20 กรกฎาคม 2551 16:36 น.

นาฏกรรมชีวิต บทที่2 ฉากที่1

กฤตศิลป์ ชินบุตร

ฉากที่ 1 กระท่อมน้อยในชายป่ารกครึ้ม


กระท่อมน้อยซอมซ่อในชายป่า	
มีม่านควันลวงตาเหมือนในฝัน
คล้ายม่านเมฆบังบดดวงตาวัน		
จึงดวงจันทร์ค่อยจรโค้งฟ้าไกล


ความมืดคืบคลานไม่ลดละ	
สุดที่จะยื้อยุดหมายหยุดได้
ร่างน้อยน้อยจึงค่อยมุ่งหน้าไป		
สู่แสงไฟกระพริบไหวในราตรี

		
ยายคำสี


พ่อ พ่อ รีบล้างมืออย่ารีรอ		
เดี๋ยวกับข้าวมันก็ชืดไม่รู้นี่
ทั้งคาวหวานเตรียมไว้เป็นอย่างดี		
เพราะพรุ่งนี้นาเราจะเป็นเงิน


ข้าวลงท้องท้องตึงหนังตาหย่อน	
ตาคำสอนเอนหลังไม่ขัดเขิน
ลมพัดไหวพร้อยใจให้เพลิดเพลิน		
สุขนี้เกินกว่าใครจะบรรยาย


ตาคำสอนแกนึกถึงวันพรุ่ง	
ข้าวในทุ่งสีทองจักถูกขาย
นั่นคือเงินตอบแทนของแรงกาย		
ที่มากมายเพราะข้าวราคาดี


ยามหนาวดาวฟ้ากระจ่างใส	
หมู่ดาวกระพริบไหวเปล่งรังสี
ปุยเมฆขาวประดับฟ้ายามราตรี		
เหมือนสำลีนุ่มนวลชวนนิทรา


ตาคำสอนหลับไปในที่สุด	
ก่อนเมฆดำจะผุดตรงโค้งฟ้า
ฝุ่นธุลีพัดโหมประดังมา			
ประดุจว่าฟ้ารั่วยามวิกาล


ในความฝันรอยยิ้มเสียงหัวเราะ	
ศัพท์เสนาะเพราะพริ้งแห่งมวลสาร
ตาคำสอนเอมอิ่มปิ่มดวงมาน		
ก่อนคนพาลจะกระชากไปจากตัว


ลมพัดโกรกโตรกผาดังหวีดหวิว	
ใบไม้ปลิววะว่อนเงาสลัว
ธุลีฝุ่นอึงอึงจนน่ากลัว			
สองเมียผัวงัวเงียและงงงวย


ตาคำสอน

		
ฉิบหายตายโหงตายห่าแน่	
ข้าวตากลมผึ่งแผ่กำลังสวย
พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ข้าจะรวย			
ฝนเฮงซวยมันมาทำไมกัน

	
ลมแดงแผลงฤทธิ์ในบัดดล	
กระหน่ำฝนมืดมิดทั่วไพรสัณฑ์
เสียงพรำพรำกังวานในไพรวัน		
เสียงสองร่างเครือสั่นจึงเงียบไป				
14 กรกฎาคม 2551 01:06 น.

แน่นิ่ง(กลบทดวงเดือนประดับดาว)

กฤตศิลป์ ชินบุตร

เมียงมองน้องนวลชวนฉ่ำชื่น	
ยิ้มยื่นรื่นรมย์ชมแช่มช้า
เพ่งพิศพินิจนางช่างชินชา 		
เหว่หว้าราร้างหมางหมองเมิน


เจ้าจรร้อนรุ่มกลุ่มกัดกิน		
แด่วดิ้นสิ้นเสือเยื่อใยเยิน 
ทางเทียวเปลี่ยวปล่อยพลอยพาเพลิน	
ดารเดินเกินแก้แน่นิ่งนาฯ
				


การแต่ง

X X Y Y + + +  
ซ้ำเสียงพยัญชนะ ๓ ชุด จำนวน ๒-๒-๓ ซ้ำเสียงสระในคำที่ ๒-๓ และ ๔-๕ ทุกวรรคลักษณะบังคับเช่นนี้ เป็นเช่นเดียวกับอักษรสลับล้วน แต่ลดจำนวนคำ ในแต่ละวรรคลงเหลือวรรคละ ๗ คำ				
14 กรกฎาคม 2551 00:57 น.

ใจพิมพ์ยิ้ม(กลบทถอยหลังเข้าคลอง)

กฤตศิลป์ ชินบุตร

นั่งมอง ตามองเฝ้า เราคู่สอง.....................สองคู่เรา เฝ้ามอง ตามองนั่ง
ใจละมุน อุ่นละไม มั่งพลัง........................พลังมั่ง ละไมอุ่น ละมุนใจ

ได้นวลน้อง ต้องจิต ห้ามคิดคร้าม........คร้ามคิดห้าม จิตต้อง น้องนวลได้
ยิ้มพิมพ์ใจ ละไมต้อง คล้องหทัย.......หทัยคล้อง ต้องละไม ใจพิมพ์ยิ้มฯ


ลักษณะการแต่งดังนี้

1 2 3 4 5 6 7 8              8 7 6 5 4 3 2 1
บังคับให้วรรคที่ ๒ ซ้ำคำถอยหลังจากวรรคแรก ทุกบาท				
13 กรกฎาคม 2551 16:30 น.

น้ำตกห้วยเข ทิวเขา และปัญญา

กฤตศิลป์ ชินบุตร

มอเตอร์ไซค์ต่อแถวเป็นแนวยาว		
มีหนุ่มสาวต่อหลังอย่างทิวแถว
ประกายกล้าส่อนัยน์ประกายแวว			
สู่ทางแพร้วแน่วนำวนาไพร


ทางเคี้ยวคดลดลั่นขันธ์คีรี			
ปรากฏภาพวิถีพิสมัย
คือเรียบง่ายวิถีชาวนาไทย				
ยิ้มละไมเหงื่อไคลชโลมลง


โคลนเปื้อนตัวหัวเราะระเริงร่า		
ถอดต้นกล้าจับวางดังประสงค์
ทีละต้นทีละต้นจึงธำรง				
เป็นเผ่าพงศ์มนุษย์อนันตกาล 


เส้นทางไกลใฝ่ใจย่อมปรากฏ		
เทียบยานรถเรียงรายในสถาน
ป้ายน้ำตกหินสลักอลังการ			
แลน้ำผ่านดารดินระรินระรวย


ถึงห้วยเขน้ำตกเป็นจุดหมาย	
เย็นสบายคลายแดดด้วยไพรสวย	
เงาครึ้มรื่นร่มภิรมย์ทวย				
ที่มาด้วยเบิกบานสราญใจ


เหมือนมาเที่ยวพักผ่อนธรรมชาติ		
ปราศจากมัวหมองจิตผ่องใส
แต่เส้นทางน้ำตกมิอำไพ				
สุราเมาเยาว์วัยนารี-ชาย


นั่งล้อมวงส่งเสียงสำเนียงเพลง		
ร่ายบรรเลงมนต์รักแด่สหาย
บ้างอกหักรักคุดผลุดระบาย			
บ้างยักย้ายส่ายโยกสะโพกลอย


วงเหล้าน้ำตกและวัยรุ่น			
ก็วายวุ้นเสียงส่งมิราถอย
น้ำตกห้วยเขก็เลยพลอย				
ไม่งามพร้อยด้อยค่าราคาตัว


จากน้ำตกโดยตัวมิต้องน้ำ			
จากมาตามทางเทียวเงาสลัว
ภาพฉายช้ำเงาน้ำให้หวาดกลัว			
เหมือนความชั่วปกคลุมอาณาไทย


ความดี-เลวเหว-สวรรค์สรรด้วยมือ	
เถิดสหายลุกฮือมาแก้ไข
เด็กน้อยบริสุทธิ์จะปลอดภัย			
เถิดร่วมใจขจัดไปอบายพาลฯ
					
12 กรกฎาคม 51				
11 กรกฎาคม 2551 23:56 น.

นาฏกรรมชีวิต ปฐมบท ฉากที่2

กฤตศิลป์ ชินบุตร

ฉากที่2 : ท้องวิหารเลี่ยมพรายระยับ พระอินทร์ประทับนั่งอย่างสง่าบนบัลลังก์


พระอินทร์องค์ทรงยศกำหนดหมาย	
จำแลงกายเป็นยาจกรูปน่าขำ
ฉลององค์เก่าหมองเปื้อนด่างดำ			
กายาคล้ำจำแลงแสลงใจ


เพ่งพิศพินิจร่างเคยบันเจิด		
ประกายเพริศวาวแววระยับไหว
บัดนี้กายทมิฬดั่งตั้งใจ				
แต่หทัยขุ่นหมองฟ้องรูปตัว


พระอินทร์


"อันตัวข้าก็แปลกแรกตั้งจิต		
ไม่ยึดติดรูปกายอยู่ในหัว
เอาเข้าจริงใยแสนจะหวาดกลัว			
เหมือนเกลือกกลั้วมัวเมากับมายา


ทั้งปราสาทวิจิตรใช้ประทับ		
เสียงสดับบรรเลงเพลงหรรษา
อีกอัปสรอรชรกิริยา				
สิเน่หาเหมือนหนึ่งว่าข้าวปลากิน"

		
อัปสร


"โอ้องค์ท่านรำพันประการนี้		
ประชาชีชาวสวรรค์จะติฉิน
ว่าเอกองค์อมรฟ้าอมรินทร์			
จิตราคินปานว่าจุติกาล"

		 
พระอินทร์


"ตัวข้าคงพะวงทางข้างหน้า		
ที่รอท่าจากชนผู้สงสาร
มากมีคนอดกั้นทรมาน				
แลมากพาลปลูกข้าวบนหลังคน


เราตั้งมั่นพันธกิจช่วยปลดแอก		
ชาวนาแบกแอกไถกรำแดดฝน
คุณสถานเทียบชั้นวีระชน				
แต่ยากจนในสังคมความปัจจุบัน


บัดนี้เวลาโอกาสเอื้อ			
มัวยืดเยื้อก็คงจะน่าขัน
ตั้งมั่นแล้วมีฤาจะจาบัลย์				
บนสวรรค์เสพสุขบนทุกข์ใคร"




ว่าแล้วองค์อินทร์ย่างก้าว			
จากแดนดาวดึงส์อันผ่องใส
มิอาวรณ์แดนทิพย์เรื่ออำไพ			
เหลือทิ้งไว้เพียงพจน์รจนา

แดนมนุษย์วันนี้ช่างสับสน		
เรามิทนดูดายได้หรอกหนา
แสงแห่งเราจะส่องกระจ่างตา			
เพื่อนำพาความผาสุกยุคนิรันดร์				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกฤตศิลป์ ชินบุตร
Lovings  กฤตศิลป์ ชินบุตร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกฤตศิลป์ ชินบุตร
Lovings  กฤตศิลป์ ชินบุตร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกฤตศิลป์ ชินบุตร
Lovings  กฤตศิลป์ ชินบุตร เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกฤตศิลป์ ชินบุตร