ศกุนตลา!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=745
(ศกุนตลา)
....................


ชื่อของผม..คือ..ทิน ครับ
เป็นหนุ่มใหญ่ร่างเพรียวผิวคร้าม
ตามแบบอย่างผู้พิสมัยกีฬากลางแจ้งทุกชนิดครับ
และ
ที่สำคัญทั้งไฟรักไฟแรงในการทำงานยังมิมอดดับครับ


ผมดัดแปลงส่วนหนึ่งของบ้านเป็นสำนักงานสถาปนิก
สำนักงานเล็กๆ..
ที่มีผมและเพื่อนสองสามคนรวมหุ้นกัน
มาสานฝันแบบมิหวังเงินงามเป็นใหญ่
ขอให้ได้ออกแบบอะไรก็ได้อย่างที่ไม่อัปลักษณ์สายตา
ฝากโลกหล้าเอาไว้ ก่อนตายจากโลกนี้ไป
และ
ยังพอมีกำไรแบ่งปัน
ให้มีชีพชอบทำสิ่งแสนรักสานฝันต่อไป
ที่หลังๆงานชักน้อยลงๆทุกที


เพราะพวกผม..ทนเบื่อรับงานกับไอเดียนายทุน
ที่ไร้สมองแทบไม่ไหว 
ที่พลอยพาให้บริษัทผม...เริ่มเห็นแววรำไรๆแล้วว่าไม่ช้านาน
เราอาจต้องพากันแตกกระจายกระจุย
ลุยร่างไปแบกหามทำอย่างอื่นแทน


หากก็ยังดีกว่า ทนขายจิตวิญญาณ
ขายอุดมการณ์อุดมคติทำงานแลกเงิน
แค่เอาใจนายทุนทำลายสิ่งแวดล้อม
ด้วยตึกหน้าตาอัปลักษณ์ 
ที่ถึงเอาเงินมากองทับแทบท่วมเท้าก็รับไม่ไหวละครับ
ยอมอดมื้อกินมือหรือสามมื้อ...ถือคุณธรรมค้ำจุนโลกเสียยังจะดีกว่า...


กลับมาที่บ้าน..ผม..
ที่ใช้เป็นสำนักงานอีกทีจะดีกว่านะครับ
บ้านที่เต็มไปด้วยกระจกรายรอบปล่อยโล่งว่างหากมิร้างไร้ด้วย
รายรอบเต็มไปด้วยแมกไม้ไทยไหวสะพรั่ง
พาพลังเย็นฉ่ำสดชื่นให้ไหลรื่นเข้ามาให้เราได้รับรื่นรมย์


และ
เป็นเกราะกั้นกำบังตาจากโลกภายนอก
ราวกับว่า...
ผม..มีบ้านในป่าแถวอัฟริกาก็มิปาน ประมาณไหนประมาณนั้นเลยละครับ


เพราะว่าเวลาตื่นเช้ามา
ผมเองยังหลงฝันหลงเพ้อ
ยามถูกปลุกด้วยเสียงสิงสาราสัตว์อันมากมาย
โดยเฉพาพนกไพรหลายพันธุ์หลากชนิด
ที่มาสิงสถิต..ไกวเปลต้นไม้พากันร้องระงม..


จน...บางทียามอุษาสาง
ผม..ก็หลงละเมอว่าผมนอนอยู่
ในท่ามป่าใหญ่ไพรกว้าง..ที่ไหนสักแห่งหนึ่งในโลก
ที่แสนสุขสงบอย่างที่สุดเลย


คุณ..อย่าอิจฉาผมเลยนะครับ..
ที่ได้ใช้ชีวิตชิดใกล้ธรรมชาติแสนงามอย่างนี้
ก็ไม่เห็นจะยากสักนิดเลย
คุณก็สามารถเนรมิต..ให้มีได้...


ก็! เพียงเริ่มทำ..เลยละครับ
วันหยุดนี้
คุณก็ลองเปลี่ยนทัศนคติชีวิต...ลิขิตร่างและขา
พาไปเดินดูสวนต้นไม้พันธุ์รุกขชาติดาษดา...
แทนที่จะ
เดินห้างสรรพสินค้าดูสวรรค์ลวง
ล้วงเงินงามให้พลันพรากจากภายในพริบตา
แค่เพียงสักวัน
ก็คงไม่เลวนักดอกนะครับ..


ผม...อยากกระซิบบอกอะไรนะครับว่า
คนเรา..ทุกวันนี้..
ที่เกิดอาการ...เซ็ง..เซ้ง..เซ็ง..เบือ เบื้อ เบื่อ 
ถึงกับมีหมอจิตวิทยาพากันวิเคราะห์เจาะลึก
และ
พากันตั้งสมญานาม...
ให้คนในโลกรานร้าวเศร้าสิ้นสุขไร้สนุกสนานเบิกบานใจ
ในชื่อใหม่ว่า*โรคหน่าย*


ที่หากปลอยไว้นานๆจะพาลพาไปพบโรคซึมเศร้า
อยากตายวันละหลายๆหนเข้าก็เป็นได้
โรคนี้ผมอ่านพบจากคอลัมน์
มองชีวิตของศ.ดร.นพ.วิทยา นาควัชระในนิตยสารดิฉัน
*คุณหมอบอกว่าคิดว่า .....


.............
...........
มาจากระบบความเร่งรีบ
กลางวันกินอาหารเร็วๆบ่ายๆก็ดื่มกาแฟแก้ง่วง
หรือทำงานจนถึงเย็นเสร็จ
แล้วก็รีบกลับบ้าน
หรือไปออกกำลังกาย ซ้ำที่เดิม 
พบคนเดิมๆเมื่อกลับบ้าน
ก็พบเหตุการณ์เดิมๆที่ทุกคนในบ้าน
มีกิจกรรมซ้ำๆเหมือนกันไม่มีอะไรน่าสนุกตื่นเต้น
.........
........


ท่านสรุปเอาไว้น่าฟังว่า
ดีกรีของความหน่ายชีวิตนี้
ขึ้นกับพื้นฐานของบุคลิกภาพของแต่ละคน


การจะลดความหน่ายชีวิตได้นั้น
ก็ขึ้นกับความสามารถ
ที่จะปลุกตัวเองให้พ้นจากความหน่ายได้
ลดความกลัวการเปลี่ยนแปลง 
ใจกว้างกับตัวเองและคนอื่นให้มากขึ้น


......
เพราะในสังคมวัตถุนิยม
และคนต้องทำงานหนักกันทุกวัน
ทำให้ผู้คนลืมสร้างมิตรภาพ
และความรักในจิตใจกับตนเองและคนอื่นๆ
จนทำให้คนเป็นโรคหน่ายชีวิตกันมากขึ้น..*
............


ฉะนั้น..วันนี้ผมเห็นว่าท่าจะดีนะครับ
หากคุณๆจะลองปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตดูบ้าง
จากเส้นทางชีวิตธรรมดาเดิมเดิม
เช่นวันหยุด
ก็เอาแต่นอนเขลงฟังเพลง
กับดูทีวีบรรเลงอยู่อย่างเดียวคนเดียวทั้งปี
(กรณีไม่มีพันธนาหาแฟนแม่แขนอ่อน
มานอนหนุนแขนคล้องขามัดใจเพ้อพรรณนาออดอ้อนออซาะฉอเลาะรักนะครับ)


ผมขอให้ลองหัดปรับเปลี่ยนทำอะไรๆแปลกๆบ้าง
จะได้สร้างสีสันให้กับวันหยุดแห่งชีวิต
ให้ได้พบเห็นมีอะไรใหม่ๆทำขึ้นมาบ้าง...


ผมมีเพื่อน..คนหนึ่งครับ
เขาคนนี้เป็นนักปรัชญาราวรู้ชะตาฟ้าดิน
รักในธรรม ธรรมชาติ
แต่..มิเคยฉลาดคิดสามารถปลูกต้นไม้
หรือหาต้นไม้มาไว้ประดับตาประเทืองใจ
ในห้องแคบๆราวกรงขัง
เพื่อสร้างหวังหวานแรงบันดาลใจได้เลยแม้แต่สักต้นเดียว..จริงๆ


ให้ตัวเขาเองได้แลเหลียวไปพบพันธุ์ไม้
ที่สามารถปลูกในกระถางวางไว้ริมระเบียงเคียงใจ
ยามลืมตาแล...


ราวได้เห็นไสวไพรพง
แทนดงเมืองน้ำครำ..คลาคล่ำด้วยผู้คนอลวนเอลเวง
ตะเบ็งเสียงแต่เช้ายันหัวตรอกท้ายตรอก
ด้วยดนตรีเมืองอันแสนเปลืองหูที่จะรับฟัง


ผม...คิดว่าคนเราหากจะขยันรักธรรมชาติ
ก็คงต้องลงทุน
คิดหามาปลูกเพาะพันธุ์สร้างฝันประดับจิต
สร้างพลังชีวิตดีกว่ามาบ่นเพ้อ..เบื่อบ้า
ชั่วนาตาปีว่าอยากหนีกรุงกรง


ที่จำต้องปลอบให้ปลงๆว่า
คนเรา..จริงๆแล้วอยู่  *ที่ใจ..*
ไม่ว่าอยู่ที่ไหนหากทำใจได้
ก็เหมือนราวกับอยู่ในป่า
ก็โอเคแล้วละนะครับ
ในเมื่อชะตาบังคับ
และ..
เรายังมิกล้าลิขิตเลือกตัดสินใจ
พาตัวเองไปให้พ้นดงเมืองมิเรืองรุ่งริ่งได้


ก็จำต้องชดร่างใช้ใจในวิบากเมือง 
แบบประเทืองสรรสร้าง
ไปตามกระแสโลกย์
หากยิ่งเอาแต่โศกก็คงยิ่งเหือดหายไฟฝัน
ทั้งน้ำหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณก็พลันจะแห้ง
ก็ต้อง..รู้ทำใจ
ทนทนทนเอา.ตาม..โลกแสร้างสวรรค์เมิน..
...........


ผม...ร่ายมายาวเลยครับ
แค่อยากเผยใจให้ทุกคน
ได้พบใจดวงแผ้วพร้อยสว่าง
หาหนทางพบสุขในทุกแรงโลกย์รานโหม


ก็...จึงอยากฝากให้ 
ทุกดวงใจได้คิดปลูกต้นไม้ปีละสักต้นก็ยังดี
ดีกว่า
ปล่อยให้ดาบวิชัยปลูกแทนอยู่คนเดียวทั้งประเทศไทย
โลกจะได้มีเขียวไพร..
ให้ได้พักตาพักใจให้ฝนตกได้ในทุกฤดูกาล


ผม..นอนมองแมกไม้สายใจสายใยรัก
รายรอบวิมานดินกระท่อมไพรของผม
ผ่านกระจกบานกว้าง
เห็นกล้วยน้ำว้าสล้างเริ่มลบเหลี่ยมเป็นมนป้อม
และนั่น...มีเหลืองละออสุกแล้วในบางลูก
ที่ผมลงแรงปลูกมากับมือ..


อย่ากระนั้นเลยนอนเฉยๆอยู่ไยเล่า
ก่อนที่..
เจ้ากระรอกน้อยจะมาเจาะ
เลาะเปลือกกินหวานเสียทุกลูกให้ช้ำรานหัวใจ
ผมจึงจำกระโดดผลุงลงไป
หาบันไดไม้ไผ่พาดแล้วก็ตัดสวาทหวีงาม..จากลำต้นนะทันที!


และ
นี่คือ..อาหารเช้าชีวจิตรสธรรมชาติพิลาสล้ำ
เอมอิ่มยามชิมลิ้มลองฉ่ำรสหวานจากกอกล้วยหวี
ด้วยประมาณว่าหวานนี้หวานกว่าหวานใด
ใช่เพราะอะไร..เพราะบวกแรงพยายามภาคภูมิ
ที่เราได้ ปลูกเพาะทะนุถนอมรดน้ำมากับมือ
ที่ดีกว่าไปซื้อหามา เข้าท่ากว่ากันเยอะเลย..


และ
อร่อยเกินเลยคำว่า*ปอกกล้วยเข้าปาก*
เมื่อมาดื่มกลั้วกล้ำกับน้ำองุ่นแดง
เพิ่มพลังแรงให้รับอรุณแสนงาม
ในยามเช้าอย่างได้รสชาติชีวีชิวิต..


แถมยังได้แบ่งให้เพื่อนบ้าน
ต่างพากันได้ลองลิ้มหวานงามตามๆกันไป
ได้ใช้เพาะไมตรีจิต
ให้น้ำใจมิตรไปพร้อมกับกล้วยไปอย่างกล้วยๆก็หลายหวี


ผม....
ชอบที่จะนั่งนิ่งนิ่ง
ทิ้งสายตาสายใจฟังเสียงนกไพร
นกน้อยๆตัวเล็กๆ
มาเกาะก้านกอแก้วกิ่งไกวไหวโยกในยามอุษาาง
และ
พลางทอดตาแลดูมะม่วงเขียวเสวยพวงงามห้อยย้อยระย้าดก
รอ..ยกตะกร้อสอย..คอยมันส์อีกสักนิด


และ..
แอบจ้องมองใบกล้วยนวลไสว
*แม่สไบสีไพลสีแพรแสนสวยใส*
ที่กำลังโบกใบอรชรอ้อนรับสายลม แลแสงแดดอ่อนอุ่น
ให้ใจผมละมุนเสียไม่มี
.......


และ......!
ก่อนที่..
วิมานฝันของผมจะพังทลายลง....
ด้วยเสียงแหลมใสของเทคโนโลยี่สมัยใหม่...
ที่พร่าผลาญความเป็นส่วนตัวเสียสิ้น
ตามไปให้ได้ยินแม้กระทั่งยามสุขี
มีสุขปลดทุกข์อยู่ในห้องน้ำ
ทั่วทุกโถทุกข์ถิ่นทั่วไทยทุกข์ถ้วน 
กวนด้วยเสียงโทรศัพท์
เจ้ามือถือฤามือไม่ถือ
ก็มิอาจเลี่ยงหลบกลบเสียงเลี่ยงไปไหนพ้น
หากมีธุรกิจหรือธุรเกินเผลอเพลินลืมปิดระบบ


เสียงตะริ๊ดติ๊ดติ๊ดๆๆๆ
ที่ตามติดราวมีชิวิตวิญญาณ
ตามล้างตามล้วงตามกวนตามล่า
ตามหารักแท้ตามทวงหนี้
ตามทวงชีวีให้แทบวายวอด
ยามต้นเดือนปลายเดือนแทบไม่พอกิน


เพราะลิ้นหลงพะวงเผลอละเมอรัก
ที่จะพูดๆๆให้หูรับรสหวาน
จากสาวฤาหนุ่ม
ให้กระชุ่มกระชวยใจ
หากพอเวลายามจ่ายก็แล้วแต่ตัวใครตัวคนนั้น
ให้ฝันสลาย..เงินมลายหายวับกันเอาเอง


และ
เพราะทุกเสียงสัมผัสพาให้ทุกผัสสะที่กระทบ
มักจบลงด้วยความพ่ายแพ้ใจต่างต้องไปเติมเงิน..
เอาไปใส่กระปุกให้นายทุนที่รวยกว่า..และยิ่งรวยกว่าๆ
จนกว่าทุกชีวาจะลาล่วงมิตกบ่วงมาร...บ่วงทาส...


หัวใจยามเช้าผม..
เริ่มรอรับระทมมากกว่าสุข
กับทุกเสียงในวันหยุดนี้
ที่ผมอยากอยู่...
กับความนิ่งว่างวางไว้ไร้ร่างเสียบ้างบางวันก็ยังดี


ที่จะไม่มีใครสักคน
ที่ไม่ว่าหวังดีหวังร้ายมากวนใจ..
ให้หูอยู่ไม่เป็นสุขทุกข์ไปตามเสียงที่ได้ยินหากรับไว้
ไม่ก็ต้องผุดลุกผุดนั่งคอยหาจังหวะวางสาย
คล้ายต้องเกรงใจ
ในกับบางคนที่ทนมาจนเคยชิน


แต่...ทว่า
สำหรับนาทีนี้..กับยามเช้าแสนดีนี้..
กลับ
ทำให้ชีวีผมไหวหวั่นผิดคาด
จาก...
เสียงใสใสหวานนุ่มนวลที่มาแปลกดี
ตรงที่แนะนำตัว
ด้วยชื่อที่แสนแปลกมิมีใครเหมือนพอกัน


*สวัสดีค่ะ ศกุนตลาค่ะ 
ขอโทษนะคะ
ที่รบกวนคุณในเช้าวันหยุด (ใจผมคิด...*รู้แล้วโทรมาทำไมล่ะ*)
ดิฉันได้เบอร์คุณมาจากเพื่อนค่ะ 
อยากปรึกษาคุณเรื่องบ้านนะคะ


เพราะเพื่อนบอกว่าคุณถนัดเกี่ยวกับเรือนไทยค่ะ*
*ดิฉัน..มีเรือนไทยริมทุ่งแถวมีนบุรี
 ตอนนี้มีปัญหานิดหน่อยค่ะ
อยากให้คุณมาดู 
ทั้งๆที่เกรงใจคุณมากนะคะ


แต่...
พอดีระยะนี้ฝนหลงฤดูโปรยมา
เกรงว่าจะแก้ไม่ทันการณ์ค่ะ
อยากขอความกรุณา หากคุณว่าง นะคะวันนี้
เชิญได้มั้ยคะ
จะบอกเส้นทางให้นะคะ
ได้โปรดเถอะค่ะ..


เธอว่ามาเป็นชุด..พลางรอคำตอบ...
ที่ชอบมิชอบก็สุดแล้วแต่ผมจะกรุณา
โอ้อนิจจาฟ้าดิน สิ้นแล้ว...วันหยุด
กับใจดวงถวิลรักธรรมชาติ
ที่ชอบสะดุดด้วยใจอ่อน
กับคำอ้อนออดของสาวๆเสมอมามิหลาบจำ


*ผม...เองเลยเริ่มอึ้งอั้นงันงง
หลงเสียงนางเข้าให้แล้วละกระมัง
ถึงดันไปรับปากรับคำ
ทำให้ต้องรีบอาบน้ำแทบไม่ทัน
หากางเกงนุ่งก็แทบไม่ถูก
ขาแทบขวิดไปขวิดมา


แล้วยังรีบต้องพาร่างบึ่งขับรถอย่างสุดชีวิต
มาตามคำประกาศิตสุดท้ายของนาง
ที่ทอดเสียงแสนหวานได้ราวนางละคร
ผู้กำลังอ้อนพระเอกให้มาตามหารักแท้ประมาณนั้น...
.........


ว่าแล้วไม่นาน
ผมผู้จำต้องรับบทพระเอกผู้ใจดี
ที่มีหรือจะปฎิเสธทั้งเงิน(หวังจะงาม)ทั้งงาน..
ทั้งนายจ้างที่ดูราวจะใจดี..
อันนี้พยายามคิดเข้าข้างตัวเองเข้าไว้...จะได้มีแรงขับรถ
แบบรีบเร่งบุกป่าผ่าดงแบบไม่ชำนาญทาง
ที่ขับพลางโทรพลาง ถามทางมาเรื่อยราวกามนิตหนุ่มทีเดียวเชียว


ผมตะลอนๆมาแสนไกล
 คิดไปคิดมาคงใกล้ฉะเชิงเทราเข้าไปทุกทีแล้ว..
หากเส้นทางชนบทสายสวย
ที่ทอดตัวอรชรก็ช่วยจิตใจผมไว้ได้มากทีเดียว
ที่ช่างแสนงดงามแพร้วพร่าง
ด้วยนาข้าวสีไพลไหวระบัดราวแพรพรม
ช่างแสนบรรเจิดใจเสียนี่กระไร


ไหนจะคูนสองข้างทางไสวเหลืองละออ
ที่กำลังพร่างพ้อพรายพรมรับลมร้อน
เป็นทิวแถวริมทางให้งามสว่างไสวไปทั้งถนน
ที่ไม่ค่อยมีรถและคนจะผ่านมา
นั่น..ตะแบกพราวม่วงหม่น
ปนกับชมพูพันทิพย์จนแทบแยกไม่ออก


นั่นแคร์ฝรั่งแกมกับหางนกยูงสะพรั่งแดงแรงร้อน
อ้อนสายแสงแรกแห่งอรุณงาม
ที่กำลังเริ่มเข้ายามสายแล้ว


และ..
โน่นโอนเอนดงตาลริมนาสุดลูกหูลูกตา
ผมเริ่มเห็น..เรือนไทยไวไวในคลองตา
ก่อนที่
จะขับรถมาหยุดลงตรงหน้าประตูรั้วไม้
ที่เขียนไว้ด้วยลวดลายฉลุแสนงามนามว่า..


*เรือนศกุนตลา*
แลไปรายรอบในกรอบตา
คือนาข้าวไสวเขียวขจีที่ราวเพิ่งหว่านกล้า
และ
ก่อนจะข้ามสะพานทอดโค้งไปสู่เรือนไทย
ที่ถมที่ปลูกไว้ณ..กลางบึงบัว


ที่บัดนี้พากันชูช่อแข่งสีสันอวดอรชรว่อนงาม
ไปทั่วทั่งบึงกว้างมิให้ร้างรักราดอก..
ผมค่อยๆเดินก้าวเท้าข้ามสะพานไม้อย่างช้าช้า
และ
แปลกดี ที่ลมพัดไหวมาวูบหนึ่ง
ราวกับพลอยพาหัวใจผมพลันถูกตรึงด้วยพลังลึกลับกับบางสิ่ง


ที่ผม..ยิ่งงันงง
ราวหลงเข้ามาในแดนดินโบราณผ่านยุคสู่ต้นรัตนโกสินทร์
ผมรีบ..สลัดความคิดวูบไหวนั้นออกไปจากจิตรำลึกรู้
แล้ว...
ค่อยๆเดินดูบัวพร่างแสนงามในท่ามตะวันสีทอง
และมวลภมรผีเสื้อกางปีกร่ายฟ้อน
ว่อนภิรมย์ดมกลิ่นเกสรอ้อนสายแสงสีเงินกับฟ้าคราม


กับตระการตาของนาข้าว
และดงตาลหวานแสนหวานริมรั้ว
ก่อนที่จะถามทางครั้งสุดท้าย
ยืนยันว่าผมนั้นมายืนไม่ผิดที่ผิดทาง
กับ
สาวน้อยนามศกุนตลา...


ที่ณ..บัดนี้..
ผมเห็นเธอคนดีแล้ว..
ผู้หญิง..งามเศร้าราวนางในวรรณคดี..ศกุนตลาเสียจริงๆ
นางที่ผมพอจำวรรคทอง
บทพรรณณาอันแสนเพริศพริ้งจากท้าวทุษยันต์ได้ว่า


*ดูผิวสินวลละอองอ่อน มะลิซ้อนดูดำไปหมดสิ้น 
สองเนตร์งามกว่ามฤคิน นางนี้เปนปิ่นโลกา
งามโอษฐดั่งใบไม้อ่อน งามกรดั่งลายเลขา
งามรูปเลอสรรขวัญฟ้า งามยิ่งบุษบาเบ่งบาน
ครวฤามานุ่งคากรอง ควรแก่เครื่องทองไพศาล
ควรแต่เปนยอดนงคราญ ควรแก่ผู้ผ่านผไท..*
..............


เธอ..งามมาก
และค่าคำว่างามสำหรับผม
ในฐานะผู้รักศิลปะ
ผมตีค่าเสมอว่า...คือแผกพิศพิเศษพิสุทธิ์


คำว่างามคือคำ
ที่ละม่อมละมุน
หอมหวานกว่า
มีอะไรมากกว่าในร่างที่เห็น


ผม..บอกได้เพียงว่าเธอมีนัยน์ตาโศก..สีน้ำผึ้งรวง
มีมาดนุ่มนวลยามแย้มยิ้ม ที่แสนพริ้มเพรา
ที่ลบเหงาใจได้มากกว่าการยิ้มร่า
มีความนวลในทีท่าแสนสงบงาม
ในยามทายทัก


และ
ที่ผม..คิดว่างามนักงามหนา
แสนจะยอดงามสำหรับผมคือ
เธอมีดวงตา
ที่ยิ้มรับขวัญโลกได้
ทุกคราที่เธอคลี่ยิ้มราวโลกแสนไสวสว่าง
แม้นจะแฝงฝังความเศร้าเอาไว้อย่างลึกเร้น..


และ
ที่ทำให้หัวใจดวงโบราณผม
ที่รักงามศิลปะวัฒนธรรมไทยในทุกลีลาทึ่งนักทึ่งหนา
คือเธอย่างก้าวมารับผม
ในผ้าซิ่นสีชมพูลายขวางสลับทางฟ้าจางๆ
และ
พรางร่างบอบบางอรชรอย่าง
น่าทะนุถนอมนวลในเสื้อแขนกระบอกสีไพล


นี่ราว..นางในวรรณคดีไทยเสียจริงๆ
ที่ผม..พยายามสังเกตอย่างรวดเร็ว..
ไม่เกี่ยวกับคำพูดแสนมีมนต์ขลังของเธอที่ตามมา
ในนาทีต่อไป ที่ไหวหัวใจผม
ให้วูบวาบ หวามไหวอย่างแปลกสิ้นดี
อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ..


เธอ..
กำลังต้อนหน้าต้อนหลัง
เจ้าสุนัขที่หน้าตาน่ารัก
หากเสียงเห่าทายทักกลับไม่ค่อยน่ารักตามใบหน้าเอาเสียเลย
มันคงแค่อยากทำความรู้จักผมเฉยๆด้วยละกระมัง
ให้เธอต้องคอยรั้งปลอกคอ


และ
ค่อยๆก้มลงกระซิบบอกให้มันหยุดเห่าเสียที
ก่อนที่เธอจะบอกให้มันนั่งลง
ให้ผมงงในความเชื่องแสนดีของมัน
ที่คงภักดียิ่งนักต่อเจ้าของ..


เธอ..สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่มานะคะ
คงหาทางเข้ายากหน่อย
เพราะว่าไกลมากนะคะ
อย่ากลัวเจ้าแตงไทยนะคะ


เดี๋ยวจะให้มันไหว้ทักทายคุณค่ะ
ว่าพลางเธอยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เจ้าแตงไทย 
ที่ราวกลายเป็นเจ้าแตงอ่อนแสนว่านอนสอนง่ายเสียไม่มี
ก่อนที่มันจะยกร่างชันขาหน้า
และทำท่าสวัสดีแสนตลก


ที่ทำให้บรรยากาศคลี่คลายด้วยความน่าเอ็นดู
ที่ผมอดเมตตามันไม่ได้
ในความจงรักภักดีของมัน
เจ้าสุนัขพันธุ์ไทยที่แสนซื่อสัตย์ต่อเจ้าของเสียนี่กระไร


ได้เบอร์คุณ..มาจากเอื้องค่ะ 
เจ้าของบ้านเก่าทรงยุโรปโบราณ
ที่คุณรับซ่อมแซมตกแต่ง
ทั้งภายในภายนอก
และออกมางามไม่หลอกตา
ยังคงรักษาเอกลักษณ์เอาไว้ได้
ไม่ใช้สีโดดเกินไปค่ะ 
ยังคงรักษาเอกลักษณ์เก่าให้ดูกลมกลืนรื่นรมย์
มีชีวิตชีวาไปกับบรรยากาศร่มไม้ริมชายคลอง
ราวย้อนยุคสมัยกลับไปในกาลก่อนค่ะ


ฉันจึงประทับใจ
แต่...ที่นี่เป็นเรือนไม้เรือนไทยนะคะ
อยู่กันมานาน
แต่ตอนนี้มีเพียงฉันค่ะ


เธอ..นิ่งงันเงียบ
ก่อนจะค่อยๆกล่าวออกมา
*คุณพ่อ..คุณแม่ฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตไปแล้วทั้งคู่ค่ะ*


นาทีนั้นหัวใจผมไหวระริก
ราวรับรู้ความเศร้ารานร้าวในน้ำเสียง
แม้เธอจะเลี่ยงหลบตา 
แล้ว..
กล่าวด้วยเสียงธรรมดาๆว่า


*ฉันรักผูกพันกับที่นี่มากค่ะ
เพราะบรรพบุรุษฉัน
อาศัยและอยู่กันมาหลายชั่วคน...นานมากแล้ว
หากคุณชอบอะไรๆที่โบราณ
หวังว่างานนี้คุณคงได้รับความสุขแถมนะคะ*


หญิงสาว...
ค่อยๆเดินนำทางเข้าสู่ภายในบริเวณลานกว้าง
ที่รายรอบปลูกพันธุ์ไม้ไทย
มีทั้งลำดวน ปีบ  จำปี ราตรี กระดังงา
พะยอม หอม นวลดอกแก้วริมรั้วโมก..
มะลิลามะลิซ้อนหลากพันธุ์หลายกอ
และ....อีกมากมายนัก


*เรามีเรือนสามเรือนเรียงรายล้อมชานกลางไว้นะคะ
มีเรือนนอน เรือนครัว..
ที่ดัดแปลงเป็นเรือนรับรองแขก
และที่สำหรับรับประทานข้าว


กับ
อีกเรือนเป็นหอพระค่ะ
เพราะว่าฉันใช้สำหรับนั่งสวดมนต์สมาธิภาวนา
สำหรับ
ชานเชื่อมตรงกลาง
เป็นที่สำหรับเอนอิงพิงหมอนขวานนอนดูดาวเดือนค่ะ


ตรงนี้จะงามมากหากมิใช่ฤดูฝน
พอฤดูฝนก็ต้องขยับไปนั่งในชายคาเรือน
คอยดูสายฝนพรำย่ำหยดลงกระทบแผ่นไม้
ก็งามไปอีกแบบค่ะ


และ
จะได้กลิ่นแมกไม้ไทย
แก้วราตรีกอ..
โมกจะพ้อพิไรลมพรมพร่างขึ้นมาถึงบนนี้เลยค่ะ
บางคืนที่อากาศดี..ดาวเดือนจะเกลื่อนฟ้า
ฉันจะมารับแสงจันทราด้วยแสงเทียนวูบไหว
หาอะไรมาร้อยเรียงมาเขียนมาอ่านมาทำค่ะ


บางทีก็นั่งร้อยมาลัยไปถวายพระ
ก็ได้บรรยากาศงามสงบสุขไปอีกแบบ
แถมมีเสียงเรไรร่ำจิ้งหรีดร้อง
ก็ได้ฟังดนตรีไพรแถมค่ะ


เอาละนะคะ
จะพาคุณไปชมหอพระค่ะ
จริงๆแล้วหอพระมีพระมากมายค่ะ
สะสมมายาวนานมาก
แต่ฉันเก็บไว้ในตู้บานกระจกเห็นมั้ยค่ะ
ให้ดูงามสงบและเป็นระเบียบค่ะ


มีเพียง
พระพุทธรูปจำลองพระชินราชศิลปะสุโขทัยองค์ใหญ่
ประดิษฐานวางไว้เพียงองค์เดียว
เพื่อเพียรนำน้อมมาจับนิรมิตค่ะ
ที่ทุกคืนค่ำ 
ฉันจะมานั่งสวดมนต์ฝึกสมาธิภาวนา


และ
นั่งสงบใจดูแสงเทียนระย้าระยับ
จับพระพักตร์ท่านราวทองทาบทางามจรัสเรือง
มลังเมลืองไสวสว่าง
ด้วยดวงใจสุขสงบงามมากค่ะ


และ
มีตู้เก่าเก็บหนังสือธรรมะมากมาย
เพราะว่าฉันชอบอ่านซ้ำไปมาค่ะ
หลบชีวิตวายวุ่นพาร่างใจไปฝากไว้ในโลกธรรม
ที่แสนฉ่ำเย็นและแอบน้อมนำมาสอนใจให้พลังใจได้ค่ะ
เห็นมั้ยคะ
หากคุณอยากหยิบยืมไปอ่าน
ก็รีบซ่อมหลังคาเรือนให้หลังคากันน้ำไม่รั่วซึมก่อนนะคะ
แล้วจะได้สบายใจเสียทีว่า..อะไรๆจะไม่สูญเสียไปมากกว่านี้
.......


*ต่อไป..ตามฉันมาค่ะ
ก็ห้องนอนค่ะ
เพราะมีปัญหาที่สุดเลย
นอนๆอยู่ฉันงงมาก
คิดว่านอนอยู่ท่ามกลางสายฝนโปรยที่ไหน


และถึงหัวใจฉันจะรักสายฝน
และแสนโรแมนติกสักประมาณไหน
ก็ไม่ไหวค่ะ เมื่อตื่นขึ้นมา
พบว่าน้ำท่วมที่นอนหมอนมุ้งหมดเลยค่ะ


และ
กับกองหนังสือ
และเล่มที่นอนอ่านจนหลับไป*สิทธารถะของเฮอมานเฮสเส
ละลายยุ่ยเลยค่ะ
สงสัยเพราะกระเบื้องเก่ามีรอยแตกค่ะ
อันนี้สันนิษฐาน 
คุณต้องดูอีกทีนะคะ*


ผม..เดินตามเธอ 
อย่างแขกที่ดี
อย่างคนที่มีพลังจะรับงานทำให้ดีที่สุด
จึงได้แต่ฟังฟังและฟัง 
ให้เธอบอกกล่าวเล่าถึงทุกปัญหา
นานๆทีถึงจะถามหากสงสัย


เธอ..
พาผมเข้ามาถึงห้องนอน
ที่เธอคงจะมิเคยยอมให้ใครเข้ามาก่อน..(อันนี้ผมพยายามคิดเข้าข้างเธอและตัวเอง)
ไม่น่าเชื่อ 
ว่าเธอคนดี..จะยิ่งทำให้ผมงงงันอั้นอึ้งยิ่งขึ้นกว่าเดิม


เพราะมีบางคนบอกว่า 
คนเรานั้นหากเราอยากรู้จักรู้ใจรู้วิถีความเป็นไป
ก็ให้ตัดสินดูจากบ้าน จากความเป็นอยู่
และ
แค่ทุกห้องหับที่ผ่านมา
ก็เพียงพอจะบอกผมได้แล้วว่า


เธอนั้น... 
ต้องได้รับอิทธิพลอันงามล้นมากค่า
จากคำสอนของคนยุคโบราณ
ให้เก็บกวาดบ้านงามสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย


และ
แทบทุกห้องที่ผ่านมา
ผมทึ่งมาก ว่าเธอแสนมีรสนิยม
แห่งความเป็นไทยที่สมถะรักษาความงามเรียบง่าย
ราวรู้จักใช้ชีวิตบนวิถีความพอดีพอเพียงกระนั้น


และ
ผมยิ่งราวฝันไป
เมื่อเปิดประตูไม้เข้าไปพบ
ความละไมละมุนนวลนุ่มน่านอนในห้องนอนเธอ
ที่แสนสงบสุข


เธอมีเตียงไม้..เสากลมสี่เสา
ที่มีมุ้งนวลพราวขาวพ้อพันด้วยริบบิ้นไหมเกลียวทอง
ปูฟูกที่นอนด้วยผ้าลินินขาวสะอาด
พร้อมหมอนสีขาวเช่นกัน


มีม่านฉลุลายนกยูงรำแพน
ลงแป้งรีดเรียบงามระบัดไหว
เคียงหัวนอนมีโต๊ะกลมขางอนเรียว
ไว้วางพานดอกไม้
ที่นะบัดนี้มีดวงดอกพุดซ้อน
วางอรชรอยู่สามสี่ดอกเริ่มเหลืองนวล


ตรงข้ามกับเตียง
มีโต๊ะเครื่องแป้งโบราณ
ที่บานลิ้นชักทุกอันมีหูจับด้วยเม็ดมะยมสีขาว
มีกระจกหูช้างซ้ายขวา
มีตู้เสื้อผ้าที่เป็นกระจกสามารถมองเห็นผ้าพับไว้
อย่างเป็นระเบียบไม่กี่ชิ้นเป็นชั้นช่องน่ามองน่าใส่


และ
ที่งามผ่องผุดให้หัวใจแสนไหวหวามคือ
มีภาพวาดเธอในชุดไทย
ที่งามราวกุลสตรีไทยโบราณ
ราวนางศกุนตลาลอยเลื่อนลงมาจากสวรรค์สรวง


ในภาพ 
ดวงตาเธอหวานซึ้งราวน้ำผึ้งรอหยาด
ให้ผู้หยุดมองผาด
มิอาจผ่านตาและราวกับว่าจะต้องมนต์ขลัง
ให้แม้..มิอยากจะคิดหันหลังกลับได้นานนาที


เธอ..บอกผมว่า
หมดแล้วทุกห้องที่ควรจะแก้ไขพร้อมกับชี้ให้ดูรอยร้าว
พร้อมกับที่ผมรับปากจะกลับมา..


*คุณรู้ไหม..
ใครๆก็ว่าฉันราวผู้หญิงโบราณลงมาเกิด
ค่าที่นอนเตียงโบราณ คิดแบบโบราณ
รักเรื่องราวโบราณ*


และ
ทุกคืนฉันก็ยังกางมุ้งนอน
แถมเปิดหน้าต่าง
รอรับพร่างละอองฝนพร่างกับอากาศธรรมชาติแสนดีแสนหอม
ด้วยพวงพะยอมไพรนานาพรรณ


คุณเห็นดวงดอกลั่นทมริมหน้าต่างมั้ยคะ
มาพร่างพ้อล้อหน้ามาเยือนแย้มยิ้ม
ราวกับเพื่อนเคียงนิทราทุกราตรีฝันเลยค่ะ
มากล่าวคำว่าราตรีสวัสดิ์ทุกคืนค่ำ
มาร่ำรินกลิ่นหวานเศร้าเฝ้าเอาอกเอาใจ
ให้ฉันหลับไหลอย่างแสนสุขเสียไม่มี


แล้ว..
ฉันก็ชิน
กับการที่จะนอนดอมดมกลิ่นแสนละมุนคุ้นใจนี้ไปค่ะ
ตั้งแต่เล็กมาจนโตเลยทีเดียว


ดีว่าที่นี่ไม่มีขโมยค่ะ
และฉันมีผู้พิทักษ์..
ทั้งสัตว์คือเจ้าแตงไทย
กับคนคือ..*ลุงใหญ่* คนเก่าคนแก่
ที่ฉันให้ที่นาท่านทำนาฟรี
จะได้เลี้ยงลูกเมียค่ะ
ท่านปลูกกระท่อมก่อนข้ามบึงมาถึงเรือนค่ะ
ใครไปใครมาผ่านด่านหน้าไม่พ้นค่ะ
นอกจากฉันจะสั่งไว้ให้ผ่านมาได้*


เธอ..
ค่อยๆนำผมลงมายืนริมบึงบัวกว้าง
พร้อมกับที่ผมได้พร่างกลิ่นเกสรพรายกระจายจรุงใจ


ตะก่อนที่ตรงนี้ไม่มีบึงบัว
ฉันเพิ่งขุดเองให้รายรอบเรือน
ดูงามดีจังเลยค่ะ
เวลามายืนรับเยือนแย้มยามเย็นยามตะวันโพล้เพล้น่ะนะคะ


และ..
เพราะ
ฉันรักที่จะเด็ดบัวมาจับพับจีบ
นำไปพลีบูชาถวายหน้าพระพักตร์พระพุทธผู้พิสุทธิคุณทุกคืนค่ะ
ก่อนที่จะทำพิธีสวดมนต์ 
จะรู้สึกดีแสนสงบงามปิติล้ำลึกเลยละค่ะ


คุณก็รู้นี้นา บัว...คือสัญลักษณ์
แทนมนุษย์พุทธภูมิทุกคน
ที่มีกมลพร้อมจะโผล่พ้นน้ำ
หากเพียรพยายามอย่ายอมพ่าย
กลายเป็นเหยื่อเต่าตมจมโคลนไม่ยอมผุดโผล่


เพราะ...
พระพุทธองค์..ท่านจะมิทรงทิ้งทอดกุลบุตรกุลธิดา
ผู้รักษาศีลภาวนาจะพาให้มีปัญญาพบท่าน..ที่รอ
ในเส้นทางธรรมทอดรอธรรมทายาท
ผู้เพียร  มีจิตกระจ่างใสไสวพิลาสที่งามล้ำ 
ให้พบทางแห่งความว่างสว่างสะอาดสงบ..ไปตราบชั่วนิจนิรันดร์


และ
นั่นท้องนา..
คุณค่าแห่งทุ่งธรรมรวงทอง
ที่จะสอนบทเรียนให้เราเพียรน้อมนำมาเคียงใจ
มาคิดมาสนิทจิต
ให้รู้คิดรู้คุณกตัญญุตา
รู้ค่าคำชาวนาไทยผู้มีหัวใจดวงผ่องผุดดุจทองคำ
มีพลังแห่งความเสียสละมาอย่างยาวนาน
ให้เราหัวใจไทยทุกร่างใจ


ได้ไหวตระหนักรู้ซึ้งถึงค่าข้าวทุกคราวคำที่เปิบกิน
ว่าคนแห่งดินกลิ่นแห่งวัวควาย
ได้หยาดน้ำตาพรายตกต้องผืนหล้า
กว่าจะเพาะพันธุ์หลอมมาเป็นรวงเรียวให้เคี้ยวกลืน


ที่สู้ทนพลีกมลแลหยาดเหงื่อ
หยดน้ำตา
หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินมาอย่างยาวนาน
ผ่านกร้านกล้าแดดร้อนพายุโหมโรครวงเรียว
ด้วยแรงอันแกร่งกล้า


ที่ยอมทายท้า
มิยอมทิ้งถิ่นแผ่นดินธรรมผืนดินทองแผ่นดินแม่มาตุภูมิ
ยังคงคอยประคองสู้
แม้ใครจะดูถูกดูหมิ่น
มิเห็นค่าคนค่าควายก็ตามที


และ..
เพราะเหตุนี้..ฉันจึงยังรักทุ่งนา..เรียวรวง
และ
ฉันชอบลุกมาดูดาวประจำเมืองลอยดวง
มาดูดวงดอกน้ำค้างร่วงรินกลิ้งกลางใบบัวสล้าง
และ
หุงข้าวท่ามกลางแสงดาวพราวพร่างฟ้าแสนสุกใสค่ะ


และ
ชอบที่จะได้ยินเสียงดุเหว่าไพร..ไก่ขัน
พร้อมหอมกลิ่นอันละไมละมุน
ของดวงดอกหอมกรุ่นดอกไม้ไทย
มะลิซ้อนโมกพิไรร่ำรำพัน
กับหยาดน้ำค้างก่อนสว่าง
 

บางทีจะจุดเทียนนั่งสวดมนต์ทำวัตรเช้า
เฝ้ารอสายแสงแรกแห่งพรายพระอาทิตย์
และรอใส่บาตรค่ะ


และ
นี่คือชีวิตเจ้าของบ้าน
ที่คุณคงต้องทราบก่อนการซ่อมเรือน
เผื่อจะได้เข้าใจความต้องการใช้ใช่ไหมคะ
และขอบคุณที่ทนฟังให้ฉันได้เล่าระบายค่ะ


ผม..อยากกระซิบบอกเธอว่า
ทำไมนะ..ทำไมหนอ ..!
ที่..ผมแสนเพลิดเพลิน
ยามได้ฟังบทสนทนาจากเธอ
ที่ทำให้เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก


เธอ..ตรึงตาตรึงใจผม..ด้วยลีลาโบราณๆนี่แหละ
ที่ผมคิดว่า..แผกจากผู้หญิงทุกคน
ที่ผมเคยผ่านมา
ดู..มีอะไรให้น่าค้นหาในความงามเงียบ


และ
นี่คือเสน่ห์ของเธอคนดี
ที่ผม..คิดแสนยินดี 
ที่ได้มาที่นี่ ได้รู้จัก ได้ทำงานให้กับเธอ
ผู้หาญกล้า และน่าศรัทธาใจ
ที่เธอยังมีความรักในเรือนไทยมรดก
มิยกขายให้ใครไป..


กลับรู้ซึ้งในค่างามนั้น 
ราวกับเธอได้รับการปลูกฝังมาให้รักวัฒนธรรมอัน
แสนจะเหลือน้อยเต็มทีแล้วในโลกโลกาภิวัฒน์


ราวเธอ..เดาใจผมออก
เธอ..บอกกลับมา..
*ฉันไม่ขายที่นี่ค่ะ
ทั้งๆมีฝรั่งมาขอซื้อหลายเจ้าแล้ว
ให้ราคางาม


ฉัน..คงอยากอยุ่กับความหลังแสนงาม
ในท่ามกลางความผันแปรของโลกค่ะ*


*ไม่นาน
หากฉันตาย
ฉันจะยกที่นาส่วนหนึ่งให้ลุงใหญ่
คนเก่าคนแก่ของฉันและลูกๆมีที่ทำกิน


ส่วนที่เหลือ..ฉันจะยกให้โรงเรียนค่ะ
ระบุให้ใช้เรือนไทยนี้
สำหรับเรียนดนตรีหรือวัฒนธรรมไทยค่ะ*
*ฉัน..หวังอยากเห็นประเพณีไทย
ที่แสนอ่อนหวานงดงามถูกสืบทอด
ไปในหมู่วัยรุ่นให้มากขึ้นมากเข้า
รองรับกระแสเชี่ยวกรากแห่งอารยะธรรม


ที่กำลังบ่าโหมมาทำลายผู้คน
ให้ใช้ชีวิตอย่างหยาบกระด้างกันมากขึ้นทุกทีทุกที
ไม่มีเวลาศึกษาธรรม ธรรมชาติ
อย่าว่าแต่รักวัฒนธรรมประเพณีเลยค่ะ*


*ขอโทษนะคะที่ระบายใจมากมาย
เพราะราวมีดวงตาที่สาม
ว่าคุณอยากรับทราบรับฟัง
นานๆฉันจะพบเพื่อนที่รักธรรม
และเข้าใจธรรมชาติชีวิตค่ะ*


*ฉันไม่ค่อยสนิทกับใคร
ไม่อยากรับขยะใจจากคนค่ะ
ที่เป็นธรรมดา 
หากทว่า
ขอกลั่นกรองเลือกคบหาคนพันธุ์เดียวคงจะดีที่สุด
ส่วนคนอื่นๆก็เพียงแค่ขอหยิบยื่นไมตรีให้
อย่างมีน้ำใจสวยใสสงบงาม
ไม่เลือกที่รักมักที่ชังค่ะหากใครจะเข้ามาแลกทัศนะ*


*ฉันเบื่อโลกแสงสีเบื่อความวุ่นวาย
บางครั้งจิตราวกับจะบอกฉัน
มนุษย์นับหลายพันล้านมากเกินไปที่โลกใบนี้จะทานอยู่
ยิ่งมากคนทำลายไร้คนสร้างสรรก็ยิ่งหวั่นว่า
โลกจะพบคำแตกดับจนตราบกัลปาวสานต์เร็วขึ้น..*


*ฉัน...ขอโทษจริงๆนะคะ
ที่รบกวนคุณและดูราวฉันจะแจงใจถ้วนถี่เสียเหลือเกิน*
ว่าพลางเธอยิ้มเขิน..


*วันนี้..แค่คุณตกลงก็ดีแล้วค่ะ
ฉันจะเตรียมรับรองหากคุณพาช่างกลับมา
และจะมีอาหารสามมื้อให้ตลอดเวลาทำงาน
ฝืมือฉันเอง
เพราะที่นี่ไกลตลาดค่ะ
คุณอาจจะผอมแย่นะคะมาเจอแม่ครัวคนนี้


ดื่มน้ำส้มคั้นสดสดนะ
แล้ว
ฉันจะเดินไปส่งคุณนะคะ
และ
จะรอวันพรุ่งนี้ค่ะ
เธอ..ค่อยๆเดินล่วงหน้าข้ามสะพานช้าๆ
ก่อนหยุดกลางสะพาน..*


แล้ว...
เอื้อมเด็ดบัวตูมสามสี่ดอกพอกำ
แล้วยื่นส่งมาให้ผม..พร้อมกล่าวคำร่ำลา..
*ให้คุณค่ะนำไปถวายพระ
หวังคุณคงสวดมนต์ทุกคืนค่ำนะคะ*


และ
ขอบคุณอย่างมากกับน้ำใจ..ค่ะ..
หวังเราจะได้ร่วมงานกัน*
แล้วเธอ..คนดี
ก็ค่อยๆหันหลังลาผมไป...
............
..........
ทิ้งผม..ไว้กับฟ้าที่เริ่มโพล้เพล้..เหว่ว้า
ให้ผมยืนนิ่ง..ซึมซึ้ง..ดายเดียว..เดียวดาย..ลำพัง
........
........
ไม่น่าเชื่อเลยว่า....
วันหยุดนี้...
เวลานาทีผมกลับได้รับการเปลี่ยนแปลงแปรผัน
ให้ผมพบกับเธอ
ผู้หญิง ไทยใจโบราณ
เรือนไทยงามกระจ่างกลางแมกไม้ไทยไสวหวานรึมบึงบัว


และ
ที่ผมทั้งแสนรักแสนกลัว
คือความรู้สึกผมในเวลานี้
ที่ราวกับมีดนตรีบรรเลงบทเพลงแสนหวานแว่วแผ่วมา
ให้ผมโหยหา รอท่าให้อรุณรุ่งมาเยือน
พร้อมกับการกลับมา..


และ
สารภาพว่า..
ผมไม่อยากกลับออกไปจากกรงใจเธออีกเลย!
ราวรักแรกพบ...
อยากจบด้วยความเข้าใจกันและกัน
และ...
ให้..*เรือนศกุนตลา*เป็นดั่ง
เรือนขวัญเรือนหอ*
ตราบชั่วนิจนิรันดรแห่งชีวิตสองเรา...!!!!*
****************


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=745
ศกุนตลา   เพ็ญศรี พุ่มชูศรี : : Key D  
ศ-กุน ตลา
นางฟ้าแมกฟ้า ฤา ไฉน
เดิน ดิน นางเดียว เปลี่ยวใจ
นางไม้ แมกไม้ มิได้ ปาน
น้ำค้าง ค้าง กลีบกุหลาบอ่อน
คือเนตรบังอรหยาดหวาน
โอษฐ์อิ่มพริ้มรัตน์ ชัช วาล
เพลิงบุญอรุณกาลผ่านทรวง
ศกุนตลา
นางฟ้าแมกฟ้าจากสรวง
คลื่นสมุทรสุดฤทัยไหวปวง
คือทรวงนางสะท้อนถอนใจ
ยอดมณีศรีศิลป์ปิ่นสวรรค์
หล่อหลอมจอมขวัญผ่องใส
คือแก้วแพร้วพร่างกระจ่างใจ
อาบไออมฤตนิจนิรันดร์...
 
  
				
comments powered by Disqus
  • พุด

    7 เมษายน 2548 11:39 น. - comment id 450342

    
    ศกุนตลา...กาลิทาส
    เกี่ยวกับเรื่องนี้
    
    เรื่องศกุนตลา 
    ต้นเรื่องอยู่ในมหาภารตะ 
    คือเป็นเรื่องเกร็ดอันหนึ่ง
    ชื่อว่า ศกุรตโลปาขยาณ อยู่ในมหาภารตะ 
    
    เป็นเรื่องราวของกษัตริย์จันทรวงศ์องค์หนึ่ง 
    ที่เป็นชนกแห่งกษัตริย์โกรพและปาณพพ 
    
    ทำสงครามกันที่ตำบลกุรุเกษตร 
    ตามเรื่อง
    ศกุนตลาเป็นบุตรี
    พระวิศวามิตรมุนี และนางฟ้าเมนกา 
    
    ที่พระอินทร์
    ให้ลงมาทำลายพิธีของพระวิศวามิตรมุนี
    
    ต่อมาภายหลัง 
    มีจินตกวี*ชื่อกาลิทาส*
    
     เก็บความมานิพนธ์ขึ้น
    เป็นบทละครที่เรียกว่า นาฏกะ 
    คือเป็นคำพากย์และบทเจรจา 
    คล้ายๆ บทโขน 
    
    แบ่งชุดหรือบริเฉทเป็น 7 ชุด 
    คำที่แต่ง ใช้คำฉันท์ประเภทต่างๆ 
    ตามแต่จะเหมาะแก่ตัวละคร 
    
    ตัวละครวรรณะสูงพูดสันสกฤต 
    ผู้หญิงพูดปรากฤต (ภาษาสามัญของสันสกฤต) เป็นต้น
    
    ในสมัยรัชกาลที่ 6 
    มีการแต่งบทละคร
    เรื่องศกุนตลาเป็นภาษาไทย
     เพื่อให้เหมาะแก่การเล่นละครอย่างไทยได้ และ
    ไม่มีการเพิ่มเติมข้อความอันใดลงไปทั้งเนื้อเรื่องและเนื้อความ 
    แต่จะมีที่คลาดเคลื่อนอยู่บ้าง 
    เพราะอาศัยต้นฉบับภาษาอังกฤษ
    ของเซอร์วิลเลียม โยนส์ 
    และของเซอร์โมเนียร์ วิลเลียมส์
    ***********
    
    เรื่องย่อ
    
    
    เรื่องราวของนางในวรรณคดีนี้
    
    เริ่มจาก 
    พระวิความิตรเกิดนึกอยากมีฤทธิ์มากๆ
     จึงสละราชสมบัติ 
    ออกบำเพ็ญตบะในป่าจนแก่กล้า
    
    ยิ่ง ทำให้เหล่าเทวดาพากันเดือดร้อนไปทั่ว 
    พระอินทร์คิดแก้ไข 
    
    โดยให้นางฟ้าเมนกา 
    ลงมาใช้ความงามยั่วยวน 
    เพื่อทำให้พระฤาษีตนนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะบำเพ็ญเพียร 
    
    ทั้งสองจึงครองคู่กัน 
    จนกระทั่งมีธิดามาคนหนึ่ง 
    พระวิศวามิตรี่ผ่านพ้นระยะข้าวใหม่ปลามัน
    
    เกิดคิดได้ จึงบอกนางเมนกากลับสวรรค์ 
    ส่วนพระองค์ก็ออกไปจักรวาล 
    
    ทิ้งพระธิดาน้อยๆ 
    อยู่ในป่าแต่เพียงลำพัง 
    
    ดีที่ได้พวกนกคอยเลี้ยงดู 
    เมื่อพระกัณวะดาบส มาพบเข้า 
    
    จึงให้นามนางว่า 
    *ศกุณตลา *
    ซึ่งแปลว่านางนก 
    
    และนำกลับไปเลี้ยงดูอย่างธิดา
    ที่อาศรมของตน 
    
    ต่อมานางเติบโตเป็นสาวแรกรุ่น
    ที่งดงามอย่างหาที่ติไม่ได้ 
    
    
    แล้ววิถีชีวิตของนาง
    ได้มาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ 
    
    เมื่อได้พบกับท้าวทุษยันต์ 
    กษัตริย์จันทรวงศ์ แห่งนครหัสดิน 
    
    ซึ่งเสด็จประพาสป่าเพื่อล่าสัตว์ 
    แล้วบังเอิญตามกวาง
    
    มาถึงบริเวณใกล้เคียง 
    จึงแวะมายังอาศรม
     หมายพระทัยจะมานมัสการพระกัณวะดาบส 
    
    แต่ในตอนนั้นพระกัณวะดาบสไม่อยู่ 
    เนื่องจากเดินทางไปบูชาพระเจ้า
    ที่เทวสถานโสมเตียรถ์ 
    
    เพื่อสะเดาะเคราะห์ใก้แก่นาง 
    
    พวกปีศาจมารร้าย
    ได้ถือโอกาสเข้ามาอาละวาดที่อาศรม 
    รังควาญการบำเพ็ยเพียร
    ของเหล่าพราหมณ์ผู้ศิษย์ 
    พระกัณวะดาบส 
    
    ท้าวทุษยันต์เสด็จมาปราบปีศาจได้สำเร็จ 
    
    เมื่อท้าวทุษยันต์
    มีโอกาสอยู่ตามลำพัง 
    
    ทั้งสองได้เป็นของกันและกัน 
    หลังจากทุกอย่างเป็นไปตามจุดมุ่งหมายแล้ว 
    
    ท้าวทุษยันต์
    ได้มอบแหวนวงหนึ่งให้แก่นางแล้วรีบเดินทางกลับบ้านเมือง
    
    
    เช้าวันหนึ่งพระฤาษีทุรวาส
     ผู้มีปากร้ายได้มาเรียกนาง
    ที่หน้าประตู 
    
    แต่นางไม่รู้ตัวด้วยกำลังป่วยเป็นไข้ใจ 
    จึงไม่ได้ออกไปต้อนรับ
     ทำให้พระฤาษีทุรวาสโกรธ 
    สาปให้นางถูกคนรักจำไม่ได้
    
     ต่อมาพระฤาษีทุรวาสหายโมโหแล้ว 
    จึงรู้ว่านางไม่ได้จงใจ
    แสดงอาการไม่เคารพกับตน 
    
    จึงให้พรกำกับแก่นางว่า 
    หากคนรักของนางได้เห็นของที่ให้ไว้เป็นที่ระลึกก็จะจำนางได้
    
    
    พระกัณวะดาบส
    ได้ทราบเรื่องราวต่างๆ 
    ของนางกับท้าวทุษยันต์ 
    
    จึงส่งนางไปให้ท้าวทุษยันต์
    จัดพิธีอภิเศก 
    
    ในระหว่างทาง
     นางทำแหวนที่ท้ายทุษยันต์ประทานให้ตกหายไปในแม่น้ำ 
    
    เมื่อไปถึงที่หมาย 
    ท้าวทุษยันต์เลยจำนางไม่ได้
    
     จนกระทั่งกุมภิล 
    ชาวประมงจับได้ปลา
    ที่กลืนแหวนนั้นไป เลยนำไปให้
    
     เมื่อท้าวทุษยันต์เห็นก็ได้สติ 
    จำเรื่องราวต่างๆ ได้ 
    
    
    สุดท้าย ท้าวทุษยันต์
    ก็ได้พบกับนางศกุนตลาอีกครั้ง 
    หลังจากพลัดพรากจากกันไปเนิ่นนาน 
    ด้วยความช่วยเหลือ
    ของพระเทพบิดรและพระเทพมารดร 
    
    แล้วทั้งสองก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข....
    
    
    จาก
    เอกสารประกอบการเรียนวิชา ๐๑๔๔๘๑ วรรณกรรมเอกของโลก
    
    
    
     
      
    
  • แก้วนีดา

    7 เมษายน 2548 11:56 น. - comment id 450363

    แอมมาอ่านเรื่อง ศกุนตลา และฟังเพลงเก่าเพลงนี้ด้วยคนค่ะพี่พุดฯ.......
    
    นางนี้เธองามนัก....
    นางเลิศลักษ์ ศกุนตลาพาพี่ฝัน
    ส่งจิตใจไปให้เจ้าจอมขอใจกัน
    จะขอนอนฝันถึงนางมิห่างหาย..ศกลุนตลา
    
    
  • อัลมิตรา

    7 เมษายน 2548 13:06 น. - comment id 450418

    สวัสดีค่ะ ขออนุญาตเรียนสายคุณทินค่ะ
    
    ค่ะ ดิฉันอัลมิตรา .. ได้รับเบอร์คุณมาจากคุณศกุนตลา ค่ะ
    
    ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ  .....................
    ....................................................
    ....................................................
    
    ค่ะ รายละเอียดค่อยคุยกันนะคะ 
    
    :)
    
    
    
    
  • ผู้ ห ญิ ง ช่ า ง ฝั น

    7 เมษายน 2548 19:15 น. - comment id 450573

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
    พี่พุดขา  ขออนุญาตมาอ่านต่อวันอื่นนะคะ 
    สมาธิสั้นน่ะค่ะ ต้องค่อยเป็นค่อยไป  
    แหะ...  แหะ...
    
    ชื่นชมงานพี่พุด.. มาก... เสมอ... ค่ะ 
    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
    
  • ผู้หญิงไร้เงา

    8 เมษายน 2548 00:03 น. - comment id 450700

    ชอบคำว่ากรงใจจัง  คิดถึงพี่พุดนะค่ะ
  • plaing_piu

    8 เมษายน 2548 03:49 น. - comment id 450764

    แวะอ่านครับ..........
  • พุด..

    8 เมษายน 2548 09:20 น. - comment id 450793

    ฝากไว้ให้
    ในงาน
    คุณกอกกคะ
    พุดพัดชาค่ะ
    ................
    รจนาได้งามมม...ล้ำลึก
    ถึงเดียวดายดายเดียวเลยค่ะ
    และ
    พุดรักผู้หญิงแสนเหงาแสนงาม
    ในภาพจังเลยค่ะ
    
    พุด..
    มากล่าวคำซึ้งใจและขอบคุณนะคะ
    ที่ไปให้พลังใจในงานพุดเสมอมาค่ะ
    และ
    อยากมาปลอบประโลมใจ
    มอบอ้อมกอดให้นาทีนี้ด้วยรักจริงใจ..
    หากอยู่ใกล้นะคะ
    ......
    ใช่แล้วค่ะ..
    โลกเรานี้มีแต่ผู้คนเป็นโรคเหงา
    โรคหน่ายกันมากมายเลยค่ะ
    และโดยเฉพาะผู้ที่ยังมีน้ำนวล..ในใจ
    ที่รักธรรม ธรรมชาติ
    ที่มีดวงตาที่สาม
    ที่จะพบความอ่อนหวานอ่อนโยนในทุกสรรพสิ่ง
    คนดีคะ...
    ในร่มรักเรือนไทย
    พุด..คิดว่ามีหลากหลายและแทบทุกดวงใจ
    ที่แสนเหงาแสนงาม
    หาก
    มีเพียวสิ่งเดียว
    ที่พุดเพียรกระซิบบอก
    ในงานแทบทุกเรื่องราวค่ะ
    ..
    ว่า
    ตราบใดโลกยังต้องหมุนด้วยพลังรัก
    มิว่าพลังรักในรูปแบบใด
    รักธรรม
    รักธรรมชาติ
    รักผู้คน..หรือคน..ใครที่ใจเราเคย
    อธิษฐานจิตติดวิบากกรรมมาด้วยกัน
    ให้จำต้องเวียนว่ายมาชดใช้
    ก็จง
    ให้รู้รักรู้ทันเท่า
    ดับเศร้าด้วยดอกดวงใจ
    ใสพราวราวอัญมณีไพรนะคะ
    
    เพราะไม่มีใครจะสมหวังไปหมด
    ต้องยมอรับกับความเศร้า ทุกข์
    หากคิดจะรักจักต้องลืมคำว่า*เสียใจค่ะ*
    ไม่อย่างนั้นเราเองจะตรอม..เพียงลำพัง
    ตราบพสุธากลบหน้าเลยละค่ะ
    
    และ
    ใครเล่าจะช่วยเราได้
    นอกจากจิตใสภายในเราเอง
    
    ให้เรารู้พร่างหยดฉ่ำเย็น
    ด้วยธารธาราธรรมคำสอนที่ราวน้ำค้างใส
    นะคะ..
    พุด
    จึงมาขอ..รัดร้อยรักปรารถนาดี
    ด้วยรักนี้ที่มากล้น
    ให้ด้วย
    *สร้อยพระรัตนตรัยคล้องกมล*คุณกอกก..
    ให้ได้พบรักนิรันดร์กับคนที่รักในร่มธรรม
    ร่มทอง..พากันประคองไปสู่ดินแดนทิพยนิรมิต
    จากพลังจิตสวยใสพร่างราวเพชรพราวนะคะ
    
    ด้วยรักมาก
  • พุดไพร

    8 เมษายน 2548 09:40 น. - comment id 450805

    ฝากให้พี่นกตะวันในงานล่าสุดค่ะ
    .........
    
    พุดค่ะพี่นก
    
    พี่นกคะ
    ทุกคราครั้งที่พุดอ่านงานพี่
    และ
    ทุกตำนานราวเรื่องธรรมชาติ
    
    ที่ใช้ภาษาใจประสบการณ์จริง
    นำมาร้อยเรียงฝากน้องพี่..
    ให้มีใจรักไพรพงดงลึกเร้นลับตาม
    ให้
    ทุกดวงใจ...
    ที่มีดวงตาที่สาม
    ได้รักแสนรักรู้ซึ้งค่าความงามง่าย
    ในทุกสรรพสิ่งรายรอบ
    ที่มิพักต้องดิ้นใช้เงินงามแลก
    แค่
    ได้เพียรพยายามพาร่างใจ
    ไปใช้มีชีวิตดิบดินแสนเป็นธรรมชาติ
    กับเสน่ห์งามเหงาในวิมานวนาวิมานไพรพฤกษ์
    และ
    ทุกครั้งไปที่อ่านผ่านตา
    ในจินตนาพุดจะติดปีกฝันอันแสนอิสรา
    ราว
    กับว่า
    พุดกำลังนั่งท้าวคางใกล้กองไฟ
    ในมือมีกาแฟหอมงาม
    เคียงข้างพี่บนก้อนหินใกล้เต๊นท์ที่พักค่ะ
    
    และราว
    ได้หยุดพักใจฟังเรื่องราวแสนสุขสงบงาม
    ในท่ามฟ้าใสดาวสวยระดะ
    
    ได้กลิ่นดอกไม้ป่าระริน
    ได้ยินเสียงธารน้ำตกไหลระรื่นร่ำพร่ำพลอดกระซิบซอนเซาะ
    บอกรักแม่ดวงดอกพุดไพร
    
    ไปกับสายลมเย็นที่พัดพาสายฝนมา
    มาหอบหนึ่งให้ยิ่งเย็นงาม
    แล้ว
    พุด
    ก็จะกล่าวคำราตรีสวัสดิ์
    ก่อนจะไปนอนนิทราฝัน
    ให้ดอกไม้จากสวรรค์ไพรโปรยพร
    ให้นอนฝันดีค่ะ
    
    ด้วยรักงานงามไพรนัก
    
  • พี่พุด

    8 เมษายน 2548 09:50 น. - comment id 450815

    ฝากให้พระเอกและน้องเพียงพลิ้ว
    ในงานสงกรานต์นัดสรงใจ
    ..........
    
    งานสะท้อนงามสุดบรรเจิดจิตเลยค่ะ
    ในวิถีไทยวัฒนธรรมที่ยังคงงามล้ำหากรู้รักษา
    มิมาดัดแปลงให้หยาบไร้ไปตามค่ำนิยมสังคมเมืองอันวายวุ่น
    มิกรุ่นหอมงามนวลใจ
    .............
    
    พี่พุดนะคะ
    สงกรานต์นี้ตั้งใจจะไปบ้านชายทะเล
    *ทะเลขวัญค่ะ*
    ไปเริงร่ายสาดน้ำแถวหัวหินถิ่นมีมนต์ขลังฝังฝากใจไปดูดวงดอกไม้สองข้างทางบานไสว
    คูนไหวพวงเหลืองพราวราวสายฝนสีทอง
    ไปยืนจ้องดวงดอกหางนกยูงแดงสะพรั่ง
    
    ไปนั่งริมคันนา..หลังบ้าน
    ไปดูดาวเดือนยามค่ำ
    ขึ้นกระพริบระยิบฟ้า
    
    ไปรอดูตะวันลา
    ส่งพรานทะเลออกไปหาปลากับ
    พรายแสงฟ้ายามตะวันโพล้เพล้..เดียวดายลำพังริมฝั่งฝันชายชล
    ให้กมลเงียบงามค่ะ
    
    ด้วยรักรำลึกถึง
    
  • พี่พุด

    8 เมษายน 2548 09:57 น. - comment id 450821

    ฝากให้น้องยังเยาว์
    จูงหัวใจไปเข้าอนุบาลค่ะ
    ................
    
    รักใสใสรักวัยเยาว์รักแรกรุ่น
    ให้หอมกรุ่นละมุนหวานตระการฝัน
    ให้รู้รักถนอมงามนานนิรันดร์
    ให้ผ่านฝันไปสู่ชึ้นประถมมัธยมใจ..ไปมหาวิทยาลัยรักภักดี.ได้ปริญญาที่ชื่อว่ารักมั่นนิรันดรตราบวันตาย..ค่ะ
    
    ด้วยรักความใสใสของทั้งคู่ค่ะ
  • ศกุนตลา

    11 พฤศจิกายน 2549 15:59 น. - comment id 625696

    งานของคุณมีเสน่ห์มากๆค่ะ ดิฉันชื่อศกุนตลา อ่านแล้วซึ้งจนอยากแอบคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกเลยค่ะ
  • ศกุนตลาSUT

    4 สิงหาคม 2552 18:00 น. - comment id 1023242

    ขอบคุณที่เขียนเรื่งอราวที่สวยงามให้อ่านนะคะ บังเอิญชื่อไปพ้องกับนางในเรื่อง..ขอบอกว่าแอบสมมติตัวเองเป็นคนนั้นเลยค่ะ และที่สำคัญอยากให้มีคุณ"ทิน"ดังในเรื่องจริงๆจังเลยค่ะ
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    18 กันยายน 2552 14:57 น. - comment id 1040076

    อ่านเป้นเรื่องเป็นราวเลยนะครับ
    
    ผมเคยอ่านมารอบหนึ่งแล้ว  ในวันที่พี่พุด แนะชื่อ สาวบ้านนา  ให้ผมได้รุ้จักอีกนามปากกาหนึ่ง  ชื่อนี้  ผมเคยจำได้ว่า เคยอ่านหรือ เคยได้ยิน  เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา  ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง  แต่ยังจำไม่ค่อยได้ว่า ศกุนตลา มาจากไหน?
    
    
    ด้วยรักแลเคารพ  พี่สาวแสนสวย น้ำใจงาม นามพี่พุด  ยอดรักแห่งสายน้ำ-พงไพร  ที่หนึ่งเสมอ..

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน