9 เมษายน 2548 11:07 น.

ชีวิตของเรา สำคัญเท่ากับ ทัศนคติเรา ?

unicorn

คุณลองอ่านข้อความนี้ดู ทุกปัญหามีทางแก้ เพียงแค่เปลี่ยนทัศนคติของเรา ทัศนคติเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เปลี่ยนทัศนคติของคุณแล้วชีวิตคุณจะเปลี่ยน
เมื่อได้ยินข้อความนี้ คุณกำลังคิดอะไรอยู่
ทัศนคติ คืออะไร คุณเคยสงสัย และตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่

ผู้เขียนเพิ่งได้รับข้อความนี้จากเพื่อนแดนไกล ส่งมาให้อ่านเป็นลักษณะเพาเวอร์พอยท์ดูสวยงาม เมื่อเปิดอ่านจบแล้วเกิดคำถามขึ้นกับตัวเองที่ต้องนั่งทบทวน จริง ๆ แล้วทัศนคติมันมีผลทำให้ชีวิตเปลี่ยนจริงๆหรือ เลยอยากแลกเปลี่ยนดัง ๆ ถึงใคร ๆ ก็ตาม

เป็นเรื่องเกี่ยวกับความคิดล้วนๆ อย่างแรก เกิดคำถามว่า จริง ๆ แล้วตัวเองยอมรับความแตกต่างของคนได้มากน้อยแค่ใหน ความหลากหลายของสิ่งรอบกายเราทั้งที่เราเกี่ยวข้องและถึงแม้จะไม่เกี่ยวข้องโดยตรง ความเป็นมนุษย์ที่เป็นเด็ก เป็นผู้ใหญ่ หรือเป็นวัยใหน ๆ เป็นเพศอะไร ชาย หญิง และอื่น ๆ สถานะแต่ละท่านเป็นเช่นไร รวย จน ฉลาดมาก จนถึงฉลาดน้อย เชื้อชาติใหน ๆ หรือมีอาชีพอะไร เป็นคนที่อยู่นอกเมืองหรือในเมือง เป็นคนที่ถูกเรียกว่า ด้อยโอกาสหรือมีโอกาส เป็นคนที่หน้าตาดีมาก หรือน้อย เป็นคนที่มีรสนิยมดี หรือไม่ดี .เกิดคำถามต่ออีกนิดหนึ่งว่าใครเป็นคนตัดสิน หรือให้คำนิยามในเรื่องเหล่านี้

มีเรื่องท้าทายต่อ หรือไม่ว่า ถ้าเราจะทำให้มันสมดุล คือ ให้มันเท่า ๆ กัน เราจะต้องเสียอะไรบ้าง หรือได้อะไร หรืออาจต้องแลกกับอะไร

อันต่อมาเป็นเรื่องการมองคนแบบเหมารวม จะมีใครรู้สึกขึ้นมาบ้างซักครั้งในชีวิต หรือไม่ ว่าวันหนึ่ง ๆ เราเหมารวมพฤติกรรมใด ๆ ของคนที่เราพานพบในแต่ละวันแล้ว วันละกี่คน อะไรทำให้เราคิดเช่นนั้น และพฤติกรรมนั้น ๆ ทำให้เราตัดสินถูก ผิด ชี้ดี ชี้ชั่วไปแล้วใช่หรือไม่ คิดว่าคนเหล่านั้นเขาจะรู้สึกเช่นไร

เราเคารพความต้องการของเรา คนที่ทำงานกับเรา คนที่เป็นเพื่อนเรา แฟนเราหรือคนที่เราเดินไปพัวพัน แค่ใหน และเรารู้ว่า สิทธิของเราและสิทธิของบุคคลเหล่านั้น จริง ๆ แล้วก็คล้าย ๆ กันจนเกือบจะเป็นเรื่องเดียวกัน จะต่างก็ตรงที่เราเป็นเรา และเขาก็คือเขา เราจะคิดถึงตรงนี้หรือเปล่า

เมื่อใดก็ตาม ที่การตัดสินใจเกิดขึ้นไม่ว่า การตัดสินใจนั้นจะเกิดขึ้นบนฐานของความรู้สึกนึกคิดของเราเอง หรืออยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่มีอย่างรอบด้านแล้ว เราพร้อมที่จะยอมรับ และรับผิดชอบผลที่ตาม มา ของการตัดสินใจนั้น ๆ ได้หรือไม่ อย่างไร 

ในฐานะที่เราเป็นเรา คือ ตัวตนของเรา เราเห็นหรือตระหนักจะที่มองเห็นในความเป็นธรรมชาติ การดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์ ได้มากน้อยแค่ใหน เพราะเมื่อเรารู้ว่าความรู้สึกไหนมันเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เราจะได้ไม่เข้าไปใช้พฤติกรรมเหมารวม ว่าสิ่งที่เป็นธรรมชาตินั้น ๆ เป็นสิ่งที่เป็นปัญหามากมายและใช้เวลามากมาย ทรัพยากรจำนวนมหาศาลในการแก้ปัญหา ที่ใคร ๆ อาจจะไม่เห็นว่าเป็นปัญหา ซึ่งแทนที่เราจะมองแบบเข้าอกเข้าใจและเพิ่มเติมข้อมูลในการจัดการอย่างรอบด้าน โดย ปราศจากการตัดสินแทนมันน่าจะดีกว่า หรือไม่ แล้วมันจะเป็นอย่างไร

ในวันหนึ่ง ๆ เรากล้าหรือไม่ ที่จะบอกว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร คงไม่ใช่ที่จะต้องบอกไปในทุก ๆ เรื่อง แต่ประเด็นที่สำคัญ คือ ในฐานะที่เราต้องเกี่ยวข้องกับผู้คนหลายร้อยพัน ตั้งแต่เกิด จนกระทั่งสิ้นสุดของชีวิต เราได้บอก ความต้องการของเราเองกับผู้อื่นและที่สำคัญเราได้ทำในสิ่งที่เราต้องการนั้นสักกี่ครั้งในชีวิต 

จนกระทั่งท้ายที่สุด เราได้จัดการให้ความเป็นธรรมชาติของเราบางอย่างที่มันเริ่มออกนอกรีตนอกรอยให้เข้าที่เข้าทาง โดย ใช้ข้อมูลที่เรามีอยู่อย่างรอบด้านได้จริง ๆ หรือไม่ อะไรจะพิสูจน์และถ้าพูดถึงข้อมูลที่มีอยู่อย่างรอบด้านก็เกิดคำถาม ต่อว่า ทุกวันนี้ เรามีข้อจำกัดในการรับข้อมูลที่ว่านั้นหรือไม่ หรือเรามีทางเลือกมากน้อยแค่ไหนที่จะเลือกรับ หรือไม่รับข้อมูลอะไร

การจำแนกแยกแยะและจัดระบบข้อมูลเหล่านั้น ให้เข้าที่เข้าทาง เราทำได้หรือไม่ และเรามั่นใจแล้วใช้หรือไม่ว่าการเลือกข้อมูลเหล่านั้น ปราศจากความกดดันหรือผู้อิทธิพลต่อความคิดนั้น ๆ มายัดเยียด เพียงแค่เหตุผลที่ ว่า ตัวเราเหมารวมว่าบุคคลท่านนั้น คือ ผู้รู้
.... จริง ๆ แล้วใครล่ะ คือ ผู้รู้ 

จริง ๆ แล้วเรื่องทัศนคติ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรา จริง ๆ ใช่หรือไม่ เราที่เป็นตัวเราจริง ๆ ซึ่งไปเกี่ยวข้อง ในฐานะที่เรามีทางเลือก ที่หลากหลาย จนนำไปสู่วิถีปฏิบัติ บนฐาน เรื่องการยอมรับความแตกต่าง การสร้างสัมพันธภาพ และพัฒนาสัมพันธภาพ การทบทวนโดยใช้ข้อมูล ที่เรามีอยู่เป็นฐาน การยอมรับ การเปิดใจกว้าง และการสร้างทางเลือกให้ผู้อื่น และที่สำคัญการไม่ตัดสิน เพียงเพราะเราเชื่อว่า
เพราะความเชื่อมักจะตามมาด้วยการเหมารวมอยู่เสมอๆ จริงหรือไม่

มีอีกเรื่องที่ผู้เขียนกำลังคิดต่อ เกี่ยวกับพฤติกรรมบางอย่างที่เป็นผลมาจากทัศนคติ ซึ่งถ้าอ่านมาตั้งแต่ต้นจะเห็นว่า มันเกี่ยวข้องกันอย่างไร จากประสบการณ์ตรง ทัศนคติของเรานั้นส่งผลโดยตรงต่อพฤติกรรมบางอย่าง อันนี้เห็นจะเป็นเรื่องจริง

มาถึงตรงนี้ เอาเข้าจริง ๆ แล้ว ทัศนคติก็คงไม่ใช่แค่การอธิบายความหมายได้ตามพจนานุกรมเท่านั้น หรืออะไรที่กว่านั้น ณ เวลานี้ ผู้เขียนรู้ว่า มันอธิบายหรือเป็นได้มากกว่าความคิดที่ ผ่านมา-ผ่านไป แต่ต้องใช้เวลาทบทวน และคงจะต้องคิดกับมันอย่างเอาจริงเอาจัง

อย่างหนึ่งคงต้องยอมรับว่า การเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แม้จะเปลี่ยนได้แต่ต้องใช้เวลา และมีความพยายามอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำ อย่างเอาจริงเอาจัง หรือผู้เขียนจะเริ่มต้นด้วยความรู้สึกหรือทัศนคติที่ว่า เราทำได้ เราต้องทำได้ ก็น่าจะเป็น การเริ่มต้นที่ไม่เสียหายอะไร
หรือคุณคิดอย่างไร				
4 เมษายน 2548 13:35 น.

togerher

unicorn

we may have different dream
          you follow yours,
                       I follow mine . . .
            but along the journey
            well stay beside
      and never forget each other.				
1 เมษายน 2548 10:32 น.

กำลังใจ

unicorn

ไม่มีสิ่งใดจะมอบให้
นอกจาก...ความจริงใจที่เต็มปรี่
เริ่มต้นผุกพันกันวันนี้
เพอื่มิตรไมตรที่ดี...ตลอดไป
เราต่างก็...มีไฟฝัน
พร้อมจะสร้างสรรค์...เพื่อวันใหม่
ขอใหเรา...ต่างเป้นกำลังใจ
เพื่อไปสู่จุดหมายที่...ยังรอ				
1 เมษายน 2548 10:29 น.

เรียนรู้ที่จะรัก และอกหักให้เป็น

unicorn

สองสิ่งที่ทำให้เราฟังเพลงแล้วมีความสุขเหมือนกัน คือเวลามีความรักกับเวลาอกหัก 

ยามที่มีความรักโลกเป็นสีชมพู่ ฟังเพลงอะไรก็เพราะไปหมด แต่ตอนอกหักเวลาฟังเพลงโดนใจ เราอาจสุขแบบเจ็บ ๆ เป็นเหตุให้หายคนอยากตกอยู่แต่ห้วงของความรักอย่างเดียว แต่แหม...ถ้ารู้จักแต่รัก ชีวิตมันก็ไม่มีรสชาติ การอกหักรักคุดในช่วงวัยรุ่น เป็นการเรียนรู้ชีวิตอย่างหนึ่ง เพื่อเราจะได้เป็นคนที่รู้จักความรัก และก็รู้จักอกหักให้เป็นด้วย


รู้จักทั้งความรัก และมิตรภาพ
สิ่งที่ได้ในรั้วโรงเรียน นอกจากความรู้ที่จะทำไปต่อสู้ฟาดฟัน หาโอกาสให้ชีวิตเพื่อทำดีขึ้นแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ความรักกับมิตรภาพจะเป็นสิ่งที่ติดตัวเราไปจนโตเพื่อนในวัยเยาว์จะจริงจังยั่งยืนกว่าในโรงเรียนจึงเป็นแหล่งร่วมเพื่อนแท้ชั้นดี ที่เราต้องรู้จักเสาะแสวงหามาเองใน

ขณะที่ความรักในรั้วโรงเรียนกลับเป็นสิ่งที่ฉาบฉวยที่สุดแต่ในมุมมองของเด็ก ๆ วัยรุ่นจะเห็นว่ามันสำคัญที่สุด เด็กหลายคนจึงมุ่งหาความรักแทนที่จะมุ่งรักษามิตรภาพ ทำให้หลายคนเรียนจบมาด้วยสถานภาพคลอนแคลน เรียกว่าพอกเรียนจบต่างกันก็ไม่มองหน้ากันไปกันเลย เพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆในวัยเยาว์

อย่ามัวมองหาแฟนอย่างเดียว เล็งเพื่อนดี ๆ ไว้สักฝูงรับรองไม่เสียหาย


รักเต็มที่แต่ไม่มีความคาดหวัง
เมื่อเจอกิ๊กที่ถูกใจในรั้วโรงเรียน เธอต้องจำให้ขึ้นใจ จากวันนี้เธอกับเขาต้องจากกัน ไม่ได้คบใกล้ชิดกันตลอดแน่ เว้นแต่ว่าพอเรียนจบมัธยมปลายแล้วเธอกับเขาจะพากันไปรับจ้างในโรงงาน ไม่เรียนหนังสือหนังหาพากันไปกัดก้อนเกลือกินนั่นแหล่ะ แต่ถ้าไม่อยากลำบาก ทั้งเธอและเขาต่างก็ต้องไปเรียนต่อ สี่ปีในมหาวิทยาลัยทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงได้หมด ไม่ว่าเธอว่าเขา

ดังนั้นเวลาที่เหลือในโรงเรียนจงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอย่าหน้ามืดตามัวหมกมุ่นเรื่องนี้จนเสียการเรียน ต่อไปในอนาคตถ้าทุกอย่างยังเหมือนเดิม เธอและเขาจะภูมิใจในเส้นทางความรัก ที่เดินร่วมกันมายาวนาน


เรื่องมือที่สาม ห้ามไม่ได้
เมื่อมีแฟนในวัยรุ่น อย่าคาดหวังว่าเขาจะต้องรักเธอคนเดียว มีเธอคนเดียว พอไม่ได้ก็เสียใจฟูมฟาย จงรู้ไว้เลยว่า ทั้งเธอและเขาต่างก็เป็นเด็กเป็นวัยรุ่น รักง่ายหน่ายเร็ว มีสติยั้งคิดน้อย คนเราก็ย่อมหวั่นไหวได้ง่าย ๆ แต่เจอคนดีกว่า สวยกว่าหล่อกว่า ใจก็ไปแล้ว เรื่องมือที่สามในความรักแบบวัยรุ่นไม่ใช้ความผิดของใคร ไม่ว่าเรา เขา หรือมือที่สามคนนั้น ในความเป็นเด็กทุนคนขาดวิจารณญาณ ย่อมทำผิดพรากด้วยกันทั้งนั้น

เมื่อรักกันแล้วคบกันแล้ว จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เมื่อถึงวันพรุ่งนี้ถ้ามันไม่ดีแล้วเธอจะได้ไม่เสียใจ เพราะทำทุกย่างดีที่สุดแล้ว ที่สำคัญคนที่เป็นมือที่สามนั้น เขาก็กำลังเรียนรู้ชีวิตในแบบของเขาอยู่ นาทีนี้เราต่างเรียนรู้ในเส้นทางของใครของมัน

ดังนั้นเมื่อมีแฟนในโรงเรียน รักได้ แต่อย่าคาดหวัง ให้คิดไว้ก่อนว่า เราไม่ใช่เจ้าของกันและกัน แต่วันนี้เราแบ่งบันความหวังดีให้กันเท่านั้น


เมื่อเลิกรา...ต้องอกหักให้เป็น
เมื่อความสัมพันธ์มาถึงการเลิกรา อย่าคิดว่าเสียเวลาหรือไม่มีประโยชน์ ความเสียใจอย่างสุดซึ้งจากการอกหัก จะทำให้เรามีแรงมีพลังไว้แบกรักความผิดหวังทั้งมวลในโลกนี้ ที่จะถาโถมเข้ามาในอนาคต

ต่อไปเธอจะเริ่มรู้จักคุณค่าของตัวเอง และมีสติในการเลือกใครเข้ามาในชีวิตมากขึ้น เพราะเธอรู้แล้วว่า ความรักมันรู้สึกอย่างไร ความเจ็บเป็นแบบไหน เราจะไม่ทุรนทุรายโหยหา อยากมีแฟน หรือคบใครแค่ให้ขึ้นชื่อว่ามีแฟนเป็นของตัวเองอีกแล้ว พอถึงวันวาเลนไทน์ แม้ไม่มีใครเคียงข้าง สองมือเราจะโอบกอดตัวเองได้อุ่นอย่างมีความสุขที่สุด

เราจะมองความรักเห็นอีกระดับหนึ่ง เมื่อโตขึ้นเธอจะซาบซึ้งเมื่อได้สัมผัสกับความรักในอีกแบบ ที่ใช้ความรู้สึกรับรู้ล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับคุณสมบัติ ไม่เกี่ยวกับความสวยความหล่อนั่นก็คือคุณค่าของคำว่ารักจากใจล้วน ๆในวันนั้นเธอจะหันไปขอบคุณความรักในวัยเยาว์ที่ทำให้เราฟูมฟายแทบตายนั่นแหละ 
				
24 มีนาคม 2548 17:59 น.

คนึงหา

unicorn

ขอให้ใจของเธอได้พักผ่อน  
คอยอ้อนวอนถึงเธอคนึงหา 
คิดถึงเธอคนดีทุกเวลา
ห่วงใยเธอเสมอมาทุกนาที				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟunicorn
Lovings  unicorn เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟunicorn
Lovings  unicorn เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟunicorn
Lovings  unicorn เลิฟ 0 คน
  unicorn
ไม่มีข้อความส่งถึงunicorn