ชีวิตในบางครั้งช่างสับสน
ดูวกวนปั่นป่วนเหมือนคลื่นโถม
ทั่วนภาฟ้าอากาศพายุลม
ร่วมระดมโหมกระพือฤทธิ์รุนแรง
ความรู้สึกซึมเศร้าและโหยหา
คราบน้ำตาคราที่แล้วยังไม่แห้ง
ชีวิตนี้คลายดังว่าหมดเรี่ยวแรง
ไม่อยากแข่งแสงเทียนกับตะวัน
แล้วเฝ้าครวญคร่ำคิดพินิจว่า
ฉันเกิดมาชาตินี้ช่างน่าขัน
ทุกข์ระทมขมขื่นในชีวัน
พร่ำรำพันอยู่คนเดียวเปลี่ยวเอกา
ใครจะรู้ใครจะฟังใครจะเห็น
ใครจะเป็นดังฉันบ้างไหมหนา
ใครจะเศร้าเฉกฉันทุกเวลา
ในทุกที่ทุกคราและนิรันดร์
7 กรกฎาคม 2547 22:00 น. - comment id 294653
เคยได้ยินมาว่า ฟ้าหลังฝนช่างซาบซ่า สดใสเย็นตามากนัก ชีวิตมีหนักบ้างเบาบ้าง ปนเปสารพัด อุปสรรคมีไว้วัดใจคนเรา ในเมื่อชีวิตไม่สิ้น ก้อต้องดิ้นมันต่อ อย่ามัวตัดพ้อต่อว่าชะตา ฉัน. ก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น คงไม่ช้าจะถึงซึ่งสัก ที่เป็นวันแห่งรางวัล ของคนช่างฝันอย่างเรา สู้สู้นะ!!!

8 กรกฎาคม 2547 00:48 น. - comment id 294771
กอดเหงาเฝ้าระทม ด้วยนั่งกอดความเหงาเศร้านักหนา ไม่เคยห่างเลยสักคราพาขื่นขม แถมดวงจิตยังใกล้ชิดติดระทม และจ่อจมความเหงาเฝ้าเดียวดาย เมื่อข้างกายไร้เธอเสมอเก่า ฉันจึงเฝ้านั่งเหงามิห่างหาย อยู่ลำพังกับความเศร้าเฝ้าเดียวดาย จนวันตายหรือไรให้คร่ำครวญ อยากจะผลักอยากจะไสไล่หลีกหนี กับความเหงาที่ล้นปรี่ไม่มีหวน แต่อย่างไรใจเจ้ากรรมพร่ำรัญจวน ยังเฝ้าครวญถึงความช้ำมิร่ำลา หรือต้องช้ำเรื่อยไปใจจำจด ไม่มีวันจะหมดความอ่อนล้า จึงได้เฝ้ากอดเหงาเศร้าอุรา กับน้ำตาที่ไหล่มาตรงบ่าใจ *-*มาเหงาเป็นเพื่อนนะค่ะ เลยร่วมขอแจมกลอนเก่าด้วยคนแล้วกันค่ะ อิอิ กลอนคุณแต่งได้ดีมากๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ*-*
