18 ธันวาคม 2551 19:26 น.

กบฏ

กฤตศิลป์ ชินบุตร

	เย็นย่ำค่ำลง ไม่เหลือดวงตะวันที่เคยส่องสว่างแก่โลก จะหลงเหลือก็เพียงแสงสีแดงเข้มที่อาวรณ์ทิวากาลไม่ยอมจากไป จึงเกาะกุมโค้งฟ้าเรืองๆ ไม่นานแถบแสงสุดท้ายก็สิ้นสุด ความมืดมนอนธการครอบงำสรรพสิ่ง แต่นี้ไปดวงจันทร์จะรับไม้ต่อเพื่อนำพาสรรพชีวิตดำเนินไป และพานพบอุษาแห่งรุ่งสางอีกวัน

	ค่ำแล้ว จะได้เริ่มงานสักที ชายหนุ่มรำพึงกับตัวเอง
  
	เก่งคิดว่า 12 ชั่วโมงคงเหลือเฟือที่จะทำงานในคืนนี้  จึงไม่เป็นเดือดเป็นร้อนมากนัก เขานั่งวางแผนงานอย่างสบายใจ เขามั่นใจว่าไม่เกินตีสามงานจะสมบูรณ์ และยังเหลือเวลาพักผ่อนอีกหลายชั่วโมงก่อนส่งงาน เมื่อเขาให้คำมั่นกับตนเองว่าพรุ่งนี้จะมีงานส่ง จึงลุกจากระเบียงที่ขลุกตั้งแต่อาทิตย์อัสดง กระทั่งดวงจันทร์ป่ายฟ้าเด่นสง่าเหนือดารารายล้อมทั้งปวง เขารู้สึกว่าห้องนั้นรกกว่าปกติ ทั้งๆที่มันก็เป็นมาอย่างนี้เสมอ มีบางเวลาที่ห้องนี้จะถูกจัดเป็นที่เป็นทาง ซึ่งนั้นหมายถึงว่ามีคนมาเยี่ยมหรือไม่ก็หาของไม่เจอ อย่างอาทิตย์ที่แล้วเขาต้องรื้อห้องทั้งห้อง เพื่อหาสมุดบัญชีธนาคารซึ่งซุกในกองเสื้อผ้าเหม็นอับ  แต่วันนี้ไม่มีเวลามากพอสำหรับเก็บกวาด งานสำคัญรอเขาอยู่ จึงรีบตรงไปยังโต๊ะเขียนหนังสือ โต๊ะตัวนั้นมีหนังสือกองระเกะระกะ เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการแยกหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดเพื่อทำรายงานกับกองหนังสือโปรด เมื่อความพยายามบังเกิดผลเขาจึงเปิดลิ้นชัก ในบรรดาข้าวของที่ปรากฏในห้องนี้ เห็นจะมีแต่สิ่งที่เรียกว่าโน้ตบุ๊กที่ยังคงสภาพดีและได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เขาหยิบขึ้นมาวางอย่างบนโต๊ะอย่างบรรจงและเริ่มต้นทำรายงาน


	ถือว่าเป็นโชคดีของเก่งอยู่บ้างที่พบข้อมูลเรื่องที่จะทำรายงานในอินเตอร์เน็ต อย่างน้อยก็ไม่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งพิมพ์รายงานทั้งเล่ม เขาใจชื้นเพราะงานอาจเสร็จเร็วขึ้น ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงท้องเริ่มร้องทุกข์ เขาพยายามฝืนใจให้เสร็จบทแรกเสียก่อน กระนั้นก็ต้องพ่ายแพ้ ด้วยเหตุผลว่ายังไงคืนนี้ก็ต้องเสร็จอยู่แล้ว กินข้าวสักชั่วโมงคงไม่ใช่ปัญหา 


	เก่งกลับมาถึงห้องประมาณสามทุ่มครึ่งพร้อมกับขนมขบเคี้ยวจากร้านสะดวกชื้อ เขานั่งพักบนเก้าอี้ตัวเดิม สายตาเหลือบไปเห็นหนอนใบเก่าที่เขาเคยหนุนทุกคืน ถ้าเป็นวันอื่นเขาคงไม่รอช้าที่จะล้มกายลงหนุน เพราะความสุขใดอีกเล่าที่จะสุขเท่าการได้พักผ่อน แต่วันนี้ยังมีงานต้องทำให้เสร็จ เขาจึงละสายตากลับมาเพื่อตั้งต้นทำงานต่อ 


	กริ๊งๆๆๆๆๆ เสียงนาฬิกาดังขึ้นจากที่ไหนไม่รู้ภายในห้องนี้ เก่งตามเสียงไปและเจอมันซุกอยู่ใต้กองหนังสือพิมพ์ หน้าหนังสือพิมพ์ฉบับบนสุดนั้นเป็นภาพผู้ชุมนุม เขาชอบติดตามการชุมนุมทางการเมือง และต้องดูทีวีในช่วงสี่ทุ่มเป็นประจำ ไม่รอช้าเขารีบเปิดทีวีขาวดำจอสิบสี่นิ้ว พร้อมกับเคี้ยวขนมบนเตียงนอนอย่างสำราญใจ ส่วนงานที่ยังค้างอยู่นั้นก็ไม่หนักใจ เพราะเขามีเครื่องมืออำนวยความสะดวก รายงานแค่สิบหน้ายี่สิบหน้าไม่ใช่ปัญหาเลย  
เก่งฝืนใจลุกขึ้นจากเตียงหลังรายการโปรดจบลง เขาสลัดหน้าไปมาเพื่อขับไล่ความง่วง แต่ก็ไม่ค่อยได้ผล โดยปกติเขาจะเข้านอนช่วงเวลานี้ ร่างกายจึงเพรียกหาการพักผ่อนเต็มที่ แต่เขาไม่อาจจะนอนได้ รายงานรออยู่ เขาจึงตรงเข้าไปในห้องน้ำ อาศัยน้ำเย็นๆบรรเทาความง่วง 


                       การแสวงหาบารมีของคนเรานั้นมีอยู่สิบอย่างดังนี้ เก่งเริ่มพิมพ์บทที่สอง สักพักก็ได้ยินเสียงนาฬิกาดังขึ้นเบาๆและเพิ่มความดังจนฟังชัดเจน ความเงียบงันแห่งราตรีเริ่มปกคลุมรายรอบตัวเขา ก่อนจะแทรกซึมผ่านทุกอณูขุมขน โคจรไปบรรจบกันยังสมองส่วนรับรู้ จึงแปลผลออกมาเป็นความเหว่ว้า เขาคิดว่าค่ำคืนนี้จะมาใครเป็นเพื่อนข้ามราตรีบ้างไหม วาบความคิดแรก เขานึกถึงเพื่อนสนิทที่สุด แต่เพื่อนคนนั้นก็ทำเสร็จตั้งแต่เมื่อวาน ป่านนี้คงกำลังฝันดี ส่วนเพื่อนคนอื่นๆไม่ต้องพูดถึง พวกนั้นทำงานเสร็จตั้งแต่สามวันที่แล้ว อันที่จริงรายงานของเขาก็ควรจะเสร็จไปแล้ว นี่มัวแต่ชะล้าใจว่ามีโน้ตบุ๊กเป็นของตัวเอง ไม่ต้องไปยืนรอต่อคิวเครื่องของมหาวิทยาลัย จะทำเวลาไหนก็ได้ จึงต้องมานั่งอดหลับอดนอนอยู่ตอนนี้


                       กว่าที่เก่งจะดึงสมาธิกลับมาหารายงานได้ เข็มนาฬิกาก็เข้าใกล้เลขสองเต็มที เขาพยายามตั้งมั่นกับรายงานตรงหน้าอย่างที่สุด แต่แล้วความง่วงก็เวียนมาหาเขาอีกครั้ง ตัวหนังสือตรงหน้าเริ่มขยับไปมา บ้างเคลื่อนขึ้นลง บ้างหมุนเป็นวงกลม เขาพยายามสู้กับตัวหนังสือเหล่านั้นแต่ไม่เป็นผล จึงจำยอมพักหน้ารายงานลง โปรแกรมเกมส์ถูกเปิดขึ้นมา เกมส์นี้ได้มาจากเพื่อนคนหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว 

                        จำได้ว่าวันนั้นเขากำลังนั่งชื่นชมกับโน้ตบุ๊กตัวแรกในห้อง สัมผัสมันอย่างทะนุถนอม เพราะกว่าจะได้มาต้องรอถึงปีสาม เข้ามหาวิทยาลัยปีแรกแม่กับพ่อเขาให้เหตุผลว่า ยังไม่จำเป็นหรอก ลูกยังใหม่ในสถานแห่งนี้ อีกทั้งเราก็ไม่รู้ว่าใครจะมาดีมาร้ายกับเรายังไง แม่เกรงว่าลูกจะรักษาทรัพย์สินไม่ได้ ไว้เก่งโตกว่านี้ ขึ้นปีสองแม่จะชื้อให้ จริงดังแม่ว่า ถึงไม่มีคอมพิวเตอร์เก่งก็สามารถทำงานส่งอาจารย์ได้เหมือนๆคนอื่น เพราะมหาวิทยาลัยมีคอมพิวเตอร์ให้บริการนักศึกษา พอขึ้นปีสองเขานึกถึงสัญญาที่แม่ให้ไว้ ผนวกกับรางวัลนักศึกษาดีเด่นการันตีคุณสมบัติ ปีนี้เขาจึงคู่ควรที่จะมีคอมพิวเตอร์เป็นของตนเองเสียที ทว่าโชคยังไม่เข้าข้าง เมื่อพ่อผู้เป็นกำลังหลักของครอบครัวประสบอุบัติเหตุระหว่างไปค้าขายต่างจังหวัด ต้องพักรักษาตัวหลายเดือน เขาเข้าใจสถานการณ์ของครอบครัวตอนนั้นดี จึงไม่เอ่ยปากขอแม่ ทั้งๆที่ลึกๆก็เสียใจ เหมือนแม่ล่วงรู้ถึงความรู้สึกเขา จึงสัญญาว่าปีหน้าแม่จะชื้อโน้ตบุ๊กเป็นการชดเชย ในที่สุดโน้ตบุ๊กก็เป็นของเขาสมใจ เมื่อเขาครองรางวัลนักศึกษาดีเด่นอีกสมัย กอปรกับพ่อก็สามารถทำงานได้ตามปกติแล้ว 


                           เพื่อนที่มาในวันนั้นรู้ข่าวว่าเขามีโน้ตบุ๊กใหม่ ด้วยหวังดีจึงนำโปรแกรมดีๆมาให้ ซึ่งเขาก็กำลังมองหาโปรแกรมเหล่านั้น เช่น โปรแกรมแต่งภาพ ดูหนังฟังเพลง และยังมีโปรแกรมเกมส์ ซึ่งเขาไม่ชอบเท่าไหร่ หากแต่สุภาพพอที่จะไม่ปฏิเสธความหวังดีจากเพื่อน และเต็มใจให้เขาลองโน้ตบุ๊กเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของโปรแกรม จำได้ว่าหลังจากที่กลับมาจากร้านสะดวกชื้อ  ได้ยินเสียงปีนและเสียงร้องเจ็บปวดจากในห้อง เขาตกใจมาก รีบวิ่งเข้าไปในห้อง ปรากฏว่าสิ่งที่เขาคิดไม่ได้เกิดขึ้น จึงหายใจทั่วท้องอีกครั้ง เพื่อนคนนั้นกำลังเล่นเกมส์ ดูสีหน้าท่าทางมีความสุข โดยเฉพาะช่วงที่เขายิงคู่ต่อสู้ได้ เสียงร้องโหยหวนพร้อมเลือดพุ่งกระฉูด วาบนั้นเขาเห็นสีเลือดแดงฉานปรากฏในดวงตาของเพื่อน ไม่กี่อาทิตย์ต่อมาเจ้าเพื่อนคนนั้นถูกตำรวจจับข้อหาฆ่าคนตาย เขาจึงไม่คิดที่จะเล่นเกมส์นั้นเลย 


                       เก่งเริ่มเล่นเกมส์เมื่อเดือนที่แล้ว จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันอันโหดร้ายวันหนึ่งในไม่กี่วันที่เขารู้สึก เพราะโดยอาจารย์ต่อว่าเรื่องการเรียน ทั้งๆที่สองปีที่ผ่านมาได้รับแต่คำชื่นชม จึงแทบไม่มีกำลังทำงานหรืออ่านหนังสือ เพลงโปรดและเว็บไซต์ประจำก็ไม่อาจทำให้จิตใจหม่นมัวกลับมาผ่องใสดังเดิมได้ เกมส์ที่เขาไม่เคยสัมผัสถูกเปิดขึ้น แม้นจะไม่เคยเล่นแต่ก็ไม่อยากเกินความสามารถของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเลิศทางภาษา เขาอัศจรรย์ใจเมื่อความรู้สึกกลัดกลุ่มจิตใจพลันหายไป ความฮึกเหิมกลับเติมพลังให้เขาแข็งแกร่งทุกครั้งเมื่อพิชิตศัตรูสำเร็จ จากนั้นยามเหนื่อยล้าเขาจะเล่นเกมส์ ซึ่งรักษาอาการเหล่านั้นได้ชะงักนัก จากไม่กี่นาที เป็นหลายนาที จากหลายนาทีเป็นชั่วโมง และหลายๆชั่วโมง จึงเหมือนเกมส์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต


	ตีสามแล้วหรือ เก่งพำพึมเสียงอ่อน รายงานยังเหลือเกินครึ่ง เขาจะทำยังไงดี แกล้งป่วยคงไม่ได้เพราะอาจารย์กำชับไว้แล้วว่า ต่อให้ฟ้าถล่ม ดินล่มเป็นมหาสมุทร ก็ไม่สามารถเป็นเหตุผลอันควรเชื่อได้ว่ารายงานไม่เสร็จ ครั้งจะตั้งหน้าตั้งตาทำก็คงไม่ทันเวลา และคงไม่มีเวทมนต์ใดในหล้าจะเนรมิตเบื้องลึกแห่งปรารถนาให้เป็นจริงได้ภายในเสียววินาที เขาตำหนิตนเอง หากเริ่มทำงานชิ้นนี้ตั้งแต่แรก ไม่รอโน่นรอนี้ อ้างสารพัดอ้าง เลื่อนเป็นโรคระบาด คืนนี้เขาคงกำลังนอนหลับบนเตียงสบาย ไม่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งทำงานที่เหมือนไม่มีวันเสร็จได้ เขาต้องพ่ายแพ้เสียแล้วหรือนี้ นักศึกษาดีเด่นสองปีซ้อนไม่มีรายงานส่งอาจารย์ เพื่อนๆคงรอเย้ยหยัน พ่อกับแม่เล่าจะไม่เสียใจหรือ ไม่ได้ยังไงเขาจะไม่ยอมแพ้ ขึ้นหลังเสือต้องสู้อย่างเดียว จะลงกลางครันก็เท่ากับฆ่าตัวตาย ถนนสายนี้ต้องเป็นเขาที่เป็นผู้มีชัย เฮือกสุดท้ายก่อนรุ่งสางจะสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ยังมีเวลาสำหรับเขาอยู่ และยังมีข้อมูลที่ได้จากอินเตอร์เน็ตเป็นผู้ช่วยอีกแรง เขาจึงเริ่มต้นทำรายงานอีกครั้ง ทว่ามิใช่ด้วยความตั้งใจ แต่ด้วยอาการเยี่ยงหมาจนตรอก 


                           หนึ่งชั่วโมงผ่านไปรายงานยังไม่ถึงไหน ยิ่งรีบยิ่งไม่ได้ดั่งใจ พิมพ์ไปเป็นย่อหน้าแต่ไม่รู้ว่าพิมพ์อะไรลงไป สุดท้ายไม่พ้นต้องลบทิ้ง เขามองไปทางหน้าต่าง ไม่มีดาวสักดวง อากาศเย็นยะเยือกแผ่วพลิ้วผ่านม่านเบาๆเข้ามา ความง่วงอันตรธานไป มีเพียงเหงื่อกาฬทำหน้าที่แห่งความตื่นตระหนก และนำพาความกลัวมากัดกินทุกอณูจิตใจ ชื่อเสียงเกียรติยศคงจรจากเขาไปในวันพรุ่ง ถ้าทำได้เขาไม่อยากให้รุ่งอรุณมาถึง ไม่อยากให้มีวันพรุ่งนี้ เป็นอีกครั้งในไม่กี่ครั้งที่เขารู้สึกเช่นนี้ และทุกครั้งล้วนล่วงมาไม่กี่เดือน เดือนที่ดีที่สุด ใช่เขาเคยคิดอย่างนั้น โน้ตบุ๊กรางวัลคุณความดี หรือว่าเป็นซาตานสถิตตอบแทนความรุ่งโรจน์ด้วยหายนะกันแน่  เขาพาร่างเหนื่อยอ่อนไปสู่อากาศบริสุทธิ์เพื่อดับความเร้าร้อนในใจ ไม่น่าเชื่อว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมง เขาต้องมายืนที่ระเบียงหลังห้องด้วยอารมณ์ต่างกัน หัวค่ำเขายังดื่มด่ำกับความงามยามอาทิตย์อัสดงโดยที่ไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์ ตรงกันข้ามเขากลับตั้งหน้าตั้งตารอรุ่งอรุณ แต่ยามเช้าใกล้เข้ามาแล้ว เขากลับไม่ปรารถนาจะเห็นอุษาแสง ความมืดเริ่มจางทางทิศตะวันออก อีกไม่นานแสงสีทองจะระบายขอบฟ้าและปุยเมฆให้อร่าม เขาไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป 


                            เตียงนอนนุ่มๆไม่อาจบรรเทาจิตใจร้อนรุ่มราวไฟสุมของเก่ง เขาจะไม่โผล่หน้าไปรับสายตาเย้ยหยันจากเพื่อนๆเด็ดขาด ใจหนึ่งเขายอมแพ้ยอมเสียทุกอย่าง อีกเสียงแผ่วเบาแต่รู้สึกได้ มันกำลังเรียกร้องวิญญาณราชสีห์ในตัวเขา พลังใจเขาค่อยๆทวีขึ้นพร้อมกับเสียงหัวใจหาญกล้า สงครามยังไม่จบ จะเริ่มนับศพทหารก็ใช่ที เขาตัดสิ้นใจสู้อีกครั้ง แม้นไม่ใช่ในนามราชสีห์อันสง่า เป็นเพียงหมาจนตรอกที่จะรักษาชีวิตไว้ก็ตาม หนทางเดียวที่วาบขึ้นมาในความมืดของห้วงความคิดคือ อินเตอร์เน็ต เขาค้นหาข้อมูลไปเรื่อยๆ เหมือนวนว่ายในอ่างน้ำกับข้อมูลชุดเดิม ซึ่งไม่ดีพอสำหรับรายงานของเขา สงครามควรต้องจบลง แต่แล้วเขาก็เจอมัน สิ่งที่เขาค้นหา แสงสว่างยามเช้านำพาเนื้อหารายงานฉบับสมบูรณ์มาทันเวลาหกโมงเช้าพอดิบพอดี ประดุจเขาย่างเดินบนสมรภูมิรบที่เกลื่อนไปด้วยศพทหารหาญ เพื่อนสหายซุกร่างภายใต้หมอกแห่งควันพลานุภาพของอาวุธประหัตประหาร เพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่รอดพ้นนามนักรบเดนตาย 
หนึ่งชั่วโมงก่อนเจ็ดโมงเช้า เก่งใช้เวลาท่องโลกอินเตอร์เน็ตเป็นกำนัลให้กับความทุ่มเทของตัวเอง เขาชอบเว็บไซต์การเมือง แต่วันนี้ไม่อาจทนอ่านตัวหนังสือพืดยาวไม่รู้จบอย่างปกติ เขาละจากบทความเข้าสู่โลกแห่งความบันเทิง ดูนกดูไม้ยามรุ่งอรุณตามเว็บบอร์ดต่างๆ เขาสนใจรูปหนึ่งเป็นพิเศษ ภาพภูเขาสูงใหญ่สองลูกคู่ขนานเด่นสง่า เบื้องล่างธารน้ำเอื่อยไหลเซาะเกาะแก่งเป็นริ้วน้ำสีเงิน ก่อนจะตกสู่แอ่งมหึมาเบื้องล่าง ภาพแอ่งน้ำสีเงินประดับพวยพุ่งละอองน้ำต้องแสงอาทิตย์งามจับใจ หยาดน้ำค้างพราวบนใบหญ้า สะท้อนสีเขียวขจีแห่งป่าพง แม้นภาพจะมีเพียงสองมิติ แต่เขาสัมผัสถึงความลึกแห่งสายน้ำ ไอเย็นดลวิญญาณให้ชุ่มฉ่ำ เสียงนกร้องในมโนนึกเสมือนเสียงเพลงจากสรวงสวรรค์ที่คนธรรพ์บรรเลง เขาดูภาพไปเรื่อยๆไม่รู้เบื่อ บางภาพเป็นสถานที่เดียวกันแต่ถ่ายคนละมุม ก็สร้างบรรยากาศและอารมณ์ที่ต่างกันด้วย จึงไม่แปลกหากความจำโน้ตบุ๊กของเขาจะลดลงทีละน้อย ขณะที่จำนวนภาพอันโปรดปรานเพิ่มขึ้น 
เก่งสังเกตเห็นความผิดปกติของโน้ตบุ๊ก ความเร็วในการทำงานลดลงอย่างเห็นได้ชัด เขาปิดเว็บไซต์ที่ไม่สำคัญแต่ไม่เป็นผล เครื่องยังทำงานติดๆขัดๆ เขาคิดว่าคงเป็นเพราะมันทำงานมาทั้งคืน ทำให้เครื่องรวน ดูอย่างคนถ้าอดหลับอดนอนทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่นานก็คงถูกหามเข้าเมรุ เพราะไม่รู้จักดูสังขารตนเอง เขานี่ก็โหดร้ายนัก ถ้าโน้ตบุ๊กเป็นคนคงต้องลุกมาประท้วง อาจมีการหยุดงานหรือกระด้างกระเดื่องไม่เคารพเชื่อฟัง หากมีการส่งจดหมายไปทั่วสังคมไซเบอร์คงวุ่นวายน่าดู เขาปิดโน้ตบุ๊กเพื่อพักเครื่อง ระหว่างรอให้เครื่องเย็น เขาจึงลุกจากโต๊ะเขียนหนังสือ สูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าจนชุ่มปอด แสงอุ่นๆจากดวงอาทิตย์โอบอุ้มดวงวิญญาณของเขา ประดุจลูกน้อยในอ้อมกอดสตรีผู้อารี เขาพร้อมแล้วที่จะว่ายแหวกมหาชเลกว้างใหญ่ แม้นจะไม่รู้ว่าพื้นดินนั้นจะอยู่หนแห่งใด 


                        สายน้ำจากฝักบัวปะทะใบหน้าของเก่งที่รองรับอยู่เบื้องล่าง เขาปล่อยอารมณ์ความรู้สึกไปกับสายน้ำ คลายอิริยาบถด้วยปราศจากพันธนาการใดๆ ร่ายกายเหนื่อยอ่อนค่อยๆพื้นกำลัง เวลาล่วงเลยไปกับสายน้ำยาวนาน เขาก้าวออกมาจากห้องน้ำ เช็ดกายด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเก่า ก่อนเปิดตู้เสื้อผ้าออก ปรากฏว่าไม่มีชุดนักศึกษา จริงสิเขาลืมเสียสนิทเลย ผ้ากองโตยังไม่ได้ซัก เขาลังเลใจว่าจะไปยืมเพื่อนดีไหม จึงตัดสินใจเดินไปยังกองเสื้อผ้า ค้นหาชุดที่มีกลิ่นน้อยที่สุด โชคยังดีมีเสื้อที่ไม่ยับเท่าไหร่ เขาสลัดๆแล้วรีบสวมทันที ส่วนกางเกงมีกลิ่นนิดหน่อย หมกไว้หลายวัน เขาแต่งตัวเรียบร้อยจึงฉีดน้ำหอมสยบกลิ่นไม่พึงปรารถนาของคนรอบข้าง 


                       เขาเตรียมกระดาษใส่เครื่องปลิ๊น ดึงโน้ตบุ๊กออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะเขียนหนังสือ ขั้นตอนสุดท้ายของการทำรายงานมาถึง เมื่อต่อสายสัญญาณเรียบร้อย เขาจึงเปิดเครื่อง แต่โน้ตบุ๊กไม่ทำงาน สายไฟต่อเรียบร้อยดี ไฟฟ้าก็ไม่ดับเพราะทีวียังรายงานข่าวการเมืองได้ปกติ เขาลองอีกสองสามรอบ ผลยังคงเดิม ความวิตกก่อรูปร่างในท้องก่อนจะบิดเกลียวไปมาชวนคลื่นไส้ เขาไม่อยากรับรู้เลยว่าจะไม่มีงานส่งอาจารย์ ทั้งๆที่เขาอดหลับอดนอนทั้งคืน ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่อาจให้อภัยตัวเอง หากเขาทำงานให้เสร็จเรียบร้อย หากเขาไม่เอาอารมณ์เป็นใหญ่ หากเขาฝืนใจได้สักนิด เครื่องก็คงไม่มีปัญหาอย่างนี้ เจ้าไวรัสก็ไม่ปราณีเขาเลย ป่านนี้คงหอบรายงานของเขาล่องหนไปแล้ว


                     ไอ้...เครื่องมือระยำ เขาอยากโยนมันทิ้งเสียให้ได้ จริงที่เขาเคยเทิดทูลบูชา จริงที่เขามีเครื่องมือมากค่า จริงที่เขาใช้เวลากับมันมากกว่าอยู่กับตัวเอง แต่วันนี้มันกบฏต่อเขาเสียแล้ว 
				
2 ธันวาคม 2551 01:38 น.

เรียงความเรื่องพ่อ

กฤตศิลป์ ชินบุตร


๏ ดั่งเดือนส่องท้องน-................ภากาศ
แสงพร่างดาราพาด...................ฝั่งฟ้า
ราตรีประดับดาว.......................งามเด่น
ปลอบปลุกผู้อ่อนล้า...................พ่อนี้ดังเปรียบ๚ะ๛


	คำว่า พ่อ เป็นคำสั้นๆของบรรดาผู้เป็นบุตรเป็นธิดาเปล่งออกมา เพื่อเรียกขานบุคคลผู้ให้กำเนิด แต่ความจริงแล้วคำว่า พ่อ คำเดียวกันนั้น มีความหมายกว้างกว่า กว้างจนพจนานุกรมใดๆก็มิอาจบัญญัติความหมายได้ครอบคลุม ทั้งท่านผู้รู้ ครู อาจารย์ และท่านปรมัตถ์ผู้เปรมปราชญ์ทั้งหลาย ก็ไม่อาจให้นิยามได้ เพราะคำว่า พ่อ มิใช่ตรรกะตายตัว หากเสมือนคำถามปลายเปิดที่เว้นว่างเพื่อรอให้เหล่าลูกๆเติมใจข้อความไป หากเราสามารถรวบรวมคำนิยามของคำว่า พ่อจากผู้คนกว่าสองสามพันล้านคนในโลกใบนี้ คงต้องใช้เวิ้งจักรวาลมาแทนกระดาษ เพื่อจารจารึกถ้อยพจน์อันดารดาษแห่งคุณูปการของคำว่า พ่อ ที่กลั่นจากความรู้สึกเบื้องลึกปุถุชน และหากจะพรรณนาคุณอนันต์ของบุคคลที่ได้ชื่อว่า พ่อ คงต้องใช้น้ำทะเลทุกอยาดหยด จึงพอจารึกเศษเสี้ยวคุณอนันต์นั้น คำว่า พ่อ จึงใหญ่ยิ่ง สรรพสิ่งมากมายในโลกไม่อาจเทียบเคียงได้ มีเพียงจิตใจอันอบอุ่นผัสสะกันและกัน ก่อเป็นสายใยอันแน่นเหนียวเกลียวกลมของพ่อลูก และจะสถิตตราบฟ้ามีตะวันแรกอโณทัย ด้วยพ่อนั้นไม่ใช่ผู้กำเนิด แต่พ่อเป็นยิ่งกว่าผู้ให้กำเนิด แม้นพ่อไม่ได้กลั่นเลือดเป็นนมป้อน แต่พ่อป้อนด้วยธารเหงื่อรินไหล หากพ่อไม่อาจเลี้ยงดูใกล้ชิด ด้วยจำใจอยู่ไกลถิ่น แต่ทุกวินาทีหัวใจของพ่อ เฝ้าโบยบินถวิลหาเพียงลูกยา ยามลูกร้องด้วยผิดหวังเสียงดังลั่น หัวใจพ่อทวีสั่นด้วยอ่อนล้า อกพ่อกลัดหนองด้วยตนไม่อาจจะเยียวยารักษาความเจ็บปวดของลูกได้ ถ้าเปรียบลูกๆเป็นพระปฏิมาอันงามผ่อง พ่อก็คือคนปิดทองหลังองค์ปฏิมานั้น เพราะพ่อคือผู้อยู่เบื้องหลังที่คอยสนับสนุนลูกๆทุกคราว การลงทุนของพ่อตรงข้ามกับปรัชญาวานิชทุกประการ เพราะพ่อให้โดยไม่รับสิ่งตอบแทน เพราะพ่อให้ด้วยหวังว่าลูกจะเติบกล้าหยัดยืนในสังคมอย่างภาคภูมิ เรียกว่าเงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าหาเกรงดิน พ่อจึงเป็นพ่อพระในบ้าน เป็นปูชนียาจารย์ที่โลกหล้าสรรเสริญ เป็นแสงสว่างส่องกระจ่างยามรัตติกาลให้ก้าวเดิน เป็นสะพานเชื่อมความฝันของลูกให้เป็นความจริง และเป็นหนึ่งสิ่งที่ประเสริฐในโลกา


	จึงธรรมดาสามัญที่ลูกๆทุกคน จะกระทำตนเพื่อตอบแทนการเสียสละอันยิ่งใหญ่ของบุพการี ด้วยการกระทำตนให้สมเกียรติและศักดิ์ศรีของมนุษย์ เป็นพลเมืองที่สังคมพึงปรารถนา เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นกุลบุตรธิดาผู้กตัญญูกตเวทิตาต่อบุพการีคุณผู้นำทาง 
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกฤตศิลป์ ชินบุตร
Lovings  กฤตศิลป์ ชินบุตร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกฤตศิลป์ ชินบุตร
Lovings  กฤตศิลป์ ชินบุตร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกฤตศิลป์ ชินบุตร
Lovings  กฤตศิลป์ ชินบุตร เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกฤตศิลป์ ชินบุตร