25 กรกฎาคม 2546 18:23 น.

สีแดง ศาสตร์แห่งความสะพรึง

spectaculous

ลืมตาขึ้นมา  แสงอัสดงเฉิดฉาย  ความสว่างที่เปิดโลกทัศน์แห่งปัจจุยุคสมัยในยามเช้าแห่งความสดชื่น  ด้วยแสงสีแดงอ่อนๆจากรูปทรงเรขาที่ทำให้สรรพสิ่งคงอยู่  การก่อกำเนิด  การดำรงค์ด้วยการมีตัวตนและความอบอุ่นจากการเคลื่อนไหวของอสสารภายใน  จุดศูนย์แห่งความสมดุล  พัฒนาการแห่งลักษณะพัฒนาการเฉพาะตัวอันโดดเด่นของต่างสายพันธุ์   รูปร่างอันเป็นที่สุดของวิวัฒนาการ  จะก่อเกิดขึ้นได้ไม่  หากไร้ซึ่งสีแดงแห่งความอบอุ่นที่สาดส่องสู่ทุกอณูแห่งต้นกำเนิด  ถูกแล้ว  ตัวฉัน ณ ตอนนี้จะมีตัวตนหรือหากไม่มีสิ่งนี้
	      จิตวิญญาณ  จากครั้งอดีตกาลสู่ปัจจุบันกาลยังคงวนเวียนอยู่ ณ จุดก่อกำเนิดด้วยปัจจัยที่ไร้การพิสูจน์  แม้ด้วยหลักการแห่งศาสตร์วิทยก็ตาม  สิ่งใดฤๅจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้  ออร่า(Ora)  คลื่นรังสีโทนร้อนแห่งความอบอุ่นจากการแผ่ของสิ่งมีชีวิต  เหนือกว่าธรรมชาติของสติปัญญาของสัตว์ผู้ซึ่งชื่อได้ว่าเป็นเลิศที่สุดจะหยั่งรู้ถึงสาเหตุของการแผ่อันนั้น  หนึ่งในความมหัศจรรย์แห่งสีแดง  ซึ่งตัวฉันเองได้เคยที่จะพิสูจน์แต่ต้องพบกับความน่าสะพรึงของสีแดงที่ทำให้ฉันจดจำมาถึงวันนี้
	      จากการพิสูจน์แสงแดดจากความร้อนในร่างกายที่แผ่ออกมาจากคนปกติที่แข็งแรงนั้นดูเข้มดุจสีเลือด  เมื่อเทียบกับคนที่เป็นโรคแล้วนั้น  สีที่ได้จะไล่โทนอ่อนลงจนถึงสีเหลืองนวล  ซึ่งในวงการของความก้าวหน้าต่างก็รู้กันในเรื่องนี้  ใช่แต่เฉพาะในร่างกายของสัตว์  แม้แต่พืช  เมื่อเปรียบเทียบออร่าที่แผ่จากใบไม้สดจะเป็นสีในโทนอุ่น  แต่กลับกันกับใบไม้แห้งเรากลับพบว่าไม่เกิดการแผ่ออกมาแม้แต่น้อย  จึงมักจะเชื่อกันว่าสิ่งที่ดับสูญออร่านั้นจะสลายไปด้วย  แต่ทว่าหลักการนั้นได้ถูกลบลงไปเสียแล้วจากสิ่งที่ได้เจอหลังจากนั้นเพียงไม่นานเลยจริงๆ
	      วันหนึ่ง เป็นเวลาพลบค่ำเริ่มสลัวๆ  ณ ห้องแลบที่ฉันและทางสมาคม (O.M.S) ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อพิสูจน์ปรากฏการณ์ต่างๆในทางธรรมชาติ  ซึ่งในตอนนั้นก็คือรังสีแดงหรือที่เรียกกันติดปากว่า ออร่า นั่นเอง  ตอนนี้เหล่าทีมวิจัยต่างก็ทยอยกลับกันเกือบหมดแล้ว  มีเพียงเพื่อนอีกหนึ่งคนที่ขอค้นข้อมูลที่จะเป็นกรณีศึกษาของวันถัดไปซึ่งอยู่อีกห้องหนึ่งที่ถัดกันไป  มีเพียงมู่ลี่ปิดหน้าต่างที่กั้นระหว่างห้องที่สามารถมองเห็นกันได้  แต่ฉันอยู่เพียงคนเดียว ณิ ห้องทดลองรังสีเหล่านั้น  ชุดทดลองรังสีนั้นจะมี กล้องที่จับความเคลื่อนไหว  เครื่องสแกน  เรดาร์ตรวจจับและสเกลสร้างภาพในสภาวะจริง  พร้อมทั้งตัวจับโมเลกุลความวัยสูงประกอบกัน  และสื่อทั้งหมดจะทำการส่งข้อมูลมา ณ มอนิเตอร์พลาสม่าที่จะให้ภาพที่ถูกต้องมากที่สุด  ตอนนั้นเวลา2ทุ่มกว่าๆแล้ว  ฉันนั่งอยู่หน้ามอนิเตอร์พร้อมทั้งจิบกาแฟไปพลางเป็นการรอเพื่อนที่วุ่นอยู่อีกห้องหนึ่ง  ฉันเองไม่ค่อยได้สนใจหน้าจอเลยเพราะไม่มีสื่อกลางที่จะนำมาทดลอง  มันจะไปมีอะไรน่ามองนักล่ะ  ฉันก้อได้แต่เหล่หน้าจอเป็นพักๆ  มันจะมีอะไรกันนักหนากับไอ้หน้าจอว่างๆนี้  ซักพักก้อชักสงใส  ตาที่เหล่ไปรอบๆเริ่มเล็งเข้ามา ณ จุดเดียวคือที่หน้าจอ  จุดแดงอ่อนๆที่เยื้องกึ่งกลางเล็กน้อย  ทีแรกก็ไม่คิดอะไร  กาแฟกระเด็นมั้ง  เอาผ้ามาเช็ดสิ  ทำไมมันไม่ออกล่ะ  ไม่เลยมันตรงกันข้ามคราบอ่อนๆกลับดูเข้มขึ้นจนดูชัดว่าเป็นสีส้ม  มันน่าแปลกเรดาร์จับโดนอะไรเข้าล่ะ  มันไม่แค่นั้นแล้วสิ  สีส้มนั้นกลับแผ่ออกเป็นวงกว้างขึ้น  มันขยายออกและจากส้มก็เริ่มกลายเป็นสีแดงที่เด่นชัด  ฉันเริ่มระแวงแล้วสิ  มีใครเล่นอะไรตลกหรือจะเป็นไปได้อย่างไรกีมีฉันอยู่คนเดียว  พยายามมองไปรอบๆแต่มันก็ไม่มีอะไรซักอย่างที่เรดาร์จะจับได้เลยนี่นา  หน้าจอแสงสีแดงเริ่มดูเป็นรูปร่างมันชัดเจนฉันแน่ใจ  ว่ามันเหมือนร่างของคนๆหนึ่ง  ซึ่งสีแดงดูเข้มขึ้นก้อหมายความว่ายิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ  เรดาร์นั้นอยู่เยื้องไปข้างหลังทางซ้ายมือเพียงแค่ไม่ถึง2เมตร  แล้วที่เห็นนี่มันคืออะไรล่ะ  ฉันรู้ว่าตอนนี้หัวใจฉันเต้นแรงเหมือนว่ามีใครคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  อาการวาบซึ่งเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและติดต่อกันไม่หยุดเสียที  บ่งบอกได้ว่ามีบางสิ่งแน่นอนอยู่ด้านหลัง  ไม่มีทางเป็นเพื่อนเธอแน่  เขาอยู่อีกห้องหนึ่งซึ่งประตูอยู่ด้านหน้าถ้าเปิดมาต้องเห็นสิ  ฉันรู้เพียงว่าตอนนี้  อย่ากลัวในสิ่งที่ไม่เคยเห็น  แต่จงกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัว  ฉันจะไม่หลับตา  และหันหลังไปเผชิญกับสิ่งนั้น  แต่ทว่าไม่  ไม่มี  ไม่มีอะไรเลยตรงหน้าฉัน  แล้วในมอนิเตอร์นั่นคืออะไรกันล่ะ  ฉันรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างมีบางอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกหนาวและวูบวาบไปทั้งตัว  อย่าร้องออกมานะ  กลั้นมันเอาไว้  มีบางสิ่งเข้ามาในตัวฉันและผ่านออกไป   ทำอะไรไม่ถูกแล้วในวินาทีนี้  แต่ในมอนิเตอร์ตอนนี้สีแดงที่เข้มดุจสีเลือดนั้นเริ่มกระจายและจางออก  เหมือนกลุ่มควันที่แตกตัวออกจากกัน  ฉันได้เจอกับอะไรเข้าล่ะนั่น  แต่ที่รู้แน่ชัดไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มีตัวตนเป็นแน่  ไม่สามารถจับต้องได้  แต่ฉันรู้สึกได้ถึงสิ่งนี้  สิ่งนี้คืออะไรกันแน่
	      หลังจากวันนั้นฉันได้เก็บเรื่องนี้ไว้โดยไม่บอกเล่าเรื่องราวที่ฉันได้ประสบให้ใครได้รับฟัง  เพราะรู้ดีว่าคงไม่มีใครเชื่อแน่  ใครจะไปเชื่อว่าเรดาร์จับภาพคนได้ทั้งที่ไม่มีใครอยู่ในนั้นเลยนอกจากฉัน
	      จนถึงวันนี้  ฉันไม่เคยได้พบเจออะไรแบบนั้นอีกเลย  แต่ทว่าความทรงจำในครั้งนั้นยังตรึงใจฉันตลอดไป  ฉันไม่เชื่ออีกต่อไปว่าสสารที่มีชีวิตเพียงเท่านั้นที่จะมีการแผ่รังสีแดงออกมา  การทดลองเรื่องเหล่านี้ยังคงมีอยู่ต่อไป  นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากต่างไม่เคยหยุดนิ่งที่จะหาคำตอบจากแสงสีแดงเหล่านี้  นานแสนนาน  จนในที่สุดสิ่งที่ฉันได้เคยประสบนั้นก้อได้ถูกเปิดเผย  ไม่ได้มีฉันคนเดียวเสียแล้วที่เชื่อ  เมื่อได้มีการพิสูจน์บ้านร้างหลังหนึ่งในมลรัฐจอเจีย ณ สหรัฐอเมริกา  ซึ่งถูกทิ้งร้างมานานถึง13ปี  ในเวลาช่วงค่ำที่ได้มีการพิสูจน์กัน  โดยการนำชุดตรวจจับรังสีออร่านั้นมาฉาย ณ ห้องโถงและตามห้องต่างๆ  คำตอบที่สร้างความแปลกใจแก่ทุกสายตา  มีรังสีสีแดงกระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆรายรอบบ้านหลังนั้น  เป็นรูปร่างที่แตกต่างกันบ้าง  คล้ายคลึงกันบ้าง  ที่ส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายมนุษย์  ซึ่งแน่นอนว่าเวลาค่ำคืนแบบนี้  และบ้านที่ถูกทิ้งร้างมาถึง13ปี  จะมีความร้อนได้ยังไงกัน  จากครานั้นเองได้ทำให้ผู้คนในวงการนี้ต่างตื่นตะลึง  และได้มีการพิสูจน์กันมากมาย  มีทั้งที่ได้พบและไม่เจอะเจอเลยก้อมี  สิ่งนี้หลายคนเรียกว่าปรากฏการณ์  แต่สำหรับฉัน  มันคือความจริง  ยังมีคนอีกมากที่ต้องการจะเห็นแต่ไม่ได้เห็น  อาจเป็นเพราะว่า  สิ่งนี้อยู่ที่ความศรัทธาของคน  ถ้าคุณเชื่อ คุณอาจจะไม่ได้เห็นก็เป็นได้  หรือหากคุณได้เจอเข้ากับตัวของคุณเอง  จงอย่าตกใจในสิ่งที่คุณเห็น  มันเป็นสิ่งที่ไม่ต้องการให้ใครมาพิสูจน์  แต่หากเพียงขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของใครๆที่แตกต่างกันออกไป  ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกพิสูจน์ผ่านกาลเวลาของตัวมันเอง  แม้แต่ตัวของคุณเอง
	      ณ ตอนนี้  สีแดงคืออะไรในความคิดของคุณ  สำหรับฉันแล้วสีแดงคือสื่อที่สะท้อนของความรู้สึกที่รุนแรงเกินต้านทาน  คือพลังที่แฝงด้วยความสุขุม  จนบางครั้งก็ยากเสียจะเข้าใจในความรู้สึกอันนั้น  ผ่านมา6ปีแล้วกับความสะพรึงในครั้งนั้น  ฉันแต่งงานและมีครอบครัว  ลูกสาววัยน่ารักที่มักจะตั้งคำถามในทุกสิ่งที่เจ้าหล่อนได้พบเห็น  ฉันเองก็มีความสุขกับการได้เป็นฝ่ายตอบคำถามเหล่านั้น  ในตอนนี้ความรู้สึกของฉันต่อสีแดงนั้นต่างไปจากเดิม  สีแดง ณ เวลานี้คือความมั่นใจ  คือความสุข  ความอบอุ่นที่ฉันได้รับหลังจากการมีคนที่ฉันรัก  และคนที่รักและห่วงใยในตัวฉัน  ตอนนี้ฉันพยายามที่จะลืมเรื่องเมื่อ6ปีก่อนนั้นเสีย  เรื่องของวันวาน  ก็คือวันวาน  สีแดงในตอนี้คือสีที่ทำให้ความรู้สึกของฉันเติมเต็ม  แล้วคุณล่ะ  สีแดงในความหมายของคุณคืออะไร				
19 กรกฎาคม 2546 16:02 น.

ความคิดถึง ณ ปลายฟ้า

spectaculous

รู้ไหมวันหนึ่ง  ยามแสงสว่างแห่งอัสดงอ่อนๆฉายส่อง ณ เปลวไหวของปลายม่าน  คราบน้ำตาที่เหือดแห้งในวงแก้ม  ความยิ้มแย้มที่ห่างหาย  จากความจริงอันแสนหวาน  ในท่ามกลางความขมขื่น  หวลนึกถึงวันวาน  จากจุดเริ่ม ณ แรกหลง  ผ่านวันคืนได้เจอะเจอ  มอบความรักคอยบำเรอ  รู้เปรียบเหมือนเธอหนึ่งดวงใจ  จนครานี้เธออยู่ไกลแสนไกล  นานเพียงไหนที่ไร้ซึ่งการติดต่อ  อันเธอนั้นจากไปโดยไม่ร่ำรา  แต่ทว่าฉันนั้นรู้ดี  ว่าเธอนี้ไม่ตั้งใจให้เป็นเช่นเพียงนี้   เกิดซึ่งเพราะทางบ้านของเธอนั้น  ย้ายแหล่งหลักเหมือนพลิกรัก  จนเเป็นเหตุให้ยากนัก  ที่จะเจอะเจอ  แต่กลับเยอะเสียเหลือเกินด้วยความคิดถึง  รำพึงรำพันว่าตัวฉันนั้นรักเธอมากเพียงไร  ความจริงภายในใจมันหลั่งไหลจากใบหน้าเป็นธาราสู่ผืนดิน  นับวันมิจบสิ้น  ดุจสายน้ำแห่งนั้นไม่มีวันเหือดแห้ง  มีเพียงสายนํ้าที่กัดเซาะให้เนินแห่งความอ่อนไหวนั้นหม่นหมอง  อยู่เรื่อยไป  
       ทุกยามค่ำคืน  ความมืดมิด  แสงดาวที่แม้เพียงเล็กน้อยที่จะเห็น  ภายในเมืองแห่งความสับสน  มันเปรียบเหมือนระยะห่างระหว่างเรา  ดวงเดือนส่องแสงสีครามอ่อนๆดูเหงาเศร้า  มุมมองสีดำยิ่งทำให้ดวงดาวและดวงเดือนนั้นโดดเด่น ในมุมมองแห่งนี้มีหลากหลายซึ่งความรู้สึกที่แอบแฝงและเปิดเผยบ้างก็เหงาเศร้า บ้างก้อคิดถึง บ้างก้อรำพึงรำพันมันเป็นความรู้สึกที่ยากที่ใครจะสามารถทำความเข้าใจในตัวของเรานั้น  ก็เช่นกัน  ความห่างไกลก็ยิ่งทำให้ความคิดถึงนั้นหลั่งไหล  จริงหรือที่ว่า  หากแม้จะรักใครสักคนนั้นแสนยาก  แต่การจะรักษาเขานั้นไว้ยิ่งยากกว่า  คงจะจริงสำหรับคำพูดนี้  มีความสุขกับใครคนนั้นที่ได้เคียง  แต่ทุกข์ยิ่งกว่าเมื่อจากลาหรือสูญเสีย

   ความฝัน 
ยามดึกดื่น คืนหนาว 
เจ็บปวดรวดร้าว ราวกับความฝัน 
แต่ฉันใดใคร่ฉันนั้น อันความจริง 

   ความเหงา 
ยามโดดเดี่ยว เดียวดาย 
ไร้ซึ่งคู่เคียงกาย แสนเสียดาย 
ด้ายลิขิต ชีวิตที่ว่างเปล่า 

   ความรัก 
ล้อมจิตใจ ให้รุ่มร้อน 
เปรียบความรัก กับไฟฟอน 
เหมือนภาพหลอน ในใจคน 

   ความคิดถึง 
ระลึก รำพัน แม้นอนฝัน 
นานวันผ่านพ้น คนเคยใกล้ 
ครั้นห่างไกล ใจหวั่นไหว 

   ความจริงใจ 
เพราะรัก ที่เหนือกว่า 
อาจเรียกว่า ความถ่องแท้ 
ที่มอบแก่ แค่บางคน 

   ความหวาน 
ส่งผ่านใจ ไปถึงใจ 
ไม่มีลด หรือหมดไป 
ให้รักไซร้ ต่อไปชั่วนิรันดร์ 

       เพลานี้ก็เหมือนฉันคนนี้  ทุกนาทีที่พ้นผ่าน  ทุกหยาดหยดที่เสียไป  คงมิอาจทำให้หวลกลับมา  เหมือนสายน้ำไม่มีวันจะไหลย้อนกลับ  วันเวลาเดินไปอย่างไม่เคยเหน็ดเหนื่อย  แต่ตัวฉันนั้นคงหมดอายุขัยไปตามกาล ตลอดเวลาที่เส้นตรงสองเส้นที่เดินทางเข้าหากันจนประสานเป็นหนึ่งเดียวและเดินทางต่อไปด้วยกันจนวันหนึ่งจึงได้พบกับกำแพงที่ขวางกั้น  จึงทำให้เส้นตรงเส้นนั้นต้องแยกออกเป็นสองเส้นในทิศที่ตรงกันข้าม  ได้เพียงภาวนาให้กำแพงแห่งนั้นได้พังทลายลง  ให้เส้นตรงที่ถูกแยกออกจากกันได้กลับมารวมเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง  แต่ ณ เวลานี้สิ่งที่คาดหมายคงไม่มีหนทางที่จะก่อเกิดได้อีกแล้ว  วันเวลาสุดท้ายที่เทียนเล่มนี้จะดับแสง  เปลวที่พริ้วไหวใกล้จะถึงจุดหมายของการดับสิ้น  สิ่งสุดท้ายที่จะระลึกขึ้นภายใต้ดวงจิตอ่อนๆดวงสุดท้าย  คือความผูกพันธ์ที่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต  ซึ่ง ณ เวลานี้มิอาจที่จะบอกกับคนที่ตนรักได้ก้อตาม  แต่แม้หากเธอนั้นได้รับรู้  "ความคิดถึงนี้จะยังคงอยู่คู่สายลม  ผืนดิน  และจิตใจอีกหนึ่งดวง"				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟspectaculous
Lovings  spectaculous เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟspectaculous
Lovings  spectaculous เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟspectaculous
Lovings  spectaculous เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงspectaculous