ชโลมชีพด้วยถีบเท้าและปากกา

กฤตศิลป์ ชินบุตร


อันมนุษย์ใดเลยจะบูรณ์พร้อม		
รอยเท้าย่อมลึกตื้นการเคลื่อนไหว
ทั้งจมดิ่งสิ้นท้อก้าวต่อไป			
ทั้งโหยไห้ไหว้หวาดชะตาลวง
รู้เดินยากอยากจะบินก็สิ้นปีก		
เรี่ยวแรงหลีกหลบภัยยิ่งใหญ่หลวง
น้อมชะตาคารวะร้ายทั้งปวง		
ให้ศัลย์ทรวงปวงโศกโลกโลกีย์
ใช้ปากกาเขียนคำบรรยายทุกข์		
เพื่อปลอบปลุกสุขซ่อนก่อนจากหนี
ใช้หัวใจกลั่นพจน์รสกวี			
ใช้เลือดสีเต็มฉานจารระบาย
ด้วยมนุษย์คือโหดกว่าโฉดรู้		
ใดศัตรูหรือมิตรคำขยาย
ต่างเห็นทรัพย์เห็นประโยชน์แลเรือนกาย	
จักเห็นใจสาธยายเมื่อวายวาง
ชโลมชีพด้วยกวีอัตคัด			
ชโลมชีพด้วยรัตน์อุษาสาง
ชโลมชีพดังสำเภาไร้ใบกาง		
ชโลมชีพเพียงนางทักวาจา
ด้วยเท้าถีบชีวิตก็ยังหวัง			
ด้วยเท้าถีบพลังก็คงกล้า
ด้วยเท้าถีบมีพอต่อเวลา			
ด้วยเท้าถีบคือท้าชะตาจร
และปากกาจะเขียนกวีบท			
และปากกาแทนทดดวงจิตหลอน
และปากกาจะส่องชี้เอื้ออาทร		
และปากกาสะท้อนความเป็นคน
ชโลมชีพด้วยเท้าถีบและปากกา		
ปณิธานสัจจาต่อฟ้าหน
ต่อนี้ไปให้อุทิศชีวิตตน			
เป็นเลือดข้นปนกวีชี้แผ่นดิน
					
กฤตศิลป์ ชินบุตร				
comments powered by Disqus
  • กิ่งโศก

    10 กุมภาพันธ์ 2553 21:07 น. - comment id 1098100

    ชัดเจนดีมากครับ
    
    46.gif
  • ลำน้ำน่าน

    12 กุมภาพันธ์ 2553 10:52 น. - comment id 1098699

    ยกบทปณิธานมาเป็นไฟฝันให้คนบนถนนสายเดียวกันครับ
    
    ปณิธานกวี
    
    ๏ ใครจะอาจซื้อขายฟ้ามหาสมุทร
    แสนวิสุทธิ์โลกนี้ที่พระสร้าง
    สุดท้ายกายวิภาคจะจากวาง
    ไว้ระหว่างหล้าและฟ้าต่อกัน
    ๒
    ๏ เรามิใช่เจ้าของฟ้าอวกาศ
    โลกธาตุทั่วสิ้นทุกสรวงสวรรค์
    มนุษย์มิเคยนฤมิตตะวันจันทร์
    แม่แต่เม็ดทรายนั้นสักธุลี
    ๓
    ๏ แย่งแผ่นดินอำมหิตคิดแต่ฆ่า
    เพราะกิเลสบ้าหฤโหดสิงซากผี
    ลืมป่าช้าคุณธรรมความดี
    เสียศรีสวัสดิ์ค่าแท้วิญญาณ
    ๔
    ๏ สภาวะสรรพสิ่งทุกส่วนโลกนี้
    ควรที่สำนึกค่าทิพย์วิเศษวิศาล
    อนุรักษ์ดินน้ำฟ้าไว้ตลอดกาล
    เพื่อเหนือทิพยสถานวิมานแก้วไกวัล
    ๕
    ๏ ทุ่งนาป่าชัฏช้าอรัญญิกาลัย
    เทือกผาใหญ่เสียดดาวดึงส์สวรรค์
    เนื้อเบื้อเสือช้างลิงค่างนั้น
    มดแมลงนานพันธุ์ทั้งจักรวาล
    ๖
    ๏ เสมอเสมือนเพื่อนสนิทมิตรสหาย
    เกิดร่วมสายเชี่ยววัฏฏะสังสาร
    ชีพหาค่าบ่มิได้นับกาลนาน
    หวานเสน่ห์ฟ้าหล้าดาราลัย
    ๗
    ๏ ถึงใครเหาะเหินวิมุติสุดฝั่งฟ้า
    เดือนดาริกาเป็นมรคายิ่งใหญ่
    แต่เราขอรักโลกนี้เสมอไป
    มอบใจแด่ปฐพีทุกชีวีวาย
    ๘
    ๏ จะไม่ไปแม้แต่พระนิรพาน
    จะวนว่ายวัฏฏะสังสารหลากหลาย
    แปลค่าแท้ดาราจักรมากมาย
    ไว้เป็นบทกวีแด่จักรวาล
    ๙
    ๏ เพื่อลบทุกข์โศก ณ โลกมนุษย์
    ที่สุดสู่ยุคสุขเกษมศานต์
    วานนั้นฉันจะป่นปนดินดาน
    เป็นฟอสซิลทรมานอยู่จ้องมอง
    ๑๐
    ๏ สิ้นเสน่ห์วรรณศิลป์ชีวิตเสนอ
    ละเมอหาค่าทิพย์ไหนสนอง
    อเนจอนาถชีวีทุกธุลีละออง
    สยดสยองแก่ถ่านเถ้าเศร้าโศกนัก
    ๑๑
    ๏ แล้งโลกกวีที่หล้าวูบฟ้าไหว
    จะไปรจนารุ้งมณีเกียรติศักดิ์
    อำลาอาลัยมนุษย์ชาติน่ารัก
    จักมุ่งนฤมิตจิตรจักรวาล
    ๑๒
    ๏ ให้ซึ้งซาบกาพย์กลอนโคลงฉันท์
    ไปทุกชั้นอินทรพรหมพิมานสถาน
    สร้างสรรค์กุศลศิลป์ไว้อนันตกาล
    นานช้าอมตะอกาลิโก ๚๛

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน