ล้านน้ำใจ สิบล้านหยดน้ำตา..หน้าบช.น. (showshow)

ลักษมณ์

ล้านน้ำใจ สิบล้านหยดน้ำตา..หน้าบช.น.ก่อนออกจากบ้านในเช้าวันนี้  หนังสือพิมพ์ที่ผมรับประจำทุกเช้าพาดหัวข่าวบอกว่า  สนธิ ตายน้ำตื้น ผมชำเหลืองดูแล้วส่ายหัว  ไม่ใช่ไม่เคารพต่อสื่อเพื่อนร่วมอาชีพ  แต่ผมคิดว่า เขาใช้ความรู้สึกตัดสินอะไรง่ายไปหน่อย  ถ้าใช้ความรู้สึกวัดเหมือนกัน  ผมกลับมั่นใจในทางตรงข้ามว่า คนทำดี พระคุ้มครอง
               
               
 
               ท้ ากกกกกก.....สิน  ....ติดคุกกกกกก   ท้ากกกกก...สิน....ติดคุกกกกก
 
               หญิงวัยกลางคนรูปร่างสันทัดในชุดซาฟารีสีเขียวแก่ตัดกับผิวขาวแบบคนไทยเชื้อสายจีนทั่วไปยืนตะโกนเป็นต้นเสียง ขณะที่หลายคนที่บ้างนนั่งบ้างยืนอยู่บนถนนศรีอยุธยา ใกล้ๆหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)ตะโกนรับว่า ติดคุก ตามด้วยสะบัดข้อมือที่ถือ มือพลาสติก อุปกรณ์เชียร์ของม็อบยุคปี2551 ทำให้เกิดเสียงกระทบกันดังเกรียวกราวราวเสียงเม็ดฝนหล่นกระทบหลังคา
 
              บรรยากาศที่เกิดขึ้นตรงหน้าของผม กระตุกแก้มให้ผมและน้องรักที่ชักชวนกันนั่งมอเตอร์ไซต์จากออฟฟิศมาสมทบกับบรรดามวลชนที่มุ่งมาให้กำลังใจคุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯซึ่งมีกำหนดเข้ามอบตัวกับตำรวจต่อสู้กับข้อกล่าวหาหมิ่นเบื้องสูงยิ้มออกมาเกือบจะพร้อมๆกัน
 
              สายพอสมควรราว 9 โมงเศษๆ อากาศไม่ได้ร้อนนัก เพราะ พระอาทิตย์ถูกเมฆบดบังจนมองไม่เห็นดวง มองย้อนไปทางลานพระบรมรูปฯ ขบวนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทัพใหญ่กำลังเคลื่อนทะลักมาด้านที่ผมและน้องยืนกันอยู่
 
             ผมคาดคะเนเอาเองว่า ตั้งแต่เช้าตรู่มาแล้วหรือบางทีอาจจะต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อคืน มวลชนนับหมื่นๆคงปักหลักกันที่บริเวณเวทีที่ตั้งของพันธมิตรฯที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ พอสายคนที่เพิ่งเดินทางออกจากบ้านและต่างจังหวัดก็เดินทางมาสมทบแล้วค่อยๆเคลื่อนตัวมาที่ถนนศรีอยุธยา
 
              จากนั้นจนถึงเวลาที่ผมมาที่นี้  นับจากแยกหน้าลานพระบรมรูปทรงม้ามาจรดสี่แยกหน้ากองทัพภาคที่1 พื้นที่ทุกตารางนิ้วถูกจับจองในเวลาที่รวดเร็ว
 
             วันนี้  วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฏาคม 2551 จะเป็นอีกวันที่ต้องจดจำเอาไว้!
 
             ในเส้นทางกว่า 60 วันของการชุมนุมต่อสู้ของพันธมิตรฯ  กลุ่มผู้ชุมนุม และ คนที่ติดตามได้ผ่านอะไรต่อมิอะไรมา  ผ่านฝน ผ่านร้อน  อาจมีวันที่หวั่นไหวใจ  วันที่ซึ้งใจ  แต่ผมคิดว่าคงไม่เท่ากับเมื่อวาน และ วันนี้
 
              เมื่อวานคุณสนธิ ถูกออกหมายจับด้วยข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ตำรวจเลือกปฎิบัติ  ตำรวจกลั่นแกล้ง วิชารมารของตำรวจ   นั่นเป็นความรู้สึกแย่ที่สุดวันหนึ่งในรอบหลายปีของผมที่พอบอกเล่าให้คนใกล้ชิดฟังได้
 
             แล้วจะยังไงต่อ คุณสนธิจะได้ประกันตัวหรือไม่ อย่างไร   ผมบอกว่าไม่อาจคาดเดาได้  ไม่รู้ใจว่าตำรวจคิดอะไรผมก็คงรู้สึกเหมือนๆกับหลายๆคนที่คิดว่า  คนที่เทิดทูน ทำทุกอย่างเพื่อแสดงออกและปกป้องสถาบัน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์  ไม่ควรถูกรังแกเช่นนี้
 
             ก่อนออกจากบ้านในเช้าวันนี้  หนังสือพิมพ์ที่ผมรับประจำทุกเช้าพาดหัวข่าวบอกว่า  สนธิ ตายน้ำตื้น ผมชำเหลืองดูแล้วส่ายหัว  ไม่ใช่ไม่เคารพต่อสื่อเพื่อนร่วมอาชีพ  แต่ผมคิดว่า เขาใช้ความรู้สึกตัดสินอะไรง่ายไปหน่อย  ถ้าใช้ความรู้สึกวัดเหมือนกัน  ผมกลับมั่นใจในทางตรงข้ามว่า คนทำดี พระคุ้มครอง
 
             มันเป็นเช่นนี้เสมอมาไม่ใช่หรือ?
 
             อีกอย่าง  ทุกครั้งที่หวั่นไหวใจกับเรื่องบางเรื่อง ผมจะจำคำพูดของ ครู ของผมที่ว่า ทำอย่างที่เราเชื่อ เชื่อว่าทำดีแล้วทำตามที่เชื่อ ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
 
             วันนี้ ได้เห็นทัพของมวลชนในจำนวนมากอีกครั้ง ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของผม   ขณะเดียวกันขณะที่เดินเบียดเสียดเพื่อสำรวจฝูงชนไปเลาะรั้วฝั่งสวนอัมพร  ผมก็ติดไปพลางว่า  ต่างๆเหล่านี้น่าจะมาจากการเปลี่ยนความคับแค้นข้องใจให้เป็นพลัง  พลังที่เกิดจากการถูกอำนาจเถื่อนๆ หรือ ตำรวจกดดัน
 
             ราว 11 โมง 2 ชั่วโมงหลังจากคุณสนธิอยู่ด้านในกองบัญชาการนครบาล ผมโทรศัพท์สอบถามน้องที่เข้าไปกับขบวนคุณสนธิตั้งแต่เช้าเล่าให้ฟังว่า น่าจะมีสัญญานที่ดีพี่ นั่นหมายความว่า ตำรวจน่าจะให้ประกันตัว  ไม่เหมือนที่ให้ข่าวเมื่อวานนี้
 
             ผมและน้องรักแหวกฝูงชนมาถึงลานพระบรมรูปฯ   การพูดบนเวทีเคลื่อนที่ยังดำเนินต่อไป สัญญานในทางที่ดีออกมาเรื่อยๆ   เราเชื่อว่าอีกไม่นาน ทุกอย่างก็คงจะจบไปด้วยที่เราคาดหวังและรอคอย   เราชวนกันเดินใช้ถนนราชดำเนินมาที่สะพานมัฆวานฯ ผ่านเวทีที่ร้าง เพราะ มวลชนไปอยู่ที่หน้าบช.น.ทั้งหมด
 
             นี่ไปม็อบมาเหรอ ใครคนหนึ่งถามเมื่อเจอหน้าผมโผล่มาออฟฟิศ ผิดปกติวิสัย
 
             ปล๊าว..ไปถ่ายรูปรับปริญญากับน้องๆสาวๆที่สวนอัมพรมาอ่ะ 55555 ผมจงใจแหย่เธอ ความจริงอยากสื่อให้พรรคพวกที่รออยู่ออฟฟิศเข้าใจเองว่า บรรยากาศผ่อนคลายลงไปแล้ว
 
              เกือบเที่ยงที่โต๊ะทำงาน...
 
              เสียงของพิธีกร ASTV รายงานบรรยากาศที่บช.น.ล่าสุดว่า  คุณสนธิ  กำลังเดินออกจากมาจาบช.น.และกำลังก้าวออกจากประตูหน้าทางเข้า บช.น. เพื่อขึ้นรถเวทีเคลื่อนที่
 
             คำแรกที่คุณสนธิพูดกับมวลชนจำนวนมากที่เฝ้ารออย่างจดจ่อว่า ล้านน้ำใจ สิบล้านหยดน้ำตา มอบแด่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย...
 
             ผมยกนาฬิกาข้อมือมาดูคำนวณหยาบๆ นับแต่คุณสนธิเข้ามอบตัว ให้ปากคำและได้รับการประกันตัว 9โมงถึงเกือบเที่ยงก็ราว 3 ชั่วโมง
 
            กล้ามเนื้อแก้มสองข้างผมกระตุกยกขึ้นอีกครั้ง ...
Tag: เขียนโดย showshow ที่ 2008-07-24 13:10:41 น. 9 ความคิดเห็น				
comments powered by Disqus
  • ลักษมณ์

    24 กรกฎาคม 2551 15:19 น. - comment id 21234

    http://mblog.manager.co.th/showshow/th-22367/
  • พิมญดา

    24 กรกฎาคม 2551 16:06 น. - comment id 21235

    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif
    
    คิดว่าไม่นานคงดีขึ้น
    
    คนทำดีย่อมได้ดีคะคุณลักษณ์41.gif
  • L

    25 กรกฎาคม 2551 01:27 น. - comment id 21238

    http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=25/Jul/2551&news_id=161539&cat_id=501
    
    ThaiPost.net : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด
  • kiko

    25 กรกฎาคม 2551 16:59 น. - comment id 21241

    บริการรับทำเว็บไซต์
    เว็บไซต์ส่วนตัว เว็บบริษัท เว็บร้านค้า เว็บขายสินค้า
    โปรโมชั่นพิเศษเพียงแค่ 3,600 บาท
    ฟรีโดเมนเนม ฟรีเว็บโฮสติ้งตลอดอายุการใช้งาน
    ติดต่อที่ 108studio.com
    หรือที่เบอร์ 02-934-9081
  • L

    26 กรกฎาคม 2551 01:24 น. - comment id 21242

    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000087426
    
    คือคดีอาชญากรรมซึ่งหน้า ที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองอาจยังกำลังนั่งรอการมาแจ้งความของผู้เสียหายตามกฎหมาย และตามกฎหมายที่เจ้าหน้าบ้านเมืองที่สามารถจับผู้ทำผิดซึ่งหน้าได้ตามกฎหมาย นอกจากการยืนดูการทำผิดซึ่งหน้า
  • L

    26 กรกฎาคม 2551 01:34 น. - comment id 21244

    พันธมิตรฯ เคลื่อนพลเยือน ปตท.ทวงคืนสมบัติชาติ หยุด! ระบอบ ปตท.ขูดเลือด ปชช.
     
    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 กรกฎาคม 2551 12:48 น. 
    
    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000087525
    
    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000087700
    
    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000087717
    
    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000087737
    
    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000087752
  • L

    26 กรกฎาคม 2551 01:46 น. - comment id 21246

    ขอให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองผู้ที่ยังมีหัวใจเป็นธรรม
  • L

    26 กรกฎาคม 2551 02:29 น. - comment id 21248

    ขอให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองผู้ที่ยังมีหัวใจเป็นธรรม 
    
    ชมคลิปลิ่วล้อ สัตว์นรก สุดเถื่อน ไล่ขย้ำทำร้ายพันธมิตรอุดรฯ (มีใหม่อีก 3 ชุด)
    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 กรกฎาคม 2551 01:59 น.
    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000087426
    
    28 ก.ค. 2551
    14.00 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องคดีหวยบนดินหรือไม่ อ่านต่อ
    http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000078347
    
    30 ก.ค. 2551
    10.00 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องคดีรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สั่งให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้ให้พม่าหรือไม่ อ่านต่อ
    http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000078347
    
    31 ก.ค. 2551
    9.00 ศาลอาญานัดนัดอ่านคำพิพากษาคดีคุณหญิงพจมาน ชินวัตรและพวกเลี่ยงภาษีหุ้น บ.ชินวัตร คอมพิวเตอร์ อ่านต่อ
    http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000078629
    
    มหาวิทยาลัยราชดำเนิน
    http://manager.co.th
  • LOVE

    31 กรกฎาคม 2551 10:56 น. - comment id 21263

    สนธิ ลิ้มทองกุล...หมิ่นพระบรมเดชานุภาพจริงหรือ? 
     
    โดย ปฏิวัติ ธนากรรัฐ 30 กรกฎาคม 2551 17:49 น. 
     
     สนธิ ลิ้มทองกุล...หมิ่นพระบรมเดชานุภาพจริงหรือ? 
     
    โดย ปฏิวัติ ธนากรรัฐ 30 กรกฎาคม 2551 17:49 น. 
     
    สังคมไทยในทุกวันนี้ได้แตกแยกกันทางความคิดเป็นสองฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด
            
           ผู้เขียนซึ่งเป็นทนายแผ่นดินคนหนึ่งของประเทศนี้ ขอยอมรับต่อสาธารณชนอย่างไม่เกรงกลัวใครว่าเป็นผู้ที่มีใจอยู่เคียงข้างฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม
           
           เหตุผลก็เพราะผู้เขียนมีดวงตาที่มองเห็นธรรมว่า.....พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นฝ่ายธรรมะ เป็นฝ่ายที่ยืนอยู่ข้างความดี ความมีคุณธรรม และมีจุดยืนเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์อย่างแท้จริง
           
            ยิ่งได้เห็นพฤติกรรมถ่อยต่างๆ นานาของพวกสัตว์นรกสมุนรับใช้ในระบอบทักษิณแล้ว ก็ยิ่งเกิดความภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมากที่เลือกข้างได้ถูกต้องแล้ว
           
            ในทุกวันเวลาราชการในยามที่ไม่ต้องไปว่าความที่ศาล ผู้เขียนก็ปฏิบัติงานและสั่งสำนวนคดีไปด้วย รับฟังและรับชมเอเอสทีวีถ่ายทอดสดการปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชา ธิปไตยที่สะพานมัฆวานผ่านทางเคเบิลทีวีไปด้วย
           
            ในทุกค่ำคืน ผู้เขียนก็นั่งทำงานสั่งสำนวนคดีไปด้วย รับฟังและรับชมเอเอสทีวีถ่ายทอดการชุมนุมและการปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยผ่านทางอินเทอร์เน็ตไปด้วย
           
            จนกลายเป็นภารกิจประจำทุกวันและทุกค่ำคืนของผู้เขียนไปเสียแล้ว จนหัวสมองของผู้เขียนอัดแน่นไปด้วยข้อมูลและความรอบรู้ทั้งหลาย โดยเฉพาะในเรื่องที่เราไม่เคยได้รับรู้มาก่อน
           
            เมื่อค่ำคืนวันที่ 20 กรกฎาคม 2551 ก็เช่นกัน ผู้เขียนได้ฟังการปราศรัยของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล บนเวทีพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานฯ อย่างตั้งอกตั้งใจฟัง โดยนายสนธิได้นำแผ่นวีซีดีบันทึกภาพและเสียงการปราศรัยของ นางสาวดารณี ชาญเชิงศิลปกุล (หรือในสมญานาม ดาตอร์ ปิโด) มาถือไว้ในมือ และฟ้องต่อประชาชนที่รับฟังการปราศรัยว่าแผ่นวีซีดีดังกล่าวได้บันทึกภาพและเสียงของนางสาวดารณี ที่ได้ปราศรัยเมื่อคืนวันที่ 18 กรกฎาคม 2551 บนเวทีนรกป่วนกรุง (นปก.) ที่ท้องสนามหลวง อันมีเนื้อหาจาบจ้วงล่วงเกินสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรง พร้อมกับสรรสรรเสริญเยินยอระบอบทักษิณเสียเลอเลิศ ซึ่งเป็นการปราศรัยสดๆ ต่อหน้าเจ้าพนัก งานตำรวจหลายสิบนายที่ไปคอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณสถานที่ดังกล่าว อันเป็นการกระทำความผิดอาญาแผ่นดินซึ่งหน้าเจ้าพนักงาน แต่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานตำรวจเหล่านั้นไม่ทำอะไรเลย โดยนายสนธิได้กล่าวว่าไม่สามารถเปิดวีซีดีนั้นให้ประชาชนรับฟังและรับชมได้ เพราะมีเนื้อหาสาระที่เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างชัดเจน
           
           แต่นายสนธิได้กล่าวสรุปเนื้อหาสาระที่นางสาวดารณีกล่าวจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงให้ประชาชนฟัง และนายสนธิได้กล่าวว่าในวันสองวันนี้จะนำแผ่นวีซีดีดังกล่าวไปมอบให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจ และแจ้งความดำเนินคดีกับนางสาวดารณีต่อไป แล้วนายสนธิจะรอดูว่าตำรวจจะดำเนินคดีและขอให้ศาลออกหมายจับนางสาวดารณีเหมือนกับที่ดำเนินคดีกับอาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หรือไม่
           
           เมื่อฟังการปราศรัยของนายสนธิจบลง ในฐานะที่เป็นข้าของแผ่นดินที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้เขียนรู้สึกดีใจที่ได้เห็นนายสนธิทำหน้าที่ปกป้องสถาบันเบื้องสูงอย่างเต็มที่ แต่อีกความรู้สึกหนึ่งในฐานะที่ผู้เขียนเป็นนักกฎหมายคนหนึ่งก็เกิดความรู้สึกวิตกกังวลแทน นายสนธิขึ้นมาในทันที เพราะการที่นายสนธินำถ้อยคำที่นางสาวดารณีปราศรัยจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงมากล่าวสรุปเผยแพร่ต่อหน้าประชาชนหลายหมื่นคนที่สะพานมัฆวานฯ รวมทั้งประชาชนจำนวนหลายสิบล้านคนที่รับฟังการถ่ายทอดสดทางเอเอสทีวีที่เผยแพร่ไปทั่วประเทศไทยและทั่วโลกนั้น มันเป็นการสุ่มเสี่ยงที่ฝ่ายตรงกันข้ามที่คอยจ้องเล่นงานอยู่แล้วจะนำเรื่องดังกล่าวมาเป็นเหตุในการดำเนินคดีอาญาต่อนายสนธิได้
           
           และแล้วความวิตกของผู้เขียนก็เป็นจริงขึ้นมา เมื่อภายหลังจากนั้นมีทนายความซึ่งอยู่ในกระบวนการของระบอบทักษิณได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับนายสนธิในเรื่องดังกล่าว และฝ่ายตำรวจทั้งระดับเล็กจนถึงใหญ่ก็รับลูกโดยพลันรีบเร่งกันทำสำนวนคดีแล้วไปยื่นคำร้องขอต่อศาลอาญาให้ออกหมายจับนายสนธิในข้อหา หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราช การแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และเนื่องจากเป็นการไต่สวนฝ่ายเดียวของตำรวจ ศาลอาญาจึงได้ออกหมายจับให้ตามคำร้องขอของตำรวจ นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2551
           
            ซึ่งตามแผนการของรัฐบาลและตำรวจก็คงคิดกันที่จะจับตัวนายสนธิตามหมายจับของศาลอาญาแล้วรีบนำตัวนายสนธิไปฝากขังต่อศาลอาญาและคัดค้านการขอประกันตัว โดยอาศัยแบบอย่างที่ได้กระทำต่อนางสาวดารณีมาเป็นบรรทัดฐานเดียวกันที่จะจัดการกับนายสนธิ โดยหวังที่จะใช้ศาลยุติธรรมเป็นเครื่องมือในการคุมขังนายสนธิไว้ในระหว่างสอบสวน
           
            แต่เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2551 นายสนธิได้ไปมอบตัวต่อนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ปรากฏว่ามีมวลชนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเดินเท้ากันไปให้กำลังใจแก่นายสนธิเป็นจำนวนมาก และด้วยพลังมหาชนที่มาด้วยใจรักและศรัทธาในตัวนายสนธิ ทำให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ไม่กล้าหาญพอที่จะกระทำตามแผนการของฝ่ายตนได้ และต้องจำยอมให้นายสนธิประกันตัวไปในชั้นสอบสวน โดยไม่ต้องไปขออำนาจศาลฝากขัง
           
            จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดคำถามขึ้นในหมู่ของประชาชนว่า การที่นายสนธิกล่าวสรุปเนื้อหาสาระที่นางสาวดารณีได้ปราศรัยจาบจ้วงเบื้องสูงตามที่ปรากฏในแผ่นวีซีดีนั้น เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือไม่
           
            หากถามประชาชนที่มีสติและปัญญาซึ่งเป็นคนละพวกกับเหล่าคนโง่เขลาเบาปัญญา แม้เขาเหล่านั้นจะไม่ใช่นักกฎหมาย ก็จะได้คำตอบตามสามัญสำนึกว่านายสนธิเป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ได้ปกป้อง และต่อสู้เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด แล้วนายสนธิจะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้อย่างไร
           
            หากย้อนกลับไปถามตำรวจ เมื่อดูตามบรรทัดฐานของตำรวจแล้ว พนักงานสอบสวนก็คงมีความเห็นว่าการกระทำของนายสนธิเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแล้ว และพนักงานสอบ สวนก็คงมีความเห็นควรสั่งฟ้องนายสนธิในความผิดฐาน หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อย่างแน่นอน
           
            แต่ตำรวจเป็นเพียงต้นธารของกระบวนการยุติธรรม ที่ไม่ได้มีหน้าที่ที่จะพิพากษาว่าใครถูกใครผิด แต่ตำรวจมีหน้าที่เพียงทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แล้วเสนอสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 140, 141 และ 142 เท่านั้น
           
            ดังนั้น เมื่อปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย คำถามเช่นนี้จึงต้องไปถามนักกฎหมายที่เป็นนักกฎหมายจริงๆ ไม่ใช่นักกฎหมายจำพวกที่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการเล่นงานฝ่ายตรงกันข้าม หรือนักกฎหมายที่ใช้กฎหมายตามใบสั่งของนักการเมืองที่มีอำนาจรัฐ
           
            การที่จะวินิจฉัยคดีนี้ จะพิจารณาเฉพาะคำพูดของนายสนธิที่กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ เมื่อค่ำคืนของวันที่ 20 กรกฎาคม 2551 แต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องพิจารณาไปถึงพฤติกรรม
           ของนายสนธิตลอดเวลาของการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาประกอบด้วย
           
            นายสนธิ ลิ้มทองกุลเป็นหนึ่งในห้าของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ มีการชุมนุมเคลื่อนไหวต่อต้านระบอบทักษิณมาตั้งแต่ พ.ศ. 2548 ซึ่งในขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ภารกิจการต่อสู้ของพันธมิตรฯ อาจสรุปได้เป็นสองประการ คือ หนึ่ง การต่อต้านและทำลายล้างระบอบทักษิณ สอง การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้อยู่รอดปลอดภัยจากระบอบทักษิณที่มีพฤติกรรมบังอาจจาบจ้วงเบื้องสูงหลายครั้งหลายคราว
           
            พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้มีการชุมนุมเคลื่อนไหวด้วยภารกิจสองประการดังกล่าวต่อเนื่องติดต่อกันมาจนมีการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 พันธมิตรฯ จึงได้หยุดการชุมนุมเคลื่อนไหว
           
            แต่มาใน พ.ศ.นี้ พรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทยเป็นแกนนำรัฐบาลบริหารประเทศ มีนายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งประกาศตัวชัดเจนว่าเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่ามีเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราที่ทำให้มองเห็นว่าระบอบทักษิณกำลังฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้ว และกำลังจะรุกคืบเพื่อกลืนกินประเทศไทยให้หมดสิ้น
           
            ฟางเส้นสุดท้ายมาขาดผึง...เมื่อปรากฏว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคพลังประชาชน และสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนซึ่งเป็นเครือข่ายของระบอบทักษิณได้เข้าชื่อกันขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 โดยวางแผนกันที่จะให้ผ่านสภาสามวาระรวดเลย เป้าหมายใหญ่ก็เพียงเพื่อให้อดีตผู้นำและกลุ่มคนในระบอบทักษิณหลุดพ้นความผิดทางอาญาที่ได้กระทำไว้ในยุคที่เคยครองอำนาจ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยซึ่งคอยจับจ้องพฤติกรรมของรัฐบาล และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคร่วมรัฐบาลมาโดยตลอด จึงถือโอกาสนี้ออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงต่อต้าน เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2551 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันโดยมี นายสนธิ ลิ้มทองกุล พลตรีจำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายสมศักดิ์ โกศัยสุขเป็นแกนนำการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
           
            ภารกิจหลักของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปมีสองประการ คือ การต่อต้านระบอบทักษิณ และการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้อยู่คู่กับสังคม ไทยตลอดไป ซึ่งผู้คนที่ไปร่วมชุมนุมกันที่ราชดำเนินตลอดจนผู้คนที่รับฟังรับชมการถ่ายทอดสดผ่านทางเอเอสทีวี สามารถเป็นประจักษ์พยานยืนยันได้ดีถึงภารกิจดังกล่าวของแกนนำพันธมิตรฯ
           
            จนมาถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนของวันที่ 20 กรกฎาคม 2551 ที่นายสนธิขึ้นไปปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ โดยการบอกกล่าวแก่ประชาชนว่าได้รับแผ่นวีซีดีจากพลเมืองดีคนหนึ่ง ซึ่งเป็นแผ่นวีซีดีบันทึกภาพและเสียงการปราศรัยของนางสาวดารณีบนเวทีที่ท้องสนามหลวง เมื่อคืนวันที่ 18 กรกฎาคม 2551 ซึ่งมีเนื้อหาสาระเป็นการจาบจ้วงล่วงละเมิดในหลวง และราชินีอย่างชัดเจนต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจหลายสิบนายที่ไปรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่ในบริเวณนั้นด้วย โดยนายสนธิยังบอกแก่ประชาชนว่าไม่กล้าเปิดวีซีดีดังกล่าวให้รับฟังและรับชมกันได้ เพียงแต่นายสนธิได้กล่าวสรุปถ้อยคำของนางสาวดารณีที่กล่าวถ้อยคำจาบจ้วงล่วงละเมิดในหลวง และพระราชินีให้ประชาชนฟัง แล้วนายสนธิยังกล่าวทิ้งท้ายว่าตนเองจะนำแผ่นวีซีดีดังกล่าวไปมอบให้ แก่ตำรวจและแจ้งความดำเนินคดีกับนางสาวดารณี เพื่อดูว่าตำรวจจะดำเนินคดีกับนางสาวดารณีเหมือนกับที่ดำเนินคดีกับอาจารย์สมเกียรติหรือไม่
           
            ดังนั้น.......จากคำถามที่ว่าการปราศรัยดังกล่าวของนายสนธิ เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือไม่นั้น ไม่ต้องให้ปรมาจารย์ทางกฎหมายมาเป็นผู้ให้คำตอบนี้หรอก เพียงแค่นักศึกษากฎหมายในระดับปริญญาตรีก็สามารถให้คำตอบได้ว่า การกระทำของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่เป็นความผิดตามที่ถูกพนักงานสอบสวนตั้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
           
            เพราะแม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ว่าในเนื้อหาสาระที่ปรากฏอยู่ในแผ่นวีซีดีที่บันทึกภาพ และเสียงการปราศรัยของ นางสาวดารณี ชาญเชิงศิลปกุล จะมีการจาบจ้วงล่วงสถาบันเบื้องสูง อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ก็ตาม
           
            และบุคคลใดก็ตามที่นำถ้อยคำของนางสาวดารณีมากล่าวเผยแพร่ต่อบุคคลอื่นต่อไปอีกการกระทำของบุคคลนั้นก็อาจจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วยเช่นกันก็ตาม
           
            แต่หลักสำคัญตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา ซึ่งเป็นการกระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
           
            นั่นหมายความว่า...ตามวันเวลาเกิดเหตุ หากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่านายสนธิ ได้กล่าวเผย แพร่ถ้อยคำของนางสาวดารณีที่เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยนายสนธิมีเจตนาที่จะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเหมือนกับนางสาวดารณีแล้ว นายสนธิก็จะมีความผิดตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 112 เฉกเช่นเดียวกับนางดารณี
           
            แต่ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่านายสนธิได้ปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ ในลักษณะฟ้องต่อประชาชนว่านางสาวดารณีซึ่งเป็นสมุนบริวารในระบอบทักษิณที่มีเป้าหมาย ในการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้บังอาจปราศรัยบนเวที นปก. ที่ท้องสนามหลวง มีเนื้อหาสาระที่เป็นการจาบจ้วงล่วงละเมิดในหลวงและพระราชินี โดยนายสนธิไม่กล้าเปิดวีซีดีบันทึกคำปราศรัยของนางสาวดารณีให้ประชาชนฟัง เพียงแต่นายสนธิได้กล่าวสรุปข้อความที่นางสาวดารณีปราศรัยอันเป็นการจาบจ้วงเบื้องสูงให้ประชาชนฟังเท่านั้น และยังบอกว่าจะนำแผ่นวีซีดีไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีอาญากับนางสาวดารณีต่อไป
           
            เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้เช่นนี้แล้ว เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่านายสนธิไม่มีเจตนาที่จะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแต่อย่างใด อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมทั้งหลายของนายสนธิตั้งแต่ วันเวลาก่อนเกิดเหตุจนถึงวันเกิดเหตุที่มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อเนื่องกันมาโดยตลอดแล้ว เห็นได้อย่างชัดเจนว่านายสนธิมีพฤติกรรมที่มีการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด ดังนั้น... การกระทำของนายสนธิ ลิ้มทองกุล จึงไม่เป็นความผิดฐาน หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ตามที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา
           
            เพราะฉะนั้น....หากผู้เขียนเป็นพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนคดีนี้ ผู้เขียนจะมีคำสั่งไม่ฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ตามเหตุผลดังที่กล่าวมาข้างต้น
           
            คดีในลักษณะอย่างนี้ พนักงานอัยการมีอำนาจที่จะอำนวยความยุติธรรมให้กับผู้ต้องหาได้อย่างเต็มที่ โดยที่อัยการไม่จำต้องเสียเวลานำคดีขึ้นสู่ศาลยุติธรรมแต่อย่างใดเลย
           
            แม้ในความเป็นจริง ผู้เขียนไม่สามารถเป็นพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนคดีดังกล่าวได้ เพราะเป็นเพียงอัยการภูธรเท่านั้น แต่ผู้เขียนเชื่อว่าพนักงานอัยการท่านอื่นที่มีจิตวิญญาณของการ
           เป็นทนายแผ่นดินอย่างแท้จริง ก็คงมีแนวความคิดไม่แตกต่างไปจากผู้เขียน
           
            อีกประการหนึ่ง...เมื่อปีที่แล้ว พนักงานอัยการชั้นผู้ใหญ่ระดับอธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญาเคยสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ด้วยการสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาแล้วถึงสามคดี โดยเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2550 อัยการชั้นผู้ใหญ่ท่านนั้นได้เปิดแถลงข่าวถึงเหตุผลที่สั่งไม่ฟ้องอดีตนายกรัฐมนตรีว่า การสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น อัยการมีความเห็นว่าถ้อยคำที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวปราศรัยในงานนายกฯ พบแท็กซี่ และข้อความที่กล่าวในรายการนายกฯ ทักษิณพบประชาชนนั้น เป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพ ไม่สมควร ไม่เหมาะสม อาจหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก่อให้เกิดความแตกแยกและขัดแย้งขึ้นได้ ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงมิบังควรใช้ถ้อยคำดังกล่าวปราศรัย 
           
            สาธารณชนที่ไม่โง่เขลาเบาปัญญาจงช่วยกันพิจารณาดูเอาเองก็แล้วกันว่า ขนาด พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ได้พูดจาปราศรัยต่อหน้าสาธารณชนด้วยถ้อยคำที่อาจหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งเป็นการกระทำโดยเจตนา...แต่อัยการก็เคยมีคำสั่งไม่ฟ้องอดีตผู้นำจนกลายเป็นบรรทัดฐานมาแล้ว
           
            นับประสาอะไรกับการพูดจาปราศรัยของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นเพียงแกนนำพันธ มิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ไม่ได้มีอำนาจรัฐใดๆ ต่อหน้าสาธารณชนด้วยถ้อยคำที่อาจหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่เป็นการกล่าวถ้อยคำที่เป็นการปกป้องสถาบันพระมหา กษัตริย์ และไม่มีพฤติการณ์ใดๆ เลยที่แสดงให้เห็นว่านายสนธิมีเจตนาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
           
            กรณีจึงไม่มีเหตุผลอันใดเลยที่พนักงานอัยการจะมีคำสั่งไม่ฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ใน ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่ได้
           
            ขอเพียงแต่รัฐบาลหุ่นเชิดนี้อย่าได้สอดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการสั่งคดีของพนักงานอัยการเป็นอันขาด เพราะตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 255 บัญญัติไว้โดยชัดเจนว่า พนักงานอัยการมีอิสระในการพิจารณาสั่งคดีและการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปโดยเที่ยงธรรม 
     
    http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000089697Opinio
  • ลักษมณ์

    31 กรกฎาคม 2551 10:59 น. - comment id 21278

    เอาธรรมนำหน้า
    ที่ใดมีธรรมที่นั่นมีชัย
    เอาประเทศไทยของเราคืนมา
    เปลี่ยนประเทศไทยให้ดีขึ้น
    ประชาชนอย่าทิ้งประเทศชาติ
    มหาวิทยาลัยราชดำเนิน
    http://manager.co.th
ชื่อเรื่องสั้น-นิยาย

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน