แมวลายเสือ

กฤตศิลป์ ชินบุตร

ฝนพรำลงมาตั่งแต่เช้า และคงจะเป็นแบบนี้ตลอดทั้งวัน ภาพทุ่งนาดูขุ่นมัวราวกับมองจากดวงตาของคนชรา บรรยากาศเช่นนี้ชวนให้นึกถึงเตียงนอนนุ่มๆ กับผ้าห่มอุ่นๆยิ่งนัก ทว่าคงไม่ใช่กับชาวนา เพราะมรสุมลูกนี้อาจเป็นเพียงโอกาสเดียวในการปักดำ ก่อนฝนจะทิ้งช่วงไปอีกนาน จึงไม่แปลกที่ท้องทุ่งยามนี้ เต็มไปด้วยชาวนาที่ตากฝนทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บ้างไถบ้างปักดำ เป็นภาพชีวิตที่แสนลำบาก และแตกต่างกับสังคมอันมีจะกินในเมืองศิวิไลซ์ กระนั้นก็ยังเห็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และแววตาแห่งความหวังในผลผลิตอันเป็นสิ่งที่พวกเขาปลูกลงไปพร้อมกับต้นกล้าทุกต้น 
ไกลออกไปบนเถียงนาหลังหนึ่งที่แสนจะธรรมดา แต่สิ่งที่อยู่ในกระท่อมเวลานี้กับน่าสนใจยิ่ง ใครหลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องปกติหากจะมีคนนั่งหลบฝนบนนั้น การเหม่อลอยของเขาก็มิได้เป็นอาการของคนเสียสติ เพราะเขาเป็นคนปรกติที่ดำรงชีพด้วยการทำนาทำไร่เยี่ยงวิถีบรรพบุรุษ  แต่ถ้าใครสามารถอ่านจิตใจเขาได้ในขณะนี้ จะพบว่าในความเหมือนนั้นมีความแตกต่าง
 ผืนนาเบื้องหน้าว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยการดูแล ไม้รกครึ้มไม่มีการตัดแต่ง คันนาขาดแหว่งยังเป็นอยู่อย่างนั้น รอยไถแปรอย่างควรเป็น ณ เพลานี้ก็ไม่ปรากฏ แล้วชายคนนี้คิดอะไรอยู่หนอ ทำไมถึงปล่อยผืนนาให้ว่างเปล่าเช่นนี้ 
 สายตาของเขามองออกไปไกลกว่าท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ มุ่งสู่เมืองศิวิไลซ์ในจินตนาการ ภาพความสุข ความสบาย สะท้อนออกมาจากแววตาเป็นประกาย กระนั้นยังมีร่องรอยของความลังเลสับสน อันที่จริงความรู้สึกแบบนี้บังเกิดมาสี่ปีแล้ว แต่ด้วยภาระในการดูแลผู้บังเกิดเกล้าเพื่อแทนคุณยามท่านชรา จนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ความคิดนั้นจึงหายไปจากความทรงจำ บัดนี้เขาเหลือตัวคนเดียว แม่อันเป็นที่รักจากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ ความคิดจะจากท้องนา ไปสู่เมืองหลวงหวนกลับมารบกวนจิตใจเขาอีกครั้ง และดูเหมือนจะมีพลังมากยิ่งกว่าครั้งไหนๆ สุดท้ายแล้วเขาจะตัดสินใจอย่างไรนั้นก็ไม่สามารถคาดเดาได้ ทว่าสายตาของเขาดูสดใสมีประกายขอความหวัง
ค่ำวันเดียวกันมีคนเห็นเขาจากบ้านไป และก็ไม่มีใครเห็นเขาอีกนับจากวันนั้น คนที่พอรู้คงเป็นเพื่อนรักคนเดียวของเขา
แกจะไปกรุงเทพจริงๆหรือวะน้อยถามบุญอย่างเป็นห่วง
แกก็รู้ดีนี่ว่าฉันคิดเรื่องนี้มานานแค่ไหนบุญเตือนความทรงจำ
และวันนี้ก็เป็นโอกาสดีสำหรับฉัน แกห้ามฉันไม่ได้หรอก และฉันรู้ดีว่าแกจะยินดีและอวยพรให้ฉันโชคดี 
เหมือนถูกมัดมือชกน้อยจึงไม่มีเหตุผลใดจะรั้งบุญไว้ เขาจึงได้แต่ภาวะนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งท้องนา แม่ธรณี แม่โพสพ แม่คงคา เจ้าป่าเจ้าเขาและอีกมายมายเท่าที่เขารู้ มาคุ้มครองปกป้องให้เพื่อรักของเขาอยู่รอดปลอดภัย
ย่างก้าวลงจากรถอันเป็นจุดหมายปลายทางของบุญ เขาได้พบกับผู้คนที่ต่างไปจากท้องนา อย่างสิ้นเชิง ทุกคนล้วนแต่งตัวสะอาดสะอ้าน เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม และเป็นมิตร ก้าวแรกในเมืองศิวิไลซ์ ช่างศิวิไลซ์สมชื่อจริงๆเขาคิด  ตลอดทางที่บุญเดินผ่านล้วนเต็มไปด้วยสิ่งสวยงาม เจริญหูเจริญตา ทั้งอาหารการกินเครื่องประดับอาภรณ์ต่างๆก็เหมือนเนรมิตจากสรวงสวรรค์ 
ขนมไปทานนะพ่อหนุ่ม ยายให้จ๊ะ
น้ำสะอาดเย็นๆทานแก้กระหาย พ่อหนุ่ม
เดินทางมาไกล แวะทานอาหารอร่อยๆก่อนสิพ่อหนุ่ม
ช่างวิเศษเหลือเกินบุญคิด เขาจึงทานอาหารที่คนใจดียื่นให้ ซึ่งเป็นอาหารชั้นเลิศ บางอย่างเขาเคยเห็นตามใบปลิวโฆษนา บางอย่างเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ทั้งปวงล้วนอร่อยเกินคำบรรยาย เมื่อกินอิ่มแล้ว คนใจดียังให้ที่นอนแสนนุ่มสบายแก่เขาอีกด้วย บุญจึงหลับไปอย่างมีความสุขที่สุด
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านเลยไปเท่าใด เวลานี้เป็นเวลาทานอาหารอีกแล้วหรอ ทำไมคนใจดีจึงปลุกเขาเร็วจัง เขายังไม่หิว จึงบอกคนใจดีว่า ขอนอนต่ออีกนิดครับ
แทนเสียงนุ่มนวลของคนใจดี เป็นเสียงดังไม่น่าฟังอีกแล้ว บุญสงสัยจึงลืมตาขึ้น ทว่าเขาไม่ได้อยู่บนที่นอนนุ่มๆอย่างควรเป็น คนใจดีก็ไม่มี ตรงหน้าเขาคือคนรถคันที่พาเขาเข้ากรุงเทพฯ บุญคิดว่าชายใจดีให้มาตาม จึงบอกเขาว่า
บอกคนใจดีด้วยว่าเขาไม่หิว ขอนอนต่อสักพัก
ชายใจดีอะไรคนรถถามงงๆ
	ก็เจ้าของบ้านหลังนี้ไงบุญตอบขณะกำลังหาวคำโตๆ
	บ้านที่ไหนกันละคุณ แหกตาดูหน่อยสิว่านี่มันที่ไหน
	บุญคร้านจะโต้เถียงจึงลุกขึ้น แต่สิ่งที่พบกับไม่เป็นอย่างที่คิด เขายังอยู่บนรถ ทุกสิ่งเมื่อครู่เป็นเพียงความฝัน แต่ไม่เป็นไรหรอกในเมื่อเขามาถึงเมืองศิวิไลซ์แล้ว ชายใจดี กับผู้คนน้ำใจงามคงมีมากมาย เขาคิด
	ย่างก้าวลงจากรถ ผู้คนไม่เหมือนในฝัน ที่นี่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เสียงโหวกเหวกดังมาจากสารทิศ ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาโดยไม่มีแม้แต่รอยยิ้มให้กัน บางคนดูอิดโรยเหมือนกับไม่มีเรี่ยวแรง บางคนก็นั่งๆนอนๆกับพื้นสกปรก เนื้อตัวก็มอมแมมราวกับว่าไม่ได้อาบน้ำมาแรมเดือน บุญเห็นภาพตรงหน้าแล้วคิดในใจว่า ที่นี่คงไม่ใช่ปลายทางของเขาหรอก รถแค่จอดพักสถานีระหว่างทางเท่านั้นเอง 
	นี่แหละกรุงเทพมหานครอันเลอเลิศของคุณคนรถบอกเขาตามตรงกับรอยยิ้มเยาะสมนาคุณก่อนจากไป
	หลังจากบุญออกมาจากสถานีขนส่ง เมืองจึงน่าอยู่ขึ้น ตึงรามบ้านช่องงามตาสีสันสดใส ร้านค้าอาหารการกินทั้งคาวหวานเรืองรายเป็นทิวแถว  เสื้อผ้าอาภรณ์ในร้านก็สวยงาม
	พ่อหนุ่มเอานี่ไปกินไหมป้าใจดียื่นขนมน่ากินให้เขา 
	ขอบคุณครับ ผมกำลังหิวพอดีเลยบุญรับมาและเดินจากไป พอดีมีมือรั้งเขาไว้ จึงหันกลับมาดู พบว่าเป็นป้าคนเมื่อครู่ 
	มีอะไรหรอครับป้า
	พ่อหนุ่มยังไม่ได้จ่ายเงินป้านะ 
	บุญรู้สึกงงๆจึงถามว่า ป้าไม่ได้ให้หรอกหรือ
	ฟรีอะไรกันพ่อหนุ่ม ของชื้อของขายทั้งนั้น เมืองนี้นะไม่มีอะไรฟรีหรอก แม้แต่น้ำอุ้งมือเดียวยังต้องชื้อเลยป้าเริ่มขึ้นเสียง บุญต้องรีบควักเงินจ่าย เพราะผู้คนเริ่มมามุงดูกันแล้ว
	บุญจากย่านนั้นมาตามแผนที่ เพื่อไปหาลุงแดงอันเป็นจุดหมายปลายทาง แผนที่นี้เขาได้มาครั้งลุงแดงแกกลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อสี่ปีที่แล้ว ครั้งนั้นลุงแดงแกแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพง ใส่สร้อยทองเส้นใหญ่ และแกมีเงินมากมายพอเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้านได้เป็นเดือน แน่นอนว่าทั้งหมู่บ้านจะต้องอยากรู้ว่าแกไปทำอะไรที่กรุงเทพถึงมีเงินทองมากมาย นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวและเหตุผลว่าทำไมบุญต้องมาที่นี่ เมืองแห่งความศิวิไลซ์ตามคำของลุงแดง 
	ตรอกแคบๆแฉะด้วยน้ำสีดำส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง บุญเดินมาตามแผนที่ได้ประมาณ200เมตร ตรงหน้านั้นมีประตูมหึมากั้นอยู่ ไม่รู้ว่าข้างในนั้นมีอะไร  บุญจึงหยิบชื่อโรงงานที่ลุงแดงให้มาดู ซึ่งก็เป็นชื่อเดียวกัน นั่นหมายความว่าที่นี่คือเมืองศิวิไลซ์แน่นอน เขานั่งรอให้โลกแห่งความฝันเปิดรับเขาอย่างใจจดใจจ่อ   
ครู่ใหญ่ประตูโรงงานเปิดออก ผู้คนมากมายหลั่งไหลออกมาจากประตูนั่น และเขาก็เห็นลุงแดงในกลุ่มชนนั้นด้วย 
ลุงแดงๆ รอด้วยบุญร้องเรียก
ลุงแดงหันมาตามสัญชาตญาณ จึงรู้ว่าเป็นบุญหนุ่มน้อยแห่งบ้านนา อ้าวไปไงมาไงล่ะถึงมาที่นี่ได้ 
ผมก็มาหาลุงนั่นแหละ
งั้นเราไปคุยกันที่ห้องลุงดีกว่า
ครับ 
ห้องลุงแดงเป็นห้องแถวเก่าๆ หลังเล็กๆ ซึ่งยังห่างไกลเมืองอันศิวิไลซ์มาก บุญไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งที่เขาวาดหวัง กับความเป็นจริงช่างห่างไกลกันนัก เป็นไปได้ไหมว่าช่วงเวลาสี่ปีที่ผ่านมา เป็นตัวการทำให้เกิดเป็นเปลี่ยนแปลง เมืองศิวิไลซ์กลายมาเป็นเมืองเสื่อมโทรมได้อย่างไร สารพันคำถามผลุดมาในสมองและคำตอบคงต้องมาจากชายวัยกลางคนปลายๆผู้นี้ 
ลุงแดงยามนี้แก่กว่าวัยมาก ริ้วรอยมากมายเด่นตามร่างกาย สีผมดอกเลาเหนือใบหน้าดำกร้านอันอิดโรย เสื้อผ้าสวมใส่หมองซีด ผิดกลับลุงแดงเมื่อสี่ปีก่อนที่บุญรู้จัก
ลุงรู้ว่าบุญมาที่นี่ทำไม และลุงรู้ว่าบุญคงผิดหวังมากเมื่อไม่เห็นเมืองอันศิวิไลซ์ลุงแดงเริ่มพูดขณะนำน้ำจากตู้เย็นเก่าๆมายื่นให้
บุญเข้าใจไหมว่าทำไมเมืองที่ลุงอยู่นี้จึงแตกต่างจากสิ่งที่ลุงเล่าให้ทุกคนฟังเมื่อสี่ปีก่อน เปล่าหรอกบุญ เวลาเพียงสี่ปีสั้นไปสำหรับการเปลี่ยนแปลงมโหฬารขนาดนี้ ที่นี่นะแย่มานานแล้ว ตั่งแต่ลุงตัดสินใจเข้ามาครั้งบุญยังเด็ก ครั้งนั้นเมืองนี้น่าอยู่มาก อากาศดีเย็นสบาย เมฆไม้รกครึ้ม สงบเงียบ แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปีความเจริญเข้ามาครอบงำนครแห่งนี้ ป่าไม้ถูกแทนด้วยตึกสูงใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรมผลุดราวกับดอกเห็ด น้ำใสกลับกลายเป็นน้ำดำโสโครกเหม็นเน่า อากาศที่เคยบริสุทธิ์ แปรเปลี่ยนเป็นฝุ่นละอองและสารเคมี จากนั้นเป็นต้นมาเมืองนี้ไม่เคยสวยงามอีกเลย 
แล้วตอนลุงกลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อสี่ปี่ที่แล้วล่ะ ลุงยังบอกเลยว่าเมืองที่ลุงมาอยู่งดงามเพียงใด ลุงยังมีเสื้อผ้าสวยงามใส่ มีทองเส้นใหญ่อร่ามคล้องคอ และลุงก็มีเงินมากมายยังกับเศรษฐี
เพียงมายาเท่านั้นแหละหลานชาย สิ่งที่ลุงเล่าครั้งนั้นเป็นเรื่องหลอก เพราะหากใครรู้ว่าลุงมีวิถีชีวิตที่โหดร้ายในเมืองนี้ คนอื่นๆก็คงหัวเราะเยาะลุงกันใหญ่นะสิลุงแดงมองออกไปยังหน้าต่างเล็กๆ กลุ่มเมฆทะมึนกำลังเคลื่อนคล้อย
ลุงกำลังบอกว่านั่นเป็นเพียงการแสดงเท่านั้นนะหรอ แล้วทำไมลุงต้องโกหกก็ไม่รู้ เพราะไม่มีใครสนหรอกว่าสภาพแวดล้อมที่นี่จะเป็นอย่างไร ในเมื่อลุงมีเงินทองมากมาย ลุงก็กลับไปบ้านเราได้อย่างภาคภูมิแล้วนี่
รอยยิ้มปรากฏยิ่งเพิ่มรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของชายวัยใกล้ชรา ครู่เดียวก็หายไป 
ความจริงแล้วลุงไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลยนะ
ยังไง ผมไม่เข้าใจบุญถาม
จริงอยู่ ครั้งนั้นลุงกลับไปพร้อมกับเงินมากมาย แต่ทั้งหมดมิใช่ของลุงเลย เงินนั้นเป็นของนายจ้าง ลุงกู้เขาเพื่อกลับไปดูบ้านเกิดครั้งสุดท้าย เพราะลุงรู้ตัวว่าคงมีชีวิตที่ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ไม่ทำอย่างนี้ ลุงจะกลับไปสู้หน้าใครเขาได้เล่า ก่อนมาลุงคุยไว้เยอะ ถ้าหากบุญไม่เชื่อลุงก็ดูสิ่งนี้
ลุงแดงเดินไปหยิบห่อสีแดงจากตู้ แล้วยื่นให้บุญ เขาแกะออกดู พบว่าในนั้นเป็นสร้อยเส้นใหญ่ เขาจำได้ทันทีว่าเป็นสร้อยที่ลุงแดงใส่ตอนกลับบ้าน ทว่ามันไม่ได้เหลืองอร่าม ตอนนี้สีมันหมอง และมีสนิมจับเขรอะไปหมด
สร้อยปลอมบุญอุทาน 
ใช่แล้วลุงแดงตอบขณะสายฝนกำลังโปรยปราย
บุญนึกถึงท้องนาที่จากมาจับใจ
แล้วทำไมลุงไม่กลับไปอยู่บ้านเราละ
เงินที่ลุงกู้ไง ลุงต้องทำงานใช้หนี้ ทีแรกลุงคิดว่าไม่กี่ปีหรอก แต่ลุงผิด ยิ่งลุงทำงานเก็บเงินใช้หนี้ ก็เหมือนว่าหนี้มันทวีคูณ และในที่สุดลุงก็พ่ายให้กับมัน ทุกวันนี้ลุงจึงเหมือนมีชีวิตอยู่เพื่อหาเงินให้นายจ้างร่ำรวย ส่วนพวกลุงแทบไม่มีอันจะกินอยู่แล้ว
ลุงรู้ว่าบุญจะถามอะไร เคยมีคนหนีไปแล้ว เพียงวันเดียวเท่านั้นที่เขาได้อยู่อย่างเป็นอิสระ จากนั้นเขาเป็นศพในหน้าหนังสือพิมพ์ เรารู้กันว่าเป็นฝีมือนายจ้าง แต่นั้นมาจึงไม่มีใครกล้าคิดเรื่องการจะหลบหนีอีกเลย
ค่ำวันนั้นลุงแดงกับบุญต่างเล่าเรื่องราวชีวิตของกันและกัน อันที่จริงบุญเป็นคนเล่าเรื่องท้องนา หมู่บ้าน ความเป็นอยู่ของคนที่ลุงแดงรู้จักให้ฟังกระทั่งหลับไปพร้อมสายฝน
บุญมารู้สึกตัวอีกทีก็สายของวันใหม่ ลุงแดงไม่อยู่ มีเพียงอาหาร 3-4อย่างที่ลุงแดงจัดไว้ให้ เมื่อเขากินอิ่มจะยกจานไปเก็บ เขาสังเกตเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่พร้อมกับเงิน 1000 บาท 
ลุงรู้ว่าบุญจากบ้านมาทำไม ลุงเสียใจที่เป็นต้นเหตุให้บุญเดินทางมาที่นี่ มาหาดินแดนอันศิวิไลซ์ ซึ่งไม่มีจริงหรอก หากจะมีก็เป็นดินแดนที่บุญจากมานั่นแหละ ลุงจึงอยากให้บุญเดินทางกลับวันนี้ อย่าเสียเวลาตามหาสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงที่นี่เลย ดูอย่างลุงสิ เป็นยังไงบุญก็รู้ และลุงไม่ว่าหรอกหากทุกคนที่บ้านเราจะเรื่องของลุง เพื่อเป็นการลบล้างสิ่งที่ลุงได้กระทำ เพราะลุงคงไม่มีโอกาสได้กลับไปอีกแล้ว  เงิน 1000 บาทนี้คงพอสำหรับค่าเดินทาง จงกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเราอย่างมีความสุข ก่อนที่ที่นี่จะพันธนาการหลานไว้ด้วยตรวนอันเหนียวแน่นเหมือนอย่างลุง โชคดีหลานชาย
กรุงเทพเป็นไงบ้างวะบุญน้อยคงไล่ถาม ชาวบ้านอีกล่ะจะเย้ยหยันยังไง ชื่อเสียงเรื่องเล่าของลุงแดงจะพังทลายลงเพราะเขากระนั้นหรือบุญคิด				
comments powered by Disqus
  • นทธี ศศิวิมล

    9 กรกฎาคม 2551 17:46 น. - comment id 79672

    ชอบค่ะ 
    ตัวเองไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้แต่อ่านแล้วเห็นเหมือนกันว่ากทม.เดี๋ยวนี้คนเราน่ากลัวขึ้นทุกที น้ำใจก็หายาก
    ขอบคุณที่มีเรื่องดีๆมาแบ่งปันกันอ่านนะคะ 41.gif
  • กันนาเทวี

    29 มิถุนายน 2551 04:50 น. - comment id 84795

    อ่านแล้วนึกถึงเพลง
    
    อย่าไปเลยบางกอกจะบอกให้
    อิอิ
  • กฤตศิลป์ ชินบุตร

    20 กรกฎาคม 2551 16:56 น. - comment id 100622

    ขอบคุณมากครับ ที่เสียเวลามาอ่านงานของผม จะพยายามเขียนต่อไปเรื่อยๆนะครับ ขอให้ติดตามด้วยละกัน
  • สารี่

    22 กรกฎาคม 2551 10:20 น. - comment id 100669

    อ่านแล้วคิดถึงบ้าน
  • สารี่

    29 กรกฎาคม 2551 11:44 น. - comment id 100756

    อ่านแล้วรู้สึกว่ามันขาดอะไรไปสักอย่าง7.gif
  • กฤตศิลป์ ชินบุตร

    29 กรกฎาคม 2551 12:35 น. - comment id 100761

    น้อมรับคำวิจารณ์อย่างยิ่ง
    
    จะได้รู้ข้อบกพร่อง
    
    เชิญคุณสารี่ ชี้แนะด้วยครับ
    
    ขอบคุณยิ่งล่วงหน้า

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน