8 มีนาคม 2550 21:20 น.

คู่แท้ คำกานท์

กุหลาบน้ำตา



     ค่ารักปักกลางจิต           คะนึงคิดยากถอน

คิดถึงแม้ยามนอน              นิราศรอใจ  รักเอย

     ค่าวจีมีสาระ                   ยากลดละหวั่นไหว

รักจริงยิ่งใครใคร               คร่ำครวญแต่นาย  ใจเอย

     ค่ารักแท้แปลความ        ยากถามถึงความหมาย

รักหมดทั้งใจกาย                เกินพร่ำย้ำวจี   กายเอย

     ค่าความรู้สึกย้ำ              รักล้ำค่าศักดิ์ศรี

รักนายนะคนดี                   ทุกราตรีกาล  ย้ำเอย

     ค่าทางระหว่างรัก           แจ้งประจักษ์เนิ่นนาน

รักเน้นเป็นตำนาน             เนาว์กัลป์เวลา  กาลเอย

                                                     ( โคลงสามสุภาพ )



                 รักมากยากไถ่ถอน          ถกทิ้ง

           รักแท้อันแน่จริง                   แจ่มแจ้ง

           รักหมดห่วงท้วงติง                 ไต่ถาม

           รักด้วยคู่แท้แสดง                  ด่วนรับรู้ใจ

                                                        ( โคลงสี่สุภาพ )



                        รักแท้แปลความยาก

                  ชนหมู่มากอยากถาม

                  รักจริงอิงบทความ

                  รักงดงามเช่นไร  ( ช่วยตอบที )				
7 มีนาคม 2550 20:17 น.

สยาม ณ แดนใต้

กุหลาบน้ำตา



     สยาม ณ แดนใต้              ผิจะไร้ฤาแผ่นดิน

หม่นหมองมะมลทิน                ชติสิ้นก็เพียงนาม

     แดนเดือดละเลือดพลุ่ง      มนมุ่งจะเหยียดหยาม

คนโฉดคะคุกคาม                  ชนคร่ำคละครวญใจ

     ปล้นฆ่ามิเว้นวัน               จิตพรั่นวะหวั่นไหว

ชนโศกละอาลัย                      ผิจะลั่นก็เลือนลาง

     กิจชีพ ณ ตัวตน                 กิจหม่น ฤ หมองหมาง

การณ์ชีพก็เว้นวาง                  อุรวูบก็เพียงกาย

     เสียงปืนคละครืนครั่น        ชนหวั่นระสั่นสาย

กลัวเจ็บและกลัวตาย              มนตรมสิข่มจิต

     พระชีก็ชีพวอด                  ก็มิรอดณ ร้ายฤทธิ์

ฝ่ายพุทธก็พ่ายผิด                  ชตผลาญระรานทรวง

     สยาม ณ ทั่วทิศ                  มนคิดจะห่วงหวง

ช่วยชีพและชนปวง                 อุรปลอบจะมอบขวัญ

 ( อินทรวิเชียรฉันท์ )				
6 มีนาคม 2550 15:07 น.

หมอกจางข้างจันทร์

กุหลาบน้ำตา



     หมอกจางข้างจันทร์ฉาย        ดาวพรายเฉิดฉายแสง

เบื้องหล้าจ้าแสดง                      เด่นพักตร์ลักขณา  นวลเอย

     หมอกล้อมห้อมจันทรัตน์       เพริศภัทรแด่พฤกษา

สาดสวนมวลมาลา                     เลิศลักษณ์จักษ์จันทร์  ดวงเอย

     หมอกเลี่ยงเคียงจันทร์จร     กอปรกรพริ้งพรพรรณ

บุปผากล้ากำนัล                        นุชน้องละอองอาย  นางเอย

     หมอกลอดสอดแซมจันทร์     เฉิดฉันท์พรรณราย

สรวงสกาวดาวกระจาย              เจิดจรัสพิพัฒน์พงษ์  ดาวเอย

     หมอกแซมแกมจันทรา        ประดาดังดั่งฝูงหงส์

ดาราเด่นดวงองค์                     อัครกระจัดเรียง  องค์เอย

     หมอกคั่นจันทราทิพย์          สถิตย์สำเนียงเสียง

สวยเด่นดวงเพ็ญเพียง             สุดพร่ำพรรณนา  เพ็ญเอย

     หมอกท้าจันทรามาศ            วิไลลาศสุดพร่ำหา

กมลต้องมนตรา                        ตรึกจิตพินิจความ  มนต์เอย

            ( โคลงสามสุภาพ )



     หมอกจาง ณ ข้างจันทร์          มนพรั่นสะพรึงกลัว

หมอกหม่นมะมืดมัว                   จิตหมองจะโศกใจ

     จันทราผิเผยแสง                  สิแสดง ณ หวั่นไหว

หมอกจางระร้างไกล                   อุรเกลียด ฤ รักนาง

     รักร้างผิจางหมอก                 จิตหลอก ณ หมองหมาง

ร่ำไห้คละครวญคราง                  ชยคร่ำ ฤ ช้ำทรวง

        ( อิทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ )				
5 มีนาคม 2550 16:05 น.

ตำนานพระบรมธาตุเมืองนครศรีธรรมราช ๔

กุหลาบน้ำตา


                องก์ที่  ๔  โคลงปาฏิหาริย์องค์พระบรมธาตุ


              ปาฏิหาริย์องค์ธาตุ            ธารรัตน์

        บ่งยุติจุดประวัติ                     เวี่ยถวาย

        ชนสยามล้วนศรัทธ์                สืบเนื่อง

        จักษ์จริงทั้งหญิงชาย               ชูเชิดเลิศคุณ


                ทินกรส่ององค์ธาตุ           ธารทิศ

          องค์ธาตุไร้เงาติด                   ตราพื้น

          นับกัลป์กัปป์จริต                   เรืองศรี

           ชนราษฎร์ระเรงรื่น              ด้วยร่มบรมภาร


                 หากเกิดเงาแก่ธาตุ          ธารเรศ

           ชาวนครต้องเพท                    ภัยร้าย

           เนื่องบรรพ์สิแจ้งเหตุ              หายนะ

           ชนหมองต้องชีพวาย                วอดสิ้นถิ่นนคร องค์เอย				
5 มีนาคม 2550 15:59 น.

ตำนานพระบรมธาตุเมืองนครศรีธรรมราช ๓

กุหลาบน้ำตา


                 องก์ที่  ๓  กาพย์เห่บรรพตำนาน


                บรรพตำนานบ่ง          บอกความ

        ภายใต้ธาตุองค์งาม              เด่นสง่า

        มีสระกว้างวับวาม                แววระยับ

        สารีธาตุศาสดา                    เด่นดาษราชลั่น  ทั่วนคร


     ตำนานบรรพบุรุษ                ฤาจะหยุดยั้งก็สาย

เลือกสรรมาบรรยาย                 เพื่อเกียรติยศชาวนคร

     ณ ฐานบรมธาตุ                    มีสระราชวาดเป็นศร

สองสระระยะกร                         ตามท่านกล่าวเล่าต่อมา

     สระแรกรองปูนเพชร           ทองสะเก็ดล้วนเกล็ดหนา

กว้างแปดลึกห้าวา                     ระยะเว้นเช่นฐานบรรพ์

     ในสระทุกส่วนฟาก               ล้วนพิษนาคองค์นาคันทร์

กษัตริย์ทุกวงศ์สันต์                   ต้องแป้งจันมาบูชา

     บายศรีพร้อมเครื่องราช        นิรวาศตามกิจจา

ต้องเพศทุกชันษา                      ต้องสรรเสริญประเมินกาล

     สระสองรองปูนขาว                ระยะยาวตั้งราวศาล

สระเดียวเปลี่ยวนิพพาน            ตามพงศานิยายาย

     ในสระมีขันทอง                    ละลอยล่องตามชลสาย

ในขันผอบลาย                          สารีธาตุองค์พุทธา

     ณ ที่สี่มุมสระ                        ทองคำคละจะดิษฐา

ทั้งสี่มีทองทา                              สุวรรณทาบวาบวับวาม

     มวลทองฉลองลิภพ์                สามสิบแปดคือคนหาม

ล้วนลายกระหนกงาม                 กระหนาบนาคเบญจรงค์

     เรื่องบรรพ์ใต้ชั้นธาตุ            ล้วนนิราศจุดประสงค์

ตำนานสิยืนคง                           ช่วยธำรงค์ตามรอยเดิม				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกุหลาบน้ำตา
Lovings  กุหลาบน้ำตา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกุหลาบน้ำตา
Lovings  กุหลาบน้ำตา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกุหลาบน้ำตา
Lovings  กุหลาบน้ำตา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกุหลาบน้ำตา