11 กรกฎาคม 2545 07:58 น.

วอนฟ้า ฟาดใจ (กลอนกล กบเต้น ต่อยหอย)

ม้าก้านกล้วย

ฝนจะมา ฟ้าจะหม่น จนจะหมอง
ฟาดคะนอง ฟ้องคำนึง ถึงรักเก่า
อสุนี อ้างสำนึก ระลึกร้าว
ย้ำวันก่อน ย้อนวันเก่า เศร้าชีวิต
ละแลบปลาด ละลาดปลาย เป็นสายแสง
แสวงกร่าง สว่างแกร่ง อย่างแรงฤทธิ์
หากโพยม โหมพยับ สดับจิต
อาจสอนผู้ อดสูผิด คิดลงทัณฑ์
แล้วฝน หล่นฝอย ปรอยเป็นทาง
จิตอ้างว้าง จึงอัดไว้ ให้คิดสั้น
ตะกายฝน ตะโกนฝ่า เสียงฟ้านั้น
ขอมาลั่น ข้ามลาย ตายเสียที
ข้าสุดช้ำ ขื่นแสนโชก โชนโลกลวง
นัดที่ห่าง นางที่ห่วง ลวงรักพี่
จนใจบาด จำจดบท สลดฤดี
ถอดใจลวง ถ่วงใจลี้ หนีหน้าตรม
สั่งสายฟ้า ส่งแสงฟาด อนาถรัก
ลืมคนหน่วง ลวงครั้งหนัก รักเลยขม
แน่นตอกย้ำ น้ำตาย้อย ร้อยระทม
ใจระบม จมระบาย ร้ายระกำ
เพียงเหตุผล เพียงหาผู้ รู้ใจกว่า
แค่เอ่ยมา ใครอื่นมี รักที่ฉ่ำ
จะถอนรัก จักไถ่ร้าง กลางฝนพรำ
ไม่รักตอบ มอบรักต่ำ ร่ำรักรา
วอนให้ฟ้า ว่าให้ฟาด บาดใจช้ำ
รักกระหน่ำ ระกำหนัก รักเสียท่า
ตะโกนก้อง ตะกองโกรธ ลงโทษมา
กรีดใจรอน ก่อนใจล้า จะขาดลง 
   (ม้าก้านกล้วย)
กลอนกลบท กบเต้นต่อยหอย ทางกลอนคือ ท่อนที่หนึ่งและท่อนที่สองจะซ้ำเสียงอักษร โดยใช้เสียงสัมผัสอักษร ตับเดิม เปลี่ยนเสียงวรรณยุกต์และเสียงสะกดใหม่ให้แลเหมือน เต้นตามกันไป ต่อยหอย
ซึ่ง จึงเป็นสำนวนต่อมาว่า พูดได้ เหมือน ต่อยหอย คือแปลได้ความว่า พูดเก่งขนาดถอดกลอนกลนี้ได้ ปานนั้นชียว
เปรียบเสมือนเป็นกลอนกลบทแรกที่มีผู้บัญญัติขึ้น ในปลายรัชสมัย สมเด็จพระณารายน์มหาราช โดยพอสืบค้นได้ว่า ผู้แต่งคือ หลวงศรีปรีชา (เซ่ง) โหรหลวงในกรมพระราชวังบวร
ซึ่งท่านผู้นี้ แต่งวรรณคีดเรื่อง ศิริวิบูลย์กิติ โดยแต่งเป็นกลอนกลบทล้วน ๆ ซึ่งในหนังสือนี้ มีกลอนกลต่าง ๆ ถึง 86 ทางกล อาทิ สุนทรโกศล วิมลวาที อธิบดีอักษร เป็นต้น และ ถือเป็นวรรณคดีที่แต่งด้วยกลอน 8 บทแรก จึงอาจจะกล่าวได้ว่า หลวงศรีปรีชา คือผู้บัญญัติกลอน 8 ขึ้น
 หากแต่แรกเริ่มนั้น จะไม่เล่นกลอน 8 เป็นทางธรรมดา ท่านผู้ปราชญ์แห่งโบราณ ท่านจะเล่นกลอน 8 ที่มีกลซ่อน ทุกคราไป
ส่วนหนังสือ ศิริวิบูลย์กิติ นั้น ครั้งสุดท้ายที่พิมพ์จำหน่าย ประมาณ พ.ศ. 2474 (เล่มที่ม้าก้านกล้วยถืออยู่นี่แหละครับ) สดสวย งดงาม และน่าที่จะหาอ่านดูนะครับ เป็นกลอน 8 ยุคแรกของโลก เลยทีเดียว				
10 กรกฎาคม 2545 16:57 น.

เธอคือใคร ฉันคือสายหมอกขาว

ม้าก้านกล้วย

เธอคือใคร
คือคนที่ฉันชอบงั้นเหรอ
คือคนที่ฉันฝันละเมอ
หรือคือคนที่ฉันเพ้อถึงตลอดมา
เธอคือใคร
หรือเธอคือคนที่ฉันใฝ่หา
คือคนที่ฉันอยากสบตา
หรือคือคนที่น่าจะเป็นของฉันตลอดไป
เธอคือใคร
หรือเธอคือคนที่ฉันหลงไหล
คือคนที่ฉันอยากอยู่เคียงข้างกาย
หรือเธอคือคนที่ฉันอยากรับไออุ่นนานๆ
เธอคือใคร
คือคนที่ทำให้ฉันฝันหวาน
คือคนที่ทำให้ฉันทรามาน
หรือคือคนที่ทำให้ฉันอยากมีวันวานที่น่าจดจำ
เธอคือใคร
คือคนที่ทำให้ฉันมีความสุขอย่างเลิศล้ำ
เธอคือคนที่ฉันไม่อาจมองข้าม
หรือเธอคือคนที่ฉันเฝ้าติดตามอยู่ตลอดมา
เธอคือใคร
ฉันตอบไม่ได้และเป็นปัญหา
แต่ฉันรู้แค่เพียงว่า
อยากยืนไกล้ๆแล้วสบตา เพื่อเอ่ยคำว่า ฉันรักเธอ sodasasa



ฉันคือสายหมอกขาว
พัดผ่านพราว จากใจ ชายคนหนึ่ง
คนที่เธอ เอ่ยเพ้อ ละเมอถึง
คนที่เธอ ซุ่มซึ้ง เพียงลำพัง
หมอกแห่งความ คิดถึง ซึ่งเปลี่ยวเหงา
จะมาเล่า เรื่องราว ของความหลัง
เรื่องของใคร ที่ใจช้ำ เพียงลำพัง
คนที่เธอ หันหลัง จากลาไกล
เขาคิดถึง เธออยู่ ทุกคืนวัน
เขารำพัน ว่าเธอนั้น จำได้ไหม
หรือว่าลืม ชาวดิน สิ้นเยื่อใย
เพียงเพราะไกล สัมพันธ์ จึงบั่นทอน
เขาฝากลม วอนว่า ให้มาบอก
เขาฝากหมอก บอกรักใว้ เกินไถ่ถอน
เขาฝากฟ้า ฝากฝน จนใจอ่อน
ฝากแดดร้อน ฝากจันทร์สวย ช่วยบอกเธอ
ฉันคือสายหมอกหมอง
อีกมินาน ก็ต้อง พร่องพร่ำเพ้อ
กลายเป็นไอ ไม่ได้ฝาก คำรักเก้อ
อาจมิเจอกันอีกเลยลงเอยแล้ว
ฉะนั้น ก่อนแดดจะแรงร้อน
จึงฝากคำรักวอนก่อนพ่ายแผ่ว
เขารักเธอทุกค่ำเช้าเขาแน่แน่ว
ฉันบอกแล้ว หมดภาระ ก็จะจาง. . . หายไป
  (ม้าก้านกล้วย)=แมกไม้สายมูล				
9 กรกฎาคม 2545 08:51 น.

ขอลา (กลอนกล ขัดหนอ ขอนัด)

ม้าก้านกล้วย

ไม่หวังรัก ดอกฟ้า กว่าใฝ่ปอง
ไม่หวังน้อง สูงค่า กว่าใฝ่ฝัน
        พี่แค่ผู้ ต้อยต่ำ เพียงรำพัน
 อยู่แต่เดียว เท่านั้น ฉันรู้ดี
      พี่จะไม่ รบกวน ยั่วยวนน้อง
ไม่แลเหลียว เกี่ยวข้อง ให้หมองศรี
    ลับตาแล  ตัดใจ ตัดไมตรี
   จะรักใคร จากนี้ พี่หลีกทาง
 แม้นว่าน้อง มีใคร ที่ใหนอยู่
  โปรดรับรู้ ว่าพี่ยอม ตรอมใจหมาง
 เขาชิดหรือ เชยชม โฉมสอางค์
    พี่จะไม่ ขัดขวาง ทางรักเธอ
  จะตัดใจ ลาไป ด้วยใจเศร้า
   จงลืมพี่ เถิดเจ้า คนเขลาเหม่อ
 แม้เคยเฝ้า ดอกฟ้า มาเสมอ
จะเลิกรอ รักเก้อ เพ้อใจจาง
เปรียบพี่แม้น กระต่าย ไม่เจียมตน
แอบมองน้อง หน้ามล บนฟ้ากว้าง
แม้นจะรู้ หมายจันทร์ อันกระจ่าง
แม้นรู้นัย ใจจะร้าง ยังกล้าปอง
 ร่ำรำพึง รำพัน ฝันเกินใฝ่
ไม่เจียมใจ เสนอหน้า แม้นว่าหมอง
ตระหนักตรง ใจนัก รักร่ำร้อง
ไม่อาจต่อ มิอาจรอง ปองดาวดัง
ขอรักคืน ได้ใหม ดวงใจพี่
รู้รักนี้ เกินกว่า จะมาหวัง
ปล่อยให้พี่ ชอกช้ำ เพียงลำพัง
จะไม่ขอ ฉุดรั้ง กังขังใจ
ไม่ต้องรอ พี่คนนี้ คนที่หมอง
ปล่อยใจน้อง คืนฟ้า หารักใหม่
ลืมคนที่ ต่ำต้อย ด้อยเกินไป
ลืมคนเดิม ที่ยากไร้ ไม่มีบุญ
  (ม้าก้านกล้วย)

นี่เป็นกลอนกล นะครับ แต่ยังไม่บอกว่า กลมันซ่อนอยู่ตรงใหน ก็ ลองทายดู แล้วแกะรหัสให้ออก ใครตอบถูก เขียนใส่ซอง จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง ส่งมาหา ผมได้ ถ้าส่งถึง มีบ้านและที่ดิน พร้อมด้วย ผู้ชายจน จน มอบให้เป็นรางวัล
วันศุกร์เที่ยง จะ แก้ไข ให้เห็นกล โดยทั่วกัน ใครไม่รู้ว่า กลซ่อนตรงใหน วันศุกร์เจอกัน ครับ				
7 กรกฎาคม 2545 09:56 น.

ยามเย็น (กลอนกล หางหนู)

ม้าก้านกล้วย

ยามสุรีย์ อ่อนแสง สีแดงฉาน
สวยตระการ หลากใจ เมื่อได้เห็น
เสน่หา ความงาม ของยามเย็น
ราวซ่อนเร้น มนต์ตรึงให้ ใจรวยริน
หมู่วิหค บินกลับ รังหลับนอน
เร่งบินร่อน ลิ่วไล่ ใคร่คืนถิ่น
หมดเรียวแรง หลังเริงร่า เร่หากิน
จึงถวิล รวงรัง ตั้งใจเยือน
จันทรา เพ็ญสะพรั่ง กำลังขึ้น
ฟากฟ้าครื้น ด้วยดาว พราวเป็นเพื่อน
แสงสว่าง ริบหรี่ ที่เริ่มเลือน
ส่งสัญญาณ พนาเตือน เหมือนสิ้นวัน
สะกดให้ รู้ว่า เวลานี้
หยุดวาระ หน้าที่ มิควรหมั่น
ป่าโปรยปราย รายระลอก ด้วยหมอกควัน
แซ่ประชัน ชะนีโหย โดยวิงวอน
แสงสุดท้าย มืดไป จนใจหวั่น
ด้วยกริ่งเกรง อาถรรพ์ มันหลอกหลอน
ในพรางไพร ภูติร้าย พรายซุกซ่อน
ซึ่งบั่นทอน ฤดีหวาด ขลาดเหลือเกิน
จนได้เพ็ญ ช่วนผ่อน แสงอ่อนโยน
จึงได้โอน อ่อนใจบ้าง อย่างขวยเขิน
ชมไพร ในเพ็ญพร่าง ช่างเพลิดเพลิน
สร้องสรรเสริญ อย่างไร ไม่เปรียบปาน
พนาสูง ประดาสวย ด้วยบุหลัน
ลดาวัลย์ หอมเย็น เป็นแมกม่าน
อยากเก็บกลิ่น ประทับใจ ให้นานนาน
ได้ชื่นบาน ยลยั้ง อยู่ทั้งคืน
ช่วงชิงพลบ เสน่ห์งาม ของยามเย็น
แม้จะเป็น ยามนิทรา ก็กล้าฝืน
เพราะไพรงาม เกินพรรณา จนตาตื่น
ไพรทั้งผืน สะกดใจ ไม่ลืมเลือน
   (ม้าก้านกล้วย)


อันกลอนกลหางหนูนี้ ไม่ต้องอธิบายก็คงรู้ว่า สุดท้ายของบททุกบท ท่อนทุกท่อน ล้วนลงด้วย น. หนู (และยินดีมากที่จะบอกต่อไปว่า กลกลอนนี้ ม้าก้านกล้วย คิดเอง แฮ่ แฮ่ อ้อ แล้ว อย่ามาเรียกชื่อใหม่ ว่า ม้า หางหนูล่ะ )				
5 กรกฎาคม 2545 17:10 น.

คืนร้าว (กลอนกล ยัติภังค์)

ม้าก้านกล้วย



ฟ้าครืนครืน แลบร้าว ลงราวประ - หนึ่งดุจจะ หย่อนแยก แหวกสวรรค์
                  ฤดีพี่ ยามนี้ พี่สุดรัญ - จวนใจฝัน ยามไกล ใจรอนรอน
  
          ด้วยคิดถึง อนงค์ ใจคงจา - บัลย์อุรา ปานฟ้า มาซุกซ่อน
  ใจจะขาด ดังฟ้าฟาด อาจใจร้อน - รนไปก่อน ฝากคำรัก คราวจากกัน
  
                น้องจึง รับรู้ เพียงพี่ลา - จากเธอมา มิแลลับ กลับหลังหัน
         คิดว่า พี่นี้เคือง เรื่องในวัน - ก่อนหน้านั้น ขัดใจ ไม่คืนดี
  
         เปล่าเลย ไม่ได้ ใจเคืองขึ้ง - โกรธมึนตึง จนเมินหมาง อย่างเบือนหนี
               ก็หัวใจ มอบไว้ ให้ทั้งชี - วิตของพี่ ยอมพลี เพียงนางเดียว
  
              แต่ภาระ ของพี่ นี้ต้องจำ - เป็นต้องทำ - งานไกล ใช่ท่องเที่ยว
  ทนระทม เดินทาง ไปอย่างเดียว - ดายจะเหลียว - หาไหน ไม่เห็นเธอ
  
         น้องคงหัก ใจรัก ปักใจบาด - หมางเพราะอาจ คิดไป จนใจเพ้อ
    แต่มั่นใจ ตลอดไป จะไม่เผลอ - ใจละเมอ หาใคร ได้อีกเลย 
  
        ลมรุนแรง ราวลาง ว่าลมพา - ยุจะมา หอบเศร้าใจ ไปเปิดเผย
อยากฝากลม ลอยไกล ให้เพียงเชย - ชิดเขนย น้องแทนพี่ ที่ห่างเธอ
   

 (ม้าก้านกล้วย)

อันกลอนกลยัติภงค์นี้ ถือเป็นกฏห้ามไม่ให้ใช้แต่งบทกวีใด ใด ด้วยเป็นการแบ่งคำ ออกเป็นพยางค์ และด้วยเป็นการกักเสียงเอื้อนไม่ให้คนเอื้อนทำนองเสนาะ ลากเสียงได้ยาว
แต่มี นักกลอนแหกกฏ หลายท่าน นิยมเขียน แล ผูกเป็นกลกลอน ไว้ให้เล่น ฉะนี้ แล				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงม้าก้านกล้วย