29 ตุลาคม 2547 09:18 น.

มโหสถบัณฑิต ตอน ๒๔ (เรื่องพระนางอุทุมพร)

กุ้งหนามแดง


ปิงคุตตระมานพจบศึกษา
จากเมืองตักศิลาวิชาผล
ท่านอาจารย์ยกบุตรีมีหนึ่งคน
แต่ชอบกลเช้าใกล้ร้อนมิผ่อนคลาย (๒๘๔)

เพราะแตกต่างสุดขั้วตัวราศี
กาลกิณีกับสิริมิคาดหมาย
แม้บังคับเคียงคู่ดูวุ่นวาย
เคืองระคายในอารมณ์มิสมปอง (๒๘๕)

เดินทางมาเจ็ดวันยังไม่ถึง
ต่างปั้นปึ่งสับสนคนทั้งสอง
ผ่านมะเดื่อเห็นผลสุกตาลุกพอง
เพราะท้องร้องหิวโหยแทบโกยกิน (๒๘๖)

มานพนั้นปีนป่ายได้มะเดื่อ
ลูกเหลือเฟือกินบนต้นคนใจหิน
นางเมียบอกโยนมาบ้างยังได้ยิน
กลับบอกสิ้นกินแรงข้ามาปีนเอง (๒๘๗)

นางจึงปีนเก็บบ้างอย่างที่แนะ
ระหว่างแกะผัวในนามตามข่มเหง
ปีนลงก่อนสะหนามโคนโจนตะเบ็ง
พี่ลาน่ะรีบเร่งหลบหนีไป (๒๘๘)

พอดีกับพระเจ้าวิเทหะราช
ทรงประพาสอุทยานผ่านเข้าใกล้
ทอดพระเนตรเห็นนางรักทันใด
ตรัสถามไปมีใครคอยดูแล (๒๘๙)

นางจึงเล่าเรื่องแท้ตั้งแต่ต้น
มาสองคนผัวทิ้งไปไม่แยแส
จึงนั่งอยู่คนเดียวไร้เหลียวแล
มิเปลี่ยนแปรความตั้งใจในราชัน (๒๙๐)

พระองค์จึงตรัสว่านับแต่นี้
มเหสีคือนางทางพลิกผัน
เก็บดอกไม้ร่วมต้นผลประกัน
พระทรงธรรม์เรียกนางอุทุมพร (๒๙๑)

เหตุแห่งนามเพราะพบปะข้างมะเดื่อ
รักล้นเหลือเคียงข้างบรรจถรณ์
เกษมสุขสำราญประทานพร
หมดทุกข์ร้อนเสียทีที่ผ่านมา (๒๙๒)

วาระหนึ่งไม่นานเตรียมประพาส
เหล่าข้าราชทำงานช่างหนักหนา
ทำถนนทางผ่านเยื้องยาตรา
ก่อนจะมาต้องพร้อมยอมจ้างงาน (๒๙๓)

เกณฑ์คนงานเร่งรุดขุดถนน	
เห็นปะปนปิงคุตตระยังประสาน
ผู้ซึ่งทิ้งแก้วมณีศรีสะคราญ	
มาทำงานเกลี่ยถนนขนดินทราย (๒๙๔)

ขบวนเสด็จผ่านทางระหว่างนั้น
นำราชันกับเทวีสู่ที่หมาย	
พระเทวีทอดพระเนตรเห็นหนึ่งชาย
เกินทำนายปิงคุตตระกาลกิณี (๒๙๕)

นางนึกขำกาลกิณีกับสิริ
ต่างมิติเกินร่วมทางวางวิถี
ทรงพระสรวลเบาเบาในทันที
สวามีสนเท่ห์ในพระทัย (๒๙๖)

มีเรื่องใดให้สรวลควรบอกเล่า
นางจึงบอกเรื่องเก่าเข้าขานไข
เห็นสามีที่ทิ้งร้างนั่งถางไพร
นางตอบไปตามตรงคงเส้นคงวา (๒๙๗)

พระราชาบอกโกหกยกพระขรรค์
ชายใดกันทิ้งนางได้ให้กังขา
ถ้าไม่บอกความจริงฆ่าทิ้งนา
นางบอกว่าถามปราชญ์ก่อนอย่าร้อนองค์ (๒๙๘)

พระราชาลองถามเสนกะ
ไม่น่านะชายจะทิ้งสิ่งประสงค์
นึกถึงปราชญ์ตัวนิดสิทธิ์ยังคง
จึงถามตรงมโหสถช่วยตอบที (๒๙๙)

อันคำกล่าวกาลกิณีกับสิริ
ตามดำริมิอาจครองอยู่สองศรี
เพราะแตกต่างทำนองของที่มี	
ปฐพีกับฟ้าอย่าเทียบเลย (๓๐๐)

พระราชาขมึงทึงจึงเริ่มคิด
รู้ว่าผิดตัดสินความตามเฉลย
เกือบจะเสียนางแก้วไปแล้วเอย
และอย่างเคยทรงประทานรางวัลไป (๓๐๑)

นับแต่นั้นพระนางประทานขอ
พรหลายข้อจากพระองค์เลิกสงสัย
ประทานทรัพย์แก่ปราชญ์น้อยได้ตามใจ
ฐานะใหม่ตั้งไว้น้องชายนาง (๓๐๒)

				
28 ตุลาคม 2547 10:51 น.

พรหมวิหาร ๔

กุ้งหนามแดง


ขอน้อมนำธรรมคุณหนุนสถาน
พรหมวิหารทั้งสี่ชี้นำผล
ปฏิบัติแสนง่ายในกมล
ทั่วทุกคนชนชาติสามารถทำ

หนึ่งเมตตาด้วยรักบริสุทธิ์
ไม่ยื้อยุดให้ตอบแทนแก่นถลำ
ต้องไม่เจือกิเลสสาเหตุทำ
หน้าไม่คว่ำผิดวิสัยใจเมตตา

สงเคราะห์เพื่อนร่วมเกิดในวัฏฏะ
พึงลดละสร้างกรรมนำโถมถา
ทั้งทางกายวาจาและจิตตา
หยุดเข่นฆ่าทุกยามเลิกหยามกัน

กรุณาที่สองครองสงสาร
ควรให้ทานมิหวังผลตนสุขสันต์
วัตถุทานตามแรงพึงแบ่งปัน
แนะนำอันสิ่งควรล้วนคุณงาม

หากเบียดเบียนตนเองละเลงทุกข์
มิใช่สุขหรอกหนาอย่าผลีผลาม
กรุณาแก่ตนคนอื่นตาม
คือนิยามที่ถูกต้องของเนื้อธรรม

มุฑิตาอันดับสามอร่ามจิต
อิจฉานิดริษยาดูน่าขำ
ต้องมีใจฉ่ำเย็นเป็นประจำ
ใครได้ดีมอบคำอำนวยพร

เขามีโชคโภคทรัพย์ยิ้มรับด้วย
เขาหายป่วยคืนเหย้าบรรเทาถอน
ควรยินดีด้วยใจใฝ่อาทร
มิหวังผลทุกตอนคิดย้อนไป

อุเบกขาข้อสี่นี้วางเฉย
คือเฉยเมยตลอดกาลนั้นไม่ใช่
ใครจะเป็นจะตายไม่สนใจ
นั่นบอกให้ผิดทางห่างประเด็น

ภาระกิจหน้าที่รับผิดชอบ
ทุกเรื่องรอบในชีวิตลิขิตเห็น
พึงแก้ด้วยปัญญาฝ่าลำเค็ญ
อย่าได้เว้นให้มิจฉามาครอบครอง

ยุติธรรมคือคำอุเบกขา
ปรารถนาให้พ้นทุกข์ไร้สุขหมอง
งดลำเอียงเข้าข้างอ้างทำนอง
เป็นครรลองวางเฉยเฉลยมา

ถ้าเข้าข้างคนทุกข์แล้วทุกข์ด้วย
นำสามข้ออำนวยช่วยรักษา
ทั้งเมตตากรุณามุฑิตา
ยังดีกว่าเสียน้ำตาประโยชน์ใด

ถ้าเข้าข้างคนสุขแล้วสุขด้วย
ประมาทด้วยความสุขลืมทุกข์ไหว
มุฑิตายินดีเขามีชัย
ก็พอได้ทำแต่แค่พอดี

เพราะฝ่ายเสียประโยชน์จะโทษยับ
อาจจะนับญาติพาลสานวิถี
ความอาฆาตพยาบาทวิวาทมี
เลขหางนี้อาจถึงตัวเพราะพัวพัน

ประพฤติแล้วได้อะไรใจขอถาม
ตามเนื้อความว่าวางทางสวรรค์
เมื่อยังอยู่ร่มเย็นมิเว้นวัน
เป็นสวรรค์คู่เสมือนในเรือนใจ
....


ขอความสุข ความเจริญ ความงอกงามในธรรม..จงมีแด่ท่านทั้งหลาย 
และตัวข้าพเจ้าด้วยเทอญ..
...
				
28 ตุลาคม 2547 10:46 น.

มโหสถบัณฑิต ตอน ๒๓ (เรื่องกิ้งก่าได้ทอง)

กุ้งหนามแดง


เช้าวันหนึ่งพระราชามีประสงค์
เสด็จลงจากปราสาทราชฐาน
เห็นกิ้งก่าตัวหนึ่งซึ่งหมอบคลาน
จึงถามผ่านปราชญ์น้อยถ้อยพาที (๒๗๓)

เจ้ากิ้งก่าทำอะไรของมันน่ะ
ขอเดชะเท่าที่ดูรู้วิถี
มันก็คงถวายตัวกลัวบารมี
พระทรงศรีขบขันมันช่างทำ (๒๗๔)

นึกประทานรางวัลให้มันบ้าง
มโหสถบอกทางมิวางขำ
ควรจะให้อาหารทานประจำ
เนื้อพอคำวันละบาทอย่าขาดตอน (๒๗๕)

มอบหน้าที่คนสวนควรซื้อเนื้อ
เป็นบุญเหลือของกิ้งก่าเกาะคาขอน
ในวันพระเนื้องดขายไม่ริดรอน
เงินเจาะรูไว้ก่อนคล้องคอมัน (๒๗๖)

เจ้ากิ้งก่าผยองได้ครองทรัพย์
ความอ่อนน้อมหายวับจับซุ้มมั่น
คอยชูคออวดอ้างกร่างไปวัน
คนสวนนั้นหมั่นไส้ทำใจทน (๒๗๗)

เป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้านายแม้หน่ายยิ่ง
อยากจะดีดให้กลิ้งทิ้งไม่สน
ต้องหวานอมขมกลืนสุดฝืนตน
เพียงแต่บ่นเพราะประโยชน์นายโปรดปราน(๒๗๘)

พระราชาทรงดำเนินเพลินทางเก่า
ก็เห็นเจ้ากิ้งก่าท่าอาจหาญ
ยืนชูคอผงกหัวทำตัวพาล
เห็นอาการผิดไปไม่เหมือนเดิม (๒๗๙)

มโหสถเจ้ารู้ไหมไอ้กิ้งก่า
มันทำท่าอะไรให้ฮึกเหิม
ไม่เข้าเฝ้าคอยคำนับกลับเหิมเกริม
ปราชญ์เห็นเพิ่มทรัพย์ที่คอก็พอเดา (๒๘๐)

มันคิดว่ามีทรัพย์ขยับหยิ่ง
จึงได้ทิ้งความอ่อนน้อมย้อมความเขลา
มันถือตัวเสมอองค์หลงมัวเมา
พระร้อนเร่าพิโรธหาโทษมัน (๒๘๑)

ฆ่ามันเสียดีกว่ากิ้งก่าผยอง
จงไตร่ตรองหมองไปไม่สุขสันต์
จะเป็นบาปติดตัวต้องพัวพัน
ลงโทษมันอย่างเบาเอาพอเพียง (๒๘๒)

งดประทานเนื้อเลี้ยงเพียงเท่านี้
ลาภที่มีหมดไปไม่ขึ้นเขียง
นับแต่นั้นกิ้งก่ามามองเมียง
ก็เจอเพียงเงาลาภทาบเงาตน (๒๘๓)

				
27 ตุลาคม 2547 09:33 น.

ลมหวน..ทวนลม..

กุ้งหนามแดง


คำใดเคยกล่าวไว้.............ลืมคำ
ถ้อยเที่ยงกลับเลี่ยงทำ......พร่ำถ้อย
ค่าแตกต่างเกินนำ...........เทียบค่า
ใจหม่นจนเกินร้อย...........ร่วมเข้าคืนใจ

เคยคิดเราต่างด้าน...........ฝันเคย
ก้อยต่างหัวเกินเปรย........ร่วมก้อย
อยู่เป็นหนึ่งยังเกย............ทนอยู่
เคียงคู่ยังเคลื่อนคล้อย......ห่างแท้วันเคียง

ยามจากกันมั่นแล้ว...........ทุกยาม
กั้นแค่คำนิยาม.................เพื่อนกั้น
ข่มใจไม่มีสาม...................จำข่ม
กายนิ่งใจยังดั้น.................เร่าร้อนเรือนกาย

พอเถอะเธออย่าใกล้.........เกินพอ
ร้าวหล่มคมป้อยอ..............เชื่อมร้าว
ขื่นขมบ่มเกินขอ...............ลบขื่น
วนใหม่เธอโน้มน้าว..........บ่น้อมจิตวน
..
				
27 ตุลาคม 2547 09:17 น.

มโหสถบัณฑิต ตอน ๒๒ (เรื่องแก้วมณีในรังกา)

กุ้งหนามแดง


ประตูเมืองด้านใต้ได้ยินข่าว	
ถึงเรื่องราวของสระประโคมไหว
ใกล้กับสระมีต้นตาลผสานใบ
เริ่มวันใหม่อาทิตย์มาปรากฎการณ์ (๒๖๑)

กำเนิดเป็นรัศมีสีแห่งรุ้ง
พร่างพรายพุ่งในสระเต็มละหาน
ตะวันลับเลื่อมหายสลายกาล
พวกชาวบ้านลือหนาสารพัน (๒๖๒)

บ้างก็ว่าชำระสะเดาะเคราะห์
รักษาเหมาะบ้างบูชาหาใส่ขัน
บ้างอยากรู้ลองงมดูคิดรู้ทัน
ว่าสมบัติในบ่อนั้นก่อพรรณราย (๒๖๓)

งมเท่าไรไม่เจอเก้อทุกครั้ง
หรือปิดบังเล่ห์กลมนต์ขยาย
พระราชาเสด็จไปไม่ดูดาย
ปราชญ์ทั้งหลายสมัครพิทักษ์องค์ (๒๖๔)

ทอดพระเนตรแสงเลื่อมพรายริมชายสระ
แสงปะทะสิ่งใดให้พิศวง
ถามสี่ปราชญ์เห็นความทูลตามตรง	
แสงนี้คงแก้ววิเศษเหตุให้เป็น (๒๖๕)

พระดำรัสจัดหามาได้ไหม
เสนกะบอกได้ไม่ยากเข็ญ
เพียงวิดน้ำให้แห้งแจ้งประเด็น
ก็จะเห็นแก้วงามอร่ามตา (๒๖๖)

เหล่าทหารวิดน้ำจนเหือดแห้ง
จึ่งรู้แจ้งผิดตำแหน่งแหล่งค้นหา
ครั้นน้ำซึมเกิดประกายคล้ายมายา
หมดปัญญาทั้งสี่ปราชญ์ข้าราชเดิม (๒๖๗)

ทรงปรึกษามโหสถทดลองหน่อย	
เจ้าปราชญ์จ้อยดูทิศทางกระจ่างเสริม
พิจารณาเห็นตาลตะหง่านเติม
นำมาเพิ่มวิเคราะห์ดูให้รู้กัน (๒๖๘)

นำขันน้ำวางลงที่ตรงหน้า
ปรากฎว่าแสงประหลาดสาดลงขัน
รู้ทันทีแก้วงามรำไพพรรณ
อยู่ที่นั่นต้นตาลสถานเดียว(๒๖๙)

พระราชาดำรัสจัดบุรุษ
ไปตรวจจุดตามคำปราชญ์ฉลาดเฉลียว
แก้วมณีในรังกาล้ำค่าเชียว
สี่ปราชญ์นั่งหน้าเหี่ยวไปตามกัน (๒๗๐)

พระราชาโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง
ชมเชยจริงปราชญ์น้อยคอยสร้างสรร
พระราชทานเงินทองของกำนัล
เป็นรางวัลตามควรล้วนสมกาล (๒๗๑)
				
Calendar
Lovings  กุ้งหนามแดง เลิฟ 56 คน

วฤก

โคลอน

หมอกจาง

เชษฐภัทร วิสัยจร

เพียงพลิ้ว

อัลมิตรา

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

พี่ดอกแก้ว

แทนคุณแทนไท

แก้วประเสริฐ

แมงกุ๊ดจี่

ประภัสสุทธ

รการต์

บินเดี่ยวหมื่นลี้

ร้อยฝัน

หิ่งห้อยน้อยใจ

ลักษมณ์

ผู้หญิงช่างฝัน

ก้าวที่...กล้า

กวีปกรณ์

-ร้อยแปดพันเก้า-

เพรง.พเยีย

เฌอมาลย์

ครูพิม

คอนพูทน

ก่องกิก

ลานเทวา

อินสวน

พิมญดา

ยาแก้ปวด

กันนาเทวี

กิ่งโศก

ครูกระดาษทราย

แก้วประภัสสร

KIRATI

virismara

แกงเขียวหวาน

คนกรุงศรี

มวลภมร

ดาวศรัทธา

cicada

เปลวเพลิง

หญิงบ้า

เ ที ย น ห ย ด

din

สีเมจิก

นักสืบไร้ชื่อ

ชากร

บุญพร้อม

แย้ม ไกลวันเกิน

พระจันทร์แสงนวล

Jackie

ไผ่ลู่ลมม

ศรีปาด เฟสเก่าโดนระบบลบเฉยเลย

Prayad

Parinya

Lovers  1 คน เลิฟกุ้งหนามแดง
Lovings  กุ้งหนามแดง เลิฟ 3 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกุ้งหนามแดง