18 มีนาคม 2550 20:10 น.

ทุกข์ของชาวนา ฉบับ รวมบทประพันธ์

กุหลาบน้ำตา



      ขอยกเรื่องเบื้องทุกข์แห่งชาวนา

เกี่ยวรวงราเรียวตะขอต่อสนอง

หว่านเมล็ดเริ่มรวงเขียวกลายรวงทอง

เพื่อใฝ่ปองผู้บริโภควิโยคแทน


       เหงื่อเป็นหยาดย้อยหยดรดธรณี

เกี่ยวรวงทองเข้าเครื่องสีลำบากแสน

หล่อเลี้ยงชนคนทั้งชาติมิขาดแคลน

เปรียบดั่งแกนหลักใหญ่แห่งไทยชน


       ต้องทนแดดแผดเผาเร้ากายร่าง

ร้อนสรรพางค์อย่างขยาดอนาถผล

หล่อน้ำเลือดเชือดน้ำเหงื่อมาเจือคน

ต้องทุกข์ทนบนความสุขแห่งยุคกาล

                            ( กลอนสุภาพ )


         ต้องทนแดดแผดเผา         ผลิผลาญ

ยอมทุกข์ซ้ำทำทาน                      ทั่วทุกข์

ยอมเป็นทาสบาทบริวาร               เวรกรรม

ร่างกระสันบั่นบุก                         เบื้องบรรพ์ชั้นชน



     จากแรงมาเป็นรวง            ชนทั้งปวงควรตรึกจำ

เมล็ดข้าวทุกคราวคำ                ล้วนคละทุกข์แลเหงื่อคน

     จากเมล็ดเป็นรวงเรียว       กูต้องเกี่ยวด้วยเคียวผล

หยาดเหงื่อกูจารปน                  ให้สูชนชะรอยกิน



       เปิบข้าวทุกคราวคำ      สูจำเป็นอาจิณ      สูกินนั่นเหงื่อกู

ตรึกตรูเป็นชนชาว    ข้าวนี้นั่นมีรส    ได้ชดชิมทุกชั้นชน

ทุกข์ทนทุกเบื้องบาท    และขื่นขาดจนเขียวคาว   ราวแรงมาเป็นรวง

ช่วงทางนั้นเหยียดยาว    เห็นเม็ดพราวสกาวหลาก     

 ล้วนทุกข์ยากลำเค็ญ     เส้นเอ็นกูโปนปูด    จึงรูดรวงมาเปิบกิน       

น้ำเหงื่อรินเรื่อแดง     น้ำแรงกูหลั่งริน    ทั้งสิ้นคือสายเลือด      

 ที่ข้อนเขือดไหลพรู    ที่สูซดกำซาบฟัน   จงตรึกผนึกอนันต์     

คุณต่าแห่งข้าว   มนุษย์เอย           
                                                       ( ร่ายสุภาพ)				
17 มีนาคม 2550 22:11 น.

จาก ครรภ์มารดา ถึง เชิงตะกอน

กุหลาบน้ำตา



จาก ครรภ์มารดา ถึง เชิงตะกอน 

กุหลาบน้ำตา 


        " ชีวิตมนุษย์เริ่มต้นด้วยการเกิด ( จากครรภ์มารดา )

และจบสิ้นการเป็นมนุษย์ด้วยการตาย ( เชิงตะกอน ) "

.......................................................................................


         เมื่อกำหนดทศมาศนิราศรัตน์

ปทุมทัดเหลืองละออช่อเกสร

กุมารน้อยกำเนิดนันต์ครรภ์มารดร

อัสดรระดาดับระยับพราว

         บุษบกบุษบงประยงยาตร

ดาราราชบนเด่นดวงบนห้วงหาว

กาลแห่งชีพรชเนื่องยืดเยื้องยาว

ช่อสกาวผกามาศยังยาตรา

         ทินกรอ่อนแสงสำแดงเดช

ปลงสังเวชอนิจจังทั้งทุกขา

มนุษย์ชนระย่นชีพตามเวลา

เมฆเมฆาเมียงขอบรอบเมฆัน

         จันทราทรเพียงเสี้ยวเปลี่ยวสงัด

พระพายพัดโพยมพาดุจอาถรรพณ์

เชิงตะกอนร้อนคลั่งดั่งลงทัณฑ์

ม้วยมหันต์มอดอนาถชีพขาดลง
...........................................................


( ภุชงคปยาตฉันท์ ๑๒ )

        ณ ทศมาศนิราศรัตน์            ปทุดทัดระทานดอก

อรุณหล้าระดาออก                         ระดาดับระยับพราว

        กุมารน้อยคละเคลื่อนคลอด    ระเมียรมอด ณ ห้วงหาว

ณ เบื้องบนสกลกาว                       ชโยลั่นสนั่นไพร

        ระยะกาล ณ ชีพชนม์             ระย่อย่นระคนไหว 

มหันต์ม้วย ณ เลไลย                     ตะกอนเชิงระร้อนแรง
.........................................................................................


         ครบกำหนดทศมาศ             มณีรัตน์

นมัสน้อมวจีจรัศ                           เรืองศรี

กำเนิดชีพยืนหยัด                        เยื้องสาย  สะดือนา

ม้วยมหันต์ชีพพลี                          พลั้งชนตะเกินเชิง   ชนม์เอย 
 
 				
12 มีนาคม 2550 14:42 น.

ทุกข์แห่งรักที่ต้องทน

กุหลาบน้ำตา



     รอยความโศกรอยแห่งรักเมื่อรักแรก

รักกลับเลี่ยงสลายแยกแตกสลาย

รอยความช้ำสุดกล้ำกลืนฝืนใจกาย

รักกลับกลายกล่นเกลื่อนกลาดขาดกลางทรวง


     แม้นรักลวงยังลืมหลงบรรจงรัก

แม้นรักหักหมดคำซึ้งยังหึงหวง

แม้นรักหลอนยังฝืนรักในรักลวง

แม้นรักลดหมดสิทธ์ทวงยังห่วงเธอ


     จิตทนทุกข์เพราะบุกรักไม่ยั้งคิด

แม้นตนผิดจริตภวังค์ยังพลั้งเผลอ

แม้นตนเจ็บจวนขาดใจยอมปรนเปรอ

ยอมเสียชีพหากเสียเธอพลั้งเผลอตาย


     อยากเตือนชนที่ทนทุกข์กับเรื่องรัก

จงประจักษ์รักษารักไว้ก่อนสาย

หากเสียรักที่ตนรักจักเสียดาย

จงรักษ์รักทั้งใจกายก่อนเสียเธอ				
12 มีนาคม 2550 14:33 น.

กาพย์เห่อนิจจา......รัก

กุหลาบน้ำตา



     ใครหรือคือคู่แท้              เรียมเอย

บทสุดท้ายจึงเฉลย                เอ่ยอ้าง

คนไกลอยากใกล้เกย           เคียงคู่

มาก่อนแม้เริศร้าง                กลับย้อนกำชัย


     มาหลังรักเริ่มช้า              กว่าเขา

ควรห่างอยู่อย่างเงา              ห่วง,ไห้

ใครหรือจักแบ่งเบา              ความโศก

จินต์เจ็บยากรักษ์ได้             รักร้ายเรื้อรัง

                             ( แต่งโดย   กวีปกรณ์ )



     ใครหรือคือคู่แท้              จักต้องแปลตามคำถาม

บทท้ายมิเอ่ยนาม                  นุชนารถเจ้าทรามวัย

     คนไกลอยากใกล้เกย       จักเฉลยตามสงสัย

รักแรกเริศร้างไกล               รักกลับย้อนสู่กลางทรวง

     มาหลังรักเริ่มช้า               กายกายายังห่วงหวง

โศกช้ำเกินชนปวง           ยากปรับเปลี่ยนหรือแบ่งปัน

     จินต์เจ็บยากรักษ์ได้         ดวงหทัยเศร้าโศกศัลย์

เจ็บเกินประเมินอนันต์          นิยายรักจักเรื้อรัง

                                         ( กุหลาบน้ำตา )				
12 มีนาคม 2550 14:23 น.

หลงวจี

กุหลาบน้ำตา



     หลงวาทีวจีราษฎร์ที่มาดหมาย

หลงคำชมหญิงและชายที่มุ่งหวัง

หลงตัวเองไม่เกรงใครเหลือกำลัง

หลงผลงานจนไม่ฟังท่านยั้งเตือน

         
     หลงคำยอปอปั้นเกินบรรยาย

ตัวออกลายคล้ายสัตว์ชัดเสมือน

หลงจนคลั่งบ้าสะบั้นจนฟั่นเฟือน

หลงลืมตนลืมบ้านเรือนลืมเตือนตน


     หลงงานเขียนไม่ขวยเขินเกินใครเทียบ

กวีใดไม่อาจเปรียบจนเสียผล

หลงน้ำคำลืมกำพืดลืมตัวตน

หลงเสียจนเกินใครยั้งจะตั้งตัว


     อันคำชมที่ได้มาต้องพินิจ

นำคำชมมาบ่มจิตคิดเป็นขรัว

มิใช่หลงคำชื่นชมจนมืดมัว

นำคำชมมาปรับตัวเพื่อเปลี่ยนแปลง


     การเป็นเด็กควรทำตัวเสมอเด็ก

อย่าใฝ่เกินการเป็นเด็กจนแสยง

แม้นตนดีต้องได้ดีมักแสดง

ไม่ต้องแจ้งจนจาบจ้วงเกินห้วงคำ


     วรรณศิลป์เป็นชั้นศาสตร์ที่สูงส่ง

ต้องบรรจงประดิษฐ์งานอย่าพาลขำ

อย่านำศิลป์สรรเสริญตนพ้นลำนำ

อย่านำศาสตร์ไปปรนกรรมตามคำยอ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกุหลาบน้ำตา
Lovings  กุหลาบน้ำตา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกุหลาบน้ำตา
Lovings  กุหลาบน้ำตา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกุหลาบน้ำตา
Lovings  กุหลาบน้ำตา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกุหลาบน้ำตา