ทัณฑ์ใจ

กฤตศิลป์ ชินบุตร

กลิ่นควันธูปลอยอ้อยอิ่งใต้ต้นไม้ใหญ่รูปร่างประหลาด ไทรต้นนี้มีใบเรียวยาวคล้ายเส้นผมของสตรี กิ่งสาขายื่นยาวออกมาดุจแขนและมือ ลำต้นเองก็มีรอยขีดเป็นแนวยาวเหมือนขามนุษย์ เมื่อใครพบพานจำนึกเป็นอื่นมิได้เลย นอกจากกำลังประจันหน้ากับยักษ์หรือภูตผี หากเป็นกลางดึกมีสายลมหวีดหวิวพัดผ่านให้ขนลุกซู่ คงวิ่งหนีจนป่าราบแน่นอน นอกจากความประหลาดตามธรรมชาติแล้วบริเวณแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยความประหลาดสุดพรรณนาจากน้ำมือมนุษย์ ทั้งผ้าเจ็ดสีหลายร้อยผืนกลืนเกลียวเป็นผ้าผืนหนาๆโอบมัดโคนต้น มีชุดผ้าไหมผ้าแพรวางซ้อนกันราวกับวางขายในตลาดสด เช่นเดียวกับผลสูกลูกไม้อาหารหวานคาวกองพะเนินเทินทึกทั่วบริเวณ 
	             เจ้าแม่ไทรทองเจ้าค่ะ ดิฉันมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจมากเหลือเกิน คือสามีดิฉันไม่ยอมกลับบ้านเป็นอาทิตย์แล้วเจ้าค่ะ ดิฉันอยากให้เจ้าแม่ช่วยดลใจให้เขากลับมา ถ้าเขากลับมาดิฉันจะยอมเขาทุกอย่าง จะไม่จู่จี้ขี้บ่น จะเลิกเล่นการพนัน ดิฉันจะดูแลเอาใจใส่เขาเป็นอย่างดีเจ้าค่ะ ถ้าเขากลับมาในวันพรุ่งนี้ ดิฉันจะถวายชุดไหม ผ้าเจ็ดสีและอาหารหวานคาวเจ้าค่ะ 
                                 หญิงวัยกลางคนพินอบพิเทาต่อต้นไทรเบื้องหน้าหรือที่ผู้คนขนานนามว่าเจ้าแม่ไทรทอง ซึ่งมีสรรพคุณครบครัน ทั้งเรียกผัวตามเมีย หาคู่ดวงสมพงศ์ ขอทายาทสืบสกุล บนบานศาลกล่าว และที่ขาดไม่ได้เลยคือเรื่องหวยเรื่องเบอร์ ทุกคนที่เคยเวียนวนมาล้วนการันตีปากต่อปากถึงความศักดิ์สิทธิ์ ระยะหลังจึงมีคนเรียกต้นไทรต้นนี้ว่า ต้นสารพัดนึก หรือ เจ้าแม่สารพัดนึกตามความเชื่อเรื่องไตรภูมิ
                               วันนี้ก็ไม่ต่างจากวันก่อน ผู้คนมากมายหลั่งไหลมาเพื่อกราบไหว้วิงวอนต่อต้นไทรด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย แล้วจากไปด้วยแววตาแห่งความหวังที่กำลังก่อรูปร่างอีกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องพิสดารเอาการทีเดียวสำหรับโลกยุคโลกาภิวัตน์ที่สรวมครอบตรรกะโลกานุวัตรไว้ มีเทคโนโลยีสมัยใหม่กำเนิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในทุกด้าน จนมีผู้คนมากมายอหังการว่าตนอยู่ได้โดยปราศจากธรรมชาติ แต่จำนวนคนอีกมากยังเชื่อเรื่องเร้นลับเหนือธรรมชาติ ปราศจากตรรกะใดๆ ไม่มีเจ้านักคิดทฤษฎีอธิบายรองรับ หลายคนอาจมองว่าเป็นความเหลือมล้ำทางการศึกษา เป็นความแตกต่างระหว่างปัญญาชนกับคนด้อยการศึกษา หรือเป็นความกดขี่บีฑาจากประเทศมหาอำนาจที่หลงคิดว่าตนเองครอบงำโลกด้วยการแหกตาทาสประเทศ แต่ท้ายที่สุดแล้วปุถุชนบนพื้นพิภพย่อมมีจุดอ่อนเหมือนๆกัน นั้นคือจิตใจ ต่อให้ยิ่งใหญ่ แข็งแกร่ง ร่ำรวย มีอำนาจ แต่ก็ไม่อาจต้านทานพลานุภาพแห่งจิตใจได้เลย หากเปรียบเทียบจิตใจเหมือนสิ่งก่อสร้างได้ฉันใด ไม่ว่าตึกสูงใหญ่ไพศาลตระการตา หรือแค่กระท่อมหัวไร่ปลายนาก็ตั้งอยู่บนผืนโลกเดียวกัน เกิดแผ่นดินไหวใหญ่น้อยก็สะเทือนสะท้านเท่าถึงกันฉันนั้น
                                        ชายหนุ่มภูมิฐานหน้าตาหล่อเหลาปรากฏตัวท่ามกลางฝูงชน มือของเขาเผยรูปเส้นเอ็นบางๆ ขณะกำธูปไว้แน่น สายตาหม่อมองไปยังสามีภรรยาคู่หนึ่งที่กำลังไหว้วอนขอประทานลูกจากเจ้าแม่ไทรทอง ขณะที่จิตใจเขาว้าวุ่นครุ่นคิดว่าทำไมเขาต้องมาที่แห่งนี้
                                        ขอให้ลูกรักกันมากๆ ทะนุถนอมน้ำใจกันดีๆ และมีหลานให้แม่อุ้มเร็วๆ เสียงคุณนายสมรศรี เศรษฐีนีแดนอีสานกังวานในโสตของจักรภพ ในวันแต่งงานเป็นวันที่เขามีความสุขที่สุด ใครเล่าจะเชื่อว่าลูกชายชาวนาอย่างเขาจะคว้าดอกฟ้านามวิลาวัลย์มาเชยชมได้ ทั้งคู่รู้จักกันสมัยเรียนปริญญาตรีในฐานะเพื่อน อันที่จริงจักรภพก็แอบชอบวิลาวัลย์ตั้งแต่แรกเห็น และเคยคิดที่จะบอกความในใจให้เธอรู้หลายครั้ง แต่ด้วยความใกล้ชิดที่วิลาวัลย์มอบให้บริสุทธิ์เกินกว่าที่เขาจะคิดเป็นอื่น อีกทั้งฐานะทางบ้านแตกต่างกัน เขาจึงอหังการที่จะรักเธอเพียงฝ่ายเดียว ขอมีความสุขยามชิดใกล้ในฐานะเพื่อนที่แสนดี เป็นที่ปรึกษาหัวใจยามเธอมีปัญหาด้วยปรารถนาดี แม้นบางทีอาจรู้สึกขื่นขมระทมใจก็ตาม สี่ปีผ่านพ้นไปด้วยรสชาติของชีวิต ทั้งสุขทุกข์ หัวเราะร้องไห้ สมหวังผิดหวัง มีอดมีอิ่ม  วันหนึ่งวิลาวัลย์นัดเขาไปทานข้าว เธอดูเศร้าผิดสังเกต เมื่อซักถามจึงได้ความว่าเธอตั้งท้องอ่อนๆ และพ่อของเด็กก็ไม่รับผิดชอบ ซ้ำร้ายยังบอกให้เธอไปเอาเด็กออก เธอไม่อยากทำเพราะยังไงเขาก็คือเลือดเนื้อเชื้อไข แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เขาเข้าใจเธอดีว่าเจ็บปวดแค่ไหน และ
ก็พร้อมที่จะช่วยเธอแก้ไขปัญหานี้อย่างเต็มใจ
                                  สามีภรรยาคู่นั้นเดินจากไปอย่างนอบน้อม จักรภพขยับไปข้างหน้า ระหว่างเขาและต้นไทรมีคณะรำที่กำลังกรีดกรายอ่อนช้อยขั้นกลางเท่านั้น
                                  วันปัจฉิมหรือวันสุดท้ายในฐานะนักศึกษาปริญญาตรี จักรภพควงวิลาวัลย์อย่างออกหน้าออกตา ทำเอาเพื่อนๆงงเป็นไก่ตาแตกทีเดียว ใครเล่าจะคาดคิดว่าจู่ๆเส้นขนานอย่างพวกเขาก็ตีโค้งหักฉอกมาบรรจบกันได้ บางคนหลงเข้าใจว่าพวกเขาเล่นละครเพื่อสร้างสีสันตั้งนานสองนาน จนกระทั่งมีรายการแจกการ์ดนั่นแหล่ะถึงออกอาการงวยงง
                                คุณครับ ๆ คนข้างหลังเขารอนานแล้ว ที่นี่ไม่ใช่สวนสาธารณะที่จะให้คุณมานั่งเหม่อลอยนะครับ ถ้าไม่กินก็อย่างทำเป็นหมาหวงก้างเลย ชายวัยกลางคนที่นั่งด้านหลังปลุกจักรภพจากคำนึงด้วยน้ำเสียงตำหนิ 
                             ขอโทษครับ ผมไม่ได้นอนทั้งคืน เลยเผลองีบไป เขาตอบแก้เกี้ยว 
                             งั้นก็รีบๆตื่นเสียสิ ชายคนดังกล่าวต่อว่า
                             ครับ เขาตอบโดยไม่หันไปมอง
                               เบื้องหน้าจักรภพคือ ต้นไทรประหลาด เขาได้ยินเพื่อนที่ทำงานเล่าว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ใครขออะไรได้หมด ตอนแรกเขานึกขันว่างมงาย แต่พอเพื่อนคนนั้นถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง เขาจึงเริ่มไขว่เข และคุณนายสมรศรีก็เร่งเร้ากับเขามาหลายครั้ง เขาจึงต้องมานั่งที่นี้ในเวลานี้
                                  จักรภพจ้องมองไปยังต้นไทร บนหน้าอกเขามีธูปที่กำลังเผาไหม้เป็นเถ้าถ่านและอายควัน เขาตั้งสมาธิเท่าที่จะรวบราวกลับมาได้ และเริ่มตั้งสัจจาอธิฐานอ้อนวอนเจ้าแม่สารพัดนึก โดยไม่คาดหวังผลมากนัก ที่เขามาวันนี้ก็เพื่อตอบตัวเองว่า อย่างน้อยเขาก็ได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ต่อแต่นี้ย่อมแล้วแต่บุญกรรมที่กระทำมา เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ใช่แค่อาศัยโชคดีอย่างเดียว เขาลดมือลงหลังจากอธิฐานอ้อนวอนเสร็จ พลันรู้สึกว่ามีลมเย็นปะทะร่างเขา เขารีบหันกลับไปดูข้างหลัง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใบไม้สงบนิ่ง ฝูงชนยังพัดวีคลายร้อนตามร่มไม้ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าแม่ไทรทองต้องการจะแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ให้เขาประจักษ์ หรือเจ้าแม่ลงโทษที่เขาไม่เชื่อในตัวเจ้าแม่ หรือเขาแค่คิดไปเอง แต่กระนั้นก็แอบกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยรู้สึกว่าโลกที่เขาแบกไว้ได้มลายไปกับสายลมเมื่อครู่ ความหวังเหมือนดังหวังเริ่มวกกลับมาสู่จุดสูงสุดเมื่อครั้งเขากลับวิลาวัลย์ปลงใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
                                 เป็นครั้งแรกของจักรภพที่ได้อยู่สองต่อสองกับวิลาวัลย์อย่างใกล้ชิด เขารู้สึกเคอะเขินอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่จริงเขากับเธอก็เคยอยู่สองต่อสองหลายหน เคยโอบกอดปลอบประโลม แต่นั้นเป็นหน้าที่ของเพื่อนที่สงสารเพื่อน ยามเพื่อนทุกข์เราสุขใจหาใช่เพื่อน ยามเพื่อนติเตียนเราโกรธโทษคือเรา ยามเพื่อนสุขเราทุกข์คือความขลาดเขลา ยามเพื่อนโกรธเราโกรธตอบชอบคือเพื่อน เมื่อฐานะความเป็นเพื่อนเลื่อนสัมพันธ์เป็นคำว่าแฟน ก็ยากที่จะอรรถาธิบายต่อประชาชีว่าตลอดระยะเวลาสี่ปีที่เขาเฝ้าทำดีต่อเธอ หาได้มีเจตนาบริสุทธิ์ เป็นเพียงมายาภาพที่เขาสร้างขึ้นเพื่อใกล้ชิดเธอเท่านั้น
                                     อย่าคิดมากเลย ใครจะว่ายังไงก็ช่าง แค่เราเข้าใจกันก็พอแล้ว วิลาวัลย์ปลอบจักรภพ
	                  คนอื่นนั้นผมไม่ใส่ใจหรอกนะ ลิ้นไม่มีกระดูกจะพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ที่ผมกังวลมากที่สุดคือคุณจักรภพตอบตามซื่อ
	                ถ้าคุณรังเกียจฉัน ทำไมต้องฝืนใจทำตัวเป็นสุภาพบุรุษด้วยวิลาวัลย์ตอบแล้วเบือนหน้าหนี มองไปยังผ้าม่านที่กำลังโบกพลิ้วริมหน้าต่าง
	                  คุณกำลังเข้าใจผมผิดนะ ผมไม่เคยคิดรังเกียจคุณเลยสักนิด แต่ที่ผมกังวลใจนั้น เพราะกลัวคุณจะรังเกียจผมต่างหากจักรภพเอนหลังพิงหัวเตียง
	                   ผมรู้ว่าหัวใจคุณบอบช้ำมากแค่ไหนจากคนที่คุณรัก และผมเป็นเพื่อนที่คุณไว้วางใจมากที่สุด กลับกำลังตอบแทนน้ำใจด้วยการกระทำย่ำยีจิตใจคุณซ้ำอีก แล้วผมจะยังหาญกล้ามองหน้าคุณอีกต่อไปได้อย่างไร แล้วผมจะอธิบายเรื่องทุกอย่างให้คุณเข้าใจได้อย่างไร 
	                     คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยมีมาวิลาวัลย์ละสายตาจากหน้าต่างกลับมาจ้องมองใบหน้าชายที่ได้ชื่อว่าสามีถูกต้องตามกฎหมายและจารีตประเพณี
	                     ฉันต่างหากที่เห็นแก่ตัว เอาความสุขของตนเองเป็นที่ตั้ง รู้ทั้งรู้ว่าคุณรู้สึกกับฉันยังไง ยังเฝ้าเอาเรื่องต่างๆมาย่ำยีบีฑาหัวใจคุณ แรกๆฉันหวังจะให้คุณหวงฉันบ้าง ห้ามปรามฉันบ้าง แต่คุณกลับไม่แสดงอาการใดๆออกมาให้ฉันมั่นใจเลยว่าคุณรักฉัน ไม่มีแม้นเสียงกระซิบ จนฉันเข้าใจไปว่าฉันคิดผิด คุณไม่เคยรักฉันเลย หรือไม่ก็รักแบบพี่ชายที่ปรารถนาต่อน้องสาวด้วยบริสุทธิ์ใจเท่านั้น ฉันพยายามตีห่างออกจากเธอหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่พยายามกลับรู้สึกว่าจิตใจฉันนั้นศัลย์โศกมากแค่ไหน จึงต้องกุเรื่องสารพัดสาระเพมาอ้างเพื่อให้ได้ใกล้ชิด
	                   คุณพยายามปลอบผมใช่ไหมจักรภพไม่อยากเชื่อว่าที่วิลาวัลย์พูดมาจะเป็นเรื่องจริง
	                    เปล่า ทุกถ้อยคำที่ฉันพูดล้วนเป็นสัตย์จริง
	                     ทำไมคุณไม่บอกผมล่ะ หลังจากที่คุณรู้ว่าผมรักคุณ
	                  ฉันขลาดเกินไป ฉันกลัวว่าหากเราคบกันเป็นแฟน ไม่คุณก็ฉันที่อาจเปลี่ยนไป สู้เก็บความรู้สึกดีๆ เป็นมิตรภาพให้ทรงจำ แม้นจะจากกันนานเพียงไร แต่ใจเรายังมิเคยพรากจากกันสักวินาทีเดียววิลาวัลย์ตอบเสียงเศร้าสร้อย
	                 ผมเข้าใจคุณแล้ว ไม่ต้องเล่าต่อก็ได้จักรภพสัมผัสหลังมือหญิงสาวแผ่วเบา 
	                 ไม่ได้ คุณมีสิทธิ์ที่จะรู้ทุกเรื่องของฉัน ก่อนที่จะตัดสินใจเดินข้ามสะพานต่อไปหรือจะย้อนกลับวิลาวัลย์อธิบายต่อพร้อมกับขยับมือออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม
	                   หลังจากที่ฉันตัดสินใจเช่นนั้นแล้ว ก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่จะห้ามปรามตัวฉันมิให้เผลอใจไปกับคุณ ฉันจึงคบกับรุ่นน้องคนหนึ่ง เพื่อหวังที่จะลืมคุณ ก็อย่างที่รู้ความรักที่ฉันเจอนั้นเรียกว่าขมขื่นเสียยิ่งกว่ายาต้มหม้อใหญ่ มันจึงไม่ง่ายเลยที่ฉันจะลืมคุณได้ จนกระทั่งเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตบังเกิดขึ้น พรหมจรรย์ที่ฉันรักษาไว้ถูกพรากไป แรกทีเดียวฉันเข้าใจว่ารุ่นน้องคนนั้นจะรักฉันมากขึ้น แต่เปล่าเลยเขาก็เหมือนผู้ชายเลวๆคนหนึ่งนี่เอง พอได้ในสิ่งที่ต้องการก็จากไปโดยไม่เคยเหลียวกลับมามองเศษซากมาลีที่เขาขยี้ลง
	               พอเถอะ ผมไม่อยากฟังอะไรอีกแล้วจักรภพห้าม
	                 อดีตของคุณหรืออดีตของผม ก็เป็นอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว เรากลับไปแก้ไขอะไรมันได้ แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่จะมารื้อฟื้นมันขึ้นมา ผมขอบอกคุณจากใจจริงเลยว่า ผมไม่เคยเสียใจแม้นแต่วินาทีเดียวที่รู้จักกับคุณ ตรงกันข้ามกลับรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ดูแลคุณให้มากกว่านี้ จักรภพโอบกอดวิลาวัลย์อย่างทะนุถนอม ทั้งคู่ได้ยินเสียงหัวใจสองดวงเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน
	                    เราจะหายใจพร้อมกัน ยืนหยัดต่อสู้ด้วยกัน สร้างฐานะด้วยกัน และจะปกป้องกันและกัน สองชีวิตบนเส้นขนาน ผสานเป็นเส้นชีวิตเพื่อดำเนินต่อไป 
	                        สถานีบริการขนส่งยามเย็นดูวุ่นวายด้วยผู้คน บางคนกลับถึงบ้าน บางคนกำลังจากไป และอีกหลายคนก็กำลังหารถราเพื่อเดินทางต่อ จักรภพนั่งบนม้านั่งอย่างสงบ เอนหลังพิงพนัก และเฝ้ามองชีวิตที่เป็นจริง เขาเห็นความรักของชายหญิงคู่หนึ่ง ทั้งสองเกาะกุมมือกันและกันไว้แน่น ดุจเกรงว่าการจากครั้งนี้จะพรากกันชั่วนิรันดร์ เวลาเพียงเสี้ยววินาทีมีค่าที่จะส่งทอดความรู้สึกมากมาย ก่อนปลายมือจะหลุดพ้นจากกัน เขาไม่รู้หรอกว่าชายหญิงคู่นั้นเป็นใคร แต่ก็เข้าใจหัวอกการพลัดพรากดี เขารู้ว่าการห่างจากคนที่เรารักเจ็บปวด แต่ที่เจ็บปวดยิ่งกว่าคือเราไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีกไหม เมื่อไหร่ ในสภาพยังไง หรือแม้แต่ในสถานภาพใด รถปรับอากาศพาชายผู้นั้นออกจากสถานี ความมืดกลืนสตรีผู้นั้นเลือนหาย จักรภพยังคงนั่งรอรถต่อไป
	                      โทษทีครับ คุณจะเข้ากรุงเทพใช่ไหมครับจู่ๆชายแปลกหน้าเข้ามาทัก เขาไม่ยากสนทนาด้วยเลย เพราะช่วงนี้มิจฉาชีพมีทุกรูปแบบ ทุกเพศวัย ซึ่งเป็นปัญหาสังคมอันดับต้นๆไม่แพ้ปัญหาการล่มสลายของสถาบันครอบครัว ลำพังจะโทษพวกเขาก็ไม่ถูกนัก เพราะไม่มีใครอยากเกิดมาเป็นคนเลวหรอก ลองนึกย้อนดูสิ สมัยเด็กๆทุกคนมีความฝันกันทั้งนั้น ฉันฝันอยากเป็นครู หนูอยากเป็นหมอ อยากเป็นเหมือนพ่อ อยากเรียนต่อสูงๆ อยากให้มีเพื่อนฝูงนับถือ อยากมีชื่อเสียงโด่งดัง และสาระพันร้อยแปด แต่พอโตขึ้นน้อยนักที่จะมีใครตามฝันมาสรรค์สร้างต่อ หลายคนท้อถอยปล่อยวางชีวิตตามยถากรรม มีกระแสสังคมกำหนดวิถีชีวิต ดุจสำเภาเคว้งคว้างกลางมหาชล แต่จะโทษสังคมทั้งหมดก็ใช่ถูกต้องนัก เพราะแม้นฝาแฝดคลานตามกันมายังมีนิสัยแตกต่างกัน คนในสังคมจึงย่อมมีดีชั่วเป็นธรรมดา 
	               ครับจักรภพตอบเสียงเรียบ
	               ผมก็เหมือนกัน แต่ยังติดต่อญาติที่จะมารับไม่ได้เลยชายแปลกหน้าลดน้ำเสียงลง
	                ทำไมล่ะ
	                แบตโทรศัพท์หมดชายคนนั้นชูโทรศัพท์ยี่ห้อดัง ราคาแพงให้เขาดู
	                จักรภพเข้าใจแล้วว่าชายคนนั้นมีเป้าประสงค์ใด จึงยื่นโทรศัพท์เขาให้ ซึ่งเป็นรุ่นที่ด้อยกว่าของชายคนนั้น 
	              เกรงใจคุณจริงๆครับ
	              ไม่เป็นไร คนเดินทางด้วยกัน ขาดเหลือก็ช่วยกันไป ไม่เหนือบ่ากว่าแรงหรอก
	              ขอบคุณมากครับ
                                    ชายคนนั้นรับโทรศัพท์จากเขาไปจึงกดหมายเลข แล้วยกโทรศัพท์แนบหู เหมือนไม่มีสัญญาณตอบรับ เขาจึงทำซ้ำๆหลายรอบ แต่ทุกครั้งผลก็เหมือนเดิม 
                              ใช้ไม่ได้เหรอครับจักรภพอดถามไม่ได้
                               ครับ เหมือนไม่มีสัญญาณเลยชายคนนั้นยื่นโทรศัพท์ให้เขาดู
                              จริงด้วย แปลกจริงๆ เมื่อกี้ผมยังใช้อยู่เลยเขาคิดในใจว่า กลับไปคราวนี้จะต้องชื้อเครื่องใหม่เสียแล้ว
                              ผมเดินออกไปนอกอาคารได้ไหม เผื่อจะมีสัญญาณบ้าง
                             ได้ครับเขาอนุญาตเพราะโทรศัพท์เก่าๆของเขาคงไม่เป็นที่หมายปองของชายที่แต่งตัวภูมิฐาน และมีโทรศัพท์รุ่นดังๆอย่างชายแปลกหน้าคนนี้
                               จักรภพสังเกตชายคนนั้น เขากำลังคุยกับคู่สายสนทนาอยู่ริมถนน แสดงว่าโทรศัพท์มีสัญญาณแล้ว ครู่ใหญ่เหมือนชายคนนั้นเห็นว่าเขามองดู จึงส่งยิ้มมาให้ เขากำลังจะยิ้มตอบ พอดีรถประจำทางคันใหญ่เคลื่อนตัวช้าๆผ่านตรงหน้า พอรถผ่านไปก็ไม่เห็นชายคนนั้นเสียแล้ว เขารออยู่ตั้งนานแต่ก็ไม่มีวี่แวว จึงรู้ตัวว่าโดนหลอกเสียแล้ว
                             หนึ่งเดือนหลังจากแต่งงาน ชีวิตของจักรภพและวิลาวัลย์มีความสุขดี เขาและเธอทำหน้าที่ฉันสามีภรรยาที่พึงกระทำต่อกัน จะมีบ้างที่ฝ่ายชายทำตัวเสมือนอยู่เหนือฝ่ายหญิง นั้นเป็นเพราะความเคยชินสมัยเรียน เรื่องเด็กในท้องก็ไม่มีปัญหาอะไร คุณนายสมรศรีเชื่อสนิทใจว่าลูกในท้องวิลาวัลย์เป็นของจักรภพ เธอยังบอกอีกว่าท้ายปีให้มีข่าวดีเช่นนี้อีก เรื่องราวเหมือนจะราบรื่นดุจท้องทะเลที่ราบเรียบ ฉับพลันก็เกิดพายุให้ท้องทะเลปั่นป่วน วิลาวัลย์หน้ามืดหกล้มในห้องน้ำ โชคดีที่เธอไม่เป็นอะไร แต่โชคร้ายเมื่อลูกในท้องไม่อาจลืมตามาดูโลกที่พ่อกับแม่ของเขาสร้างไว้ให้ วิลาวัลย์เศร้าจับจิต จักรภพเองก็ไม่ต่างกัน ถึงแม้นจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข แต่เขาก็รักเสมือนหนึ่งสายโลหิต คุณนายสมรศรีตั้งสติได้ก่อน จึงเตือนพวกเขาให้เดินต่อไป คิดเสียว่าลูกเขาทำบุญกับเรามาแค่นี้ ไม่มีประโยชน์ที่จะอาลัยอาวรณ์กับเหตุการณ์ในอดีต เมื่ออนาคตเรายังสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้เกิดขึ้นมาได้ บาดแผลภายนอกใช้ยารักษาได้ แต่บาดแผลภายในต้องให้เวลาเยียวยาเท่านั้น
                                จักรภพเลือกชื้อขนมขบเคี้ยวที่ตนโปรดปรานหลายอย่างรวมถึงน้ำอัดลม พอเสร็จก็เดินออกมาจากร้านสะดวกชื้อ เพื่อกลับไปนั่นคอยรถต่อ เขาได้เห็นเด็กสองคนนั่งจับมือกันที่ม้านั่ง คนหนึ่งตัวโตผิวดำอายุน่าจะประมาณหกเจ็ดขวบ ส่วนอีกคนเป็นเด็กตัวเล็กๆผิวขาวน่ารัก อายุราวสามสี่ขวบ เขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเด็กทั้งคู่จึงมานั่งอยู่ในสถานที่แบบนี้เพียงลำพัง ด้วยความเป็นห่วงเขาจึงปรี่เข้าไปหา
                           หนูชื่ออะไรครับเขาถามด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่น
                           ผมชื่อแมน น้องผมชื่อไก่ครับเสียงเด็กตอบอย่างประหม่า
                           ทำไมมานั่งอยู่ที่นี่ในเวลาแบบนี้ล่ะ แล้วพ่อกับแม่ไปไหนเด็กนิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม
                           แล้วบ้านอยู่ที่ไหน ใครจะมารับเขาถามต่อ
                            พ่อจะมารับ แม่ให้รอพ่อที่นี่ครับเด็กที่ชื่อแมนตอบ
                             ทำไมแม่ไม่รอเป็นเพื่อนล่ะ ปล่อยให้พวกเราอยู่อย่างนี้ได้ยังไง ไก่กลัวไหมเขาหันไปถามเด็กชายอีกคน เด็กชายไม่ตอบแต่พยักหน้า
                           ให้น้าอยู่เป็นเพื่อนไหมแม้นไม่มีคำตอบจักรภพก็นั่งลงข้างๆเด็กพร้อมกับยื่นขนมให้ ทีแรกพวกเขาปฏิเสธ คงเป็นคำสั่งของแม่
                           กินเถอะ น้าไม่ได้ใส่ยาพิษลงไปหรอก นี่น้าจะกินให้ดูว่าแล้วจักรภพก็แกะขนมกินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่นานนักสามชีวิตก็รู้สึกผูกพัน ชายหนึ่งดุจพ่ออาทรลูก สองชีวิตน้อยๆเล่าอบอุ่นราวกับอยู่ในอ้อมกอดมารดายามรัตติกาลอันเหน็บหนาว เขาเผลอคิดไปว่าหากวิลาวัลย์ไม่แท้งลูก ป่านนี้อายุคงไล่เลี่ยกับแมนที่กำลังเล่นเกมกด หรือหากเขามีความสามารถอย่างชายทั่วไป ลูกของเขาคงตัวเท่าไก่ที่กำลังหนุนตักเขาหลับปุ๋ย เขาอยากให้เด็กทั้งสองคนนี้เป็นลูกของเขาจริงๆ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ 
                                ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด พ่อของเด็กก็เดินเข้ามา ดูจากลักษณะการแต่งตัวแล้ว อาชีพของเขาคงเป็นกรรมกรในเขตเมืองแห่งนี้ 
                           คุณเป็นพ่อของเด็กสองคนนี้ใช่ไหมจักรภพถาม
                            ใช่ครับ ผมต้องขอโทษจริงๆ และก็รู้สึกเกรงใจมากที่ต้องมาเสียเวลากับปัญหาครอบครัวของผมชายคนนั้นตอบเศร้าๆ 
                        เสียงเขาปลุกไก่ให้ตื่น พอเขาเห็นพ่อก็กระโดดเข้ากอดด้วยความคิดถึง 
                           พ่อมารับช้าจัง ผมรอตั้งนานผู้เป็นพี่ถามพ่อ
                          พ่อขอโทษลูก วันนี้พ่อทำโอทีถึงสองทุ่ม เสร็จแล้วเลยแวะชื้อกับข้าวของโปรดลูกไงเขายื่นถุงกับข้าวให้ลูกดู พร้อมอวดฟันขาวใต้หนวดดกดำ
เหมือนเขานึกได้ว่ายังมีอีกชีวิตอยู่ในโลกของเขาสามคน ผู้เป็นพ่อจึงนั่งลงม้านั่งตรงหน้า
                               คุณจะเข้ากรุงเทพฯเหรอ เที่ยวนี้สายประจำ กว่าจะถึงก็อีกสิบนาทีโน่นแหล่ะ เดี๋ยวผมกับลูกจะรอส่งคุณขึ้นรถ
                                ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณพาเด็กๆกลับเถอะพวกเขาคงหิวข้าวแย่แล้วจักรภพบ่ายเบี่ยงทั้งๆที่เขาเองก็อยากให้สามพ่อลุกอยู่เป็นเพื่อนเขา ไม่ใช่ด้วยเพราะกลัว แต่เพราะเขามีความสุขที่ได้ใกล้ชิดพวกเขา
                             ผมไม่หิว กินขนมอิ่มแล้ว ผมจะอยู่เป็นเพื่อนน้าแมนโพล้งขึ้น 
                              ผมก็จะอยู่ครับพ่อไก่เสริม
                                วันเวลาผ่านไป ความโศกเศร้าจากหายไป จักรภพและวิลาวัลย์ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เพื่อเป็นรากฐานให้ลูกที่จะเกิดขึ้นจากความรัก แต่รอแล้วรอเล่า ปีแล้วปีเล่า ก็ไม่เห็นวี่แววว่าเขาจะมาเติมเต็มโลกใบนี้ให้สมบูรณ์สักที ลำพังเขาสองคนอาจไม่เดือดเนื้อร้อนใจนัก แต่คุณนายสมรศรีหาสารพัดวิธีมาช่วย ทั้งอาหารเสริม ยาบำรุงกำลัง แม้กระทั่งสั่งให้พวกเขาลาพักร้อนไปฮันนีมูนอีกรอบ วันดีคืนดีก็มีของศักดิ์สิทธิ์ มีเคล็ดวิชามาแนะนำ สุดท้ายก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าทุกครั้ง คุณนายเคยพูดเปรยๆว่า ฉันชักหมดความอดทนกับพวกเธอแล้วนะ นี่ถ้าไม่เคยตั้งท้องมาก่อน ฉันรับประกันได้เลยว่า ใครคนใดต้องเป็นหมันแน่นอนแล้วคุณนายก็หัวเราะก่อนจากไป โดยหารู้ไม่ว่าตนเองได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ ถ้าเกิดวันดีคืนดีคุณนายเพี้ยนจัด จับพวกเขาไปตรวจ มีหวังความแตกแน่ 
                        ผมสงสัยจังว่าผมอาจผิดปกติจริงๆก็ได้จักรภพปรับทุกข์กับภรรยา
                        ไม่หรอก คุณออกจะแข็งแรง ฉันว่าเป็นฉันเองที่ผิดปกติ หลังจากแท้งลูกคราวนั้น ฉันก็รู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกเลยวิลาวัลย์แย้ง
                        เราไปหาหมอกันดีไหม จะได้รู้สาเหตุ และหาทางแก้ไขจักรภพเสนอ
                         ไม่ต้องหรอก แค่เรามีเราก็พอแล้ว อนาคตปล่อยให้เวรกรรมกำหนดก็แล้วกันวิลาวัลย์สรุปพรางซบใบหน้านวลผ่องกับแผ่นออกกำยำของผู้เป็นสามี
                           บรรยากาศบริเวณสถานีขนส่งเงียบผิดปกติทั้งที่ผู้คนก็ยังเดินกันไปมา อากาศก็ดูจะร้อนอบอ้าวเท่าทวี ทั้งที่อาทิตย์อัสดงไปนานแล้ว 
                           ขอโทษนะครับ คุณกับภรรยามีปัญหาอะไรหรือจักรภพเป็นห่วงเด็กทั้งสองคน
                      เรื่องมันยาวครับ เราทั้งคู่มีปัญหาระหองระแหงมานานแล้ว
                       ธรรมดาแหล่ะครับ ลิ้นกับฟัน อยู่ด้วยกันก็กระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ยังไงก็ต้องพึ่งพากันอยู่ดี ลิ้นทำหน้าที่แทนฟันไม่ได้ ขณะที่ฟันเองก็ไม่สามารถรับรสโภชน์ภุญช์อันเอมโอชจักรภพเอ่ยปรัชญาเพื่อให้ชายคนนั้นได้สติก่อนจะตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต
                        ที่คุณพูดมาก็ถูก ลิ้นกับฟันย่อมกระทบกระทั่งกัน แยกจากกันไม่ได้ แต่คุณไม่เคยสนใจความรู้สึกของลิ้นเลย ทุกครั้งที่กระทบกัน ฟันไม่เคยเจ็บ แต่ลิ้นนี่สิร้าวรวดปวดเจ็บจนน้ำตาซึม แล้วเวลาคุณร้อนใน ลิ้นเป็นแผล ฟันก็ยังทำหน้าที่โดยไม่ยี่หระว่าใครจะเป็นยังไง แต่พอฟันมีปัญหา กลับพาลให้ระบบต่างๆระบมไปด้วย แล้วอย่างนี้คุณยังจะให้ผมอดทนได้อย่างไรสิ้นคำพูดของชายคนนั้นแล้ว แต่จักรภพกับเหมือนกำลังเริ่มต้นที่จะคิด ชีวิตของเขาคงไม่ต่างจากลิ้นที่ต้องจำยอมให้ฟันกระทำย่ำยีเรื่อยไป และก็ไม่สามารถเรียกร้องใดใดได้เลย
                       แต่คุณก็อยู่มาได้ไม่ใช่หรือ
                       ผมจำเป็นต้องทนต่างหากชายคนนั้นตอบ  
                       แสดงว่าคุณไม่ได้อยู่ด้วยความรัก มีเพียงพันธะที่พันธนาการคุณไว้ ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณก็ไม่สมควรที่จะได้ครอบครองความรักที่งดงาม
                      ที่คุณพูดมาก็ถูก แต่ไม่ทั้งหมด จริงที่ชีวิตคู่ของผมเริ่มต้นจากการเสียสละ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการเสียสละนั้นมิใช่ความรัก ตรงกันข้าม มันกลับยิ่งใหญ่กว่าความรักเสียอีก เพราะถ้าคนเราใฝ่ใจที่จะรักหรือปรารถนาที่จะครอบครองเพียงอย่างเดียว เช่นนั้นก็มิต่างจากการบำรุงบำเรอกิเลสตัณหาที่สรวมครอบในวิญญาณปุถุชน แต่ถ้าคุณมอบรักด้วยการให้หรือการเสียสละแล้ว นั่นย่อมหมายถึงวิถีทางวิญญูชนผู้เจริญแล้วต่างหาก 
                    ข้อนี้ผมไม่แย้ง แต่คำพูดกับการกระทำของคุณกำลังสวนทางกันมิใช่หรือจักรภพสงสัย
                       จริงของคุณ สิ่งที่ผมพูดมันคืออุดมคติ เป็นมโนนึกที่ยากจะเป็นจริง และไม่อาจสถิตถาวรกับใครได้ตลอด และตัวผมเองก็เป็นกรรมชนเดินดินธรรมดา ย่อมมีกิเลสตัณหาดุจมนุษยโลกทั่วไป จะแตกต่างก็เพียงรายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้น
                      ยังไง ผมไม่เข้าใจ
                      ชีวิตคู่ของผมเริ่มต้นด้วยการเสียสละ เพื่อปกป้องพันธะบริสุทธิ์จากครหา ซึ่งฟังดูแล้วยิ่งใหญ่ แต่จริงๆก็เคลือบแฝงด้วยความรักใคร่ปรารถนา ซ้ำร้ายคล้ายดังการฉกฉวยโอกาสเสียอีก
                      แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกคุณระหองระแหงกันล่ะจักรภพเหลือบมองเวลาที่ฟ้องว่ารถกำลังจะมาถึง
                       แรกทีเดียว ผมเข้าใจว่าเวลาจะเยียวยาทุกอย่างได้ เราจะลืมอดีตเพื่อมาสร้างโลกใบเล็กๆไว้รอเจ้าตัวน้อยที่จะลืมตาดูโลก เราจะมีลูกด้วยกันสักคน เขาทั้งคู่จะเป็นเด็กที่น่าอิจฉาที่สุด แต่โลกใบเล็กๆพลันสะดุด เมื่อผมทราบว่าตนเองไม่สามารถมีลูกได้ อย่างไรก็ตามโลกใบเล็กๆนี้ก็ยังประคับประคองกันมาได้หลายปี จนเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้บังเกิดขึ้น คือภรรยาเข้ามากระซิบว่าเธอตั้งท้องได้สองเดือน ตอนนั้นผมไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี จึงได้แต่ยิ้มด้วยความขมขื่นเกินบรรยาย แม้นผมจะไม่บอกเรื่องจริงให้เธอและลูกของเธอรู้ แต่ผมก็ไม่สามารถลบรอยร้าวของโลกใบเล็กๆที่สู้อุตส่าห์ปั้นแต่งมากับมือ กัมปนาทลูกสุดท้ายสนั่นก้องพร้อมกับความแหลกลาญของโลกใบเล็กของเรา
                      แสดงว่าแมนกับไก่ก็...จักรภพไม่สามารถพูดตามที่เขาคิดออกมาได้
                      ถูกต้อง แต่ผมจะเลี้ยงดูให้ดีกว่าแม่และพ่อแท้ๆของพวกเขาเสียอีกชายคนนั้นเหลียวมองไปยังเด็กสองคนที่กำลังกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย
คุณเป็นผู้ชายที่หายากที่เดียวครับ ผมยินดีมากที่ได้สนทนากับคุณ ข้อคิดต่างๆในช่วงเวลาสั้นๆนี้ ผมจะเก็บไปใช้นะครับ
                       ผมเองก็เช่นเดียวกัน ไม่ค่อยเจอคนดีๆอย่างคุณสักเท่าไหร่ นี่อาจเป็นครั้งแรกละครั้งเดียวที่เราได้พบกัน ผมหวังว่าชีวิตคู่ของคุณจะไม่เป็นเหมือนผมนะครับ
                          รถมาแล้วๆเด็กทั้งสองคนร้องอย่างดีใจ
                           ผมคงต้องลาแล้ว วันหน้าถ้ามีโอกาสคงได้พบกันเขาเดินจากไปทันทีที่พูดเสร็จ แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่รบกวนจิตเขาอยู่ มีบางอย่างที่เขาควรต้องทำ แต่ทำไมเขาไม่ทำล่ะ นั่นสิทำไมเขาไม่ทำ พลันเขาก็เอี้ยวตัวกลับ สายตาดวงใสสองคู่จ้องเขาไม่กระพริบ แล้วอ้อมกอดแห่งอาทรก็บังเกิด แม้นจะเป็นเพียงเสี้ยววินาที แต่อานุภาพนั้นกำซาบใจไม่รู้ลืม
                           เป็นเด็กดี ดูแลกันและกัน เชื่อฟังพ่อให้มากๆ โตขึ้นต้องดูแลพ่อให้ดี เพราะพ่อเขารักพวกหนูมากแล้วหนึ่งชีวิตที่บังเอิญมาพบพาน ต้องพลัดพรากด้วยจำใจ 
                             สายลมเย็นจากช่องแอร์ด้านบน ทำให้จักรภพห้วนนึกถึงลมเย็นซ่านจากเจ้าแม่ไทรทองเมื่อเช้า ตอนนั้นเขาปรารถนาที่จะมีลูกกับวิลาวัลย์จับจิต แต่ตอนนี้เขากลับกลัวขึ้นมาจับใจ ถ้าย้อนเวลาได้ เขาจะไม่เอ่ยขอสิ่งใดจากเจ้าแม่ แต่จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยเหตุและผลของมันเอง
                            คุณ ฉันท้องได้สองเดือนแล้ววิลาวัลย์ยิ้มแฉ่งอย่างมีความสุข แต่ตัวจักรภพไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี จึงได้แต่ยิ้มด้วยความขมขื่นเกินบรรยาย				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน