2 กุมภาพันธ์ 2548 00:24 น.

นักเลงกลอนใต้ร่มไม้

ภาวิดา

ญาณี ๑๑

แดดไล้ยอดชายคาร ร่มสราญระเริงลม
แมกไม้ขยายพรม    ขยายแผ่ลับแลลาย
หูกวางกางใบเหลือง  เพื่อปลดเปลื้องระโรยกาย
ลงพื้นลงเรียงราย     เรียงสลับกับสีดิน
พรมพื้นธรรมชาติ    แลวิลาศเลอชีวิน
ณ พื้นธรนินท์        ณ ที่นี้คือชีวิต

ลมบ่ายกระจายอุ่น    พระพิรุณก่อกูลกิจ
กล้ำกรายมาพรายพิศ ดั่งนิมิตท้องนภา
สอดส่องประครองขวัญ ประโคมพรรณพื้นพนา
ดาษดื่นชื่นชีวา        ชูช่อชั้นประชันชม

แนบนั่งประโลมจิต    ประหนึ่งชิดประสิทธิ์สม
เหนื่อยล้าในอารมณ์   ในอานิจที่ติดตรึง
หล่นพรูใบหูกวาง       ประจงวางมิพรั่นพรึง
คำนับความคำนึง       อานิจนั้นมิหวั่นเกรง

พระพายก็พัดผ่าน      ณลานกว้างบรรเลงเพลง
โถมถั่นทับกันเอง       เสียงทักทายสหายรัก
บันดาลอารมณ์ศิลป์    ศิลปินยินประจักษ์
เทพาที่อารักษ์           พลพรรคพำนักเพียร
รายเรียบเงียบสงบ       ก็พาลพบเรื่องรู้เรียน
คิดปราดประกาศเขียน ประดับไว้ประดิษฐ์กานท์
				
31 มกราคม 2548 03:47 น.

เพียงลำธาร

ภาวิดา

ผ่านงานขีดเขียนเพียรเพียงครั้ง     เพียงไม่ตั้งใจผลงานก็เลือนหาย
บทหนึ่งบาทเดี่ยวยังเดียวดาย        รุ่งสางพร่างพรายไม่วายครวญ
อยากสรรอยากสร้างอย่างสร้างสรร อยากสูงสู่ฝันหันลมหวน
อยากเด็ดคำหยาดฟ้ามาทบทวน       รบเร้ารัญจวนให้ทวนคำ
นอนหลับไม่ลงหลงคมคิด              คมคำย้ำจิตพิศคมขำ
คำคลั่งหลั่งไหลเป็นลำนำ                ทำให้ต้องขบต้องคิด
ท่ามกลางผู้คนที่แข่งขัน                 ลีลาสรรภาษาที่ไพจิตร
ทุกคนอาบถ้อยร้อยเรียงอยู่เป็นนิจ   เรากลับปิดบดบังความตั้งใจ
กลับมาแล้วเจื้อยแจ้วอยู่หลังสวน     กลับมาทบทวนคำฟ้าคำปราศรัย
มาย่ำอยู่ในทิศถิ่นที่ตั้งใจ                 ป่าดงพงไพรที่ของใบไม้

ถึงไม่ใช่ใบไม้เหลืองในเมืองหลวง    ไม่ใช่เพื่อปวงชนคนทั้งหลาย
ก็จะหยิบอักษรมาเรียงราย              ให้ยินกลิ่นอายของล้ำค่า
ดิ้นรนจะต่อสู้ชีวิต                         ลองผิดลองถูกปลูกผืนป่า
ลองขีดลายเขียนเลียนลีลา              จากถิ่นที่มาสู่ผาชน
แวววับแวววาวให้เดือนเด่น              เป็นเพียงลำน้ำไหลริมล้น
สะท้อนแสงดาวคืนหนาวทุกแห่งหน    เพียงคนเบื้องหลังความตระการ
ต้นน้ำแต่นี้ต่อไปนั้น                        เป็นต้นวันต้นคืนที่นำผ่าน
เพียงลำน้ำรินไหลในลำธาร               ดุจวิมานสราญชื่นรื่นรมย์				
18 มกราคม 2548 21:26 น.

ฝน ฟ้า ดิน น้ำ

ภาวิดา


ฝน โปรยปรายล้นหลั่งหลายมิยอมหยุด
ฟ้า  ปลื้มปลาบลงหาบชุดสุดสั่งสาย
ดิน ปกป้องลำเลียงคลองสองฝั่งทราย
น้ำ  ปรี่ป่าทะลักไหลในนที

ฝน  คือสื่อรักรับมือฤๅริเริ่ม
ฟ้า  ดังสิ่งจากน้องเสริมเติมแสงหรี่
ดิน  เปรียบสี่ห้องหัวใจพี่คนนี้
น้ำ  เป็นรักน้องคนดีที่ให้มา

ฝน  ห่าหนักตกหลุมรักมิหักห่าง
ฟ้า   สว่างนำทางให้ใฝ่ฝันหา
ดิน  ดูดซับรองรับไว้ไหลลงมา
น้ำ   ทะลักรักล้นป่ามิซาไป

ฝน  ยามหยุดจุดความสุขให้ลุกติด
ฟ้า   หม่นหมองมองมืดมิดพิศหลับไหล
ดิน  แห้งแล้วแสงแห้งห่างรักจางไป
น้ำ   แห้งเหือดรักแห้งใจภัยแห่งเรา
				
15 มกราคม 2548 05:50 น.

กลอนพาไป

ภาวิดา


ลำดับความคิด    ลิขิตคำโคลง             จำรัสจรรโลง      จึ่งลงมือเขียน
จรุงใจจิต	    ผลิตคำเรียง             จะมาวางเคียง    ก็เพียงกระทำ
สดับรับรอง         อยู่สองสามคำ           จรดที่จำ             ลำนำเรื่องราว
ประวิงพริ้งเพริด บรรเจิดร่ายยาว       จรุ่งรุ่งเช้า          ก็ยาวประจำ

สละสลวย           สำรวยถ้อยคำ            สะดุดคำซ้ำ         ที่ย่ำประเลง
คำสอดสะบัด	    ขจัดกันเอง               ก็ครื้นก็เครง       แต่เกรงไม่คม
คำสร้อยสลิด      ประดิษฐ์ระดม           ชรอุ่มชระอม       อารมณ์คะนอง

ฝนฟ้าก็ปลั่ง       สะพรั่งละออง            ตะวันเรืองรอง     ดุจทองทวี
บันดาลขนบ       ระบบที่มี                  สัมผัสวลี              วจีพนา
ระย้าระยับ	    ประดับประดา          ปนอักษรา           ประหนึ่งรพี
แสงสาดสะท้อน  รอนรอนนที             ดาลแสงระวี        ขจีขจาย

จรัสนภา              ประกอบขยาย        ประจงกระจาย     ประกายรจี
ประโลมร้อยรัก    ประจักษ์คดี           ประสบหลบลี้        ธุลีทะเล
ประมาณสลึง        คะนึงคะเน            ประดังประเด       มิสร่างมิซา
มาเรียงมาล้อม    ถนอมชฎา             ประดุจชบา           ถนัดชนวน

ต้องเพียรต้องพิศ ว่าควรมิควร         มะลิระรวน           ก็ครวญมลาย
มะรุมศรันย์         ก็มั่นก็หมาย         ละมุนละม้าย         มิเศร้ามิหมอง
มิสุขสราญ            ก็พาลมิมอง          เจ้าอรชร              ก็สุขสบาย
ที่สรวลที่ศัลย์       ก็พลันกระจาย      ก็ขาดก็หาย          เป็นฟืนไฟกอง
				
13 มกราคม 2548 19:22 น.

นิทานของแม่

ภาวิดา

มาแต่กาลเก่าก่อน       ยามก่อนนอนแม่เล่า
นิทานเรื่องเก่าเก่า      ให้เราฟัง

ฟังผ่านมาเรื่อยเรื่อย         เล่าเอื่อยเอื่อยแม่เฝ้า
เสริมจินตนาการของเรา    ให้พรูพรั่ง

เสียงเย็นเย็นเอื่อยเอื่อย    หนังสือเปลื่อยปากเปล่า
ฝันดีไปถึงเช้า                    ไม่หยุดยั้ง

มีเรื่องหมูสามตัว       ต่างก็กลัวต่างหนี
แต่ไม่สามัคคี           บ้านเลยพัง

อีกกระต่ายกับเต่า    แข่งกันเข้าเส้นชัย
เต่าใช้ความตั้งใจ     ใช่พลัง

แม่หนูน้อยหมวกแดง     ทันเคลือบแคลงหมาป่า
กลับมาช่วยคุณย่า           ในตอนหลัง

แม่ซินเดอเรล่า         เจอนางฟ้าใจดี
เสกชุดพาไปที่          พระราชวัง

แม่ยังเล่าไม่จบ         ยังไม่พบเจ้าชาย
พอถึงตอนสุดท้าย      ก็สมหวัง

หนูชอบเรื่องนี้จัง       ขออีกครั้งนะแม่
คราวนี้หลับแท้แท้     ไม่รุงรัง

ฝันว่าเป็นเจ้าหญิง     งามเพริดพริ้งไพจิตร
เจ้าชายมอบจุมพิต     ด้วยกระมัง

จุมพิตกันไปก่อน     ก็จูบหมอนคีบข้าง
หมุนเต้นรำไปพลาง   ยินระฆัง

หนีเจ้าชายมาแล้ว      รองเท้าแก้วตกพื้น
แต่บันใดแสนลื่น        ล้มอย่างจัง

เจ็บไปทั้งตัวตื่น          โลกไหวครืนเอนเอียง
ลูกนอนดิ้นตกเตียง     ทำเสียงดัง

ร้องไห้โฮ.โฮ.โฮ         แม่ปลอบโอ๋ไม่ร้อง
แล้วก็มาประคอง        ขึ้นรวงรัง

แม่ลงเลียบมาอุ้ม       ผ้าห่มคลุมทั้งตัว
มืออบอุ่นลูบหัว          รักแม่จัง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภาวิดา
Lovings  ภาวิดา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภาวิดา
Lovings  ภาวิดา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภาวิดา
Lovings  ภาวิดา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงภาวิดา