเมียสีดำ ตาใสแป๋วตัวหนึ่งได้บินมาที่ทุ่งนาแห่งหมู่บ้านดึ๊กดึ๋ย หล่อนได้มาหาแมลงกินอย่างสุขใจ แต่แล้วก็เห็นแมลงตัว ห-ญ่-า-ย-! กำลังเกาะอยู่บนหลังของกระบือตัวผู้ผู้งามสง่า นกเอี้ยงของเราจึงได้บินไปกินแมลงบนหลังของกระบือผู้งามสง่า พลางส่งสายตาหวานแหววให้ 
 และในทุกๆ วัน นกเอี้ยงก็จะมาหาแมลงกินที่ทุ่งนานี้เป็นประจำ และเธอก็จะคุยจ้อกับกระบือผู้งามสง่าอย่างสุขใจ วันหนึ่งกระบือตัวนี้ได้กล่าวชมออกมาว่า
          "น้องเอี้ยง รู้มั้ยว่าเดี๋ยวนี้น้องดูสวยขึ้นนะ"
          นกเอี้ยงหน้าแดง หัวใจเต้นตึกตักตึกตักตึกตัก "เราเป็นอะไรไปนะ ทำไมหัวใจถึงได้สั่นเช่นนี้" นกเอี้ยงรำพึงในใจ และเธอได้เก็บไปฝันทุกคืนและในที่สุด เธอก็ได้รู้ว่า เธอหลงรักกระบือผู้งามสง่าไปเสียแล้ว! โอ๊วหม่ายก๊อด!!!!!
          นกเอี้ยงจึงได้มาระบายความในใจให้ตุ๊ดเห็บแห่งทุ่งนานี้ฟัง เมื่อตุ๊ดเห็บได้ฟัง จึงร้องออกมา
          "อ๊า! เธอเธอมาชอบคุณกระบือของฉันไม่ได้นะ เพราะว่าเพราะว่าฉันรักคุณกระบือมาตั้งนานแล้ว!!!!!!!" สิ้นเสียงร้องอันดังโหวกเหวกไม่เข้ากับตัว กระบือผู้งามสง่าหันขวับมา เขาเดินมาหานกเอี้ยงและตุ๊ดเห็บ เมื่อไถ่ถามจึงได้รู้ความจริง
          "นี่!" กระบือพูด พลางก้มหน้า "เราจะให้มันเกิดรักสามเส้าไม่ได้นะ ฉันไม่อยากจะให้ใครแตกคอกัน เข้าใจม๊าย!!!!!!!!!!!!!" กระบือผู้งามสง่าว่าพลางวิ่งหนีไป นกเอี้ยงกับตุ๊ดเห็บมองไปที่กระบืออย่างเศร้าใจ พอหันหลับมามองกันอีกที ก็
          "เชอะ!" 
          วันแล้ววันเล่ากระบือก็ยิ่งห่างเหิน หมางเมิน ไปเรื่อยๆ จนนกเอี้ยงและตุ๊ดเห็บเกิดความรู้สึกเศร้า จึงได้มาปรึกษากันใต้ต้นขนุน
          "เราจะทำยังไงกันดี ฉันนึกไม่ออกเลย!" ตุ๊ดเห็บว่า
          "นั่นสิ ฮึ คุณกระบือเขาไม่สนใจเราเลย ฮือๆๆๆ ฉันกลัวว่าเขาจะไปหลงรักนังควายที่มาใหม่จังเลย ฮือๆๆ" นกเอี้ยงร้อง ตุ๊ดเห็บก็ร้อง ทั้งสองกอดกัน (ได้ไงฟะ) เพื่อทำใจ
          ปิ๊ง!
          โอ๊ะ อยู่ๆ ทั้งนกเอี้ยงและตุ๊ดเห็บก็เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นเมื่อได้สัมผัสกันเช่นนี้ "เห็บ" "เอี้ยง"
          วันต่อมาทั้งสองได้เดินกอดกันไปพบกระบือผู้งามสง่าซึ่งกำลังกินหญ้าอย่างสุขใจ กระบือหันมามองทั้งที่ยังเคี้ยวหญ้าอยู่ พอเขาเห็นดังนั้นเขาถึงกับชะงัก
          "เราแก้ปัญหาได้แล้วนะจ๊ะ พี่กระบือ เราสองคนรู้ว่าถึงอย่างไรพี่กระบือก็คงจะไม่สนใจเรา" นกเอี้ยงพูด
          "ใช่แล้ว" ตุ๊ดเห็บว่าโอ้ ไม่สิ ต้องเรียกคุณเห็บต่างหาก ตอนนี้เขาไม่ใช่ตุ๊ดแล้วนะ!
          "ตกลงเราสองคน เอ๊ย สองตัวเป็นแฟนกันแทนจ้า~!" ทั้งสองร้องพร้อมกัน 
          "อ้วก!!" กระบืออ้วกออกมาทันทีทันใด
          จบ!!! แต๊นแตนแตนแต่น 
          Spacial Thanks  
          ต่อง & ทิพย์ = ขอบคุณที่ช่วยคิดเรื่องขึ้นมานะ ทำให้เรามีเรื่องสั้นขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถึงยังไงความดีความชอบก็เป็นของพวกเธอเพราะพวกเธอคิด ไม่ใช่เรา อืมไม่รู้คนอื่นจะว่าไง แต่สำหรับเราเรื่องนี้น่ารักดีนะ ฮิฮิ
          เพื่อนๆ แห่งห้อง ม.2/8 ร.ร. สตรีฯ ตราด = ขอบคุณที่อ่านตรงที่เราเรียบเรียง เพราะพวกเธอช่วยชมติเตียน เพื่อให้เราแก้ไขเนื้อเรื่องก่อนจะมาเอามาลงที่นี่ และการที่ทำให้เราเรียบเรียงเรื่องของต่องกับทิพย์ได้ดีขึ้นนี้แหละ ทำให้เจ้าสองคนนั่นภูมิใจเมื่อได้ฟังที่เราอ่านอะนะ ขอบคุณแทนต่องกับทิพย์ด้วยละกันนะ เพื่อนเอ๋ย!
          และขอบคุณคุณ ใช่! คุณนั่นแหละ! คุณที่อ่านเรื่องที่เราพิมพ์นี้นี้ และคุณที่อ่านและลงความคิดเห็นให้แก่หน้านี้ เพื่อให้พวกเราพยายามคิดๆๆๆ ต่อไป ขอบคุณมากๆ ค่ะ =^/I^=				
3 มีนาคม 2547 22:09 น.

ขอแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด...

Nonmin

           เมื่อ 2 ปีก่อนตอนที่ฉันอยู่ ม.4 ฉันเป็นเด็กที่หัวไม่ค่อยดีนัก แต่ค่อนข้างขยันและเอาใจใส่ในเรื่องของการเรียน เมื่อขึ้นมาอยู่ ม.ปลายนี้ ฉันจึงต้องเตรียมตัวหนักขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะต้องเข้ามหาวิทยาลัยในอีกไม่ช้านี้ และในตอนนั้นเองที่แม่ของฉันแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนของท่านและลูกชาย ซึ่งโตกว่าฉัน 4 ปี กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย
          เมื่อแรกที่ฉันได้เจอ ฉันก็รู้สึกชอบผู้ชายคนนี้ขึ้นมาทันที เรียกว่า Love at first sight นั่นแหละ เพราะเขาเป็นผู้ชายที่หล่อมาก หน้าตาคมเข้ม พอได้พูดคุยฉันก็รู้สึกว่าคนนี้แหละ ใช่เลย เขามักจะติวหนังสือให้ฉันตอนที่ใกล้สอบ และยิ่งเราใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองรักผู้ชายคนนี้ ถึงแม้จะรู้ว่าเขามีแฟนแล้ว เป็นสาวสวย ดาวมหาวิทยาลัย แต่ไม่เป็นไร ขอได้อยู่ใกล้กันแค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว
          และเมื่อปีก่อนนี้เอง ที่ฉันต้องเจอเรื่องนี้
          ตอนนั้นพ่อแม่ฉันและพ่อแม่เขาไปงานเลี้ยงกัน และฉันก็มาที่บ้านเขาตอนสามทุ่มเพื่อเอาหนังสือที่ขอยืมไปมาคืน ฉันกดกริ่งแต่ไม่มีใครออกมา จึงถือวิสาสะเดินเข้าไป แล้วฉันก็มาเจอเขานั่งทำหน้าเศร้าอยู่บนเตียงในห้อง ฉันเดินเข้าไปช้าๆ และถามว่า
          "เฮ้! เป็นอะไรไปเหรอ" เขาหันมามองฉัน แล้วดึงฉันนั่งลงข้างๆ 
          "เธอเคยอกหักมั้ย" เขาถามเสียงเบาๆ ฉันส่ายหัวทันที อ้อ รู้แล้วว่าเป็นอะไร ฉันตบหลังเขาเบาๆ พลางพูดเป็นกำลังใจให้เขา
          "อย่าไปคิดมากเลยนะ ทำใจให้สบายๆ ดีกว่า คุณยังมีเพื่อนๆ และคนอื่นๆ อีกตั้งเยอะแยะไป" เมื่อเขาได้ฟังก็หันมาทางฉัน แล้วอยู่ๆ ก็เอ้อ มันเป็นเพียงการเริ่มต้นน่ะ ศีรษะของเขามาอยู่บนอกฉัน เขาโอบมือรอบเอวฉัน ตอนนั้นฉันรู้ว่าฉันขัดขืนไม่ได้ และยิ่งรู้ว่าเขาเศร้าฉันจึงกอดเพื่อปลอบใจ โดยไม่คิดว่าจะมีอะไรเกินเลยไปกว่านี้ แต่เขาก็
          แต่ฉันก็ไม่ได้กรีดร้องหรือขัดขืนออกมา หวังว่าคุณคงเข้าใจนะ ต่อให้เรารักเขามากแค่ไหน แต่เราไม่อยากทำให้เขาเสียความรู้สึกน่ะจริงๆ นะ
          ฉันตื่นขึ้นมาในตอนตี 3 แล้วรีบแต่งตัวกลับบ้านทันที รู้สึกดีที่ตอนนั้นพ่อแม่ไม่อยู่บ้าน ไม่อย่างนั้น ฉันคงเดือดร้อนแน่ๆ แต่ถึงยังไงฉันก็เดือดร้อนอยู่แล้ว เพราะ 2 เดือนหลังจากนั้น ฉันก็คลื่นไส้อาเจียนบ่อยๆ ฉันลูบท้องตัวเองและเดินทางไปโรงพยาบาล
          "ยินดีด้วยค่ะ คุณกำลังจะมีเด็ก" 
          เมื่อฉันได้ฟังก็ไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่ เพราะฉันคิดไว้อยู่แล้ว แต่ฉันก็ยังไม่ได้บอกพ่อแม่ จนท้องได้ 4 เดือน พ่อแม่จึงสังเกตว่าท้องของฉันมันใหญ่ขึ้น ฉันจึงยอมบอก พ่อกับแม่ตกใจมาก และในตอนนั้นเองที่ฉันเพิ่งรู้สึกว่าฉันผิด ฉันไปพบเขาและเล่าเรื่องให้ฟัง ตอนนั้นเกิดปัญหาวุ่นวายกันใหญ่ เพราะฉันยังเรียนไม่จบ และเขาก็ยังเรียนอยู่ ตอนนั้นแม่ฉันและแม่เขาบอกว่าจะให้ฉันเอาเด็กออก ฉันกับเขาถึงกับน้ำตาซึม ฉันทำไม่ได้หรอก ฉันว่าว่ามันเท่ากับเป็นการฆ่าคนชัดๆ และเด็กคนนี้ก็คือลูกของฉันกับคนที่ฉันรัก ถึงใครจะว่ายังไง ฉันก็จะเลี้ยงลูกของฉันให้ดีที่สุด และในที่สุดทั้งครอบครัวฉันและครอบครัวเขาก็ตัดสินใจให้เราสองคนเป็นสามีภรรยาอย่างเป็นทางการหลังจากที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย
          และในเวลาต่อมา ฉันก็รู้สึกดีขึ้น ตอนนี้ฉันเลี้ยงลูกอายุ 8 เดือนที่ชื่อว่าน้องแฟง เขาคนนั้นตอนนี้เพิ่งเรียนจบและเริ่มทำงาน เขารักฉันและลูกของเรามาก คอยดูแลเอาใจใส่อยู่เสมอ ทั้งพ่อทั้งแม่ของเราสองคนก็เข้าอกเข้าใจเราดี พวกเขารักหลานคนนี้กันมาก มีบางครั้งที่ฉันรู้สึกแย่เมื่อนึกถึงวันเก่าๆ แต่เขากลับบอกให้ฉันเข้มแข็งเสมอ และเตือนว่าอดีตนั้นจะเป็นยังไงก็ช่างมัน เราทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอแล้ว 
          ฉันเชื่ออย่างนั้น จริงๆ ไม่ใช่แค่อดีตที่มันผ่านพ้นไป แต่อนาคตเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก ฉันขอให้คุณจงทำวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะนึกเสียดายกับอะไรบางสิ่งที่เสียไป				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟNonmin
Lovings  Nonmin เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟNonmin
Lovings  Nonmin เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟNonmin
Lovings  Nonmin เลิฟ 0 คน
  Nonmin
ไม่มีข้อความส่งถึงNonmin