4 กรกฎาคม 2545 08:28 น.

คืนคร่ำครวญ (กลอนกล สนสร้อย สามเสียง)

ม้าก้านกล้วย

คืนคร่ำครวญ ใจหวน คิดคำนึง
จิตใจจึง ฝังตรึง ถึงรักร้าว
ฝนใฝ่ฝัน จางไป ให้เหน็บหนาว
รอยเรื่องราว ย้ำอยู่ ไม่รู้เลือน
เพลงพลัดพราก ลอยล่อง ทำนองเศร้า
ดาวเดียวดาย ฉายเงา ราวเป็นเพื่อน
จันทร์แจ่มจ้า อาบจำ คอยย้ำเตือน
ดั่งดาวเดือน ปลอบปราม ยามรักโรย
นานนับนาน ตั้งใจ จะให้ลืม
ซึ่งซาบซึม ร่ำไร จนใจโหย
เหนื่อยหนักหนา แหนงหน่ายนัก รักโบกโบย
จึงจากจร กันโดย มิร่ำลา
วิงวอนว่า อย่างไร ก็ไม่ฟัง
เพียงพลาดพลั้ง ครั้งหนึ่ง ถึงเบือนหน้า
คับคั่งแค้น โกรธขึ้ง จึงระอา
ตาต่อตา ตอบแทน อย่างแค้นเคือง
เกี้ยวกราดกริ้ว จนรักลิ่ว ปลิวละล่อง
ร่ำเรียกร้อง อย่างไร ไม่รู้เรื่อง
คำคมคาย สรรสร้าง อย่างสิ้นเปลือง
ฟุ่มเฟือยเฟื่อง พร่ำเพ้อ เธอมิคืน
ฝนใฝ่ฝัน จางไป จากใจเหงา
รอยรักร้าว ลบเลือน เหมือนจะฝืน
เพลงพลัดพราก ซ้ำซาก อยากสะอื้น
ครวญคร่ำคืน ดาวเดียวดาย คล้ายรักเรา 
  (ม้านก้านกล้วย)

อันกลอนกลสนสร้อย นี้ นิยมแต่งมาก ในสมัยกรุงธนบุรี ซึ่งในทางกลอน จะมี กลอนกลสนสร้อย สองเสียง ที่นิยมใช้ ท่อนกลางของทางกลอน แปด มาเล่นคำคู่
สำหรับบทนี้ ใช้สนสร้อย สามเสียง ซึ่งจะใช้ท่อนหน้าของบทกลอน เล่นสัมผัสอักษรให้สวยงาม
ใครก็ได้ แต่ สนสร้อยแปดเสียง(อักษรเดียว ทั้งแถว) ให้หน่อย สิ				
3 กรกฎาคม 2545 15:38 น.

อะไรเอ่ย ผัดไก่ ที่ท้ายเรือ

ม้าก้านกล้วย

อะไรเอ่ย ผัดไก่ ที่ท้ายเรือ
มีไว้เพื่อ เพิ่มละมัย ให้ชีวิต
เย้าให้ลิ้ม น่าจะต้อง ลองถูกผิด
หยอกให้คิด ชิมสักนิด จะติดใจ
เป็นหนึ่งเดียว มีไว้ ใช้สร้างสรรค์
หนึ่งเดียวนั้น คำสั้นสั้น อันยิ่งใหญ่
เติมเผ็ดนิด หวานหน่อย ค่อยชิมไป
เค็มก็ใช่ ขมก็มี หลากลีลา
สำหรับฉัน จัดสำรับ สำหรับเธอ
เหมือนละเมอ เหมือนต้องมนต์ ปนเสน่หา  
เหยาะน้ำใจ ให้หวานนำ เติมน้ำปลา
เสริฟมา บนจานร้อน วอนเธอชิม
อะไรเอ่ย เอตรง หน้าธงอ่าง
ใจจะวาง ใจจะหวัง ยังเอมอิ่ม
ยื่นเสนอ เธอจะรับ จะลองลิ้ม
แล้วส่งยิ้ม ให้มา ว่ารับรู้
เป็นเสมือน ใจสมาน อาหารทิพย์
ชิมแล้วจิบ น้ำใจ ในแก้วหรู
ยื่นสัมพันธ์ เริ่มใน ใจพธู
แล้วดำรง คงคู่ อยู่เรื่อยไป
เธอรู้นัย ไมตรี นี้ไหมหนอ
หรือต้องรอ คำเฉลย เผยคำไข
รู้กระมัง อะไรเอ่ย เผยความนัย
เรือผัดไก่ จานใหญ่ใหญ่ ฉันให้เธอ
 (ม้าก้านกล้วย)				
1 กรกฎาคม 2545 10:13 น.

ทะเล ที่รัก

ม้าก้านกล้วย

ทะเลมีคลื่นลมประโลมไล้
เหมือนปิดกั้นอะไรไว้ในฟองคลื่น
มีความลับอะไรอยู่รู้ว่าฝืน
แต่จะกล้ำกลืนไว้ทำไมกัน
ปลดปล่อยทะเลได้อย่างไรหนอ
จะหยอกล้อให้ทะเลเร่หาฝัน
จะเปลี่ยนแปรคลื่นลมผสมกัน
ให้เป็นเพลงกล่อมขวัญทะเลตรม
อยากให้ทะเลใสกว่านี้
อยากจะมีมนตรามาเสกสม
ให้คลื่นขาวทรายสวยช่วยระดม
ให้ทะเลลืมระทมพรมละมุน
วันนี้ จะโอบกอดน้ำทะเล
จะลอยเร่โอละเห่ทะเลหนุน
จะผุดดำลงแหล่งแมงกระพรุน
จะมุดฝุ่นไปหาปลาและปู
จะกล่อมทะเลให้คลายความเหงา
จับปลาดาวโยนหาวเป็นดาวหรู
จับเอาปลาฉลามทรายหลายหลายคู่
เอามาอยู่ข้างทรายชายทะเล
ฉันจะจูบทะเลหวานเพียงผ่านแผ่ว
เมื่อจูบแล้วจะรักเจ้าเอาคลื่นเห่
เมื่อรักแล้วจะขับร้องพ้องเพลงเร่
กล่อมทะเลให้นิทราในราตรี
   (ม้าก้านกล้วย)				
1 กรกฎาคม 2545 09:08 น.

หน่อไม้ และเห็ด

ม้าก้านกล้วย

กลางกอดิน ระรวยกลิ่น ดอกกระเจียว
มียอดเรียว แหลมหน่อ กลางกอไผ่
แทงระดา สู่ฟ้า มาไหวไหว
หน่อไม้ใหม่ อวดยอด ทอดระทวย
ทรนง ว่าเก่งกาจ ผงาดโผล่
ไม่โง้งโง งอโง้ม มิโน้มหน่วย
ทะมึนตึง ตั้งตรง ทรงสำรวย
คงจะด้วย เพราะจะอวด ทรวดและทรง
กูนี่หนา เก่งกล้า กว่าไม้อื่น
ยอดที่ยื่น แทงฟ้า ชะตาส่ง
ยอดกูแหลม แทงพ้นดิน จินต์จำนงค์
ใช่กูหลง แต่กูเรียว เพรียวกว่าใคร
ดินมันแข็ง แม้นมิใช่ ปลายยอดคม
คงต้องถม คุดคู้ อยู่ข้างใต้
มิอาจแทรก ดินดอน ก่อนใครใคร
อาจมิได้ หวดฟ้า มาเชิดชู
แต่แล้ว เจ้าหน่อไม้ คล้ายตะลึง
คิดไม่ถึง ด้วยมาเห็น เช่นเพิ่งรู้
ข้างกอไผ่ เกิดเห็ดหน่อ ย่อยอดทู่
เกิดมาคู่ หน่อไม้ คล้ายเปรียบเปรย 
มัทวะ อย่างข้า ก็กล้าแกร่ง
ดินมันแข็ง ไม่ต้องใช้ ปลายเฉลย
ทึ่มทู่ทู่ อย่างข้า กล้างอกเงย
อย่ามาเอ่ย อวดอ้าง อย่างโง่งม
เป็ดที่ขน มีไข ให้ลอยน้ำ
มิเคยพร่ำ คำโง่ เพียงโข่ข่ม
ลูกมะพร้าว เกลี้ยงเกลา เจ้ามิจม
ก็ล่องลอย คอยผสม ผสานไป
ห่านที่คอ ยาวเขย่ง จึงเปล่งเสียง
ดังเพราะเพียง คอยาว เขลาหรือไม่
มิเคยโว ว่าเสียงดัง กังวาลไกล
เพราะรู้นัย กบคอสั้น มันร้องดัง
  (ม้าก้านกล้วย)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงม้าก้านกล้วย