จิตรำพัน แม้เวลาพาผ่านนานเนิ่นแล้ว ยังไม่แคล้วแนวใจใฝ่ฝันหา เสียงเอ่ยพร่ำรำพันจากเธอมา ยังเหมือนว่าฟ้านำเธออยู่เคียง บ่อยครั้งใจได้ยินชินเธออยู่ คอยแลดูดูแลแว่วยินเสียง ใจยังเผลอพร่ำเพ้อละเมอเมียง ยังร้อยเรียงเสียงหวานต้านใจตรม แต่ความจริงรู้ว่าพาไกลห่าง ไม่มีทางหวนกลับจับขื่นขม สุดปลายฟ้าหาคืนชื่นภิรมย์ ไม่อาจชมเชยชิดติดใจคืน อยากทำตัวหัวใจให้แข็งแกร่ง มีเรี่ยวแรงดังเดิมเติมใจฝืน เหมือนก่อนรับประดับเธอแล้วพังครืน ขอหยัดยืนฟื้นใจใส่กำลัง จะหมุนวนคนเวียนเลียนภาพเก่า ให้รุมเร้าเผาใจไร้ความหวั ง นานเท่าไรใจคืนชื่นชีวัง เรื่องช้ำรั้งขังมืดจางหายไป เหมือนติดในวังวนวนความคิด ขังดวงจิตติดบ่วงห้วงหวั่นไหว ไร้ทางออกสู่แสงแห่งตาใน เพราะหัวใจจมปักรักคำเดียว
มณีจันทร์ ตาหลับลงแต่ใจไม่เคยหลับ มันหวนกลับคะนึงถึงวันหวาน ยังได้ยินเสียงเธอเหมือนวันวาน ยังขับขานพูดพร่ำร่ำเรื่อยมา แม้รู้ว่าเธอไปไม่หวนกลับ จากลาลับแสนไกลสุดไขว่หา เธอไปลิบอยู่เหนือกาลเวลา อยากเอื้อมมาคว้าลมสุดข่มใจ อยากหลุดพ้นวังวนจนทางออก สุดช้ำชอกบอกใจไม่หวั่นไหว แต่ติดอยู่วกวนทนปวดใจ ข้างหน้าไซร้ไร้ทางเหมือนอย่างเคย เพราะว่ารักคำเดียว เกี่ยวใจไว้ เธอจากไปซมซานรานอกเอ๋ย หาทางออกวังวนจนผ่านเลย ก็เหมือนเคยคือจนด้วยหนทาง
อาราเล่ บ่อยที่ใจร่ำร้องแลมองหา คราบน้ำตารินรดจรดเป็นสาย ติดอยู่ในวังวนจนเจียนตาย มิเคยคลายหม่นเศร้าเฝ้าอาลัย บ่อยที่ในหัวใจได้ยินเสียง แว่วมาเป็นสำเนียงเพียงอ่อนไหว ไม่เคยเลยสักครั้งต้องห่างไกล แม้จะอยู่หนใดย่อมมีกัน คงกลิ่นอายไออุ่นกรุ่นทั่วห้อง ชายตามองไม่เห็นเป็นเพียงฝัน บ่อยที่นอนละเมอเพ้อทุกวัน เรียกชื่อเธออย่างนั้นมันชินตา ยังคงคุ้นกับที่เคยมีเธอ ยังคงเพ้อร้องร่ำคร่ำครวญหา แต่ก็รู้เธออยู่ไกลเกินกลับมา อยู่บนฟ้าเบื้องบนจนยากคืน อยากให้ใจเข้มแข็งแกร่งกว่านี้ ทุกเรี่ยวแรงที่มีไม่อยากฝืน หยาดน้ำตาซ้ำซ้ำเพราะกล้ำกลืน อยากจะฝืนยืนได้ไม่มีเธอ จะต้องเป็นเช่นนี้อีกนานไหม ภาพเธอนั้นคาใจอยู่เสมอ ยากจะลืมวันที่เคยมีเธอ ยังละเมอเพ้อไปในวังวน ด้วยเหตุผลง่ายง่ายเพียงสั้นสั้น " รั ก "คำเดียวเท่านั้นมันสุดล้น เกินจะหยุดรักได้ให้ทุกข์ทน รักเธอจนตราบชีวิตมิคิดลืม
ยาแก้ปวด เป็นบ่วงกรรมกักกั้น คุมขัง ตรวนโซ่ล่ามดุจดัง นรกซ้อน เงามืดมิดรุมฝัง คลุมร่าง เจ็บปวดร้าวเร่าร้อน พิษร้ายเคลือบแฝงฯ เสียงเธอเรียกแว่วไร้ ตัวตน เหลียวเหม่อมองทุกหน ซ่อนเร้น โหยหาพร่ำเพ้อบน ความว่าง เอื้อมเท่าไหร่เหมือนเค้น ไขว่คว้าเงาดำฯ เพราะเธอไกลสุดคว้า คืนมา ไกลห่างจนลับตา สุดฟ้า นานเกินกว่าเรียกหา เธออีก ใจอ่อนแรงอ่อนล้า หมดแล้วแรงใจฯ จมวังวนแห่งนี้ ยาวนาน หยั่งลึกสุดทรมาน ห่อนไห้ เหลือเพียงแค่วิญญาณ ลอยล่อง เพราะรักคำเดียวไซร้ ฉุดรั้งวิญญาณ์ฯ๛
![]()
26 เมษายน 2551 21:58 น. - comment id 843395
บรื้น...บรื้น..บรื้น.. แซงโค้งมาชิงที่ 1 ก่อง เด่วมาใหม่..จ้า
26 เมษายน 2551 22:00 น. - comment id 843396
โหพี่ยาอ่ะ แล้วจะได้ที่ไหนเนี่ย
เต่าสุดๆ
26 เมษายน 2551 22:00 น. - comment id 843397
สวัสดีมณีจันทร์ มาร่วมชมด้วยครับ
26 เมษายน 2551 22:07 น. - comment id 843401
พี่ยานี่ประจำเลยแฮะ - - เพราะหลงทางวังวนจมในรัก สับสนนักวกวนไปถึงไหน หาทางออกจากวังวนจนเหนื่อยใจ วกวนในวังวนแสนวกวน
26 เมษายน 2551 22:17 น. - comment id 843410
เอ๊ย รายเนี่ย หันไปดูทีวีหน่อยเดียว ไม่ทันซะแร๊ะ เอ๊า ที่เท่าไหร่ก็เอา เฮ้อ
26 เมษายน 2551 22:36 น. - comment id 843421
โห สี่สาวแหวกว่ายในวังวน แต่ละคนวุ่นวายน่าใจหาย ช่วงเวลาหวานหวานพาลเสียดาย เธอทั้งหลายอย่าเศร้าเนานานเลย
26 เมษายน 2551 22:43 น. - comment id 843427
สวัสดีค่ะสี่สาว.. โห..สุดยอดค่ะ
26 เมษายน 2551 22:44 น. - comment id 843430
เฮ้อ....มาช้ากว่าเขา กว่าจะปล้ำกลอนสำเร็จ....ที่เท่าไหร่ก็เอาแล้วละ
26 เมษายน 2551 22:45 น. - comment id 843433
ขอให้วังวน วนใหม่อีกรอบ ทีนี้สมหวังทั้งสี่สาวนะค่ะ แล้วทีนี้จะรออ่านแบบ รักสมหวังทั้งสี่สาวค่ะ
26 เมษายน 2551 23:39 น. - comment id 843472
บ่อยที่ใจร่ำร้อง มองหา บ่อยที่มีน้ำตา สุดกลั้น บ่อยที่คิดทุกครา เธออยู่ ไม่ไกล เพียงแค่ฝันเท่านั้น จากนี้ไม่เหลือ ไม่อยากเชื่อจากนี้ ต่อไป เธออยู่ที่แห่งใด ขอบฟ้า เป็นดาวที่แสนไกล อาจใช่ เป็นเธอ กระพริบอย่างช้าช้า อ่อนล้า หมดแรง
27 เมษายน 2551 01:37 น. - comment id 843489
วังน้ำวนแห่งนี้มีสี่สาว สกาววาวพราวแสงแห่งความฝัน เป็นเกลียวคลืนรื่นรัมย์ความสัมพันธ์ มีรักมั่นซึ้งใจในวังวน อยากพายเรือไปหาพาไหวหวาด หากผิดพลาดไหนเลยจะพายพ้น เผลอหลงไหลใจลอยในเกลียวชล ในวังวนสี่สาวต้องเศร้าใจ อิอิ..วังวนนี้แรงจริงๆๆๆๆๆ
27 เมษายน 2551 03:00 น. - comment id 843493
แม่น้ำสาย แห่งนี้ มีสี่เส้น รวมกันเป็น สายใหญ่ ไหลแรงรี่ ต้นกำเนิด เกิดสี่สาย มิตรวารี รวมกันที่ ปากน้ำ ที่บ้านกลอน กระแสชล วนหมุน เป็นวังเชี่ยว สี่น้ำเกี่ยว พันธ์ผูก เกินจะถอน ไหลสี่สาย บรรจบ ครบสะออน เองามงอน เร่จันยา มารวมกัน /. เหมือนปากน้ำโพเลยเนี่ย แม่น้ำสี่สายมารวมกัน สวยๆกันทั้งนั้น โม๊ด...เล้ย
27 เมษายน 2551 08:08 น. - comment id 843538
กลอนก็เพราะ เพลงก็โดนใจมากๆ
27 เมษายน 2551 08:56 น. - comment id 843542
จิตรำพันรำพึงผ่านว่านานแล้ว ความหวานแว่วครั้งหลังยังโหยหา แม้นคืนวันผันเปลี่ยนหมุนเวียนลา ยังตรึงตราประทับอยู่กับใจ ยากจะลบรอยรักออกจากจิต มันฝังติดจดจำตอกย้ำให้ ตราบสิ้นชีพปลดปลงลงคราใด พันธะใจถูกปลดหมดระวาง มณีจันทร์นั่นเอ่ยเผยความลับ ว่ายามหลับแน่นิ่งยิ่งอ้างว้าง ปิดตาหลับแต่ไหงใจหลงทาง มันครวญครางชอบกลสับสนจริง เพราะใจหลงวังวนค่ายกลรัก สุดจะหักห้ามจิตคิดอยู่นิ่ง ต้องไขว่คว้าหารักมาพักพิง เหมือนยิ่งวิ่งยิ่งหลงดงมายา อาเรเล่เห่เขียนเพียรกำหนด ได้เจ็ดบทนับผ่านอ่านแล้วหนา เศร้าอีกแล้วครับท่านม่านน้ำตา เพราะรักลาลอยล่องย่องไปไกล เขาคนนั้นอยู่ไกลถึงในฟ้า ยากกลับมาหวนคืนยื่นรักให้ รอเวลาฟ้าร่วงตรงดวงใจ คงยิ้มได้ชื่นชมสมดังรอ ส่วนคุณยาแก้ปวดยิ่งปวดเศร้า หิ้วขวดเหล้าแม่โขงแต่งโคลงหนอ บอกว่ารักคือบ่วงหน่วงพนอ นรกรอคุมขังฝังกายใจ นรกขุมความรักจักถามหา คนที่มาผิดหวังนั่งร้องให้ ยมทูตความรักรู้จักใคร หากหลงไหลไม่ระวังนั่งตรอมตรม...ขอลงท้ายด้วยพุทธภาษิตที่ว่า ปิยโต ชายเต โสโก ปิยโต ชายเต ภยํ ปิยโต วิปฺปมุตฺตสฺส นตฺถิ โสโก กุโต ภยํ ฯ แปลว่า ความเศร้าโศกย่อมเกิดจากสิ่งอันเป็นที่รัก, ความกลัว(เช่นกลัวว่าจะต้องพลัดพรากเป็นต้น) ย่อมเกิดมาจาสิ่งอันเป็นที่รัก, เมื่อล่วงพ้นจากความรักไปได้ ความเศร้าโศก และ ความกลัว ก็เป็นอันหมดไป..
27 เมษายน 2551 09:24 น. - comment id 843551
วังวนนี่ อิอิ วนทางซ้ายหรือทางขวา ถ้าทางขวาเรียก ทักษิณาวัตร ถ้าทางซ้ายเรียก ทักษิณชินวัตร
ผ่านมาอ่านวังวนครับ
27 เมษายน 2551 09:53 น. - comment id 843570
สี่สาวแสนสวยซน.. ยามยลยังแย้มยวนยิน.. ไมตรีจิตมิตรอักษร
27 เมษายน 2551 11:43 น. - comment id 843627
มาเวียนวนอ่านงานของ4สาวไม่ใบเถา ตากลมๆค่อยๆวนอ่าน..อิอิ
27 เมษายน 2551 11:58 น. - comment id 843636
ล่องผอบลอยไปในน่านน้ำ ใส่รักช้ำลงไปในแห่งหน กระแสเชี่ยวเลี้ยวไปในวังวน มิหลุดพ้นจากไปไยหวนคืน แค่เพียงหนึ่งวังวนพอพ้นได้ ปาเข้าไปสี่วังวนจนสุดฝืน ผอบล่มเล่ลงจมล้มคว่ำครืน กระแสกลืนลงไปในวังวน .......ไม่รู้จมวังวนไหนน้อ....แจมครับ
27 เมษายน 2551 18:05 น. - comment id 843735
เธอรับจับความรัก ที่ฉันจักส่งได้ไหม ขอร้องห้องหัวใจ อย่าผลักไสให้สิ้นแรง วันนี้ห้องคงเหงา ฉันยังเศร้าเคล้าร้าวแฝง รอรักจักแสดง มาฉายแสงแห่งดวงใจ รอแม้รู้แค่รอ ไม่เคยท้อฝ่อหวั่นไหว รอรักประจักษ์ใน รอฤทัยเธอคืนเคียง หากรู้พธูเรียก ยินสำเนียกแว่วแว่วเสียง ขอพี่วจีเรียง น้องยังเมียงเสียงใจรอ...
27 เมษายน 2551 21:03 น. - comment id 843767
แว๊ปมาตอบก่อนเพราะว่าเดี๋ยวติดธุระอีกหลายวัน ยาแก้ปวดที่หนึ่งตามระเบียบ ยกให้เธอไป ถ้าไม่เมาใครๆก็ไม่ทันเธอแน่ๆ
27 เมษายน 2551 21:04 น. - comment id 843768
ยินดีค่ะ คุณอินทร์อาทิตย์ยินดีให้รับชมกลอนค่ะ
27 เมษายน 2551 21:09 น. - comment id 843769
ยอดชายนายอั๋นติดอยู่ในวังวนจนเวียนหัว หนทางมัวมืดมนหม่นใจหมอง ต้องติดอยู่เวียนว่ายตามครรลอง ได้แต่มองทางออกไม่เห็นมี
พี่ให้สามยิ้มเลย อิอิ
27 เมษายน 2551 21:10 น. - comment id 843771
อ้าวข้ามน้องสาวไป น้องนิจิตรำพึงเครื่องเค้าแรงปล่อยเค้าไปก่อนนะ
27 เมษายน 2551 21:11 น. - comment id 843772
อาราเล่มัวแต่ลุ้นเดอะสตาร์ ไม่ทันเพื่อนเลยเห็นมะ ว่าแต่รุจขวัญใจหล่อนนะ ได้ป่าวคอยลุ้นเอานะ
27 เมษายน 2551 21:16 น. - comment id 843775
ฝากฝัน ห้องนี้มีสี่สาวขาวเสียด้วย ทั้งสำรวยงานเด่นเช่นโฉมศรี แล้วทั้งหมด ก็มีหน้าตาดี ทั้งพาทีอ่อนหวานทุกทรามวัย เพียงแต่ตกวังวนจนทางออก จึงช้ำชอกขื่นขมสุดข่มไหว มาบรรยายเป็นกลอนอ้อนกันไป เพื่อมีใครช่วยพาหาทางเดิน (ออก) อิอิ
27 เมษายน 2551 21:20 น. - comment id 843778
กันนาเทวีพลัดหลงอยู่วังวนบนพื้นผิว ไกลลิบลิ่วทางออกนั้นอยู่ไหน หลงติดอยู่เนิ่นนานรานหัวใจ แลหาไปทางจบมิพบเจอ
27 เมษายน 2551 21:21 น. - comment id 843779
ครูพิมสวัสดีค่ะ นานๆ รวมทีมที่ค่ะ เลยมากันเป็นชุดเลยค่ะ
คุณครูสบายดีนะคะ
27 เมษายน 2551 21:22 น. - comment id 843782
พี่กชมนวรรณวนไปวนมา เวียนหัวแล้วค่ะ ถึงว่าไม่เจอทางออก เพราะมึนนี่เองค่ะ
27 เมษายน 2551 21:33 น. - comment id 843785
อาราเล่ มาเป็นโคลง เล่เดินวนอยู่นู้น นั้นไง หาที่พื้นเรื่อยไป ย่ำเช้า พุทโธ่เพื่อนหาไร เหรอนี่ ลืมกุญแจหรือเจ้า เร่งเข้า รีบหา เห็นวนหาเนิ่นช้า สับสน มานี่เราหนึ่งคน ช่วยเจ้า มาใกล้เพื่อนหน้ามล รู้ว่า มิหา เมาจนมากจนเช้า มิเอื้อมถึงประตูก้าวหน้าและหลังอยู่ด้วยความเมา
27 เมษายน 2551 22:44 น. - comment id 843796
๏ วนเวียนวังวน ทำใจสับสน ระคนอ่อนล้า ยามนี้มืดมน เพราะหนข้างหน้า เปล่าเปลี่ยวเกินคว้า เธอมาคู่เคียง ๏ จมดิ่งลึกดั่ง หัวใจคุ้มคลั่ง ไขว่คว้าได้เพียง เงาร้างว่างเปล่า จับเจ่าสำเนียง ไร้แม้ซึ่งเสียง เรื่องเรียงลอยมา ๏ เพราะรักคำเดียว ที่คอยรั้งเหนี่ยว ให้ใจเพรียกหา ซ้ำซ้ำในใจ เสียงใครเรียกมา แสนรักนักหนา กลับมาเถิดใจ... มาด้วยรักเพื่อนเอ๋ย...ได้ข่าวงานยุ่ง...อิอิ
27 เมษายน 2551 22:47 น. - comment id 843797
อันนี้ให้น้อง จิตรำพัน อย่าๆ มดตัวอื่น อย่าน้อยใจ เดี๋ยวได้รับกันถ้วนหน้า....อิอิ กาลเวลาลับแล้ว เนิ่นนาน ห่อนคลาดห่อนแคล้วพาน ผ่านแผ้ว คำพร่ำเนื่องนับนาน ยังขับ คูนา เหมือนมาดไม่คลาดแคล้ว แนบเนื้อเผดียงหมอนฯ คำครั้งเคยแว่วเว้า พะนอนุช แว่วแว่วมิคลายหยุด กู่ก้อง แว่วเหมือนดั่งพี่ดุจ พะเน้าแนบ นวลแล คำร่ายเพียงพรายร้อง กระซิบกระเซ้าโสตขานฯ ความจริงห่อนจับต้อง แสนไกล สุดลับตาแลไป ปะได้ สุดปลายฟากฟ้าไหน มิอาจ คืนฤๅ สุดภพสุดแล้วไซร้ สุดสิ้นสวาทวางฯจากปลายตะนอย เองแหล่ะ ...หุหุ
27 เมษายน 2551 23:10 น. - comment id 843804
อันนี้ให้แม่ศรี มณีจันทร์ นะครับ ...หุหุ
27 เมษายน 2551 23:12 น. - comment id 843806
อ้าวทำไม่มาล่ะ เอาอีกทีๆ สงสัยเจ้าที่แรง..หุหุ ตาหลับฤๅหลับพริ้ม พรายหวาน อดีตกลับกรีดปาน เพื่อนแท้ เสียงแทรกเสียดโสตขาน ยังขับ อยู่นา ยังพรอดยังพร่ำแม้ หมดแล้วอดีตลวงฯ แม้นรู้มิอาจเอื้อม วันวาน แม้นพรากมานับนาน เนื่องโน้น แม้นลัดเลาะไต่กาล ย้อนกลับ เพียงดุจดั่งเงาโพ้น พรากพลั้งฤๅหวนฯ แม้นดิ้นฤๅดุจได้ ปรารถนา ดิ้นดับกับกายา พ่ายแพ้ กับดักรักระดา ดาษดื่น โดดเดี่ยวผู้เดียวแม้ ท่ามทั้งนรชนฯ เพียงรักเพรียกเรียกเร้า ละเมอหา ซอนซบซุกอุรา เรียกร้อง ซึมซึ้งสุดปองหา ทางออก วนวกว่ายเวียนต้อง อกต้อมตรอมตรมฯ (*ต้อมเป็นภาษาเหนือ) จากปลายตะนอยเอง....อิอิ
27 เมษายน 2551 23:44 น. - comment id 843812
แหะๆ อันนี้ก็ตา อาราเล่ แล้วน่ะ จะบอกให้....หึหึ บ่อยบ้างใจเรียกร้อง แลหา แก้มอาบคราบน้ำตา รดรื้น ยามย่างย่อมยุดนา ยึดอยู่ เคียงเนอ หมองหม่นเนืองเนตรชื้น ชุ่มทั้งหทัยสลายฯ บ่อยบ่อยใจซุ่มซึ้ง ซานซม แว่วแว่วเว้าจิตจม โศกเศร้า สายลมเสกผสม รอยห่าง หายนา ลมบ่เสกรอยเลขเคล้า คลุกคลื้มมโนหมองฯ กรุ่นกลิ่นอายทั่วทั้ง อากาศ แลเหลือบใจแทบขาด สุดแล้ว ยามนอนละเมออาจ เคล้าคู่ เคียงแล ยามบ่นอนไป่แคล้ว คลาดครื้นอุราถวิลฯ เคยคุ้นคลอพะเน้า แนบหนุน เคยรักไว้เจือจุน จิตเจ้า เคยหนุนแนบละมุน เนื้อพี่ แล้วพรากมิจากเศร้า โศกซึ้งละเมอหาฯ จากปลายตะนอยเพื่อนรัก...อิอิ![]()
28 เมษายน 2551 00:15 น. - comment id 843817
และแล้วก็ถึงครา ยอดสุรายาแก้ปวด...เหอะเหอะ บ่วงกรรมกางกักกั้น กุมใจ ล่ามตรวนตรึงเนื้อใน แนบเน้า มืดมิดมืดอันใด ประจักษ์ มืดรักมืดบอดเบ้า แบะใบ้นัยนาฯ เสียงตรวนทวนแว่วเว้า โสตประสาน โซ่โศกแทรกเสียดปาน แนบเนื้อ โหยหาเหาะโหนกาล กลับอดีต คว้าไขว่รักรกเรื้อ รุมเร้าทรวงเสนอฯ กาลไกลเกินกลับฟื้น คืนมา ไกลลับเกินสายตา ตอบต้อง ไกลห่างหากโหยหา เพียงไห้ หวลแล ไกลกว่าเกินร่ำร้อง เรียกเจ้ายินประสานฯ จมจ่อมตรอมรวดร้าว รอยใด รักจ่อมจมลับไกล สุดสิ้น รอยโศกถวิลไผ ผู้อื่น ร้อยโศกคงดับดิ้น ดับได้โดยสมัยฯ จากปลายฯ เองนะ.....อิอิ![]()
28 เมษายน 2551 03:10 น. - comment id 843913
เอ พี่พลาดการอ่านกลอนนี้ไปได้ไงแฮะ วังวน 4 สาวนี่ มาวนด้วยคนจ้า
28 เมษายน 2551 11:55 น. - comment id 844007
ดีจ้า หลานๆ.. มาช้าไปเยอะ หวังว่าไม่มีใคร งอนนะ แบบว่าตอน นี้น้าหมดไฟแระ ต้องไปชารจ์แบตก่อน ถึงตอน นั้นอาจมีอะไรใหม่ๆมาเล่นกันอีก แต่ตอนนี้ คิด แล้วกลุ้ม เฮ้อ.....
28 เมษายน 2551 18:14 น. - comment id 844164
หากประกวดนางงามเข้ารอบหมดเลย อิอิ
แก้วประเสริฐ.
28 เมษายน 2551 18:27 น. - comment id 844171
สี่สาวสุดเหล้าใจเอ้ย...เร้าใจ พี่ๆคะ รวมกันเราอยู่..พิชิตมงกุฎให้ได้นะคะ ตามลุงแก้วอีกคน คิคิ คิดถึงทุกๆคนเลยค่ะ
28 เมษายน 2551 23:14 น. - comment id 844331
แวะมาอ่านครับ ...