สาวนาลาไพรในท่ามกลางแสงใจอันรุบหรู่

สาวบ้านนา


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=594
ท่ามกลางแสงตะเกียงอันริบหรี่
ท่ามกลางแสงใจอันรุบหรู่ไหวหวั่น
สาวนาตื่นแต่ยังย่ำรุ่ง..
แหงนเงยดู
ฟากฟ้ายังงามปรุงงามปลั่ง
ด้วยพลังแห่งสายแสงเพ็ญเด่นเดือนดวงงาม
พร่างนวลเมฆเสกรัศมีแขงามพราย
คล้ายแดนสรวง...สวรรค์
เดือนทอประกายฝันนวลนวลทอง
ยามสาดส่องแตะแต้มรวงเรียวงามล้ำ
ดั่งผืนแพรไหมถักทอด้วยใยทองคำ..
วะวับวาววะวับวามในท่ามกลางราตรีสีเงินงาม


สายลมบางเบาเคล้าคลอ
หยอกล้อพ้อระบัดราวคลื่นฝันรัญจวน
*สวรรค์ไพร สวรรค์หล้า สวรรค์บ้านนา สวรรค์บนดิน*
ถิ่นทองของขวัญล้ำค่าจากฟากฟ้าเบื้องบนประทาน
รางวัลที่บางครั้งแถมทนทุกข์ยากฝากแด่ชาวดิน
สอนให้รู้ค่าคำ..รักถวิลสู้...
หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน
หลงกลิ่นโคลนกลิ่นนา..ก้มหน้าหากินไปวันวัน
เพื่อปันแบ่ง..ให้ผองชนทุกแดนไทยได้มีอะไรใส่ปากใส่ท้อง
มิต้องมาข้องเกี่ยวให้มือกร้านหว่านเหงื่อไปทั่วนาหน้าตาดำๆ
ขอเพียงชาวนายังมีแรงทำมีน้ำท่าพอเพียงจะมิเกี่ยงเลย..


สาวนา..พยายามไม่คิดไกล..
ไม่น้อยใจวาสนาชะตากรรม
คนเราต้องเกิดมาพึ่งกันรักกันฉันท์พี่น้อง
ให้ปรองดองสามัคคีรู้สมถะ
รักความพอดีพอเพียง
เสมือนดั่งคำพระราชดำรัสของในหลวง
พ่อพระแห่งสยามนามขวานทองผ่องพิสุทธิ์
ที่ทุกดวงใจเทิดเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม
ดั่งจอมใจจอมขวัญแห่งปวงชนชาวไทย..ไปตราบนานเนานิรันดร์


และไหน
หลวงพ่อ..ที่เพียรสอนทุกวันพระ..
ให้รักษาศีลสมาธิทุกเช้าค่ำพร่ำภาวนา
สอนให้รู้รักษาใจ..เป็นปัจจุบัน..ไม่คิดฝันไปไกลเกินตัว
ไม่..มัวห่วงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
ไม่...ให้คะนึงถึงอดีตยอมแพ้พ่าย
ให้*เจ้าแห่งความทุกข์ทนหม่นหมองครองใจ
ครองจิตวิญญาณ นานเกินไป*
ให้เพียรพยายามรักษาใจให้เบิกบาน
เสมอเสมือนดอกบัวโผล่พ้นน้ำ
รับแสงอรุณธรรม..อรุณทอง
แม้นจะต้องพบเจอวิบากกรรม..ก็ให้รู้ทันรู้เท่า..


และ
อุษานี้..
เพื่อนรักคนดีของสาวนา
ที่กลับมาจากเมืองฟ้าเมืองกรุงเมืองบางกอก
ที่เลิกนุ่งผ้าถุงดอกแล้วหันมาใส่เสื้อสายเดี่ยว
ที่เที่ยวท่องล่องลงหาประสบการณ์หางานทำ
ที่ไปฝันฝันวันวันวุ่นวายวุ่นวงหลงแสงสีมานานปี 
ที่ เริ่มทาสีที่ปากทาเล็บแดงๆ
มาแกล้งชวนสาวนา 
ให้..
ลานาลาทุยเลิกลุยโคลน
หนีกลิ่นไพรกลิ่นใบไม้กลิ่นข้าวหอมใหม่ๆ
ไปสัมผัสโลกศิวิไลซ์สักวันสองวัน


เอานะ..นะจ๊ะ
สาวนา..ตอบตกลง
มิใช่จุดประสงค์..จะหวังตามหาอ้ายดอกนะ
ถึงแม้เพื่อนสาวจะเฝ้าขยั้นขะยอ
ขอให้สัญญาว่าจะพาไปตามอ้ายให้ถึงที่..
สัญญาที่คิดว่าจะทำให้สาวนาหลงดีใจ
รีบไป..ตามหา..แต่


รู้บ้างไหมจ๊ะ
เพื่อนคนดี..
สาวนา ไม่มีสิทธิ์จะไปตามหาอ้าย
เพราะแสนเจียมตัวเจียมใจ
เพราะสาวนาคนนี้คือสาวไทยสาวไพร
หัวใจใสซื่อถือรักมั่น
หากใจยังมีศักดิ์ศรีรักค่าคำกุลสตรีมิวิ่งหาใคร
หากใจเขาคนนั้น มิฝันมิคิดห่วง 
หวนหาสาวนาอีกเลยแล้ว
ก็*ช่างเขาเถอะนะหัวใจ*..


สาวนา..จึงตัดสินใจ
หาผ้าถุงผืนเก่าที่แอบเก็บร่ำ
ที่คิดว่าสวยล้ำสุดใจมาใส่มาแต่งในวันนี้
ทั้งๆที่เพื่อนบอกว่า
ไม่มีใครใส่ใครนุ่งกันแล้วนะ
ระวัง..คนจะพากันหันมามองราวคนประหลาด
โอ้..น่าอนาถใจ..สาวนาคิด
ทำไมสาวนาต้องตามใจใครตามใจโลกย์
ตามกระแส ยอมแพ้ความชอบส่วนตัวละกระนั้นหรือ..
ถึงจะมีคนนับถือยอมรับ..ค่าคน..ค่าใคร
มิใช่จากงามดวงใจดอกละหรือ...
หรือ..ว่า
คนเราทุกวันนี้
เพียงยึดถืองามจากภายนอก
ตามๆหลอกๆกันไปกับโลกแห่งวิไลวัตถุมากมีมากมาย
ที่หาง่ายแสนง่ายแค่ใช้เพียงเงินงาม
ก็หามาประดับร่างได้ทันควัน..ได้ทันที.
.กระนี้ละหรือกระไรละหนอ..ช่วยขอบอกที..


เอานะ..
สาวนา...ผู้กล้า..
จะลองนุ่งผ้าถุงเข้ากรุงเข้าเมืองเรืองรุ่ง
ที่ใครๆว่าในกรุงแสนจะเจรืองจรุง
มีแต่คนงามฟุ้งราวเมืองสวรรค์เมืองฟ้าอมร
สาวนา..มีเพียงหัวใจสะออน
จะพาหน้าเนียนละอออ่อน
ด้วยเรียวแดดพรายพรมห่มร่างงามคล้ายสีน้ำผึ้งรวง
พาดวงใจละเมียดละไม
ผู้มีแต่งามภายในดวงใจดวงใสดวงงาม..
ไร้เครื่องประทิ่นประทับโฉม
จะทดลองโถมท้า
อารยธรรมเมืองเรืองวัฒนธรรมนอก..มิหลอกใจตัวมิกลัวใจใคร
สักครั้งครา ดูสิว่าจะไหวมั้ย


ว่าแล้ว...
ยามอุษาฟ้าแก้วกระจ่างทั่วนภางค์สว่าง..แล้ว
สาวนา...
มิได้..คว้าตะกร้าหรือชะลอมแทนกระเป๋า
ใส่ผลไม้หิ้วไปฝากใคร..ทั้งๆที่ใจอยากทำ
เพราะ
หัวใจอ้ายคงมีใครให้รินร่ำรสรักคอยปรนนิบัติพัดวีแล้วนะบัดนี้
อย่ากระนี้ กระนั้นเลย 
สาวนาคนหัวใจดิบเดิมเริ่มเข้าใจอภัยให้อ้ายคนดี
ที่คงลืมชะลอมหอมหอมดอกไม้..ผลไม้ไพรแล้ว
หัวใจคงกู่ไม่กลับ เสียแล้ว..
ก็อีกแหละนะ*ช่างเขาเถอะนะหัวใจ*


สาวนาพายเรือช้าช้าออกจากท่าน้ำหน้ากระท่อม
มาตามลำประโดง
มาผูกโยงไว้ที่หน้าวัด..รอเพื่อน
จากเรือขึ้นรถสองแถว 
จากรถสองแถว...ถึงท่ารถอันสับสนอลหม่าน
ไร้หวานใสสวยพิสุทธิ์ด้วยอากาศแสนดี
ที่สาวนาเพิ่งจากมาราวอยู่กันคนละโลก
เต็มไปด้วยควันพิษ
และมนุษย์เมือง..มากมายหลายพันหน้าดำๆ
ดูดูทำไมคร่ำเคร่งคร่ำเครียดคลาคล่ำ..ตามๆกันไป
กระไรหนอกระไรนี่
ช่างไม่ดีกับหัวใจเอาเสียเลย


สาวนา..มองสองฟากฝั่งวะเวิ้งตา
ผ่านนา..
ผ่านเมือง ...
ผ่านนา... 
ผ่านเมือง
และ
ถึงเมืองกรุง
ที่มุ่งมาเมืองสุดท้าย..ชื่อว่ากรุงเทพ...
เพื่อนพาหนีผู้คนราวฝูงผึ้งหึ่งหากินจากท่ารถ..
ที่ดูดูแสนสกปรกสับสน
พาขึ้นรถแท๊กซี่ 
เพื่อนคนดีพามาลงตรงหน้าศูนย์การค้าใหญ่
กระไรเลย อีกนะนี่
ที่สาวนาเริ่มอยากอาเจียรด้วยเวียนศรีษะ
และกับผู้คนขวักไขว่มากหน้ามากมาย
ที่ดูแต่งหน้างามราวกำลังจะมีงานวัดงานใหญ่
และ


ทำไม
สาวนาดูสาวๆทุกคน
แต่งตัวซ้ำๆและทำอะไรคล้ายๆกันไปเสียหมด
เช่นเดินไปหัวเราะไปพูดไป..ในมือมีโทรศัพท์แทบทุกคน
และทำไม..ทุกคนช่างมีธุระราวทุกนาทีแม้กระทั่งยามที่เข้าห้องน้ำ
ที่เพื่อนแอบพาสาวนาไปอาเจียนด้วยเวียนศรีษะสุดทน


โอ้
กมลสาวนา..เริ่มสับสน..
ผู้คน ข้าวของมากมายก่ายกอง
วางกองๆกันในร้านสวยงาม
ดูล้นหลามวัตถุ..
แต่ถึงหรูถึงสวยอย่างไร
สาวนาไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหน
มันไม่เหมาะกับหัวใจกับกระท่อมไพรและ
คนอย่างสาวนาเอาเสียเลย..


และ
นั่น
เพื่อนชี้ให้สาวนาดูร้านหนึ่งซึ่งสาวสาวต่างพากัน
แต้มเล็บประดับประดาทาสีสวย
เพนท์ลวดลายงามและราคาก็งามตามค่านิยมทันสมัย
สาวนาไถลตามองมาที่เล็บตัวเองแล้วแสนเวทนา
กับมือไม้ที่แสนธรรมดาแสนกร้านงานหนักงานนา
และทั้งเนื้อทั้งตัว
มีเพียงวัตถุประดับร่างเพียงอย่างเดียว
คือกำไลขวัญกำไลรักกำไลเงินงาม..
ที่งามกระจ่างใจยิ่งใหญ่
เกินกว่าใครจะรับรู้ถึงพลังมหัศจรรย์รัก
ที่อ้ายฝากไว้..
คล้ายแทนรักแทนดวงตาแทนดวงใจงามใสซื่อเฉกกัน
นะยอดขวัญยอดดวงชีวานะยอดดวงใจ..
ให้เป็นพลังใจที่แสนสวยใสงดงาม
ทุกยามตามติดมิพรากลา..มิพรากไกล..
จากใจเป็นดั่งนิรันดร์รัก..


เพื่อนคนดีพาไปนั่งที่ร้านอร่อย
บอกอาหารจานแพงนะตั้งเกือบร้อยแน่ะ
สาวนาแทบลุกไม่ทัน
บอกเพื่อนขวัญว่า..หากินที่อื่นเหอะ
ร้อยหนึ่งนะ ใช้ได้หลายวันนะ
หากอยู่ที่นา
เพราะมีผักปลาแล้ว 
แค่ไว้ซื้อของจำเป็นเล็กๆน้อยๆ


เพื่อน..
เริ่มหันมาบ่นว่า
หาว่าสาวนาเชย
*เธอดูสิใครๆเขาก็กินกัน
ฉันอุตส่าห์พามากลัวหิว
ดันมัวห่วงเงินอยู่ได้คนอะไร*
แล้วดูสิเธอดันนุ่งผ้าถุงมา
คนคงคิดว่าฉันพาสาวนาที่ไหนไกลกรุง..
เชยเชยมาบรรเทิง..เลยหันมองกันยกใหญ่
เธอ..รู้ไหม..สาวที่ไหนจะยังอยากนุ่งผ้าถุงแบบเธอ


สาวนา
สงสารเพื่อนมาก..หากได้แต่กระซิบบอก
ทำไมเหรอ
ผ้าถุงมิได้บอกว่าเรารักวัฒนธรรมไทยดอกละหรือเธอ..
เฮ้อ.


*สาวนา
ทำไมหัวโบราณจัง..
ยังจะอนุรักษ์อะไรไว้ให้โลกถอยหลังนะ
เพื่อนพึมพำ..ด้วยทั้งขำทั้งเบื่อสาวนา*


สาวนา..คิด
นี่เหรอเมืองกรุง..
แค่มายุ่งเกี่ยวแค่ไม่กี่เสี้ยวนาที
หัวใจสาวนาดวงดีก็พานพาคิดถึงบ้านวิมานดินกระท่อมทับ
ที่รอรับด้วยความหอมงามแห่งอากาศสดใส
หอมกลิ่นไอดินและดวงดอกไม้ไทยไทย
หอมถึงหัวใจหัวจิตถึงดวงชีวีชีวิต
ให้แสนซ่านเกษมเอมอิ่มกับกลิ่นไพรไพรไสวรวงเรียว..
ที่รอเก็บเกี่ยว รอเคียวคม..


ไหนจะลอมฟางที่งามนุ่มกระจ่าง
ยามเอนตัวฟังเสียงขลุ่ยคลอ
พ้อเรียกมาจากอีกฝั่งลำประโดง
กับโค้งฟ้าแจ่ม 
กับแอร่มดอกโสนในนาเหลืองพราย
กับทิวไผ่ร่ายมนต์เสียดเสนาะไพเราะ
ราวมนต์รักลูกทุ่ง
เพลงแห่งเรืองรุ่งหวานงาม
ตามธรรมชาติธรรมดาๆใจที่
ดิบเดิมที่ติดดินที่เดียวดาย
ยามได้ยินได้ฟังมานานหว่านประดับท้องทุ่งรวงทอง
ให้น้องพี่สดับรับรสจากทิพยดนตรีคีตสวรรค์..ไพร


และยามเดือนเพ็ญพราวเมฆสกาวราวเรียวรุ้ง
จะก่อกองไฟหอมฟุ้ง
ทำข้าวหลามหลามข้าวเหนียวหอมใหม่ในกระบอกไม้ไผ่
ให้ส่งกลิ่นหอมหอม..ม...ม...ไปทั่วราวไพร..
ยั่วน้ำลาย..ไปสามบ้านแปดบ้าน

ชีวิต..หนอชีวิต
หากให้ลิขิตสาวนา
มาอาศัยนานในใจกลางเมืองกรุงรุ่งเรื่อง(หรือรุ่งริ่ง)
สาวนา...
คงเหว่ว้าราวปลาผิดน้ำ
คงพะงาบๆให้หามไปไอซียูแน่แน่เลยเชียว


และ
นาทีนี้สาวนาแสนดีใจ..
ที่อ้ายมาพรากไป พรากไกล 
ด้วยสาวนา..รู้ดี ทุกชีวีต่างจิตต่างใจ
ใครใครก็ต่างคิดต่างลิขิตฝัน
ต่างวิ่งหาสวรรค์กันคนละรูปแบบ


สาวนานั้น
สวรรค์อยู่ที่ดิน เสมือน..
*ดวงทองถวิลดั่งคำทำนาย*
ที่บอกไว้ว่า*ชีวาสาวนาคือทองใต้หล้าผืนนาผืนพสุธาไทย*
สาวนา..ไม่เสียใจเลยจ๊ะ


และฝากกระซิบมาถึงอ้ายนะ
*ความดายเดียว
คือพลังแสงสว่างแห่งปัญญาพาหลุดพ้น*
ที่เราจะค้นพบเพียงลำพังใครทำแทนกันมิได้
ให้ชีวีดั่งดวงตะวันอรุณหมุนเหนือกาลเวลา 
ไม่มีคำว่าอดีตอนาคตหมดจดใจ..
นิ่งในงามกับความพอใจในปัจจุบันจ๊ะคนดีนะดวงใจ
อย่าเศร้าเสียใจเลยนะ..
ที่เราจำพรากไกลกันราวดั่งตะวันกับจันทร์ฉาย 
ขอแค่ให้ขวัญฝันพบแต่ดี มีแต่สุขทุกทิวาราตรีกาลเลยนะ ..นะจ๊ะ..
				
comments powered by Disqus
  • สาวนา

    2 กรกฎาคม 2547 22:36 น. - comment id 292364

    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=594
    วันคอย   
    
    ยอดรัก จงมองที่ขอบฟ้า
    โอบๆโค้งลงมา
    นั้นคืออ้อมกอดจากฉัน
    ฮือๆ ฮือๆๆ
    ยามเมื่อเราไกลกัน
    เธอฉันดังอยู่เคลียไคล้
    ยอดรัก สายลมแผ่วละมุน
    นั่นคือสายลมอุ่น
    ฉันพรมและจูบลูบไล้
    ฮือๆ ฮือๆๆ
    เธอรู้บ้างหรือไม่
    รักใครไม่เท่าเทียมฉัน
    คืนวัน จะผันแปรเปลี่ยนไป
    แต่ใจฉันไม่อาจเปลี่ยนเวียนผัน
    ซื่อตรง จงรักจนนิรันดร์
    หากลืมฉัน ฉันคงต้องกลั้นใจตาย
    ยอดรัก การจากทั้งผูกพัน
    ย่อมจะคิดถึงกัน
    เร่งวันคืนกลับเคียงกาย
    ฮือๆ ฮือๆๆ
    ครองรักไม่รู้หน่าย
    วันตายนั่นแหละวันลืม
    
    ยอดรัก การจากทั้งผูกพัน
    ย่อมจะคิดถึงกัน
    เร่งวันคืนกลับเคียงกาย
    ฮือๆ ฮือๆๆ
    ครองรักไม่รู้หน่าย
    วันตายนั่นแหละวันลืม...
    
     
      
    
  • สาวบ้านนา

    2 กรกฎาคม 2547 22:55 น. - comment id 292373

    : วันนี้
    สาวนาเข้ากรุง
    ไปนั่งดูความวายวุ่น
    ของชีวีชีวิตผู้คน
    แล้วก็ไม่สบาย
    สิ่งที่สาวนาซื้อกลับมากิน
    คือข้าวเม่า..คลุกมะพร้าวหอมๆสดๆ
    และรันทดใจตัวเองสิ้นดีจ๊ะ
    ที่ชีวีแปลกแยกแผกคิด..
    เสียเหลือทนแล้วนะใจ
    และด้วยหัวใจเหนื่อยล้า
    สาวนานอนระทดระทวยใจ
    ในยามตะวันลา..โพล้เพล้
    จนฟ้าสีไพลปลุกให้ลุกร่างมา
    และ
    รจนาสด..ไม่กี่นาทีนี้
    ที่หัวใจยังท่ามไปด้วยแสงตะวันใจอันไหวหวั่นริบหรี่
    กับทุกชีวีผู้คนที่เวียนวนไปตามวิบากกรรม..
  • ผู้หญิงไร้เงา

    2 กรกฎาคม 2547 23:30 น. - comment id 292395

    อยู่ในกรุงแสนวุ่นวาย
    ไม่สบายเหมือนบ้านนา
    เชื่อน้องซิพี่จ๋า
    กลับบ้านนาบ้านของเรา
    
    *-*อยู่บ้านนาดีกว่าค่ะ  เดินทางโดยสวัสดิภาพนะค่ะ*-*
  • ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

    3 กรกฎาคม 2547 01:50 น. - comment id 292423

    อยู่บ้านนาโจงกระเบนเกณฑ์ลงแขก
    อกแทบแตกมากรุงผ้าถุงหลุด
    ทั้งอาเจียรเมาไม่สร่างร่างแทบทรุด
    กลับไปขุดกลอยหัวงามตามคันนา
    
    อิอิกลับบ้านเราดีกว่า
  • tiki

    3 กรกฎาคม 2547 03:17 น. - comment id 292445

    :)
  • ชัยชนะ

    3 กรกฎาคม 2547 05:26 น. - comment id 292471

    อยู่ที่ไหน ถ้าเรามีความขยัน ไม่เกียจคร้าน ไม่อดตายดอกครับ
    
  • สาวนาจ๊ะ

    3 กรกฎาคม 2547 10:23 น. - comment id 292486

    สาวนา..มากล่าวคำซึ้งใจจ๊ะ
    เริ่ม
    น้องน้อยคนดี
    ผู้หญิงไร้เงา
    น้องคือเงาใจสาวนานะ
    ขอบคุณจ๊ะคนดี
    *********
    ฤกษ์..
    ผ้าถุงทันสมัย
    ไกลโจงกระเบนในจินตนาการจ๊ะอิอิ 
    เคยเห็นผ้าถุงงามแบบร่วมสมัยมั้ยจ๊ะ
    และเวลานุ่งก็ใส่เสื้อเปลือกผ้าไหมสวย
    เผยไหล่ล้ำกลมกลึง ใส่สร้อยเงินรัดรึง
    ติดคองามลายแกนะสลักละเมียด
    ผีเสื้อเกาะเกสรดอกไม้...
    ผมนางเอกสยายยาวถึงเอวจ้า
    ***********
    ทิ๊กกี๊..
    เอาแต่ยิ้ม..ขอบคุณนะที่มา
    **********
    ชัยชนะ
    ใช่เลย
  • หนุ่มเมืองกรุง

    3 กรกฎาคม 2547 10:41 น. - comment id 292491

         
    หวานซึ้งเช่นเคยตามสไตล์ของ....พุดพัดชา
    
    
    
  • ตะวันฉาย

    3 กรกฎาคม 2547 13:31 น. - comment id 292539

    สวยงามเช่นเคยครับ พี่พุด
    
    :)
  • suprapai

    3 กรกฎาคม 2547 15:39 น. - comment id 292609

    นึกถึงท้องทุ่งรวงงาม  ..นานแล้ว
    
    ครานั่งมองจากขบวนรถไฟสายเหนือ...
    
    หวนคำนึงถึงชีวิตติดกลิ่นดินสาปกลิ่นควาย
    
    หอมทุ่งนาข้าว หอมกลิ่นลมโชยมาจากลำประโดง
    
    โค้งคดแล้ว...คิดถึงอ้ายขวัญอีเรียม คิดถึงทุ่งรวง
    
    ทองของเรานั้นมีคุณค่า...คิดถึงทุ่งบางเขน แท้
    
    จริงเคยเป็นทุ่งรัก ทุกคนรู้จนประจักษ์เป็นทุ่ง
    
    รักสมศักดิ์บาง /รอยไถของไม้เมืองเดิม
    
    ....สำคัญ   คิดถึงสาวบ้านนาคนนั้น.....
    
    .....เสียดายนะ  ภาพปล่องควันไฟ  ตึกอาคาร
    
    ยาวดูมิดชิดลึกลับแน่นหนากลับมาแทนที่ทุ่ง
    
    งามดังว่า....ชีวิตทุ่งเปลี่ยนไป คนเปลี่ยนไป 
    
    หัวใจคนสิ...ยังสงสัยนะเป็นฉันใด.

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน