อยากได้นิทาน

tinyada

อยากได้นิทาน  คำกลอน ค่ะ
ไม่ทราบ....ใครพอมีบ้างคะ
แต่งเองไม่เคยได้เรื่องสักที
...................ขอบคุณค่ะ.....................				
comments powered by Disqus
  • ม้าก้านกล้วย

    26 ตุลาคม 2548 23:18 น. - comment id 12602

    ไหลหลาก จากแดน กันดารไกล
    ชะไช ฝุ่นดิน ถิ่นแล้งล้า
    ไกลก้ำ กวาดกลืน กัดกร่อนกล้า
    หินผา แกร่งกรัง ยังทะลาย
    จึงเป็น สีปูน ขุ่นคละคั่ง
    สองฝั่ง เก็บกรัน ตะกอนไว้
    อุดม สมบูรณ์ พูนสันทราย
    หลากหลาย ไพรพันธุ์ นั้นเนืองนอง 
    กว่าร้อย ร่วมร่าย สายนที
    ผ่านสี่ พันดอน ก่อนจะล่อง
    แบ่งพรม แดนตั้ง ฝั่งพี่น้อง
    สิบสอง พันนา ห้าหัวพัน
    จึงได้ สมญา ว่าล้านช้าง
    นที กว้างขวาง สร้างแนวกั้น
    จำแนก แดนลาว เขาผีปัน
    กันล้าน นาเพียง เวียงกามกุม
    ครั้นกลาย เป็นผอง สองประเทศ
    แบ่งเขต ลาวเทิง อีสานลุ่ม
    ป่าเขา แผกเผ่า เข้าเกาะกลุ่ม
    ประชุม หมู่ชน บนเส้นธาร
    ไหลหลาก จากแดน กันดารนัก
    น้ำโขง สายหลัก ไทอีสาน
    สีปูน ขุ่นข้น ปนฝุ่นซ่าน
    ร้อยคำ ตำนาน ล้วนเอ่ยนาม
     
    ยังมีนาคหลากเผ่าพันธุ์ร่วมกันสร้าง
    ตกลงวางแนวธารผ่านป่าข้าม
    ช่วยขุดเลาะเซาะซัดตัดเติมตาม
    เป็นแนวลามลำเลียงล่องลงลุ่มลาน
    จนถึงจุดสุดท้ายต้องย้ายทาง
    เพราะเมืองตั้งกั้นขวางทางสถาน
    กลับตกลงกันไม่ได้ใช่จะพาล
    นาคเหล่านั้นจำแยกไปตามใจตน
    กลุ่มหนึ่งขุดทางขวาสาละวิน
    จนสิ้นเส้นทางตั้งแต่ต้น
    กลุ่มใหม่ข้ามไปไกลสกล
    แล้วขุดค้นเส้นทางยาว เจ้าพระยา
    กลุ่มเดิมตั้งใจไม่ผันแปร
    เลี้ยวซ้ายแลเส้นทางวางไว้ว่า
    จะผ่านแดนอริยะธรรมนานา
    ผ่านห้าชนชาติพิลาศพิไล
    จีนไทลาวขอมเขมรญวน
    ซึ่งทั้งมวลทั่วถ้วนล้วนได้ใช้
    ตั้งอาณาจักรกว้างสล้างไศล
    และเป็นไปตามใจปณิธาน
    จึงเสกมนต์วาสุกรีน้ำนี้ขุ่น
    สีเป็นปูนเย็นยะเยือกทุกหย่อมย่าน
    เพียงตักมาดื่มกินสิ้นกันดาร
    น้ำธารจะคืนใสให้ชุ่มเย็น
  • ม้าก้านกล้วย

    26 ตุลาคม 2548 23:19 น. - comment id 12603

    จะวันเด็กหรือวันไหนไม่เคยได้เล่น
    ต้องมาเป็นคนโศกเหมือนโชคแกล้ง
    ขายดอกไม้พวงมาลัยตามไฟแดง
    เงินที่แบ่ง ปันได้ เอาให้แม่
    เป็นเด็กน้อยกลางสลัมน้ำครำเหนียว
    เพียงเศษเสี้ยวเงินเหลือเขาเผื่อแผ่
    อดสูสู้ทนคนรังแก
    มีกินแค่วันต่อวันพอกันตาย
    พ่อเป็นคนเร่ขับสิบล้อ
    ส่วนแม่ก็เก็บขวดถุงขยะขาย
    นานนานทีพ่อจะมาหาลูกชาย
    ก็เมามายทะเลาะด่าท้าตบตี
    วันนั้นพ่อสัญญาจะพาไป
    เที่ยวได้ตามพอใจในทุกที่
    แล้วก็ถึงเวลามาวันนี้
    วันเด็กที่ใครใครได้แสดง
    ป่านนี้ พ่อยังไม่มา
    ได้เวลาไปเร่ขายมาลัยแผง
    สิบล้อบึ่งกระแทกแหกไฟแดง
    ปาดแซงเฉี่ยวเจ้าเข้าเต็มรัก
    วูบสุดท้ายเด็กชายได้เห็นพ่อ
    ก่อนจะท้อทอดกายคลายกระอัก
    ร่างร่องแร่งปานเชือดเลือดทะลัก
    ไม่ทันทัก ทายพ่อ เจ้าก็ตาย
     
    
    เคยสัญญากับลูกไว้ ในวันเด็ก
    จะพาเจ้าตัวเล็กไปเที่ยวบ้าง
    พ่อทำงานขับรถล่องต้องจำห่าง
    แล้ววันว่างอยากกลับมาพาลูกไป
    วันนี้ วันเด็กแล้ว ยังไม่ว่าง
    หากหนทางห่างกว่าไปหาได้
    แต่สัญญาพันผูกลูกผู้ชาย
    ยอมเร่งรวดงวดสุดท้ายจะได้พัก
    ส่งของเสร็จแล้วต้องรีบล่อง
    ไม่มองซ้ายขวาล่าเลยนัก
    แม้นข้างหน้ากันดารมีด่านดัก
    กูจะหักด่านไปให้ท่วงทัน
    ยอมอัดยาบ้าใช้ให้ตาตื่น
    ดึกดื่นแค่ไหนแม้นใจสั่น
    ไม่หยุดรถเหนื่อยล้าลงเริ่มงงงัน
    ยานั้นช่วยไว้ไม่ให้ทรุด
    ถึงเมืองล่วงเลยไปบ่ายกว่ากว่า
    ไฟแดงข้างหน้าขวางไม่ยั้งหยุด
    ปาดซ้ายแซงขวาคราเร่งรุด
    อุตลุดจนพลาดเกี่ยวเฉี่ยวข้างทาง
    โดนเด็กขายพวงมาลัยเข้า
    โอเจ้าโชคร้ายใยมาขวาง
    ต้องรีบไปจำใจข้าไม่ว่าง
    แต่ในรางเลือนสุดท้ายคล้ายลูกเรา.
  • ม้าก้านกล้วย

    26 ตุลาคม 2548 23:20 น. - comment id 12604

    วันที่กระต่ายนั้นพ่ายแพ้
    ก็ตั้งใจแน่วแน่ จะนอนนิ่ง
    ไม่กระโดด กระโจนตาม ความเป็นจริง
    ไม่ว่องวิ่งเพราะเจ็บอายขายหน้ามิตร
    เป็นกระต่ายเซื่องซมอารมณ์เหงา
    นั่งจับเจ่าเงื้องุ่นง่านพาลหงุดหงิด
    เพื่อนฝูงหดหายไปไม่ใกล้ชิด
    ลืมคิดว่าตนเจนเป็นจ้าวเปรียว
    เคยเป็นผู้วิ่งไว ได้เป็นหนึ่ง
    ไกลกึ่งเร่งเพียงเวลาเสี้ยว
    ห่างเพียงไหน เคยไปมาประเดี๋ยวเดียว
    แล้วกลับเหนี่ยวเฝ้ารัง ขังตัวเอง
    ข่าวประกาศเจ้าหญิงงามช้ำความรัก
    ประชวรหนัก หทัยหัก จักต้องเร่ง
    ไปหายาป่าละหาน มารข่มเหง
    หากทหารไปเอง ก็กว่าเดือน
    แต่จำเป็นต้องเยียวยาเพียงห้าวัน
    มิเช่นนั้น ต้องโรคร้ายคล้ายเสมือน
    เสียสติ ฤดีดล คนฟั่นเฟือน
    ลืมเลือนสมประดีชีวีมลาย
    เรื่องต้องเร่งรีบเร้น เช่นฉะนี้ 
    หนึ่งเดียวที่มีที่ทำได้
    ทั้งพาราล้วนหวังเอา เจ้ากระต่าย
    จะเร่งไปเร่งมาหาโอสถ
    แม้กระต่ายตั้งตนไม่สนใจ
    แต่เรื่องใหญ่ยอมละทิฐิลด
    อาสาไปหายาทั้งหมด
    ปรากฏ ครบถ้วนความ เพียงสามวัน
    กลับมาเป็นจ้าวแห่งลมกรด
    ทั่วทั้งหมดยกย่องเยินยอลั่น
    กระต่ายฉุกใจคิดได้ครัน
    จะดีชั่วตัวเท่านั้นตัดสินเอา
    ใครจะเย้ยว่าขี้แพ้ว่าอ่อนหัด
    ใครจะหยันให้ถนัดก็ช่างเขา
    ความสามารถที่มีอยู่คู่ตัวเรา
    อย่าเขลาอย่าปลงจงภูมิใจ
  • ม้าก้านกล้วย

    26 ตุลาคม 2548 23:38 น. - comment id 12605

    พอหรือยังครับ ถ้ายังไม่พอ ก็บอกได้ ยังมีอีกเพียบเลย
    รวบรวมมาจากผลงานตนเองตลอดเวลาที่เล่นในไทยโพเอ็มนี้ เกือบ 5 ปี
  • +ดินสอไม้+

    28 ตุลาคม 2548 14:04 น. - comment id 12620

    ดีคะม้าก้านกล้วย   เราชอบผู้ชายแต่งกลอนมากเลยอ่ะ  .
    อย่างเรานะแต่งไม่เป็นเลย ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    8.gif8.gif8.gif8.gif8.gif8.gif8.gif8.gif
  • tinyada ไม่ได้ล็อกอิน

    28 ตุลาคม 2548 22:17 น. - comment id 12621

    หวัดดีค่ะ...ท่านอาจารย์
    
    ขอบคุณมากๆเลยนะคะ  
    
    รู้งี้เข้ามาขอซะตั้งนานแล้ว...อิอิ
    
    ขอบคุณด้วยใจจริงค่ะ
  • ม้าก้านกล้วย

    26 ตุลาคม 2548 23:07 น. - comment id 12656

    ภูสูงผาแล้งแซงแซวบ่วง
    บินควงเคียงคู่อยู่บนฟ้า
    เลาะข้ามเส้นทางกลางพนา
    ลัดลาไร่ร้อนมาผ่อนพัก
    
    เขาค้อเขาโล้นเขาโค่นเขา
    ไร้เงาไม้ใหญ่ไว้ปกปัก
    ลมร้อนผาดแผลงรุนแรงนัก
    ปีกบางกางกักเพื่อดักลม
    
    ผู้ผัวบินโผโต้ลมเหิร
    เมียเมินเพลินพิศสนิทสนม
    ผัวผู้ชวนชู้ชิดชูชม
    แม่เมียละเล่นลมระดมตาม
    
    ลัดฟ้ามาโน่นแล้วแซงแซงบ่วง
    แสลงหลวง รอรับสดับถาม
    ฤา ระเริงเล่นสนุกทุกโมงยาม
    จนลืมความระวังภัยในสังคม
    
    กระสุนดินกลมดิกจิกเจ้าเจ็บ
    ตรงตะเข็บ วังทองต้องขื่นขม
    ผู้ผัวทรุดซวนทวนแรงลม
    ถลาล้มถล่มดิน สิ้นประดี
    
    ทั้งเด็ก ทั้งหมา วิ่งมาแย่ง
    ร่างแซงแซวพ่ายใต้วิถี
    จากแม่เมียแซงแซวแล้วหรือนี่
    ทั้งชีวีไม่เหลือใครไม่เหลือเลย
    
    ภูสูงไร้แล้ง . .  แซงแซวบ่วง
    โหยห่วงห้วงเวลาเหมือนชาเฉย
    ไหนหนอ ผู้พี่ที่ชื่นเชย
    ผู้ที่เคยเคียงนาง อยู่ข้างใจ
    
    แซงแซวบินวน สับสนทรวง
    ผัวผู้ห่วง ไม่รู้ไปอยู่ไหน
    กลิ่นเคว้งควันจางจางเขาย่างไฟ
    แทบสิ้นใจตายตามความคะนอง
    
    ซากแซงแซวผัวตัวนิดเดียว
    มิพอเรี่ยวอิ่มหลังประทังท้อง
    กรงกระสุนดินดำแค่ลำพอง
    แค่แซ่ซร้องว่าฉมัง ช่างหัวมัน
  • ม้าก้านกล้วย

    26 ตุลาคม 2548 23:10 น. - comment id 12657

    กลางกอดิน ระรวยกลิ่น ดอกกระเจียว
    มียอดเรียว แหลมหน่อ กลางกอไผ่
    แทงระดา สู่ฟ้า มาไหวไหว
    หน่อไม้ใหม่ อวดยอด ทอดระทวย
    ทรนง ว่าเก่งกาจ ผงาดโผล่
    ไม่โง้งโง งอโง้ม มิโน้มหน่วย
    ทะมึนตึง ตั้งตรง ทรงสำรวย
    คงจะด้วย เพราะจะอวด ทรวดและทรง
    กูนี่หนา เก่งกล้า กว่าไม้อื่น
    ยอดที่ยื่น แทงฟ้า ชะตาส่ง
    ยอดกูแหลม แทงพ้นดิน จินต์จำนงค์
    ใช่กูหลง แต่กูเรียว เพรียวกว่าใคร
    ดินมันแข็ง แม้นมิใช่ ปลายยอดคม
    คงต้องถม คุดคู้ อยู่ข้างใต้
    มิอาจแทรก ดินดอน ก่อนใครใคร
    อาจมิได้ หวดฟ้า มาเชิดชู
    แต่แล้ว เจ้าหน่อไม้ คล้ายตะลึง
    คิดไม่ถึง ด้วยมาเห็น เช่นเพิ่งรู้
    ข้างกอไผ่ เกิดเห็ดหน่อ ย่อยอดทู่
    เกิดมาคู่ หน่อไม้ คล้ายเปรียบเปรย 
    มัทวะ อย่างข้า ก็กล้าแกร่ง
    ดินมันแข็ง ไม่ต้องใช้ ปลายเฉลย
    ทึ่มทู่ทู่ อย่างข้า กล้างอกเงย
    อย่ามาเอ่ย อวดอ้าง อย่างโง่งม
    เป็ดที่ขน มีไข ให้ลอยน้ำ
    มิเคยพร่ำ คำโง่ เพียงโข่ข่ม
    ลูกมะพร้าว เกลี้ยงเกลา เจ้ามิจม
    ก็ล่องลอย คอยผสม ผสานไป
    ห่านที่คอ ยาวเขย่ง จึงเปล่งเสียง
    ดังเพราะเพียง คอยาว เขลาหรือไม่
    มิเคยโว ว่าเสียงดัง กังวาลไกล
    เพราะรู้นัย กบคอสั้น มันร้องดัง
  • ม้าก้านกล้วย

    26 ตุลาคม 2548 23:10 น. - comment id 12658

    เหล่าเสืออาศัยในป่าลึก
    ล้วนคึกหมายคุกคามตามวิสัย
    หาเหยื่อโดยลอบล่าอาฆาตไล่
    เพื่อจะได้มังสามากัดกิน
    เสือหนึ่งพ่วงพีมีแรงกล้า
    เที่ยวท่องหาอาหารในย่านถิ่น
    มีเก้งกวางนานาให้หากิน
    มีซากสินมากมายไม่ตรอมตรม
    วันนี้จะจับกวางท่าทางโทน
    ก็ผาดโผนกระโชกชักกระชั้นข่ม
    ตะคอกครางขามขู่อยู่ครึกขรม
    หมายจะล้มภักษามาลิ้มรส
    กวางจึงกระโจนไปอย่างใจหวั่น
    ดิ้นรนพลันตระหนกเต้นเป็นรันทด
    บัดดลก็ลี้หายไปจนหมด
    เสือจึงอดล่ากวางอย่างตั้งใจ
    หมู่เสืออื่นนั้นมันโห่ฮา
    ร้องว่าเสือเขลาไม่เอาไหน
    แค่กวางธรรมดาล่าไม่ได้
    แล้วจะเอาอะไรใส่ท้องกัน 
    เสือใหญ่จึงว่า ข้าลองเล่น
    โดดเต้นไล่กวางอย่างขบขัน
    มิได้หมายจริงจังตั้งใจมั่น
    เสือมันล่ามิได้ไม่ตายนะ
    แต่เจ้ากวางเหล่านั้นมันต้องหนี
    สุดชีวี เต็มที่ ไม่มีละ
    หากทำเล่นหวังโดนเข่นเป็นขยะ
    ก็คงจะชีพวายกลายเป็นเนื้อ
    เสือกับกวาง หวังผล คนละสิ่ง
    เหมือนที่วิ่ง ความตั้งใจ ต่างไปเผื่อ
    วิ่งเพียงหา อาหารเห็น เช่นอย่างเสือ
    หรือวิ่งเพื่อ รอดชีวา ดังว่ากวาง
  • ม้าก้านกล้วย

    26 ตุลาคม 2548 23:12 น. - comment id 12659

    เมืองวิมานยอดพฤกษาวนาสูง
    เมืองของฝูงกบิลถิ่นอาศัย
    เมืองระรื่นครื้นเครงบรรเลงไล่
    เมืองวิไลเหล่าวานรผ่อนพำนัก
    แต่ลิงน้อยแรกรุ่นเฝ้าครุ่นคิด
    เพราะดวงจิตฝักใฝ่ใคร่ตวงตัก
    อยากเที่ยวท่องดั้นด้นค้นหารัก
    โลกที่กว้างเกินกันกักกับกิ่งกาง
    ผองลิงห้ามไม่ได้รั้งไม่อยู่
    เพราะอยากรู้สุขโศกในโลกกว้าง
    ลงจากคบคาไพรกิ่งไพรพราง
    ลงเดินทางเร่จรบนดอนดิน
    รอบข้างแปลกตาไปไม่เคยเห็น
    ธารใสเย็นแทรกประสานผ่านแก่งหิน
    มีดอกไม้ดารดาษกลาดเกลื่อนถิ่น
    มีหลากกลิ่นล้วนหอมหวานละลานรมย์
    เลยลืมบ้านเกิดเก่าที่เจ้าเกิด
    เพราะเจ้าเพลินเพลินไพรวิไลร่ม
    ลืมความรักลิงพวกเดียวที่เกลียวกลม
    ลืมเพราะหลงทัศนาพาพึงใจ
    พเนจรมาไกลถึงชายป่า
    เบื้องหน้าคือทุ่งกว้างช่างแปลกใหม่
    ตัวกำยำล่ำพีนี่อะไร
    ร่างสูงใหญ่ ใหญ่สง่า น่าชื่นชู
    
    ฉันคือม้าอาศัยในทุ่งนี้
    แสนยินดีที่มีเธอมาเป็นคู่
    หากฉงนสิ่งใดใคร่เรียนรู้
    จะเป็นผู้แนะนำตามสมควร
    มาสิมาขี่หลังม้าจะพาเที่ยว
    พาเลาะเลี้ยวลัดทุ่งทองท่องลมหวล
    เพราะฉันเร่งเร็วกว่าม้าทั้งมวล
    จึงจะชวนย่างเหยาะไปด้วยใจจริง
    ไปพบกับสายลมและแสงแดด
    พบสิ่งแวดล้อมใหม่ตรึงใจยิ่ง
    ไปสร้างความพอใจให้แก่ลิง
    ไปเติมสิ่งที่ขาดหายให้ชีวิต
    ลิงสุขใจม้าก็พอใจนัก
    คงหลงรักหลงชื่นฝืนลิขิต
    เพราะม้าเกิดพอใจเพราะใกล้ชิด
    จึงคิดชวนลิงอยู่เป็นคู่กัน
    ขอให้ลิงรับรู้ว่าม้าชอบ
    ขอให้ตอบว่ายินดีไมตรีนั้น
    ขอให้อยู่ร่วมสุขทุกทุกวัน
    ขอให้ฝันร่วมทางอย่างยั่งยืน
    ลิงเจ้าดั้นด้นเพื่อค้นหา
    แต่กับม้า คิดอย่างไรใจยังฝืน
    ปฏิเสธม้าคงขมตรมสะอื้น
    แต่จะขืนใจให้ไปรับรัก
    
    ไม่ได้นะจะเป็นเช่นนั่นมิได้
    เพราะว่าใจเราทั้งคู่เพิ่งรู้จัก
    กระไรเลย รีบขี้ตู่ ดูทึกทัก
    นี่จะหักหาญใจไปหน่อยเธอ
    ลิงมุ่งมั่นเหลือเกินจะเดินทาง
    ไปค้นหาโลกกว้างอย่างใจเพ้อ
    เพราะม้าเดียวที่พะวงหลงละเมอ
    ไม่ทำให้ตัวเธอจะหยุดยั้ง
    จึงตอบว่าม้าจ๋าอย่ารักเลย
    เพียงรู้จักกันเฉยเฉยมิเคยคลั่ง
    หากเกินเลยพลาดไปใจจะพลั้ง
    ใจที่ตั้งหวังที่มั่นนั้นจะกลาย
    เพราะลิงนั้นตั้งใจเอาไว้ก่อน
    พเนจรเพื่อลึกซึ้งซึ่งความหมาย
    จะหยุดยั้งกลางครันมันเสียดาย
    ก่อนจะสายขอแยกไปตามใจตน
    ขอลาม้าที่ใจดีมาก
    ขอฝากรักบ่มไว้ให้เข้มข้น
    ขอเก็บไมตรีไว้ให้ไหลล้น
    ขอกมลจากม้ามาชูใจ
    และสุดท้ายลิงน้อยก็จากลา
    ปล่อยให้ม้าหมองหม่นระคนไหม้
    ม้าจะลืมไมตรีนี้อย่างไร
    คงต้องตรอมตรมใจไปจนตาย
  • ม้าก้านกล้วย

    26 ตุลาคม 2548 23:15 น. - comment id 12660

    ในแดนนาบ้านไกลในดงดอน
    มีคำกลอนสอนใจให้คลายเศร้า
    เรื่องแม่นกจาบคากับกาเหว่า
    แค่เรื่องเล่าเขลาเกรงว่าลมลวง
    จนได้ไปเห็นเป็นเรื่องจริง
    ได้รับรู้รักคือสิ่งยิ่งใหญ่หลวง
    มากกว่าค่าที่คณามาทั้งปวง
    ยิ่งกว่าดวงใจใครได้ลิ้มรัก
    เหตุเพราะเป็ดแม่ใหม่กกไข่ยาก
    คนจึงฝากแม่ไก่ให้ฟูมฟัก
    หวังเพียงลูกเป็ดเป็นประเด็นหลัก
    จึงหลอกลักเปลี่ยนไข่แม่ไก่แทน
    แม่ไก่ก็กระไรไม่ได้รู้
    ยังกกอยู่ประจำทำหวงแหน
    จวบจนได้ทายาทมิมาตรแม้น
    เป็นลูกไก่ปากแบน ก็เต็มใจ
    พาคุ้ยเขี่ยดินหาไส้เดือน
    เป็นเสมือนแม่เจ้าเอาใจใส่
    หากเหยี่ยวนาบินถลามาไกลไกล
    ก็เรียกไล่ลูกยามาซ่อนตัว
    ถึงเจ้าจะรูปร่างร้ายกายพิการ
    ตีนจะแบหางจะบานพาลถึงหัว
    แม้จะไม่เหมือนแม่แม้รูปชั่ว
    ไม่ต้องกลัว แม่ยังรัก ปักดวงใจ
    
    เป็ดน้อยเจ้าเกิดมากำพร้านัก
    ก็รับรู้ ไอรักจากแม่ไก่
    พาคุ้ยเขี่ยเดินดินหากินไป
    สอนอย่างไร ก็ทำไป ไม่เชี่ยวชาญ
    แม่พาเดินเจ้าก็เดินตูดสะบัด
    แม่พาหัดเขี่ยดินกินอาหาร
    แม่พาจิกเจ้าก็ไซร้ใช้ปากบาน
    แม่พาขานเสียงกุ๊กไก่ก็ไม่เป็น
    ยังร้องกิ้วก้าบกันเรื่อยเปื่อย
    จนแม่เหนื่อยตามใจใช่ยากเข็ญ
    แม่จะกุ๊กลูกจะก๊าบทราบประเด็น
    ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ไม่กังวล
    ลูกเป็ดกับแม่ไก่ไปด้วยกัน
    ทุกคืนวันรักใคร่ใจสับสน
    แม่พร่ำสอนลูกเล่าเรียนเฝ้าเวียนวน
    จนผ่านพ้นฤดูกาลเนิ่นนานมา
    เมื่อถึงหน้าน้ำขังวังน้ำขวาง
    สัญชาติญาณที่วางเอาไว้ว่า
    เป็ดต้องลงแหวกว่ายในธารา
    ก็พลันผุดขึ้นมาในสำนึก
    อนิจจาลูกเป็ดกระโจนน้ำ
    เพื่อจะเล่นผุดดำตามความรู้สึก
    จะหาปูปลาเป็นเล่นน้ำลึก
    เพราะเพียงคึกคะนองน้ำตามเวไนย
    แม่ไก่กลับตกประหม่าผวาสับสน
    เกรงว่าลูกตนจะจมสายน้ำไหล
    ด้วยหวงห่วงลูกรักปักดวงใจ
    จึงกระโจนลงไปในลำน้ำ
    เพียงเพราะจะช่วยลูกของตน
    เพียงกมลแหลกสลายคลายกลืนกล้ำ
    เพียงแรงอันด้อยนักสำลักน้ำ
    เพียงมิทัน ขาดคำ เจ้าก็ ตาย.
  • ม้าก้านกล้วย

    26 ตุลาคม 2548 23:16 น. - comment id 12661

    ม้าหมุน ในสวนสนุกเก่า ตัวหนึ่ง
    นึกถึงโลกกว้างใหญ่ภายนอกรั้ว
    อยากปลดแอกออกไปให้ท่องทั่ว
    จะดีชั่วอย่างไรไม่เคยลอง
    เฝ้าแต่เวียนวนสร้างความสนุก
    โยกปลุกอารมณ์สุขปลุกรื่นร้อง
    เป็นขวัญใจเด็กน้อยคอยตามมอง
    เป็นพระเอกของกองคาราวาน
    อยู่ร่วมกันกับเพื่อน หลากหลายหน้า
    มีทั้ง ม้า เสือ แกะ และ หงส์ ห่าน
    บางตัวก็เก่ามาก ซากโบราณ
    เพราะทำงานอยู่กัน นับนานนัก
    วันนี้ เป็นตายร้ายดี จะหนีเที่ยว
    เสาที่เหนี่ยวร่างไว้ ตั้งใจหัก
    แม้เพื่อนฝูงทั้งผอง จะร้องทัก
    แต่ว่ารักจะผึ่งผาย ภัยผจญ
    เราคือพระเอกของเด็กเด็ก
    ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ได้เคยขน
    พาท่องอยู่บนลานที่หมุนวน
    ได้หลุดพ้น ตามใจพลาง อย่างคะนอง
    ด้วยความคิดว่าตัวอิสระ
    จึงจะกระโดดพลาง วางผยอง
    เต้นย้ายซ้ายขวา ท่าลำพอง
    แล้วล่องเข้าเมืองอย่างเขื่องคับ
    ชาวบ้านเห็นม้าปะหลาดก็หวาดหวั่น
    จึงพากันซ่อนลูกไว้ในห้องหับ
    ไม่มาร้องเกรียวกราวราวต้อนรับ
    หนำซ้ากลับขับออกไปให้พ้นเมือง
    
    โอหนอ ม้าหมุนวุ่นวายใจ
    แล้วทำไมยามอยู่กลับฟูเฟื่อง
    ไปขี่เล่นลูบหัวหู อยู่เนืองเนือง
    แล้วใยเรื่องกลายร้ายได้เพียงนี้
    วันนี้อุตส่าห์มาถึงบ้าน
    จะเรียกขานเหมือนวันวานพาลหลบหนี
    เด็กที่เคยเล่นกับเราเขาก็ลี้
    ช่างไม่มีใครบ้างอยู่ข้างกาย
    ไม่เอาแล้วโลกกว้างช่างกลั่นแกล้ง
    ดูช่างแล้งน้ำใจกันมันน่าหน่าย
    นึกว่าโลกภายนอกนั้นสบาย
    กลับไปเป็นม้าไม้ในถิ่นเดิม
    จึงตัดสินใจกลับไปหา
    หมู่มิตรม้า วนหมุน เหมือนรุ่นเริ่ม
    กลับไปเป็นพระเอกเฉกเช่นเดิม
    กลับไปเติมความหรรษาผู้มาเยือน
    ไม่เป็นไม้แปลกป่า ปลาแปลกน้ำ
    จะไม่ตามใจเบาเขลาเราไร้เพื่อน
    ไปอยู่ในที่ประจำทำเสมือน
    แล้วคอยเตือนใจจำไม่ทำแล้ว
    ตรงนั้นยังมีที่ว่างอยู่
    ประจำคู่ประจำทำประจำแถว
    ไม่มีม้าดื้อรั้นต่อไปแล้ว
    เดินตามแนวชีวิตลิขิตไว้
    ม้าหมุน ในสวนสนุก ตัวนั้น
    ทุกวันจะวิ่งวนปนโยกไหล่
    คึกคะนองตามครรลองที่ต้องไป
    กลางแสงไฟ กลางเสียงร้อง ของเด็กน้อย
  • ม้าก้านกล้วย

    26 ตุลาคม 2548 23:17 น. - comment id 12662

    นางมาเพื่อสัมพันธ์สองประเทศ
    ข้ามเขตอาณาจักรเพราะรักมั่น
    ยอมแรมรอนเภตรามานานวัน
    ยอมบากบั่นเพราะมั่นคงจำนงค์ใจ
    พระนางเจ้าหญิงสร้อยดอกหมาก
    ทรงตรากตรำข้ามทะเลใหญ่
    เป็นธิดาเจ้ากรุงจีน ณ ถิ่นไกล
    ยอมยาตรามาไทยใต้โองการ
    มาเป็นพระราชะมเหสี
    เพื่อสร้างมิตรไมตรีสองสถาน
    ยอมลาแผ่นดินแม่แม้ชั่วกาล
    ยอมมาสร้างตำนานอโยธยา
    จนนางมาถึงฝั่งป่าสัก
    เพราะตระหนักจึงรออยู่ดูทีท่า
    รอกองทูตกรุงศรีอยุธยา
    จะแต่งกองออกมารับพระนาง
    เพื่อจะเหยียบแผ่นดินอย่างสมเกียรติ
    มิให้ใครมาเหยียดมาหม่นหมาง
    มาถึงแล้วมิใช่ใครทิ้งขว้าง
    เพียงเพราะนางมาเพื่อสร้างสัมพันธ์
    แต่อาจเป็นกรรมบังตาราชาคณะ
    กลับปล่อยปละขบวนเรือเรื้ออย่างนั้น
    มิแจ้งความนัยไปไม่แจ้งจรรย์
    องค์ราชันย์กลับมิทราบกำหนดการ
    กลับตรัสว่าหากองค์มิลงมา
    ก็ให้รอเภตราอยู่ที่ย่าน
    จนเสร็จภาระลุล่วงการ
    จึงจะไปเตรียมงานการต้อนรับ
    
    นางเอย เจ้านางสร้างดอกหมาก
    เหมือนถูกกระชากดวงใจกลับ
    บากหน้ามาเยือนแต่เลือนลับ
    ครั้นจะกลับขบวนคืนก็ขืนใจ
    จึงกำหนดจิตหยุดคิดครวญ
    แม้นเหล่าล้วนที่มามิทรงใฝ่
    มิเพียงพอพระราชหฤทัย
    จะขอกลั้นใจตายในลำน้ำ
    ว่าพลางนางยอมพระทัยขาด
    โอ้อนาถชาตามาตรมต่ำ
    พระนางสิ้นไปไม่ขาดคำ
    เกิดมืดดำอาถรรพ์ทาบทราบถึงวัง
    บัดเมื่อภูวดลได้สดับ
    เรื่องกลับกลายจนสายพระเนตรหลั่ง
    รุดเสด็จออกมาจากหน้าวัง
    ก็เกินรั้งการณ์ใหญ่ได้เสียแล้ว
    จึงทรงโทมนัสทเวศร์สลด
    ทรงประณตเพียงร่างพระนางแก้ว
    พระพี่ยาวางใจเกินไปแล้ว
    จึงเสียแก้วตาพี่ไปไกลเกินครอง
    จึงสั่งการให้ไททั้งหล้า
    จึงสักการะกิตติยากึกก้อง
    จึงสร้างวัดจัดอาลัยในข้างคลอง
    จึงเรียกตามพระนางน้องพระนางเชิง

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน