อัลมิตราขอพูด

อัลมิตรา

สดายุ .. 
๑แม่คุณเอ๋ยเผยคำทำให้รู้ 
ว่าอยู่อยู่แม่พลันถลันหาย 
เรียงร้อยเรื่องเคืองขุ่นดูวุ่นวาย 
ด้วยหญิงชายหลายแหล่คอยแห่ความ 
๒เหมือนแก๊งค์ก๊วนชวนฮาอุราชื่น 
คอยหน้ายื่นรื่นล้อต่อถ้อยถาม 
มีเวลามาเที่ยวเลาะเลี้ยวตาม 
เฉาะนงรามยามหมายจะได้ยล 
๓ปริมาณการประพันธ์นั้นเห็นมาก 
และคอยฝากปากดีวาทีผล 
กลอนห่วยแตกแปลกหนอประจ๋อชม 
ดูพร่ำพรมลมหวานไม่คร้านเลย 
๔ดูสัมผัสนอกในกระไรนั่น 
มิสัมพันธ์หั่นรสสลดเผย 
ไม่แนะนำคำเตือนเหมือนละเลย 
หากเฉลยเคยคุ้นไม่ขุ่นใจ 
๕จะบอกเจ้าสาวน้อยแม่กลอยจิต 
กานท์ประสิทธิ์พิศลงที่ตรงไหน 
จะสังสรรค์พันพัวสุมหัวไย 
ชอบหรือไรใยยาวเขาสาวมา 
๖หากวางจิตสนิทลงตรงการเขียน 
สะอิดเอียนไม่เปลี่ยนมาเวียนหา 
สมาคมรมตัวระรัวทา 
ถึงคราวคราขัดถ้อยจะพลอยตรม 
๗วิสัชนาพาตัวเข้ามัวหมอง 
ผองรุมปองพ้อง-ชัง-คลั่งผสม 
ต่างเทือกเถาเหล่ากอมาล้อรม 
ทั้งคำคมลมเดือดเชือดบาดใจ 
๘บ้างอารมณ์จมป่วยด้วยบาดแผล 
แต่น้อยแท้แม่พ่อก่อทิ้งไว้ 
อยู่ใต้จิตปิดผนึกลึกใต้นัย 
พล่านเมื่อไรไฟทรามจะลามมี 
๙หากว่านิ่งหญิงชายยากกรายหาม 
มาล่วงลามความลวนไม่ควรที่ 
เหตุต้องหลบสบหน้าต่อวาที 
คงไม่มีปรี่มาคอยท้าทาย 
๑๐เรื่องเพียงนี้ที่ทำเจ้าช้ำจิต 
ฤาจริตไหวอ่อนสะท้อนหาย 
เปรียบเหมือนผงตรงหน้าปลิวฝ่ากาย 
ยามลมชายกรายแลบทำแสบตา 
๑๑ยามฟังร่ำคำพาลสาธารณ์ถ้อย 
ก็ปัดปล่อยลอยผ่านอย่าควานหา 
หากพูดชอบตอบกลับจับอุรา 
ค่อยคบหาพาร้อยมาคล้อยคำ 
๑๒เห็นสามารถอาจองประจงร้อย 
โคลงน้องน้อยพลอยชื่นรื่นถลำ 
ตัวก็เด็กเล็กนักประจักษ์ทำ 
ฝีมือล้ำเลิศนักอักษรา 
๑๓มีอารมณ์คมกวีฤดีเปี่ยม 
ปฏิพานปานเทียมยากเยี่ยมหา 
เจ้ามาหายกรายจากจำพรากลา 
ฤาจะหาใครล้อคอยต่อกลอน 
๑๔ที่มองเห็นเป็นตัวนับหัวได้ 
ดูยากไร้ให้ยากเหมือนลากขอน 
ไม่มานะจะแจ้งคิดแต่งตอน 
เห็นวนว่อนคอนคำดูร่ำไร 
๑๕หนังสือหาพาพานไม่อ่านจับ 
ไม่สดับรับรองประคองไว้ 
เสียเวลาพาเบือนแต่เชือนไป 
เถลไถลใฝ่มั่นสันทนา 
๑๖ไม่ชอบอ่านพานพาวิชาว่าง 
จะใส่วางกางถ้อยก็ด้อยว่า 
เมื่อจารจดรสน้อยถอยราคา 
แล้งคุณค่าหาคนยากสนใจ 
๑๗นิสัยไทยไม่อ่านคร้านจะพูด 
ความรู้ปูดขูดเขม้นไม่เห็นไหน 
ชอบนินทากาเลคอยเร่ไป 
ให้เหนื่อยใจไร้คำจะย้ำชม 
๑๘แต่อยู่นี่ปรี่มาก็หาได้ 
เห็นแวะเวียนเปลี่ยนใฝ่กันให้ขรม 
ไยที่โน่นโจนจากฝากระทม 
ให้ใครข่มจมได้ไม่เข้าที 
๑๙ใช่ว่าใครใฝ่จองเป็นของเขา 
สิทธิ์ของเราเหย้าเยือนเหมือนน้องพี่ 
ฤามีพาลหาญอาจมาวาดวี 
จึงนารีลี้สบมาหลบกาย 
๒๐เห็นดักไว้ให้รับคำนับท้า 
ต่อกลอนมาพาครบจบบทหมาย 
ก็ลองเขียนเพียรแต่งให้แจ้งคลาย 
ไม่ถึงตายวายชนม์คนชอบกลอน 
๒๑ยี่สิบสองปองเล่าเจ้าเขียนจด 
โถร่ายรดบทช้ำคำสะท้อน 
ยามอ่านเห็นเอ็นดูรู้ตามตอน 
แม้นขุนแผนแล่นมาย้อนไม่ผ่อนคำ 
๒๒ขึ้นกระทู้ดูใหม่ไฉไลกว่า 
ยาวเกินว่าพานานยามอ่านย้ำ 
อย่าเครียดหนาอุราร้อนผ่อนระกำ 
อย่าชอกช้ำคำคมคารมใคร 
***********************************
อัลมิตรา ...
๑ ท่านพี่เอ๋ยน้องเผยไปหมดสิ้น 
มิเล่นลิ้นซ่อนแง่หลายความหมาย 
ในบทกลอนทุกตอนที่ย่างกราย 
ล้วนจากใจกลั่นได้เค้นออกมา 
๒ มิทราบความใครตามกวนให้ป่วนจิต 
เขียนท้าความเนื่องนิจบทภาษา 
มากลั่นแกล้งแสร้งให้ช้ำเหลือคณา 
เกินจะเอ่ยเอื้อนออกมาเป็นคำกลอน 
๓ ในประพันธ์ผันผ่านก็อ่านอยู่ 
หลายกานท์กลอนนั้นก็รู้มิใช่สอน 
ไม่สัมผัสกันเลยในวรรคตอน 
เหมือนคนจรหัดเขียนเรียนไม่เป็น 
๔ บ้างดูแปลกแตกเหล่าเล่าไม่จบ 
บ้างน่าคบบ้างจงห่างตามที่เห็น 
หากเติมแต่งไปบ้างอย่างจำเป็น 
ด้วยเล็งเห็นมิตรภาพตราบดวงใจ 
๕ มีคนแวะมากมายมาทายทัก 
หลายคนปักคารมอันอ่อนไหว 
อัลมิตราเขียนกานท์กลอนสะท้อนไป 
หวังว่าใครได้รู้กู่ความจริง 
๖ ได้วางจิตสนิทแล้วเกลอแก้วพี่ 
มาตรงนี้เพื่อตั้งหลักใจให้หยุดนิ่ง 
รักษาใจไม่ก้าวร้าวไม่ประวิง 
หยุดทุกสิ่งที่กระทบทำนบใจ 
๗ หากปุจฉาถามมาจะว่าตอบ 
ด้วยรักชอบการขีดเขียนจึงหวั่นไหว 
ค่าอักษรายิ่งใหญ่นักเหนือกว่าใด 
กลั่นออกไปเรียบเรียงเผดียงกลอน 
๘ เจออารมณ์ปั่นหัวให้มัวจิต 
เหมือนดั่งพิษแผลร้ายจากคันศร 
มุ่งหมายให้สำเร็จโทษทัณท์จากจร 
ยังใจอ่อนสะท้อนรุ่มกลุ้มเหลือเกิน
๙ หลากหญิงชายกรายย่างเข้ามาหา 
ฝากวาจาจำเรียงไว้ให้ขวยเขิน 
ต้องเก็บใจฝากบทกลอนให้เผชิญ 
ความร้าวรานคงมีเพิ่มทุกคืนวัน 
๑๐ เรื่องแค่นี้มิได้ช้ำอย่างที่คิด 
เพราะจารจำจุมพิตเริ่มก่อนนั้น 
มาบานปลายให้คลายแค้นดับตะวัน 
เข้าห้ำหั่นฟาดฟันพาลบรรลัย 
๑๑ มิอยากให้ควันไฟนั้นลามทุ่ง 
จำใจมุ่งหักใจออกจากได้ 
กลับมาถิ่นพำนักรักษาใจ 
เพื่อกล้าแกร่งคงจะได้ร่ายกานท์กลอน 
๑๒ ขอบคุณพี่ที่ได้ช่วยนำจิต 
หว่านคำนิดก็ชื่นใจสายสมร 
อีกหลายครั้งที่แอบเห็นในบทกลอน 
เหมือนดั่งสอนให้คิดจิตพิศเอา 
๑๓ ยามเจ็บช้ำน้ำตาแทบพาลไหล 
เหมือนดั่งมีพี่ชายช่วยคลายเหงา 
เขียนกวีปลอบอ่านแล้วได้บรรเทา 
ลืมความเศร้าความช้ำ..ฉ่ำฤดี 
๑๔ อันครูโคลงสอนสั่งตั้งใจไว้ 
หากว่าไปทางใดจิตหมองศรี 
ให้ยิ้มเถิดเจ้าลิงน้อยกลอยชีวี 
อย่าได้มีเรื่องราวร้าวรานเลย 
๑๕ รับคำสอนใส่เกล้ามาปกเกศ 
ยามอาเพทร้ายรุ่มพี่ช่วยเผย 
เหมือนอยู่ใกล้ชิดกันดั่งก่อนเคย 
มาหยอกเย้ยให้ยิ้มเล่นเป็นเพื่อนกัน   
  
๑๖ ด้วยชอบอ่านหนังสือถือเป็นใหญ่ 
มีความซ่อนอยู่มากมายที่ได้ฝัน 
บางครั้งเก็บมาร้อยเรียงสุขใจพลัน 
มาสร้างสรรค์ภาษาน่าภิรมย์ 
๑๗ ด้วยนิสัยใช่พาลไพรคล้ายนามแฝง 
ยามสิ้นแรงแปลงกายเป็นลิงข่ม 
อัลมิตราสาวน้อยใครชื่นชม 
แปลงเป็นลิงเพราะใจบ่มขมเศร้านัก 
๑๘ ประกาศลาไปแล้วพี่แก้วเอ๋ย 
หากกลับคืนไปอย่างเคยให้คิดหนัก 
ถ่มน้ำลายไปแล้วยั้งคืนพัก 
ฤาจะทักทายได้อย่างไรกัน 
๑๙ มิได้เป็นเช่นชายชายที่หนักแน่น 
แข็งถึงแก่นแม้นนิ่มในหัวใจฉัน 
บ่งบอกร้าวกร้าวลั่นจำลาพลัน 
ฤาจะหันกลับไปให้ฟังความ 
๒๐ ด้วยว่ามีศักดิ์ศรีกวีแก้ว 
บอกลาแล้วมิเห่กลับอย่าทักถาม 
ถึงชอกช้ำยังยืนยันทุกสิ่งตาม 
จะยั้งห้ามหัวใจให้คิดมัน 
๒๑ แม้นขุนแผนแสนสะท้านมาบอกจิต 
มาลิขิตเขียนเขียนเผดียงฉันท์ 
จำลาลับดุจดั่งพรากนับชั่วกัลป์ 
ใจมิพรั่นตอบไปให้รู้ดี 
๒๒ ตอบกระทู้ดูให้ดีนะพี่ท่าน 
เขียนกลอนกลั่นจากดวงจิตอันนิดนี่ 
ให้เข้าใจน้องเถิดนะพี่คนดี 
ด้วยน้องมีเกียรติยศกำหนดใจ				
comments powered by Disqus
  • วรรณกาญจน์

    22 กันยายน 2545 23:17 น. - comment id 79280

    มาลงนามรับทราบค่ะ
    
    แต่ก็อดชมไม่ได้ว่า มีจิตวิญญาณของกวีจริงๆ มาแถลงการณ์ยังเป็นบทกลอน
    
    อยากให้บ้านกลอนเป็นบ้านที่อบอุ่น เป็นที่พักพิงของสมาชิกและ ผู้ผ่านมาแวะชมอีกครั้ง
    รวมทั้งอยากให้ อัลมิตรา สดายุ และ นักแต่งกลอนที่มีฝีมือชั้นครูอีกหลายๆท่าน ยังคงอยู่ช่วยชี้แนะ และ นำเสนอ บทกลอนดีๆ ต่อไปค่ะ
    
    ด้วยความรู้สึกที่แท้จริง...ของสมาชิกไทยโพเอมคนหนึ่ง
  • หว่ออ้ายหนี่ ฝึกฝนอีกเยอะเรา อิอิ

    23 กันยายน 2545 00:07 น. - comment id 79283

    อืม...อาจารณ์เราเก่ง  ภูมิใจจัง
    มาลงนามด้วยคนคั๊บ  อิอิ
    คุยกันเป็นกลอนเชียว 
    
    
  • q{6_6}P

    23 กันยายน 2545 00:32 น. - comment id 79287

    q{6_6}p
  • monki

    23 กันยายน 2545 00:49 น. - comment id 79291

    เค้ามาเป็นกำลังใจให้อีกคนนะ
    
    แล้วเรื่องราวต่างๆ ก็จาผ่านไปได้ด้วยดี
  • โทโส

    23 กันยายน 2545 09:02 น. - comment id 79361

    ฮื่อ...ยาวจัง
  • จิตต์เปรม

    23 กันยายน 2545 09:13 น. - comment id 79362

    แอบมาอ่านถกวาจาของสดายุ
    กับอัลมิตราผู้มีนามอุโฆษ
    ....ไม่มีความเห็น.....
    มีแต่ความห่วงใย..แด่ผองเพื่อน
    กวีทุกคนก็มีเท้าที่ติดดินติดดิน
    แต่กวีบางคนเท่านั้นที่หัวใจเขา
    จิตวิญญาณเขาอยู่บนฟ้าสูง
  • :(

    23 กันยายน 2545 10:34 น. - comment id 79383

    สดายุ
    ท่านเป็นใครมาจากไหนเราไม่สน
    สุดจะทนก่นประณามหยามศักดิ์ศรี
    เที่ยวสอนสั่งดั่งว่าตัวเองดี
    เลิศกวีเพียงผู้เดียวห่อเหี่ยวใจ
    
    ถ้าท่านชายเราก็ชายไม่ติติง
    ถ้าท่านหญิงเราก็หญิงไม่เฉไฉ
    เพราะตัวท่านนั้นคงรู้อยู่แก่ใจ
    ว่าตัวท่านหญิงหรือชายใช่ประจาน
    
    เรามิใช่เด็กน้อยกลอยสวาท
    เรามิขลาดความจริงจึงกล่าวขาน
    เรากับท่านไม่สังสรรค์ไม่พบพาน
    ทั้งก่อนกาลปัจจุบันไม่เคยมี
    
    ไม่ชอบท่านชอบยกตนขึ้นอวดอ้าง
    ชอบสอนสั่งใครต่อใครได้ทุกที่
    ชอบติเตียนการวางตัวเหล่าสตรี
    บุรุษเพศใยจึงมีพฤติกรรม
    
    ท่านดีเลิศประเสริฐศรีเสียทุกสิ่ง
    ใครก็วิ่งประจ๋อคลอน่าขำ
    ใครดีเลวใยต้องสอนควรผ่อนคำ
    เก็บบทความเตือนตัวเองไว้แหละดี
    
    จากกันตรงโคลงกวีดีกว่าไหม
    หยุดทำร้ายใครต่อใครให้หมองศรี
    เราหยุดการทำร้ายท่านนักกวี
    สดายุขอท่านมีวิจารณญาณ
    
    เราไม่ได้เป็นนักกวีนักกลอนเยี่ยงท่านสัมผัสนอกในจึ่งไม่งามตา หาใช่คนจรไม่
  • ***กฤษณะ***

    23 กันยายน 2545 11:03 น. - comment id 79404

    ขอยกบทเพลงนี้มาก็แล้วกันครับ..........
    .......ความคลางแคลงหายไป..โลกสดใสคืนมาอีกครา...ฟ้าหลังฝนงามตา..ฯ
    ขอให้กำลังใจ***จงมั่นคงดั่งภูผา* ครับ
  • ความห่วงใย

    23 กันยายน 2545 11:24 น. - comment id 79412

    อยากให้บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่อบอุ่นนะคะ
    กำลังใจค่ะ
  • ต่อง (ต้อง) ksg

    23 กันยายน 2545 14:59 น. - comment id 79481

    ขอให้ที่แห่งนี้มีแต่บทกลอนที่ให้อารมณ์ต่างๆ
    แก่ผู้ที่มาเยี่ยมเยือน
  • สดายุ

    23 กันยายน 2545 15:44 น. - comment id 79509

    วิวาทะละปองประคองถ้อย
    ละขุ่นรอยคล้อยใจไสวสรรค์
    จากตรงโคลงโยงกวีวจีปัน
    เลิกต่อกันมั่นไปในทางตน
    
    พิธีกานท์จารถ้อยให้พร้อยเพริศ
    จรัสเจิดประเสริฐศรีวิถีผล
    ไม่ข้องเกี่ยว..เฉี่ยวเฉียด..เบียดกมล
    ไม่ใช่ตน...อย่าหม่นมัว...อย่ากลัวเลย
    
    เรื่องเตือนติงหญิงเล็กเด็กทั้งหลาย
    อวดร่างกายหมายมาตรไม่อาจเฉย
    แม้ถูกว่า..ด่าหลัง..ประดังเอย
    ก็จะเผย...เปรยปราม...จะพล่ามไป
    
    เราจะพูดตามควรเมื่อจวนเรื่อง
    จะมาเคืองเปลืองโกรธพิโรธไฉน
    หากไม่เกี่ยว...อย่าจับ...กระชับไจ
    เรื่องจะไม่...ไหวลาม...ต้องห้ามกัน
    
  • windsaint

    23 กันยายน 2545 17:25 น. - comment id 79575

    อยากให้เรื่องนี้จบเร็วๆจัง
  • รินทรัฏฐ์

    23 กันยายน 2545 18:28 น. - comment id 79615

    ยังไงครับ ผมไม่ค่อยจะรู้เรื่อง แต่ก็เคยโดน
    มีคนมาถามหาพี่สดายุ ท่าทางนักเลงน่าดูนะ
    แต่ยังไงก็อยากให้มันจบเร็วๆ นะ
  • โอ๋ ศิษย์นันท์คนเขียนโคลงกลอน

    23 กันยายน 2545 19:03 น. - comment id 79630

    ด้วยชื่นชมบรมกลอนสุนทรท่าน
    เอกกวีศรีสรรค์สวรรค์สรวง
    จะร้อยกานท์สานกวีสุนทรีย์ล่วง
    เหล่าข้าปวงกวีน้อยคอยร่ำเรียน
      เพียงจรดพจนารถพิลาศร่ำ
    ผิว์จะคำประกอบร้อยถ้อยอ่านเขียน
    สัมผัสแผ่วแนวแอบได้แนบเนียน
    ใครจะเพียรได้เท่านี้ไม่มีทาง
       ท่านต่อตีมีประยุทธ์สุดจะเอ่ย
    ดนูเคยเคารพค่า บ่กล้าขวาง
    เกรงจะเอื้อมอาจองค์ไม่ตรงทาง
    กลัวจะสร้างรอยร้าวไม่เข้าที
       ขอเถิดขอยอกรยกสาทกท่าน
    ณ คืนวันเคยขานขับจับดีดสี
    เรียงร่วมร้อยจรัสกล้าภาษากวี
    คืนไมตรีแต่กล่อนเก่าตามเล่าความ
       เป็นกุศลผลเลิศประเสริฐแท้
    บ่มีแพ้ บ่มีด้อยคอยหยาบหยาม
    ธ ประเสริฐเลิศทั้งคู่จงรู้ความ
    ชื่อสถิตย์สนิทงามวับวามเทอญ........
  • พนาไพร

    23 กันยายน 2545 22:19 น. - comment id 79773

    มาอ่านอีกที  ยอดฝีมือการเขียนโคลงกลอน
    
    อิอิอิอิ
  • Jennie

    23 กันยายน 2545 23:41 น. - comment id 79823

    บทกวีบรรจงเขียนเป็นตัวอักษร เขียนด้วยจิตใจ  มาอ่านค่ะ
  • สดายุ

    24 กันยายน 2545 07:01 น. - comment id 79838

    ขอบคุณคุณโอ๋.....ที่รจนากลอนบทนี้...
    ผมทราบซึ้งยิ่งนัก....ผมเคารพในความสามารถ...และความคิดเห็นอันน่ายกย่องของคุณโอ๋...ตลอดมาเช่นกัน...ครับ
  • โคลอน

    24 กันยายน 2545 07:28 น. - comment id 79847

    (o*^___^*o)
  • LUNA SEA

    24 กันยายน 2545 12:48 น. - comment id 79984

    โหยาวจังเลย
  • เทพ

    24 กันยายน 2545 13:00 น. - comment id 79994

    ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอนะ
    
    ถึงพายุจริงยังอยู่ 
    แต่พายุอารมณ์ร้อน อารมณ์ร้าย น่าจะผ่านไปแล้ว
    หวังจริงๆ ว่าจะเห็นกระดานกลอนที่สวยงาม อีกครั้ง
  • ไก่โง่

    24 กันยายน 2545 14:30 น. - comment id 80032

    ยังไม่ได้อ่านเลยแต่เก่งนะแต่งได้ขนาดนี้ ยาวมาก   ไก่โง่.
    
  • ส่องหล้า

    24 กันยายน 2545 16:44 น. - comment id 80152

    กวี
    คือนาทีของดอกไม้ใกล้ผลิ
    คือความใฝ่ความฝันอันเริ่มริ
    ความชำนิของนายช่างผู้สร้างคำ
    คือภาษาที่สองของความรู้สึก
    คือความลึกของอารมร์ที่บ่มร่ำ
    คือชีวิตชีวาของสัจจธรรม
    คือความจำรำลึกผนึกนาน
    เธอคือกวี
    เธอต้องมีความงามความประสาน
    ความประสมกลมกลืนความชื่นบาน
    มีวิญญาณหยั่งรู้มธุรทัศน์
    เธอต้องเขียนชีวิตจากชีวิต
    นฤมิตรถ้อยคำด้วยสัมผัส
    สัสผัสใจสู่ใจให้แจ่มชัด
    ไม่จำกัดกวีไว้แต่ในคำ
    
    บทกวีของ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
    (เพลงขลุ่ยผิว เรื่องที่ ๒๕)
  • anisa

    24 กันยายน 2545 19:32 น. - comment id 80250

    นักกวีศรีสัตย์บรรทัดฐาน
    มิควรการณ์เกินแก่จะแก้ไข
    เรากวีอีกหนึ่งซึ่งอิงกาย
    ใช้ระบายอักษรกล่าวกลอนมา
    .........................................
    มีทั้งผิดและพลาดไม่ปราดเปรื่อง
    ไม่มีใครเคยเคืองเพียงเยี่ยมหา
    คอยชี้แนะกฏกลอนอย่างก่อนมา
    มินำพากล่าวว่าคราตักเตือน
    ......................................
    เรามิใช่อยากเข้ามาเพื่อหยามหลู่
    ศิษย์มีครูเรารู้อยู่ในเศียร
    พอเถอะท่านกล่าวมาอย่าบิดเบียน
    เป็นแต่เสี้ยนตำใจมิใคร่ดี
    ........................................
    ขอภาวนาให้ยุติโดยไว..เถิด 
    
    
    
  • ขุนเขา

    25 กันยายน 2545 13:57 น. - comment id 80508

    ^___________________________^

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน