24 กุมภาพันธ์ 2553 07:44 น.

เธอรู้ไหม

กฤตศิลป์ ชินบุตร


เธอรู้ไหม...			
คนอยู่ไกลจ้องมองบนท้องฟ้า
ในระหว่างช่องว่างของจันทรา		
เพื่อค้นหาแสงกระพริบระยิบยวง


เธอรู้ไหม...			
ว่าหริ่งหรีดกรีดไห้เพราะไพรหวง
เสียงสะท้อนย้อนสะทกตรึงอกทรวง	
คล้ายแก้วดวงร่วงหล่นจนแหลกลาญ


เธอรู้ไหม...			
ที่ลมไหวใช้ว่าฟ้าจักขาน
ฟังสิ...เสียงกระซิบจากดวงมาน		
ฝากลมผ่านว่ารักทุกนาที


เธอรู้ไหม... เธอรู้ไหม...รู้ไหม	
ว่าฟ้าไกลยังเห็นรัศมี
และลึกคำล้ำรสกว่าบทกวี		
คือล้ำถ้อยนารีสาธยาย

..................................................


							

ขอได้ไหมให้รู้ห้วงใจเจ้า		
แม้นน้อยหนึ่งเศษดาวยามเลือนหาย
หวังได้ไหมหวังแสงอันแรงพราว		
เพื่อนำก้าวหนทางปุถุชน

 ทางข้างหน้าดูไกลเธอว่าไหม	
โน่นกว่าชัยจักมีกี่แดดฝน
ทางข้างหน้า...ช่างเถอะแค่ท้าทน		
แต่ข้างตนด้นเดินจักมีใคร
		
ขอมือเถอะ...จับมือกันร่วมฟันฝ่า	
ประสานตาว่าสู้ศัตรูไหว
ล้มเราลุกปลุกกันฟื้นยืนต่อไป		
มีหัวใจปรารถนาเป็นอาภรณ์

รอ...มือเธอ			
จักรอเก้อหรือไรให้สังหรณ์
ฝากคำถามศรัทธาในบทกลอน		
ก่อนหลับนอนฝันถึงเจ้า ดาวพระจันทร์				
23 กุมภาพันธ์ 2553 06:11 น.

มองจันทร์

กฤตศิลป์ ชินบุตร

๑

...เอื้อมมือมนุษย์ไกลเกินจินตนาการ	
แต่เอื้อมหวงดวงมานฤๅจักไหว
ร้อยดวงดาวพราวโชติแสนโกฏิไกล	
แต่ร้อยใจเราคล้องมิพร้องพราย

๒

ราตรีกาลลานสรวงร่วงหยาดฟ้า		
คล้ายดวงตาใครคนหล่นรินสาย
อณูเก็จเพชรรัตน์จรัส...วาย		
ก็ดุจคล้ายคอยหวังอันว่างมี


มองคงคาสวรรค์อันบรรจบ		
เชื่อมฟากภพมรรคาพร่ารังสี
แต่ทางรักทางฝันชั้นกวี		
มืดริบหรี่ที่จักเอื้อมเชื่อมใจครอง


คืนหนาวร้ายพายพัดเหน็บเจ็บและปวด	
ดุจคมลวดหนามบาดขยาดผยอง
ทว่า...กล้าฝ่าจะข้ามโดยลำพอง		
เพียงหวังปองน้องนั้นบนจันทร์พราว

๓

อุษาโยค...หมายตะวันจะปันแสง		
อนธการลาญแรงเปลี่ยนแปลงหาว
อรุณรักสักหมายให้ยืดยาว		
กว่าตะวันจันทร์ดาวกัลปา 

อรุณวันนั้นหวังการตั้งตน			
ปุถุชนสืบสายปรารถนา
อรุณใดไอหนุนอุ่นอุรา			
เคียงกานดาว่าอุ่นแม้นโลกันตร์

๔

จันทราแจ่มเรืองงามอมรสร้าง		
อนงค์พร่างรัศมีรุจีสรรค์
เราจึงเพียงกระต่ายคิดหมายจันทร์		
ทุกชั่วกัลป์ด้วยเวลาวินาที
		

เมื่อมุ่งหมายคล้ายมนต์มาดลจิต		
ขออุทิศชีวิตน้อยด้อยภาษี
จักล้มลุกปลุกปลอบจรลี			
บนทางซึ่งเพียงมีเราเอกา...
					

ฝากหัวใจ ฝากบทกวีนี้แด่เธอ...					

กฤตศิลป์ ชินบุตร				
13 กุมภาพันธ์ 2553 12:46 น.

ยอมเลว

กฤตศิลป์ ชินบุตร

ถ้าจะดีในหมู่ผู้แสแสร้ง		
จำฝืนแรงตัวตนเข้าค้นหา
ขอเป็นเลวชั่วชาติภาวนา		
ยังสมค่าว่ามีความเป็นคน

หากจะดีด้วยวาทมธุรพจน์	
โดยขบถหัวจิตคิดเอาผล
ขอเป็นเลวคำสัตย์และท้าทน	
ยังเห็นตนมากค่าถ้อยสุนทร 

หวังจะดีด้วยปั้นหน้าสง่าโฉม
ซ่อนทรุดโทรมอัปลักษณ์ที่หลอกหลอน
ขอเป็นเลวด้วยมังสาแลอาภรณ์	
ดังผ้าผ่อนห่อนหุ้มเนื้อสุวรรณ

ถ้าจะเด่นด้วยถีบสหายขึ้น	
เสียงสะอื้นคล้ายกล่อมมาสวรรค์
ขอยอมด้อยค่าไร้ในโลกันตร์	
ยังสุขสันต์มิตรภาพกำซาบทวี

หากจะเด่นด้วยท้อต่อสำนึก	
ให้น้ำลึกศึกใกล้เอาใจหนี
ขอยอมด้อยด้วยชีพดุษฎี		
แม้นเป็นผีชื่อก็ก้องลำพองจินต์

หวังจะเด่นเป็นชื่อลือกระฉ่อน	
ด้วยเล่ห์หลอนกลลวงความกังฉิน
ขอยอมด้อยด้วยซื่อต่อฟ้าดิน	
จักไร้กินแต่เกียรติพ้องก้องกำจาย

ถ้าจะเป็นที่รักยอดสตรี		
ด้วยกายีมุ่งเอาเป็นเป้าหมาย
ขอยอมซึ่งร้างคู่ชีวาวาย		
ยังเหมือนได้ครองรักสัตการ

หากจะเป็นยอดรักคนทั้งโลก	
ด้วยอุปโลกน์ยศลาภมหาศาล
ขอยอมซึ่งคนเร่พิสดาร		
จรขอทานให้สมเพชเวทน์อารมณ์ 

หวังจะเป็นความรักอันยิ่งใหญ่	
ด้วยมารยาสาไถยให้สุขสม
ขอยอมซึ่งความรักอันระทม	
เพื่อชื่นชมจริงใจไร้เล่ห์ลวง

ถ้าหากหวังจงเถิดหากจะหวัง	
ให้งามปลั่งดุจจิตนิมิตสรวง
เมื่อมีหวังคงมิใช่ยถาดวง		
หนทางปวงล้วนลิขิตจากจิตตน 

13/02/2553				
10 กุมภาพันธ์ 2553 12:24 น.

ชโลมชีพด้วยถีบเท้าและปากกา

กฤตศิลป์ ชินบุตร


อันมนุษย์ใดเลยจะบูรณ์พร้อม		
รอยเท้าย่อมลึกตื้นการเคลื่อนไหว
ทั้งจมดิ่งสิ้นท้อก้าวต่อไป			
ทั้งโหยไห้ไหว้หวาดชะตาลวง


รู้เดินยากอยากจะบินก็สิ้นปีก		
เรี่ยวแรงหลีกหลบภัยยิ่งใหญ่หลวง
น้อมชะตาคารวะร้ายทั้งปวง		
ให้ศัลย์ทรวงปวงโศกโลกโลกีย์


ใช้ปากกาเขียนคำบรรยายทุกข์		
เพื่อปลอบปลุกสุขซ่อนก่อนจากหนี
ใช้หัวใจกลั่นพจน์รสกวี			
ใช้เลือดสีเต็มฉานจารระบาย


ด้วยมนุษย์คือโหดกว่าโฉดรู้		
ใดศัตรูหรือมิตรคำขยาย
ต่างเห็นทรัพย์เห็นประโยชน์แลเรือนกาย	
จักเห็นใจสาธยายเมื่อวายวาง


ชโลมชีพด้วยกวีอัตคัด			
ชโลมชีพด้วยรัตน์อุษาสาง
ชโลมชีพดังสำเภาไร้ใบกาง		
ชโลมชีพเพียงนางทักวาจา


ด้วยเท้าถีบชีวิตก็ยังหวัง			
ด้วยเท้าถีบพลังก็คงกล้า
ด้วยเท้าถีบมีพอต่อเวลา			
ด้วยเท้าถีบคือท้าชะตาจร


และปากกาจะเขียนกวีบท			
และปากกาแทนทดดวงจิตหลอน
และปากกาจะส่องชี้เอื้ออาทร		
และปากกาสะท้อนความเป็นคน


ชโลมชีพด้วยเท้าถีบและปากกา		
ปณิธานสัจจาต่อฟ้าหน
ต่อนี้ไปให้อุทิศชีวิตตน			
เป็นเลือดข้นปนกวีชี้แผ่นดิน
					

กฤตศิลป์ ชินบุตร				
8 กุมภาพันธ์ 2553 02:57 น.

ขอทางเดิน

กฤตศิลป์ ชินบุตร

ด้วยมนุษย์นิยมชมชื่นฟ้า		
อิสราฝุ่นดินฤาบินไหว
จึงจำอดจดทนแต่ต้นไป		
เปรียบน้ำไซร้น้อยนิดจะปิดเพลิง


เคยหลงผิดนิมิตไว้เพียงกายร่าง	
จึ่งเดินทางย่างสมในลมเหลิง
เคยปล่อยตัวมั่วสุมรุมระเริง 		
ดังวนว่ายว่างเวิ้งสีทันดร 


ทุรชาติภูมิย้ำคำหยันเยาะ		
ก้องร้ายเราะปราชิตอาบพิษหลอน
ชลารมณ์ตรมเศร้าสำเภาคลอน	
ชีวาตม์วอนย้อนตะวันบูรพา 		


นภสินธุ์ยังพร่างนำทางใฝ่		
แม้นสรวงไร้ฉายจันทร์อันปรารถนา
จะฝันเฝ้าเอาผิดนิมิตมา		
เป็นมรรคาย่างย่ำอย่างชำนาญ


หวังทิพย์สูรย์จำรูญมาศวิลาสเลิศ	
อุษาเพริศเช้าอุ่นอรุณฉาน
ให้แรกรุ่งมุ่งหวังปณิธาน		
ให้สาบานวารพ้นคนคู่ควร

กฤตศิลป์ ชินบุตร
8 กุมภาพันธ์ 2553
บรรณาศรม				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกฤตศิลป์ ชินบุตร
Lovings  กฤตศิลป์ ชินบุตร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกฤตศิลป์ ชินบุตร
Lovings  กฤตศิลป์ ชินบุตร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกฤตศิลป์ ชินบุตร
Lovings  กฤตศิลป์ ชินบุตร เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกฤตศิลป์ ชินบุตร