13 มกราคม 2546 21:24 น.
				
												
				
								ต่อง (ต้อง) ksg
		
					
				
  
   **..นิยายฝัน  วันคืน  อันชื่นฉ่ำ
        คือลำนำ  เสียงกลอน  ที่อ่อนไหว
        คือภาพรัก  ประจักษ์แจ้ง  แห่งดวงใจ
        คือใครใคร  คนนั้น  ที่ฉันรอ
   **..เล่าถึงคืน  จันทรา  วันฟ้าใส
        ดาวละไม  ล้วนเลิศ  งามเกิดก่อ
        แทนความหวัง  ที่เรา  เฝ้าพะนอ
        ส่งไปง้อ   ขอคำรัก  จากคนดี
  **..แล้วคนดี  ที่ฉันรอ  ก็ไม่ให้
       เอาเมตตา  น้ำใจ  ไว้ไหนนี่
       เธอหยิบยื่น  คำลา  มากี่ที
       ฉันก็รี่  รับไว้  เสมอมา
  **..พอแล้ว .. ที่รัก
       ถ้าเหนื่อยนัก  ก็พักผ่อน  ก่อนดีกว่า
       ทิ้งไว้เถิด  ถ้อยคำ  และน้ำตา
       ปล่อยรักคร่า  ใจฉัน  จนวันตาย
      				
			 
			
				11 มกราคม 2546 20:35 น.
				
												
				
								ต่อง (ต้อง) ksg
		
					
				
   **..เสียงขอร้อง  ใสใส   จากใจเด็ก
        ที่นุ่มเล็ก    เรียบง่าย ไม่ใส่สี
        ซึ่งวอนต่อ  ผู้ใหญ่   ในทุกปี
        และคิดหวัง  ในสิ่งที่  จะมีมา
  **..เคยขอว่า  อยากจะเรียน  รู้เขียนอ่าน
       ท่องตำรา  วิชาการ    งานศึกษา
       ถึงจะอยู่    แสนห่าง  กลางบ้านนา  
       ก็เชื่อว่า    จะสมหวัง  ที่ตั้งใจ
  **..เคยบอกกับ  ผู้ใหญ่  ออกไปว่า
       อยากจะมี  เสื้อผ้า  ไว้สวมใส่
       อยากจะมี  เครื่องใช้  เหมือนใครใคร
       อยากมียา  รักษาไข้  ใช้ประจำ  
  **..แต่หนูคง  ไม่สมหวัง  อีกครั้งแน่
       เพราะ..รัฐ..ไม่  เคยเหลียวแล  ผู้ต้อยต่ำ
       ท่านคงมี   งานกองใหญ่  ไว้ให้ทำ
       จึงลืมเด็ก  ตาดำดำ  อย่างพวกเรา
  **..คำขวัญ  ทุกปี  มีมาใหม่
       พร้อมดวงใจ  เด็กน้อย  แสนหงอยเหงา
       รอคอยฝัน  วันวาร   อีกนานเนา
       **..ด้วยรัฐเขา  คงงานล้น  ไม่สนใจ...**
     ด้วยความหวังว่า  คงมีฝันวันเป็นจริง
 
             				
			 
			
				9 มกราคม 2546 15:39 น.
				
												
				
								ต่อง (ต้อง) ksg
		
					
				
  ครับ..ผมลองไปอ่านกลอนเก่าของไคริ(นก*กระ*ดาษ*  +  คู่...ชีวิต)
  ดูครับ  ผมถูกใจเรื่องนี้มากจึงนำมาเสนออีกครั้งครับ  พอดีช่วงนี้ไคริไม่รู้
  หายไปไหน
  
*...แม้เมื่อเรายังเล็ก เป็นเด็กน้อย
เคยกล่าวถ้อย วอนจันทราว่าให้สม
ขอข้าวแกง....แหวน....ให้น้องปองนิยม
ขอเตียงตั่ง นั่งชมดาวและเดือน...*
*...เมื่อเห็นดาวล้อมเดือน กลาดเกลื่อนฟ้า
ชวนน้องนับดารา ที่เป็นเพื่อน
ระยับระยิบพริบตา ดาวพร่าเลือน
แต่ดวงเดือนเด่นสว่าง กลางโพยม...*
*...อยากตะกายว่ายฟ้า ไปหาจันทร์
และใฝ่ฝันอยากเอื้อม ให้ถึงโสม
เคยนึกตามใจชอบ ปลอบประโลม
ว่าเติบใหญ่จะได้โคม รัตติกาล...*
*...ฝันไปตามอารมณ์ ผสมโง่
ว่าเติบโตจะบินไป ด้วยใจหาญ
สอยดวงดาวพราวฟ้า มาเป็นยาน
พาเราผ่านเมฆด้น จนถึงจันทร์...*  
 				
			 
			
				9 มกราคม 2546 10:23 น.
				
												
				
								ต่อง (ต้อง) ksg
		
					
				
  **..วันเด็ก    เวียนมา  อีกคราครั้ง
       แล้วก็ตั้ง  คำถามเก่า  มาเล่าขาน
       ถามถึงความ  ฝันใฝ่  ในการงาน
       ในอนาคตกาลที่  จะมีมา
  **..แล้วก็ให้  คำขวัญ  ในวันเด็ก
       ให้หนูหนู     ตัวเล็ก  อย่างถ้วนหน้า
       ว่า    จงมีความสัตย์ซื่อถือจรรยา  
        แล้วก็ให้มาในทุกปี
  **..บอกว่า  ให้ตรากตรำ  ทำเพื่อชาติ
       อย่าขี้ขลาด  หดหัว  กลัวหน่ายหนี
       แต่ก็เห็น  ผู้ใหญ่  ในทุกที
       สู้เด็ก  เหล่านี้  มิได้เลย
  
  **..ให้โอวาท  ทั้งทั้ง  ที่ทำผิด
       ให้ข้อคิด  ทั้งทั้ง  ทำเมินเฉย
       ยังโกงกิน  กันเกลื่อน  เหมือนเช่นเคย
       ยังเฉยเมย  ต่อปัญหา  อันค้างคา
   **..ถ้าหนูโต  เติบใหญ่  ไม่โกงชาติ
        ไม่ขี้ขลาด  เช่นผู้ใหญ่  ไร้เดียงสา
        ที่วันวัน  นั่งสุขใจ  ในอุรา
        บนหยาดหยด  น้ำตา  ประชาชน
    **..แต่ก็ไม่เป็นกันทุกคนหรอก..**
          ด้วยความหวังดี				
			 
			
				5 มกราคม 2546 22:43 น.
				
												
				
								ต่อง (ต้อง) ksg
		
					
				
  
   **..เป็นลำนำ  คำกลอน  คนอ่อนไหว
        และเป็นได้  แค่กวี  เพียงบทหนึ่ง
        ถึงธรรมดา  เรียบง่าย  ไม่ซาบซึ้ง  
        แต่ขอตรึง  ตราไว้  ในใจชน...
   **..ขอผมเป็น  ส่วนหนึ่งใน  ดวงใจท่าน
        ให้ยืนนาน  ยาวไกล  ไปทุกหน
        แม้เป็นเพียง  เศษเสี้ยวใน  ดวงใจคน
        ก็มากล้น  ในเมตตา  ท่านปราณี
  **..ฝากไว้เป็น  อนุสรณ์  ก่อนจากลา
       แทนวาจา  ว่ารักแท้  แก่น้องพี่
       จะกลับมา  อีกครั้ง  ด้วยหวังดี
      ขอเพื่อนมี  ความสุข  ทุกคนเอย..**
     ด้วความหวังดี
  ก.นพดล  รักษ์กระแส