ฟ้าอยุธยาสู่รัตนโกสินทร์ (The Spell of Ayuthaya)

ลำน้ำน่าน

สิ้นสุดอโยธยาศรีรามเทพนคร
สู่ยุคทองแห่งรัตนโกสินทร์
โคลงในชุดนิราศแผ่นดินทอง
     ๑) รัตนโกสินทร์ล่วงแล้ว.......นิราศหลัง
โทนทับกรับระฆัง.......................แว่วคล้อย
โพ้นปี่เป่าเพลงสังข์.....................สมโภช  กรุงแฮ
ผกผ่านสุขทุกข์สร้อย....................ลิ่วร้อยสองสมัยฯ
     (๒) รัตนโกสินทร์ศกซ้อง........สกาวปี 
กรุงเทพจวบธนบุรี......................รุ่งหล้า
หอมราชวงศ์จักรี.........................กรุ่นแผ่น ดินนา
บุญบ่าวนายไพร่ฟ้า.....................ฟ่องท้นสุขเกษมฯ
     (๓) รัชกาลลับล่วงแล้ว...........หลายสมัย
จิตประหวัดพรรคพลไกร.............โห่ก้อง
ภาพโบถส์คร่ำรำไร.....................แหลกพ่าย  
สะอึกสะอื้นร้าวร้อง......................รักษ์ร้างรอยสลายฯ
     (๔) ภาพอดีตปราสาทแก้ว.......กรุงไกร
ปรางค์รัตน์หอพระไตร................ช่อฟ้า
เวียงประวัติซัดนางใน..................นาฏร่าย นวลแม่
ไหวประหวัดรัดจิตข้า...................ขับน้ำตาไหลฯ
     (๕) การณรงค์ลาญพระไหม้.....ไฟครอง 
เพลิงผ่าวลาญรังรอง.....................ร่างร้าว
ร้าวรอยพระธาตุทอง.....................ทุกข์เทวษ นะแม่
จักสฤษฏ์ปิดทองเก้า.....................เกศฟื้นกาลไหนฯ
     (๖) หาญโห่เหิมแห่ห้าว............หอกราญ
ศึกม่านเผาประจาน......................เจ็บช้ำ
เวียงวังหากสำราญ.......................ร้องร่าย รำแม่
วิบัติยับอัปรีย์ซ้ำ............................บัดนี้กรุงสลายฯ
     (๗) หอบใจร้าวออกพ้น...........เพรงนคร
มองบ่าวไพร่อาวรณ์.....................วิเวกคว้าง
น้ำตาพรากจากจำจร...................จากมิ่ง เมืองแม่
ลาซากกรุงศรีร้าง........................รวดร้าวรอยถวิลฯ
     (๘) พรรคพลแตกแหลกแล้ว.....ร้างนคร
พหุพลแสนยากร...........................กิจรู้
กอบเกียรติทิฆัมพร......................พังพ่าย คืนแม่
เสาะหน่อวีรชนชาติกู้....................กอบฟื้นปรางค์สรวงฯ
     (๙) พระเจ้าตากกอบกู้.............กรุงศรีฯ
กรุงบ่ให้ไพรี................................รกเรื้อ
ร้างหน่อมนัสวี..............................ว้าเหว่ นะแม่
คืนยศอยุธยาเคื้อ..........................ค่าแคว้นขรมขานฯ
     (๑๐) ธนบุรีบูชิตสร้าง...............เสสรวง พ่อนา
สรวงเสกสวรรค์ดาวดวง................ดาษฟ้า
เถลิงศกวังหลวง...........................ริมฝั่ง พระยาแฮ 
พระเบิกบุหลันหล้า........................หล่อเลี้ยงเกษมสันต์ฯ
     (๑๑) ปางพระพุทธยอดฟ้าฯ.......กาลปฐม
พงศ์พิพัฒน์พระบรม.....................มิ่งแก้ว
ไหวปราสาทช่อชม........................ชัยพฤกษ์
นิวาสกษัตริย์แพร้ว........................เพรียบพร้อมนามสรรค์ฯ
     (๑๒) ปราบดาภิเษกแล้ว..........รณรงค์ 
ปรางค์ปรากอปรพงศ์....................พุทธเจ้า
ศรีสมโภชจักรีวงศ์........................เวียงใหม่ นะแม่
เอิกเกริกค่ำจดเช้า.......................ช่อฟ้าเฉลิมฉลองฯ
     (๑๓) เสร็จสรรพการศึกสิ้น......จักคืน
บุญร่วมคลองเสื่อผืน.....................ผูกผ้า
แรมนิราศคลาดเรียมครืน............คู่ยาก แลแม่
การทัพเร่งรุดหน้า........................เหนี่ยวรั้งพลณรงค์ฯ
     (๑๔) ธนบุรีทรงก่อตั้ง.............แทนเมือง
เจ้าพระยามลังเมลือง...................ล่องกั้น 
บูรพทิศประเทือง........................ทองเทพฯ กรุงนา
สองฝั่งสองกรุงหั้น........................หับฟ้าหงส์ศรีฯ
     (๑๕)  สืบสมัยพระผู้...............แผ้วสยาม
พลรบ*ถนอม* นาม.....................เหนี่ยวพ้อง
พระพ่อผูกศรีคาม.......................ควบหนึ่ง เดียวนา
กรุงเทพฯ ธนบุรีข้อง-..................เกี่ยวแก้วศักดิ์เสมอฯ
     (๑๖) ปางพระจอมเกล้าพระ.....จอมขวัญ ไผทเอย
นิพนธ์ชื่อเมืองพรรณ....................ผ่องแผ้ว
*บวร*รัตนโกสินทร์บรร -..............ทัดหนึ่ง นามนา
ลิขิตแก้ *อมร*แพร้ว....................เพราะพริ้งยิ่งขานฯ
     (๑๗) กรุงเทพฯจึ่งซ่านซ้อง.......สรวงนคร
นิเวศน์อินทร์อำมร........................มิ่งฟ้า
กริ่งแก้วเหล่าอริจร.......................จ่อมพ่าย เกียรตินา
ห่อนแตกสาแหรกอ้า.....................เอกอ้างพรหมสวรรค์ฯ
(กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทราอยุธยา มหาดิลกภพ)
     (๑๘) สิริระดะด้าว.....................ดิฐรัตน์ 
ไอศุริยสมบัติ................................วับแพร้ว
นริศจิตวิวรรธน์.............................วาวเทียบ เทียมแฮ
ประกอบโกฏิเพชรแก้ว..................เก็จเก้าไอศวรรย์ฯ
(นพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน)
     (๑๙) ศรีนามกรุงเทพฯแท้.........ทิพย์พิมาน ลอยฤา
อินทรเทพอวตาร...........................ตั่งไต้
วิษณุกรรมบันดาล..........................ดลบุตร ลงนา
สักกะท้าวเทพไซร้.........................เสร็จสิ้นวิเศษสรรค์ฯ
(อมรพิมานอวตารสถิต สักกทัตติยวิษณุกรรมประสิทธ์)
     (๒๐) รัตนโกสินทร์ศกนี้.............ปิ่นพิบาล
สุขล่องคลองตระการ.......................เกล็ดน้ำ
สองฟากฝั่งทวาร............................ตกออก เมืองแม่
ฤาสร่างอาคันตุกะข้าม....................โขดฟ้าชมขวัญฯ
     (๒๑) ตะวันรอนลับเหลี่ยมฟ้า......รอจันทร์
เทียนอาบปรางค์ผุดพรรณ.............ผ่องเนื้อ
แสงโศกพ่างภาพผัน......................ผินผ่าน วิหคนอ
บรรพบุรุษจุดเทียนเอื้อ.................ทิพย์ไต้ส่องสยามฯ
     (๒๒)  อยุธยานับจากนี้..............อนันตกาล
โอบซากวังโบราณ..........................รักษ์ไว้
ครวญเพลงขลุ่ยขับขาน..................ขนบขจ่าง สยามนอ
บอกเล่าเรื่องราวไซร้......................ซ่านซ้องโกสินทร์ฯ
     (๒๓)  แผ่นดินใดใคร่ค้น..........ครวญหา
ไปเกี่ยวเก็บแก้วโลกา...................ลิขิตขึ้น
ปาริชาตทิพย์วนา.........................การเวก สวรรค์ฤา
ไป่แจร่มแจ่มใจชื้น......................จรัสแพ้สยามเฉลยฯ

------------------------------------------
วันหยุดวันงามกลางสายวสันต์ลีลา
เพลงบรรเลง เพลงขลุ่ยเหนือทุ่งข้าว กำลังกล่อมกรุงเงียบงาม
ข้าพเจ้าหยิบจักรยานคันงาม พุ่งทะยานสู่ถนนสู่ชนบท
ทะยานใจไปกับคูคลอง ทุ่งข้าว ตาลเดี่ยวและบึงบัว
บนหนทางสายงาม รัตนโกสินทร์  อยุธยา
บนหนทางร่วม ๑๐๐ กิโลเมตร
กลิ่นหอมยอดข้าวแตกใหม่หอมหวานมาเป็นระยะๆ
จวบถึงจุดหมายปลายทาง อยุธยาซากโบราณ
ภาพเจดีย์ระดะที่ปรากฎเหนือซุ้มยอดลีลาวดีขาวงาม
ของวัดไชยวัฒนาราม คือความยิ่งใหญ่ในใจดวงนี้
และความเหน็ดเหนื่อยก็อันตรธานหายไปในบัดดล
ตะวันรอนลับเหลี่ยมยอดเจดีย์ศิลปะประยุกต์แบบเขมร
และวิหคนาพากันบินผกไปทางตะวันตกร่อนสู่ทุ่งข้าว
ข้าพเจ้าก้มลงกราบหลุมฝังพระศพของเจ้าฟ้านักกวี
ชวนให้ประหวัดถึง บทกวีในดวงใจ

เรื่อยเรื่อยมารอนรอน
ทิพากรจะตกต่ำ
สนธยาจะใกล้ค่ำ
คำนึงหน้าเจ้าตราตรู
เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง
นกบินเฉียงไปทั้งหมู่
ตัวเดียวมาพลัดคู่
เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย
(เจ้าฟ้าธรรมธิเบศ)
และบทกวีงามล้ำในต้นแผ่นดินรัตนโกสินทร์
ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยว่า
ดาวเดือนก็เลื่อนลับ 
แสงทองระยับโพยมหน 
จวบจวนพระสุริยน 
จะเยี่ยมยอดยุคันธร
ข้าพเจ้าปั่นจักรยานคู่ชีพชมซากความยิ่งใหญ่เกรียงไกร
ในบรรพกาล จวบจนฟ้าเบื้องตะวันตกเริ่มยอแสง....
วัวควายเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานคุมฝูงเดินกลับบ้าน
วัดวาอารามยามนี้งามล้ำสงบสงัด เมื่อแสงสุดท้ายแห่งวัน
ส่องกระทบอิฐแดงโบราณ.....
ราวกับภาพฝันเมื่อจิตประหวัดไปในสมัยกรุงเก่า
เสียงเสภาโทนทับกรับระฆังยังดังแว่วมาไม่ขาดสาย
ภาพความแตกสลายพินาศแห่งกรุงศรีสมัย รศ. ๒๓๑๐
แปลกราวกับภาพนิมิตนี้ปรากฎอยู่ตรงหน้านี้แล้ว
กลิ่นหอมลั่นทมปรุงฟ้ามาประโปรย
ข้าพเจ้าหลั่งน้ำตาเงียบๆ อีกคราว
ฟ้ารัตนโกสินทร์และอยุธยาคือความยิ่งใหญ่
ในฐานะที่จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเป็นชาวสยาม
มีเลือดแห่งบรรพบุรุษผู้เสียสละทั้งปวง
จักรยานคันนั้นถูกนำขึ้นรถไฟชั้น ๓ ที่สถานีบางปะอิน
ใกล้ๆ จักรยาน คือเด็กหนุ่มผู้มีไฟฝันอันรุ่งโรจน์
เกาะจักรยานไว้อย่างเด็ดเดี่ยวและมั่นคง
แปลกแต่ฉายแววเศร้าสร้อยในแววตาอยู่นิรันดร์
ราวกับอาลัยในซากอยุธยา....

เสียดายนักเวียงวังแต่ครั้งก่อน
มลายรอนด้วยเพลิงเสน่หา
เมื่อศึกม่านยกทัพขยับมา
ทหารหาญอาสาหาไม่มี
หากจักทิ้งเมืองแก้วไปแผ้วทาง
ก็ห่วงนางห่วงแม่แลกรุงศรี
ห่วงมณฑปปรางค์ทองผองบุรี
คงวิบัติอัปรีย์สิ้นศรีชัย
จักเป็นตายร้ายดีถึงที่แล้ว
เสียงเจื้อยแจ้วเด็กแดงแข่งร้องใหญ่
ประตูแตกแหกออกเป็นดอกไฟ
โจงกระเบนตาดสไบล้มไล่แทง
ทวนฟันดาบอาบเลือดเชือดข้าศึก
ดาบดื่มลึกเนื้อนามสยามแสยง
หาไม่แล้วชาตินี้บุรีแรง
จักแห้งแล้งผู้กล้าพากันตาย
ทะยานดาบฟาดไปใส่ข้าศึก
คมดื่มลึกตะพายแล่งสิ้นจุดหมาย
ตะแบงมานชุ่มเลือดเดือดจากกาย
ตะแลงแกงหรือแตกพ่ายไม่รู้แล้ว
พอไฟลุกกระพือโหมโดมพระธาตุ
แน่แล้วชาติแตกทัพอับหัวแถว
เจดีย์ปรางค์ปรารัตน์หักยับแนว
สูญสิ้นแก้วเลือดนายไพร่ใหลอาบกรุงฯ
(ลำน้ำน่าน)
----------------------------
เสียดายพระนิเวศน์บุรีวัง
พระที่นั่งทั้งสามงามไสว
ตั้งเรียบระเบียบชั้นเป็นหลั่นไป
อำไพวิจิตรรจนา
มุขโถงมุขเด็ดมุขกระสัน
เป็นเชิงชั้นลวดลายล้วนเลขา
เพดานในไว้ดวงดารา
ผนังฝาดาดแก้วดังวิมาน
(กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท)
ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๘

				
comments powered by Disqus
  • ภู ตะ วัน

    13 สิงหาคม 2548 19:02 น. - comment id 503443

    
    แวะมาชมชื่น..
    ชื่นชม..
    งานคุณภาพ
    
    41.gif41.gif41.gif
  • แก้วประเสริฐ

    13 สิงหาคม 2548 22:32 น. - comment id 503485

    36.gif41.gif41.gif41.gif36.gif
    
             มาอ่านงานอันแสนจะงดงามของบุรุษผู้มีนามว่า
    ลำน้ำน่าน แห่งสายน้ำตราบชั่วนิจนิรันดร์ ยอดแห่ง
    กวีแห่งยุคกรุงรัตนโกสินธ์ฯช่วงปัจจุบันนี้
    ยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้ นับตั้งแต่เข้าคลุกงานนี้มา
    ข้าพเจ้าขอปรบมืออันยาวนานแด่สหายรักข้าพเจ้าชั่วนิรันดร์
    
    36.gif41.gif36.gif41.gif36.gif41.gif36.gif41.gif36.gif41.gif36.gif16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • ลมรำเพย

    13 สิงหาคม 2548 22:36 น. - comment id 503487

    แวะมาอ่าน จากฟ้าอยุธยาสู่รัตนโกสินทร์
    
    สุดยอดๆค่ะ
    
    11.gif11.gif11.gif11.gif36.gif29.gif
  • ทะเลใจ

    13 สิงหาคม 2548 23:18 น. - comment id 503506

    ดีจ๊ะพี่นิว  ...
    
    เอมใช้เวลานานที่จะนึกชื่อของพี่ ...
    
    และใช้เวลานานเช่นกันมาชื่นชมผลงานงามของพี่นิวค่ะ
    
    ไม่ว่ากาลเวลาผ่านไปแค่ไหน
    
    ความไพเราะก็ไม่เคยจางหายตามกาลเวลา ..
    
    
    11.gif
  • หมอกจาง

    14 สิงหาคม 2548 09:12 น. - comment id 503538

    คารวะในฝีมือการเขียนเลยครับเนี่ย..29.gif
    
    อ่านแล้วก็ชื่นใจที่ได้อ่าน..
    
    พูดถึงเจ้าฟ้ากุ้ง.. ท่านคือหนึ่งในกวีที่ผมประทับใจที่สุดก็ว่าได้
    ---------------------------
    สายหยุดพุดจีบจีน
    เจ้ามีศีลพี่มีศักดิ์
    ทั้งวังเขาชังนัก
    แต่พี่รักเจ้าคนเดียว
    ----------------------------
    อ่านงานท่านทีไรก็อึ้งไปทุกที ..
    
    หวังว่าจะมีโอกาสได้ไปที่วัดไชยวัฒนารามบ้าง..
  • แม่จิตร

    14 สิงหาคม 2548 11:18 น. - comment id 503567

    ตั้งใจมาชมครับ
  • คนเมืองลิง

    14 สิงหาคม 2548 12:37 น. - comment id 503585

    งดงามในภาษาเสมอค่ะ 36.gif
    
    ชื่นชมจากใจจริงค่ะ29.gif29.gif29.gif
  • magic

    14 สิงหาคม 2548 13:06 น. - comment id 503598

    ไม่ได้เจอกันนาน
    งานยังยอดเยี่ยมเสมอ
    
    งานดี ๆ มีบ่อย ๆ นะค่ะ
  • ราชิกา

    14 สิงหาคม 2548 14:54 น. - comment id 503650

    เหนือคำอื่นใด..ที่จะกล่าวได้...เยี่ยมมากค่ะ...ลำน้ำน่าน...ยังคงความงามและความไพเราะ...ที่มั่นคงและหนักแน่น...งามจริงๆค่ะ..ขอชื่นชม..จากใจจริงจ๊ะ..41.gif41.gif41.gif57.gif
  • plaing_piu

    14 สิงหาคม 2548 19:39 น. - comment id 503703

    ๑    อยุธยายศล่มแล้ว    ลอยอินทร์   ลงฤา
    ศักราชรัตนโกสิทร์        เสกสร้าง
    เสียดายค่าธรณิน          ทรามบ่    แลหลัง
    หวังสู่ดรุณกว้าง             เบิกฟ้างามสมัย  
    
      
     ...........ใคร่หวนอาลัยด้วย  เคยไปชื่นชมความยิ่งใหญ่ของมรดกไทย  มรดกโลกบ่อย ๆยังประทับใจ  แต่เวลาน้อยยังไม่ได้ไปถึงกรุงเก่ามากมายอะไร ได้แต่ทอดตาพักใจกับสายน้ำริมร้านอาหารอร่อยไปพลาง ๆ......29.gif
  • rain..

    15 สิงหาคม 2548 06:33 น. - comment id 503886

    ..งดงามมากเลยนะคะ..พี่นิว..
     แบบเรนขออนุญาต..  เก็บในไดของเรนนะคะ ..
         คิดถึง..  พี่นิว ..นะคะ36.gif
  • ลี่...ชวนมาเยือน

    15 สิงหาคม 2548 22:28 น. - comment id 504120

    ประทับใจจริงๆ ค่ะ  
    ลี่ชอบส่วนกลอนแปดในตอนท้ายมากๆ นะคะ
    ภาษาราวกับได้อ่านวรรณกรรมจากฝีมือกวีโบราณทีเดียวค่ะ
    ...............................................................................................
    ลี่...ผู้มาเยือน
    .
  • ชัยชนะ

    18 สิงหาคม 2548 18:31 น. - comment id 505594

    บางกอกหมดสิ้นซาก      เมื่อใด
    ยากยิ่งหาคนไท              กอบกู้
    แผ่นดินสุดท้ายไทย        ปักหลัก
    ใครแบ่งแยกขอสู้            เศษเสี้ยวมิยอม
    
    
    36.gif36.gif36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน