16 มิถุนายน 2546 23:03 น.

ในน้ำเน่า เงาพระจันทร์ นั้นยังฉาย

ม้าก้านกล้วย

แม้จะยากลำเค็ญเป็นชนชั้น
ที่สามัญอดมื้อหรือจะสน
เพราะผู้หนึ่งซึ่งสำคัญ ฉันก็คน
แม้ฉันจน แต่ร่ำรวยด้วยความดี
มิได้มากเงินทองมากองตั้ง
ถึงจะหวังมีเงินบ้างอย่างศักดิ์ศรี
ซื้อสุขพอทำเนาพอเข้าที
ไม่ต้องมีมากมายเป็นก่ายกอง
แค่สมองและสองขาท้าทายโลก
เผชิญโชคในโลกกว้างอย่างกึกก้อง
ไม่ยโสโอหังอย่างลำพอง
และไม่หมองหม่นชะตาว่าโหดร้าย
ในน้ำเน่าเหม็นดำต่ำต้อยค่า
แต่ทว่าเงาพระจันทร์ยังฉันท์ฉาย
ในดงหญ้าต่ำเตี้ยเรี่ยเรียงราย
ยังมีพรายหิ่งห้อยปล่อยแสงเย็น
ฉะนั้นใจจึงสุขทุกโอกาส
เพราะองอาจสุขใจไม่ทุกข์เข็ญ
แม้ร่างกายตรากตรำและลำเค็ญ
แต่ใจนั้น ร่มเย็นเป็นสุขนัก
ไม่ได้ดิ้นรนรวยด้วยเล่ห์กล
ไม่ต้องค้นต้องหาว่าตวงตัก
แสวงหาอย่างฉ้อฉลล้นทะลัก
เพื่อสูงศักดิ์ แต่ร่ำรวยด้วยความเลว

(ม้าก้านกล้วย)				
12 มิถุนายน 2546 01:22 น.

ร้อยใจ กลายเป็น หนึ่งเดียว

ม้าก้านกล้วย

หนึ่งใจเหงาโหยหาเวลาหม่น
หนึ่งกมลเดียวดายมิถ่ายถอน
หนึ่งรวดร้าวราวอนาถจะขาดรอน
หนึ่งเว้าวอนโหยหาว่าห่างหาย
สองเราเริ่มเยื่อใยในวันก่อน
สองอาทรสอดย่านผสานสาย
สองไมตรีต่อเนื่องประเทืองกาย
สองเราได้สร้างความจริงสิ่งงดงาม
มีคำพูดมากมาย จะถ่ายทอด
มีหลายกอดอันอบอุ่นมาครุ่นถาม
อีกมากเพ้อละเมอถึงจึงติดตาม
หลากความงามที่รับรู้อยู่เป็นนิตย์
เสมอเพื่อเสมือนผู้รู้ใจแล้ว
สมานแน่วในสัมพันธ์ประสานติด
สนองเนื่องประเทืองท่ามความเป็นมิตร
สนมสนิทสนุกสนานสราญรมณ์
ร้อยหมื่นถ้อยสนทนาจะมาบอก
แสนช้ำชอกจะปรึกษามาคลายขม
ล้านเรื่องราวยาวนานผ่านระทม
หนึ่งชิดชมหนึ่งคู่คิดหนึ่งมิตรเดียว
ร้อยสัมพันธ์นั้นเป็นหนึ่งจึงแน่วแน่
หนึ่งมิตรแท้มิผันแปรแม้หน่วงเหนี่ยว
ร้อยทุกข์ร้อนผ่อนแผ่นะจะแลเหลียว
หนึ่งใจเดียวมอบต่อกันวันเข้าใจ

(ม้าก้านกล้วย)				
12 มิถุนายน 2546 00:29 น.

คืนหนึ่ง ที่ ดารา พาฉันเที่ยว(กลอนกลแปลงแสร้งว่าโคลง)

ม้าก้านกล้วย


ดึกดื่นดาวเด่นด้วย. . . .พัชรี 
แสงสวยสลับสี . . . . . . . .หยาดย้อม
ยิบยิบกระพริบถี่ . . . . . พราวพร่าง
ดุจมีมณีล้อม . . . . . . . . .อาบฟ้า เรื่อเรือง
ใจนั้นภิรมณ์รื่น . . . . . . รอมชอม
เตลิดตื่นจะยินยอม . . . . รับรัก
เหลิงราวให้ดาวหลอม . . .โอบกอด ใจจูง
มโนนั้นสนานนัก . . . . . . หลงรัก ดารา
ถอดใจให้ล่องล้อ . . . . . . ทรวงปัก
หยอกยอพอรู้จัก . . . . . . .ร่วมฝัน
ยินดีที่ทายทัก . . . . . . . . .สนิท เสมือนญาติ
แย้มพักตร์สานสัมพันธ์ . . รังสรรค์ ไมตรี
คืนนี้ที่เดียวดาย . . . . . . กระนั้น ยังรื่น		
ข้างกายได้ใฝ่ฝัน . . . . . .เกี่ยวก้อย
ดารานานานั้น . . . . . . .อ่อนโยน เอื้อนเอ่ย
ชวนฉันขึ้นล่องลอย . . . เยี่ยมฟ้า ณ ราตรี
ถอดใจไปเยี่ยมฟ้า . . . . ปลดปล่อย
สูงว่ากว่าดาวน้อย . . . . เลิศล้ำ
รับรองประคองค่อย . . . เกรงว่า
ดาวลอยจะหม่นดำ  . . . .จากฟ้า สู่ดิน
จากลาด้วยด้อยศักดิ์ . . .เกินกล้ำ
หวาดนักจักท่วงทำ . . . .หวั่นไหว
ดาวลอยเจ้าคล้อยต่ำ  . . เสื่อมสิ้น ราศรี
ระกำจำตัดใจ  . . . . . . . จากฟ้า ลาดาว

(ม้าก้านกล้วย)


อันกลอนแปลง แสร้งว่าโคลงนี้ เคยเขียนไปแล้ว ในบท แมกไม้ สายมูล ซึ่งเอากลอนหก มาฉีกท่อน วางให้ได้ อย่าง โคลง
แต่ กลอนแปลงแสร้งว่า โคลง อีกทางหนึ่ง จะแต่งเป็นกลอนห้า หรือ กาพย์ยานี 11 แล้ว จับมาวาง แบดคลง จากนั้น จึงแต่ง ต่อให้ครบโคลง ด้วยการเติม ท่อนโคลง หลังกลอน
ฉะนั้น การอ่าน จึงอ่านได้ สองใจความ คือ อ่านเฉพาะ ท่อนหน้า ไล่เรียงกันลงมา แบบกลอน หรือกาพย์ ก็ได้ และ อ่านแบบโคลง ก็ได้ เช่นกัน
แต่ โคลง ในบทแสร้งว่า นี้ มักไม่นิยมบังคับ เอก 7 โท 4				
11 มิถุนายน 2546 00:39 น.

ฝน ขาดสาย

ม้าก้านกล้วย

ฝนเอ๋ย หายไปหนไหนหนอ
ข้าวกล้ายังรั้งรอฝนหนอฝน
รู้บ้างไหมร่ำร้องต้องฝืนทน
ใยไม่หล่นชโลมหล้ามาบ้างเลย
ผืนนายามนี้ไม่มีน้ำ
แดดก็ซ้ำเผาไหม้ไอระเหย
รอแต่ฝนหยาดเย็นเหมือนเช่นเคย
จะให้เอ่ยวอนขอต่อผู้ใด
ข้าเป็นกล้าแกร่งแกรนบนแผ่นดิน
รอฝนรินประทินนามาแต่ไหน
ไม่รักกล้าข้าวเขียวเชียวนะใจ
หรืออย่างไรไม่รู้ว่ากว่าฝนโปรย
ข้าวในหน้าแห้งกรังตั้งตารอ
กำลังท้อกำลังแล้งแห้งระโหย
จะทิ้งช่วงชุกชุมชุ่มชื่นโชย
ขาดช่วงโดยไม่บอกกันมันโหดร้าย
รู้หรือเปล่าข้าวกล้าในนาหว่าน
ล้วนต้องการน้ำเย็นใสไม่ขาดสาย
แล้งอย่างนี้ ร้ายอย่างนี้ มีแต่ตาย
หากแม้นสายฝนไม่มานาคงล้ม
ฝากชีวิตเอาไว้ขอให้ช่วย
เมตตาด้วยเถิดฝนฟ้าอย่าทับถม
ข้าวน้อยน้อยคอยแต่น้ำมาพร่ำพรม
จะซูบซมโซรันทดกันหมดแล้ว

(ม้าก้านกล้วย)				
7 มิถุนายน 2546 19:40 น.

การแต่งงาน ที่ล่มสลาย

ม้าก้านกล้วย

ครั้นความรักสุกงอมยอมตกลง
ว่าจะปลงใจรักสมัครสมาน
ใคร่คิดครวญจัดแจงเรื่องแต่งงาน
อีกไม่นานจะครองคู่อยู่ร่วมกัน
สินสอดเท่าไหร่ไม่เคยท้อ
จะให้รอนานแค่ไหนไม่เคยหวั่น
จะลงหลักปักฐานร่วมสานฝัน
จะผ่านวันผ่านคืนชื่นฤดี
จะมีลูกน้อยน้อยสักสองคน
คงจะซนเป็นลิงยิ่งจู้จี้
แต่ตั้งใจเอาไว้จะไม่ตี
จะเลี้ยงลูกให้ดีมีคุณธรรม
จะสู่ขอถูกครรลองตามต้องการ
แห่ขันหมากจากบ้านสำราญล้ำ
กล้วยอ้อยกลองยาวเจ้าประจำ
มาร้องรำโห่ฮิ้วเป็นทิวแถว
ญาติผู้ใหญ่ปรองดองทั้งสองฝั่ง
ต่างมานั่งอวยขวัญกันแซ่วแซ่ว
ฤกษ์งามยามดีเต็มทีแล้ว
ทั้งขันแก้วแหวนเงินทองมากองไว้
พ่อเจ้าสาวเอ่ยขอมาข้อหนึ่ง
ตื่นตระหนกตกตะลึงถึงไหนไหน
หลังแต่งงานลูกสาวพ่อเขาขอใช้
นามสกุลของฝ่ายพ่อแม่ตน

งานแตก ญาติเจ้าบ่าว ฉาวให้ลั่น
จะยอมกันได้อย่างไร ไร้เหตุผล
ยกขันหมากมาขอ ก็เหลือทน
ทำเป็นคนทันสมัย ไม่ได้นา
อยากจะใช้สกุลเก่าก็เอาเลย
อยู่ชิดเชยสกุลไป ใครจะว่า
ไม่ต้องแต่ง ต่างคน ก็ต่างลา
ที่ยกขันหมากมา จะยกคืน

โอยหัวใจสลาย
รักที่หมายกลับกลายไปเป็นอื่น
เป็นไปได้ หรือนี่ ที่ต้องฝืน
รักต้องคืนคลายคลาดพินาศลง
หัวคิดใครกันหว่า น่าเตะนัก
คนจะรักจะแต่งงานมารพาหลง
นามสกุลของใครไม่ตกลง
ก็คงต้องเลิกรา น่าเสียใจ

(ม้าก้านกล้วย)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงม้าก้านกล้วย