..ว่างสะท้อน....

ลำน้ำน่าน

กล่องหนังสือข้ามฟ้าส่งมาปลอบ
นำมามอบให้ด้วยรักกับความหวัง
ก่อนสำเนียงเสียงใดจะไหวดัง
ทรุดลงนั่งน้ำตาพร่าไปแล้ว
เห็นหนังสือเล่มงามมีความชัด
สงบงัดแน่นิ่งดุจหิ้งแถว
บ้านภายในเงาภายนอกตลอดแนว
หยิบอ่านแล้วหลับตาฟ้าแคบลง
ภาพดวงหน้าปรากฏบนปกหลัง
กฎจีรังชัดแล้วแนวประสงค์
เงียบสะท้อนเงาความจริงยิ่งดำรง
เห็นทางตรงทอดรับจับแววตา
ค่อยค่อยจับค่อยค่อยวางอย่างรู้รัก
เห็นประจักษ์ทางลัดตัดผ่านหน้า
พลังเงียบคุกรุ่นอุ่นขึ้นมา
เปิดดวงตาที่ปิดร้างมานานวัน
เพียงอักษรจารไว้ให้ซาบซึ้ง
แนวคำนึงถึงแล้วแนวทางฝัน
เค้นสำเนียงเสียงใจไปทันควัน
ไม่มีขวัญไม่มีคำสะท้อนมา
เงียบสะท้านภาพเบื้องหน้าพร่าหัวใจ
เกินข่มไหวจิตทะลายตายตรงหน้า
หนึ่งหนังสือเก็บเข้าวางอย่างเคยมา
แหงนมองฟ้าเงียบเชียบเปรียบไม่มี
ลุกขึ้นยืนมองกล่องกองทิ้งไว้
คุมความนัยให้ทรุดหยุดกับที่
ภาพสะท้อนในความว่างทุกอย่างมี
บ่ายหน้าหนีพบแล้วทางที่ว่างจริง
				
comments powered by Disqus
  • เรนจัง..

    10 กันยายน 2546 19:46 น. - comment id 166746

    ..เรน.. แวะมา..ทักทาย..พี่ชายนะคะ..
    
          บทกวี...ที่เป็น...ของพี่นิว...
             ..ไพเราะ..สื่ออารมณ์...
         ..ได้ความรู้สึก... 
               ..เรน..มา ชื่นชม...
  • ผู้หญิงไร้เงา

    10 กันยายน 2546 21:47 น. - comment id 166767

    กลอนไพเราะมากเลยค่ะ
  • พี่ดอกแก้ว

    11 กันยายน 2546 02:14 น. - comment id 166850

    ความสงบกระทบใจให้รู้จิต
    ความนึกคิดไร้คำนำภาษา
    ความโศกเศร้าทำฟ้าแคบแอบดวงตา
    ความเข้มแข็งทำให้กล้ามองฟ้าไกล
    
    ....แวะมาเยี่ยมค่ะบุรุษแห่งสายน้ำ ..เศร้าจังนะคะวันนี้ .... สำหรับคนดีที่มากด้วยน้ำใจ ขอให้ความสงบเป็นโอสถวิเศษรักษาเงียบเหงาให้คลายไปได้โดยเร็วนะคะ
    
  • tiki

    11 กันยายน 2546 04:55 น. - comment id 166858

    อย่าสะทก สะเทือน...เลยเพื่อนน่าน
    สิ่งวันวาน   อีกไม่นาน...ก็ผ่านหาย
    เหมือนวันนี้...ดั่งเป็นเงา....พลัดกระจาย
    สิ่งสุดท้าย....เพียงเรามี..ที่..เวลา
  • พุด

    11 กันยายน 2546 05:49 น. - comment id 166860

    ขุมปัญญาในอณูของดอกไม้
    เป็นมนต์ร่ายระบำรอผีเสื้อ
    ขุมปัญญาที่ธรรมชาติโอบเอื้อเฟื้อ
    คือเหลือเชื่อมหัศจรรย์รักผลักดันมา..
    
    โลกหมุนไปมีธรรมชาติมีทุกสิ่ง
    จักรวาลมีสิ่งลี้ลับให้ค้นหา
    ไยดวงจันทร์ถึงโคจรรอบโลกทุกวันมา
    ไยมนุษย์ต้องเหว่ว้าอาวรณ์ออดอ้อนใจ
    
    เพราะคือมหัศจรรย์รักในโลกนี้
    ให้มีดีมีร้ายหรือไฉน
    ให้เผ่าพันธุ์มนุษย์สืบทอดไป
    เป็นบ่วงใจบ่วงกรรมย้ำโลกเรา
    
    ติดบ่วงใจตัดเยื่อใยสิ้นสวาท
    หมดสิ้นชาติหมดสิ้นกรรมใจเลิกเขลา
    ไม่หมุนวนหมุนเวียนใช้กรรมเก่า
    ให้ใจเราว่างว่างวางเฉย..เลิกรักใคร!
    ...............
    แล้วอุษาสางก็สว่างกลางใจอีกหนอีกครา
    อย่าเหว่ว้า อย่าเสียใจ
    มองฟ้าไกลด้วยใจดวงว่างดวงดี
    ดวงที่พิเศษพิสุทธิ์ที่มีที่คิดเป็นที่เห็นงาม
    
    จงใช้ดวงตาที่สามที่พระเบิ้องบนประทานมาให้
    สร้างสรร มอบฝันดี คืนกลับแด่โลกนี้และผู้คนที่ทุกข์ทนยาก..มากยิ่งกว่าเรา
    
    พี่พุด..อ่านบทกวีลำน้ำน่านด้วยหัวใจเสมอมาและหลั่งน้ำตาด้วยเข้าถึงและซาบซึ้งตรึงใจราวถูกสะกดด้วยมนตรา..สร้อยเสน่หาสร้อยอักษรา
    และสิ่งนี้คือ..ความล้ำค่ายิ่งกว่าเพชรนิลจินดาในใจนักอยากจะเขียนเพียรสร้างฝันทุกผู้ทุกนาม
    กอบกำเนื้อใจ..อย่าไหวหวั่น
    สร้างพลังฝันไปให้ไกลสุดหล้าสุดฟ้าไกล
    ไปเก็บดวงดาวมาใส่ในอุ้งมือ..แล้วหว่านโปรยทาน..ด้วยดวงใจรักดวงใจขวัญฝัน..
    พี่พุด..จะยืนเฝ้ามอง..ด้วยหยาดน้ำตาที่ร่วงล้ำค่ายิ่งกว่าหยาดเพชรเช่นกัน..มาชื่นชม..ด้วยใจด้วยจิตวิญญาณ.นี้ที่หวังดีอย่างจริงใจ...
    ด้วยรัก
    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=101
    
  • พุด

    11 กันยายน 2546 06:23 น. - comment id 166870

    ยามเช้า..
    พี่พุดจะเฝ้ารอ..อรุณรุ่ง
    พร้อมเด็ดดอกไม้มาวางไว้ให้กลางกมลทุกดวงใจนะคะ ให้ใสงามให้หอมงาม
    ให้มิร้างไร้สิ้นรักที่เป็นดั่งพลังใจที่แสนดีให้มวลมนุษย์นี้ที่ต้องการใครสักคนที่มีจิตวิญญาณเทียมเสมอกัน มารับรู้แบ่งปันเอื้อฝันให้โลกงามละมุน
    ลำน้ำน่าน..รับไปนะคะดอกไม้ช่อนี้ที่จะหอมไปชั่วนิจนิรันดร์ค่ะ
    ด้วยรัก..
  • ลำน้ำน่าน

    11 กันยายน 2546 10:25 น. - comment id 166913

    **น้องเรน
    **ผู้หญิงไร้เงา
    **ทิกิ
    
    ขอบคุณอย่างมากมายที่มาให้กำลังใจกันเสมอนะครับ  อยากจะมานั่งเขียนนอนเขียนทั้งวันทั้งคืน ตราบเท่าที่หัวใจอยาก และกำลังใจที่ได้รับจากมิตรวงศ์วานบ้านเรือนไทยหลังนี้ครับ
     
    
    **พี่ดอกแก้ว
    เฉกเช่นกัน กำถ้อยคำงามๆ และจริงใจที่ส่งมาให้ ทุกครั้งที่ผมรับคำเหล่านี้มา นั่นคือแรงบันดาลใจยิ่งยวดในการเขียนบทต่อไปครับ
    มีทั้งสุขทั้งทุกข์ เศร้า เหงา รู้ซึ้ง ว่าง เว้น ฯลฯ นับไม่ถ้วนในอณูหัวใจ  บางครั้งเลว บางครั้งดี แต่จะพยายามนำเสนอฝ่ายดีให้มิ่งมิตรครับ
    
    
    **พี่พุดพัดชา 
    ซาบซึ้งสุดหัวใจทุกครั้งกับคำหวานๆ สวยๆ ของพีพุดพัดชาที่หลิ่งรินมาจากหัวใจ ประโลมให้กันวันวันนี้  แรงกำลังใจที่ได้นั้น จะแปรเปลี่ยนเป็นโอสถวิเศษ น้อมนำความงามแห่งวรรณศิลป์ มาชุบชูหัวใจผู้ใคร่อ่านและหลงไหลในมนตรานี้นะครับ และนี่คือความดงดงามแห่งการเกิดมาได้พบและรู้จักกัน ความรู้สึกจริงๆ ที่สามารถเขียนและถ่ายทอดออกมาเชิงวรรณศิลป์นั้น มักงดงามและทรงคุณค่าอยู่ในตัวของตัวเองทั้งสิ้นครับ 
    
    ช่อดอกไม้ที่ยื่นมาให้ นำมาดมดอมแล้วหอม ล้ำเข้าบังหัวใจในยามอรุณรุ่ง
    
    ทั้งหมดนี้ก็ด้วยรักในมิตรวงศ์วานบ้านเรือนไทย อย่างไม่แปรเปลี่ยน
    
    
  • ชัยชนะ

    11 กันยายน 2546 12:58 น. - comment id 166971

    พี่แวะมาอ่านดู สามสี่รอบแล้ว อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะครับ ยังตีความหมาย
    ของเรื่องไม่กระจ่าง ว่าว่างนั้นว่างอย่างไร  ทางที่ว่าง? เล่นใส่ปรัชญามาแบบนี้
    พี่ก็จนแต้มเหมือนกันวานน้องนิวแย้มให้พี่ฟังด้วยนะครับ สักนิดก็ยังดี
    
    
  • ลำน้ำน่าน

    11 กันยายน 2546 14:13 น. - comment id 166989

    ***พี่ชัยชนะ
    
    จริงๆ แล้วบทกวีนี้เขียนขึ้นจากแรงบันดาลใจและความรู้สึกจริงเฉพาะตัว ณ เวลานั้น  ผมได้รับกล่องพัสดุที่เป็นหนังสือมากมายจากแห่งหนึ่ง ที่เค้าส่งมาให้ด้วยรักและปรารถนาดีอย่างที่สุด  ทันทีที่เห็นกล่องใบนี้ตั้งอยู่บนโต๊ะ ก็ตื้นตันใจอย่างมาก เห็นชื่อผู้ส่งมา ก่อนที่จะพูดอะไร ก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ กล่อง น้ำตาซึม ด้วยตื้นตัน
    
    แกะกล่องหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่ข้างในที่ผมรักมาก แม้นยังไม่เคยได้เห็นหนังสือเล่มนี้มาก่อน  แต่ด้วยรู้ว่าหนังสือเล่มนี้จะมากับกล่องพัสดุใบนี้  เห็นหนังสือหลายเล่มวางสงบนิ่ง ในกล่อง เรียงเป็นแถวเหมือนกับวางอยู่บนหิ้งหนังสือเลยครับ  ชื่อ หนังสือ บ้านภายในเงาภายนอก  จึงหยิบขึ้นมาอ่าน แล้วหลับตาซาบซึ้ง ข้อความในหนังสือทำให้เรารู้สึกว่า ฟ้าแคบลง
    
    เห็นภาพของนักเขียนที่ปรากฎอยู่ตรงหลังปกหนังสือเล่มนั้น เงียบงันกับความรู้สึก ภาพนิ่ง หน้าตาสะอาด แต่ก็ต้องมาหยุดลงตรงที่ความเงียบงันอีก เมื่อมาคิดว่า นักเขียนคนนี้ในความเป็นจริงเค้าเสียชีวิตแล้ว นี่คือความจริง แต่ด้วยเนื้อหาของบทกวีที่เขียนไว้ในหนังสือ ย้ำเน้นเรื่องกฎธรรมชาติและสัจธรรม ทำให้ผมค้นพบเส้นทางลัด ที่จะนำเราข้ามฝ่าไปพบทางสว่างอย่างแท้จริง  นั่นคือเข้าถึงธรรมะนั่นเอง
    
    ผมค่อยจับค่อยวางหนังสือเล่มนั้นลงอย่างรู้รักรู้ค่า  เส้นทางลัดที่ได้พบนั้นเริ่มชัดเจนขึ้น  พลันเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่แนบมากับหนังสือ เป็นข้อความที่แทนรัก และอยากให้ผมเขียนงานและพยายามเป็นนักเขียนที่ดีให้ได้ จากผู้ส่งกล่องหนังสือมา  ทำให้ผมหวนคิดคะนึงถึงความใฝ่ฝันของตัวเองอีกครั้ง พลังความฝันอันนั้นพลันอุ่น เหมือนถูกปลุก ขึ้นมานั่นเอง  เปรียบเหมือนดวงตาฝันที่ถูกปิดกั้นมานานวันนั้นได้ถูกเปิดขึ้นมา
    
    จึงตัดสินใจส่งความรู้สึกจากใจไป ด้วยโทรศัพท์ไปหาผู้ส่งหนังสือนั้น แต่ทว่า เค้ารับสายและปฏิเสธการพูดคุยใดใดในวินาทีนั้น  ทำให้ผมเสียขวัญ โดยไม่มีคำใดใด สะท้อนกลับมาให้ชื่นใจนั่นเอง
    
    ทุกๆ อย่างเงียบงันหลังจากถูกปฏิเสธการคุย  ความโศกเศร้าที่พร่าหัวใจในยามนั้นมีมากเกินข่มไหว เหมือนความรักที่ตายจากลงตรงนั้นนั้นเอง  ตัดสินใจเก็บหนังสือเล่มนั้นวางเข้าไปในกล่องดังเดิม  แล้วแหงนหน้ามองฟ้านอกหน้าต่าง ก็รู้สึกว่างเปล่า ไม่เหลืออะไรให้เป็นของจริงแท้สักอย่างเดียว แม้แต่คนที่เค้าหวังดีกับเราส่งหนังสือมาให้ ก็ยังมาปฏิเสธ อย่างไม่มีเหตุผล 
    
    ตัดสินใจลุกขึ้นยืน  ทำใจยอมรับความจริงว่าทุกอย่างมันมีเปลี่ยนแปลงกันได้ ความหวังความดีใจที่เราได้รับหนังสือเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น เพราะความจริง ณ วินาทีนี้คือ ความว่างเปล่า เราไม่ได้รับอะไรเลย แต่ในความว่างเปล่านี้แหละ กลับสะท้อนให้เราเห็นความจริง เห็นสัจธรรม ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่ได้ตามความปรารถนาของเราเสมอไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเรามีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ และนี่แหล่ะความจริงในความว่างที่ผมค้นพบและเจอ เป็นความจริงในความว่างเปล่า นั่นเองครับ
    
    บทกวีนี้อาจจะเป็นประสบการณ์เฉพาะตัวนะครับพี่ชัยชนะ  กวีหรือนักเขียนหลายๆ คนใช้ประสบการณ์เฉพาะตัวมาเขียน ดั่งเช่น คุณจิรนันท์ พิตรปรีชา และคุณเสกสรร ประเสริฐกุล  จะมีใครสักกี่คนที่อ่านแล้วเข้าใจ ความหมายของบทกวีเหล่านี้ได้ดีเท่าคนเดือนตุลาคม  แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อยากเกินที่จะตีความหมายโดยนัยที่ซ่อนไว้ จะมีใครซาบซึ้งกับบทหนึ่งที่ว่า
    
    ความเงียบยังเหยียบลึก 
    ความรู้สึกยังล้นปรี่ 
    พึมพำคำกวี 
    เป็นข่าวฝากจากใคร  
    
    บทนี้ถึงแม้ผู้อ่านไม่ได้มีประสบการณ์ดังผู้เขียนตอนนั้น แต่ก็สามารถจิตนาการถึงอารมณ์ เหงา เศร้า และความเงียบงันที่ผู้เขียนคือจิระนันท์ ประสบได้ ในครั้งนั้น ครับ หรือแม้แต่ บทที่ชื่อสะพานไผ่เหนือสายน้ำเชี่ยว ที่บอกว่า 
    
    ผีฟ้าซ้ำผีน้ำซัดนัดกันมา  
    
    หากแต่การอ่านบทกวีนั้นต้องใช้อารมณ์ร่วมและจิตนาการช่วย รวมไปถึงภูมิเดิมของผู้อ่านด้วยนั่นเองครับ  ถึงจะซาบซึ้งและสามารถเข้าใจความหมายโดยนัยที่ผู้เขียนต้องการสื่อไม่มากก็น้อย
    
    ผมดีใจที่พี่เพียรพยายามจะหาความกระจ่างในบทนี้ อาจจะย้าวย้วย แต่ก็ด้วยรักในมิตรวงศ์วานบ้านเรือนไทยอย่างไม่แปรเปลี่ยนเสมอมาครับ
    
    
  • ลำน้ำน่าน

    11 กันยายน 2546 14:18 น. - comment id 166991

    พี่ชัยชนะ อ
    อีกนัดสำหรับบทนี้ อาจจะเป็นความบกพร่องของผู้เขียนเองที่สื่อ ความหมายคลุมเคลือ ทำให้ผู้อ่านไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงครับ แล้วจะพยายามเขียนให้เป็นสากลขึ้นเรื่อย ๆ ครับพี่ ไม่ต้องคิดมากนะครับ เล่าสู่กันฟัง อิอิ
    
  • ชัยชนะ

    12 กันยายน 2546 00:04 น. - comment id 167168

    แหม! ยอดเยี่ยมมากครับ ชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋เลยครับ ต้องขอบคุณอีกครับไนไมตรีจิตที่ช่วยแนะนำ อย่างไงก็อย่าคิดเปลี่ยนแนวทางเขียนแต่ง แข่งกับสาวย้วยเรานะครับ
    
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน