28 กันยายน 2552 01:34 น.

การเดินทางของสายฝน

ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ

การเดินทางของสายฝน

การเดินทาง...ของสายฝน
เริ่มต้น มาจากฟ้า มาจากไหน
ถึงได้รินแสนชื่นรื่นหัวใจ
ถึงได้หวานจนสุดท้ายของหยดงาม

หอมแสนหอมแดนดินถิ่นเปียกฝน
เพราะแสนเพราะเสียงมนต์จนเพ้อถาม
เรียบร้อยเรียงเคียงเม็ดดังเพชรงาม
ขณะข้ามแผ่นฟ้ามาหลั่งริน

โอ้สายเอยสายรักจากสายใย
รับนิ่ง-ไหวสุขอยู่ไม่รู้สิ้น
ปลุกผืนป่านาข้าวชาวแผ่นดิน
ฟื้นชีวินรับรักจากฝนพรำ

กบเขียดปลานาน้ำยามฝนมา
ได้ลืมตาอ้าปากด้วยรักร่ำ
เสียงสายฟ้าเกรียวกราวมากราดกรำ
ทุกเคียงคำไล่ประนามความโสมม

แว่วเสียงลมครวญครางดังอู้อื้อ
นั่นแหละคือเสี่ยวนาว่าเหมาะสม
เคยผูกฟางแทนผูกฝ้ายให้สายลม
เป็นเพื่อนชมและปลอมขวัญให้งานนา

สงสารนกหนักหนาเวลาเช้า
กกลูกร้าวในรวงรังยังใบกล้า
เพียงแต่ส่งกำลังใจไปทั่วนา
รอฝนซาคงอิ่มท้องโห่ร้องกัน

เช้าฝนซานาน้ำชุ่มฉ่ำแสง
ดอกจานแดงอุ้มน้ำค้างสะท้านสั่น
ริ้วสายรุ่งสายแสดงแห่งตะวัน
เป็นภาพอันงามแล้วแก้วแผ่นดิน

รอข้าวเหลืองวันวสันต์ผ่านฤดู
รอรับรู้ธรรมชาติวาดศาสตร์ศิลป์
เพียรเสาะหาค่าฤดูอยู่อาจิณ
อนุทินดินและฟ้าจะมารอ

การเดินทาง...ของสายฝน
จากตำบลสู่ตำบลไร้คนขอ
ด้วยรวงแรงแห่งรักที่ถักทอ
ให้เกิดก่อสร้างเม็ดเป็นเพชรงาม

แม้เหมันต์จะมั่นหมายมาไล่ที่
ฟังดูสิ!เหตุผลที่ฝนถาม
ทุกความเพียรวิริยะพยายาม
จนเกิดความรื่นอุดมสมฤดู

การเดินทาง...ของสายฝน
แม้จำนนแต่จำนงยังคงอยู่
เพียรเวียนว่ายแปรเปลี่ยนเวียนฤดู
จะอุ้มชูหอบน้ำใจมาไหลริน

รินรดนาป่าน้ำธารภูเขา
ทุกเย็น-เช้าสิตกสู่ไม่รู้สิ้น
บำรุงครรภ์ให้พันธุ์ข้าวแนบเนาว์ดิน
บำรุงถิ่นบำรุงรัก....จากหัวใจ

ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ				
25 กันยายน 2552 23:10 น.

ลม-ไผ่ ความหมายใดในธรรมชาติ

ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ

ยืนแหงนมองผองไผ่ไหวระลู่
ระลึกรู้ความหมายในคำสอน
ยืนห่มลมเย็นชื่นจนลืมร้อน
ในวรรคตอนธรรมชาติบัญญัติรอ

ทิวป่าไผ่ล้อมเป็นแถวแนวหมู่บ้าน
สั่นสะท้านเสียดลมชมหลอกล่อ
เบียดบรรเลงเพลงบ้านบ้านคล้ายขานซอ
เพราะกว่าเพราะเพลงไผ่ลมไล่ลอด

ริ้วสายลมไล่ลำนำกรำจังหวะ
เสียดปะทะทิวไผ่ไหวเอียดออด
โอนลำเบียดเสียดลำต้นโคนถึงยอด
แขนงโอบอุ้มกอดสอดลำเรียว

อู้...ดูสินั่น! ลมไผ่ชักกะเย่อ
เอาสิเออลองสักตั้งทางใครเหนียว
ไผ่กอดกอโอบต้นจนกลมเกลียว
ลมหลั่นเลี้ยวฉุดทึ้งดึงไผ่นอน

ฟังเสียงไผ่ให้จังหวะจะตีกลับ
ฟังเสียงลมขานรับขยับถอน
ไผ่หลบขวาลมรีบตามไปรานรอน
แล้วหมุนร่อนไปดักซ้ายไผ่เป็นเกลียว

ออดแอดแอดแอดออดออดสอดจังหวะ
ฟู่ซ่าซ่าซู่ซู่ฟู่ดูลมเหลียว
ทั้งไผ่ลมรั้งดึงเป็นหนึ่งเดียว
กอไผ่เขียวสายลมใส เอ๊า! ใครแรง

ริ้วสายลมงดงามความสามัคคี
ทิวไผ่มี รัก อดทน จนแข็งแกร่ง
ไผ่และลมคอยประชันอย่างขันแข็ง
แต่ยังแฝงซึ่งความหมายสิ่งใดกัน?

หรือเป็นความปรารถนาแห่งหล้าโลก
ที่แอบพกมากับงานการแข่งขัน
ให้ผู้คนเสาะหาค่าอนันต์
เป็นเช่นนั้นอยู่เช่นนั้นหรืออย่างไร?

สุดลึกซึ้งและลึกซึ้งซึ่งธรรมชาติ
ให้โอกาสค้าหาค่าความหมาย
ซ่อนคำสอนแอบชิตติดใจกาย
อย่างใกล้ใกล้เหมือนจะหายแต่ไม่เลือน

แสนเสียดายใครใครรับความหมายนี้
เอาแต่มีรูปธรรมความเสมือน
นามธรรมไร้รูปที่เอ๋ยเอื้อน
อยู่ติดเรือนแนบกาย อะไรกัน

ลึกลึกแล้วดินฟ้าและอากาศ
ลึกลึกแล้วธรรมชาติวาดทุกฝัน
แสดงรักถักชีพชีวิตนั้น
จากอดีตสู่นิรันดร์อย่างมั่นคง

อันลึกซึ่งกว่าสิ่งใดในหลายภพ
มิรู้จบยังแสดงความประสงค์
ตราบดินฟ้ามหาสมุทรหยุดชีพลง
คาดว่าคงเหลือความรัก....ให้จักรวาล

บางสิ่งบางอย่าง... ที่รับรู้จากธรรมชาติ
แม้จะดูว่าสิ่งนั้นเล็กน้อย
แต่สำหรับใครบางคนนั้น
ได้มองว่าเป็นสิ่งลึกซึ้งและสูงส่ง
เฉกเช่นสายลมและทิวไผ่
ที่เริงเล่นหลอกล่อ ยั่วล้อหยอกเย้ากันมานมนาน
แม้เป็นเรื่องปกติ เป็นส่วนหนึ่ง
ในหลายสิ่งหลายอย่าง ในชีวติประจำวัน
แต่บางคนกลับมองว่า สายลมและทิวไผ่
ได้ซ่อนความหมายกับคำสอนเอาไว้มากมาย
ให้ได้ค้นหาและติดตาม อันเป็นนามธรรม
เป็นปรัชญา ที่มีอยู่แทบทุกที่ บนโลกแห่งนี้
ทั้งในเมือง ในป่าเขา และในชนบทอันเป็นที่รัก

ไม่รู้ว่าทุกหนแห่งหรือบางเศษเสี้ยว
ในจักรวาลนี้... 
จะมีธรรมชาติ แมกไม้ ป่า เขา ลำธาร
แสงแดด หมอก น้ำค้าง สรรพสัตว์น้อยใหญ่
ทิวไผ่และสายลม
สำคัญยิ่งคือผู้เสาะแสวงหาคุณค่า 
หาความหมายในธรรมชาติ
ทั้งผู้ที่รับรู้และซึมซับนามธรรมเหล่านั้น หรือไม่

หากมี....

แม้ชาติหน้า ได้เกิดเป็นสิ่งใดในจักรวาลนี้
เกิดอยู่ ณ ที่หนแห่งใดในจักรวาลนี้
ก็จะไม่เป็นทุกข์ใจเลย...

ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ				
15 กันยายน 2552 00:53 น.

ค่ำคืนนี้ที่อีสาน

ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ

ค่ำคืนนี้ที่อีสาน

เย็นสายลมเย็นน้ำค้างอย่างเย็นยิ่ง
หวานหรีดหริ่งขับขานประสานเสียง
เพราะฟางหมอบกรอบแกรบแนบสำเนียง
สะท้อนเถียงนาน้อยคล้อยเสียงมา

บนผืนฟ้าแลว่าวเร้าส่ายส่าย
ประหนึ่งใครกวักมือหรือเรียกหา
ดูสิตัดดาวกระพริบระยิบตา
เคียงจันทราส่องสะท้อนกอดฟ่อนฟาง

ยายเตรียมผ้าตาก่อไฟไล่ไรยุง
ควันที่ฟุ้งซับแสงจันทร์อันพราวพร่าง
คล้ายคล้ายควันเรื่องระเรื่ออยู่ลางลาง
ไฟสว่างเร้ารบจะกลบควัน

ณ ราตรีงดงามยามนอนนา
ห้วงเวลาการระลึกบันทึกฝัน
ในอ้อมกอดฟ่อนฟางพร่างแสงจันทร์
คู่ดนตรีเพลงสวรรค์อยู่คันนา

แกล้มนิทานโบราณแต่กาลเก่า
ตายายเล่ากล่อมหลานแสนหรรษา
บ้างก็ลืมช่วยกันนึก หลาน ยาย ตา
ขณะหาว่าวสะนูอยู่ฟ้าไกล

จันทร์เอ๋ยจันทร์ขอเพราะจันทร์วอนจันทร์เจ้า........ 
ก่อนจะเช้าจะห่มเงาเจ้าได้ไหม 
จั๊กจั่นเสียงรวนอย่าด่วนไกล 
ขอฟังเพลงกล่อมใจยามหลับนอน

ลมเอยลมบนฟ้าอย่าแรงตก 
เพียงกรรโชกว่าวสะนูอยู่ไว้ก่อน 
ให้เสียงใสสุดสะแนนแล่นคำวอน 
มาออดอ้อนความฝันบันดาลดล

ดลหัวใจเปี่ยมสุขใจในคืนค่ำ
น้ำค้างฉ่ำกับน้ำใจปานสายฝน 
รอเพลาย่ำกลองยามมาเยือนยล 
ก่อนผู้คนจะพักล้าหลับลานอน

ในยามนี้หอมลมดมน้ำค้าง
หนุนหมอนฟางฟกฟอดกอดไม้ขอน
ยามนอนนาฟังนิทานอันขาดตอน
ผญากลอนจากจากคนบนคันนา

ในคืนนี้จะหลับฝันไปจันทร์แจ่ม
แล้วจะแนมยิ้มรับกลับมาหา
ขณะร่างหลับใหลในผืนนา
จนกว่าดวงดาริกาจะลับไป....

ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ				
12 กันยายน 2552 23:50 น.

เสร็จทำนากลับบ้านมากะควาย

ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ

เสร็จทำนากลับบ้านมากะควาย

อาทิตย์อุทัยจะลับลาแล้วฟ้าค่ำ 
หอมสาบน้ำโคลนนาคราคราดไถ 
ค่ำแล้วค่ำบอกนาว่าจะไป 
ขึ้นขี่ควายฟังเสียงแคนละแล่นมา
 
สุดสะแนนให้หยุดฟังดังลายเศร้า 
ดูหงอยเหงาจากเคยฟังครั้งก่อนหน้า 
ต้อยแล่นแตรเบาแต่ก้องทุกท้องนา 
และเพลงแคนลำนำช้ากว่าควรเป็น

นกโบยบินเที่ยวฟ้ากว้างคืนรวงรัง
สดับฟังภาษานกที่พบเห็น
ไปสุดหล้าฟ้าที่รักไม่ยากเย็น
คงโลดเล่นตามประสาปักษาพันธุ์

ขี่หลังควายเหมือนลอยลมชมทิวทุ่ง
กางแขนกางกว้างและสูงอย่างสุขสันต์
กางเหมือนปีกจะโบยบินจินตนาการ
กลับสู่บ้านสู่หนบนที่นั้น

ฟังสิฟังกางแขนฟังฟังธรรมชาติ
ที่ลึกซึ้งเกินอำนาจสกัดกั้น
ณ เวลาขณะใดในจักรวาล
ขณะนี้ขณะนั้นไม่เท่าเทียม

เพียงทุกก้าวงดงามความเคลื่อนไหว
ในหัวใจก็รับรู้อยู่เต็มเปี่ยม
เสนอค่าแห่งท้องนาว่าทัดเทียม
กับวิมานชั้นเยี่ยมในแผ่นดิน

คือวิมานของคนที่รู้ค่า
รับแล้วว่าซึมสู่ใจไม่รู้สิ้น
ธรรมชาติแผ่วสำเนียงเพียงได้ยิน
ฟ้า ป่า ดิน สัตว์ นา ว่าอะไร

หนุ่มน้อยรู้สึกสำนึกบ้าน
ที่โน่น ที่นั้น หรือที่ไหน
แต่รับสดับรู้อยู่ภายใน
คือที่เหมาะควรไปสำหรับเรา

หุบแขนกลับพักพอกอดคอควาย
ตุหรัดตุเหร่ดุ่มไปในทางเก่า
มุ่งจุดหมายปลายทางระหว่างเรา
คอกหลังเก่า บ้านหลังเก่า ควายและคน

ทุกเรื่องราวหมื่นพันหวานขมขื่น
ล้วนจุดยืนคู่ขนานความสับสน
เพียงเข้าใจส่วนมีความตีปน
จะตีแตกขุดค้นบนส่วนใด

ชนบทแห้งแล้งแร้นแค้น... มี!
ส่วนดีดีไหนเลยจะเคยหาย
เพียงรับรู้สิ่งงามงามอยู่ร่ำไป
สิ่งร้ายร้ายอย่าไปรู้อย่าไปรู้

หนุ่มน้อยเป็นคนชนบท
หัวจรดเท้าก็เห็นว่าเป็นอยู่
เข้าหมู่บ้านกลับละเนาะเลาะคลองคู
ยะฮูยะฮู่สิกลับเฮือน

ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ				
10 กันยายน 2552 07:54 น.

เสี้ยวหนึ่งของชนบท..ขอให้ใครล่วงรู้

ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ

หอมเอยหอมดอกผักขะแยง 
ยามตะวันล้าแสงอ่อนค่ำ 
ดอกลำดวนจะหวนมาย้ำ 
ไล่ลำนำผักขะแยงหอม
 
เพราะเอยเพราะเสียงกบ 
โพล้เพล้พลบกบเขียดรายล้อม 
ยลยินเสียงกระดิ่งควายหมายจะพร้อม 
จะนอบน้องชนบทเดิม

เด็กเอยเด็กน้อยยามเบ็ด 
คนแก่ไล่ไก่เป็ดหึกเหิม 
ป้าน้าต่ำน้ำพริกพึ่งจะเริ่ม 
จะเติมสำรับสู่เรา

สุมเอยสุมไฟปลายคอก 
จะบอกยุงไรตัวเก่า 
หมายควายสบายอย่าเร้า 
รบเอาเลือดควาย

ฝนเอยยามแลงฝนฮวยดอกจาน 
เหมือนหมู่บ้านจะเอาบุญใหญ่ 
จั๊กจั่นหรีดหริ่งเรไร 
ร้องดีใจระหริ่งระงม

ปลายเอยอยู่ปลายทาง 
มองเห็นลางลางใครเงยเงยก้มก้ม 
ชาวนาจากนารับไอฝนสายลม 
เด็กวิ่งซกซมก่อนจะลมคว่ำคะมำไป

ดูสิดูพวกเขาเปียกปอน
ดูพวกเขาฟ้อนรับฝนใหม่
ดูพวกเขาดูสินั่นใครดีใจ
ดูสิดูความหมายของฝนและท้องนา

ท้องนาสำคัญ
ก็พอกันกับวัฒนธรรมศาสนา
พักไว้ก่อนวันสองวันต้นกล้า
ถึงเวลาไปเอาบุญตามฮีตตามคอง

เช้าเช้าในเช้าวันใหม่
ลูกบ้านกำนันผู้ใหญ่
ดูวุ่นวายจดจดจ้องจ้อง
วัยรุ่นหนุ่มสาวและวัยทอง
จัดสำหรับข้าวของแต่งบุญ

เด็กน้อยก็ส่วนเด็กน้อย
สนุกสนานซ่ำน้อยดูวายวุ่น
วัยเด็กซุกซนเป็่นทุน
ดูซิเด็กซุกซนในบุญย่อมดี

ตกคืนงามยามเย็น
สาวเข็นเส้นไหมในหน้าที่
หนุ่มวัยรุ่นก็มี
อวดวิธีจีบสาว

สมัยก่อนสมัยเก่าเคยรู้
ทุกอย่างล้วนอยู่กับคนแก่คนเฒ่า
ทั้งรักทั้งเรียนเขาและเรา
ต่างอยู่บนเหย้าบนเรือน

นี่เสี้ยวหนึ่งของชนบท
ใช่ความอดอยากปนเปื้อน
ใช่ความแห้งแล้งบิดเบือน
ใช่บ้านนอกหรอกเพื่อนไม่ใช่เลย

แต่คือวัฒนธรรมล้ำค่า
ที่พร้อมหยัดกล้าและกล่าวคำเฉลย
ที่เป็นอยู่อย่างเคย
อาจจะดูเชยเชยในใครบางคน

เสี้ยวเอยเพียงเสี้ยวหนึ่งในชนบท
บริสุทธิ์หมดจรดไร้ความหม่น
ในสายตาในอนุชน
บริสุทธิ์เสียจนมีค่าอนันต์

ข้าก็คนชนบท
บันทึกและจดในความคิดความฝัน
ลึกลึกแล้วในความยากไร้แห้งแล้งนั้น
มีสิ่งอันซ่อนเร้นอยู่ภายใน

ได้โปรดรักชนบท
ได้โปรดรักษาและเลื่อมใส
อย่าให้มีเพียงตัวอักษร
ในหนังสือภาษาไทย
ที่หลายคนสะกิดได้
แต่ความหมายเป็นอย่างไร....ไม่มีใครรู้!

ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
Lovings  ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
Lovings  ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฟ้าฟื้า ธรรมชาติ
Lovings  ฟ้าฟื้า ธรรมชาติ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฟ้าฟื้า ธรรมชาติ