16 กรกฎาคม 2548 23:55 น.

ชีวิตใหม่และเสรีภาพที่หวนคืน (New Life in Rainy Season)

ลำน้ำน่าน

เดินทางไกลสุดสายปลายเรียวรุ้ง
สุดโขดคุ้งรุ่งสางสว่างไสว
เริงลำนำน้ำค้างระวางวัย
ตราบชีวาครรไลเพราะเพรงกรรม

เคยเกี่ยวเก็บความหมายสายม่านหมอก
ยามหยาดหยอกรุ่งดาวหนาวขนำ
แสวงความยิ่งใหญ่ไพรลำนำ
ถักเกลียวธรรมทอสายพรายทองธาร

อยู่กับความทะมึนโทนแห่งขุนเขา
ในครืนแว่วแผ่วเบาเพลงขับขาน
จันทร์ข้างแรมแย้มฟ้ามาประทาน
อาบสายน้ำโบราณลอมลานนา

ชีวิตใหม่กำเนิดสู่วัยวัน
เจิมฤดูวสันต์เมื่อพรรษา
ตามเติบใหญ่ครรลองของชีวา
เกิดมาถมคุณค่าคืนแผ่นดิน

อยู่กับเกวียนควายวัวพาตัวรอด 
ไม่วายวอดวิญญาณผลาญทรัพย์สิน
เลี้ยงพอเพียงน้ำใจไม่แย่งกิน
ไม่เปรอะเปื้อนมนทิลกลิ่นน้ำมัน

อยู่กับหริ่งเรไรไพรพนา
กับภาษาสังคีตประณีตสรรค์
ดีดพิณพาทย์จากแถนแดนไกวัล
กล่อมสามัญเสนาะแว่วแนววังเวง

สันติภาพบังเกิดทุกแห่งหน
ไร้ผู้คนเมามัวเข้าข่มเหง
มิอาจเริ่มเพลงตายร้ายบรรเลง
เพื่อเร้าเร่งวอดวายแห่งปลายนา

สุดตำบลเรียวรุ้งยุ้งลอมฟาง
เพลงรุ่งสางปลุกตื้นฟื้นอุษา
เมื่ออรุณรุ่งฤกษ์เบิกนภา
เสรีภาพนกกามาสู่คืน

น้ำค้างแก้วหมื่นห่าพร่างพร่าพราย
อาบข้าวเลียงรวงรายผ้าฝ้ายผืน
รินรินไหลชลธรรมยังยั่งยืน
หวิวครืนครืนลมป่าเพรียกหาไป

มีสายใยอาทรในอ้อนอก
สายน้ำนมเอื้ออุทกชีวิตใหม่
ดื่มปัญญาตื่นเขลาจากเยาว์วัย
ดื่มน้ำใจดื่มค่ามารดาทาน

ชีวิตน้อยเติบงามมีความหมาย
ใช่เลี้ยงกายจากนมสัตว์เดรัจฉาน
จิตอบายผกผันอนันตกาล
อันตรธานจิตสำนึกมนุษย์ลา

กลับมาแล้วชนบทที่ข้ารัก
หอบใจร้าวเหนื่อยหนักกลับเคหา
มาจุมพิตผืนดินถิ่นข้าวปลา
มาเกี่ยวข้าวขวัญค่าชีวาไพร

มีพ่อแม่พี่น้องคอยพร้อมพรัก
อิ่มอุ่นตักหมอนหนุนบุญเกิดใหม่
อยู่กับจนตมดินจนสิ้นวัย
อายุขัยสุดท้ายจะวายปราณ

กาลเวลาผกผ่านนานแสนนาน
กลับคืนบ้านอบอุ่นกรุ่นข้าวสาร
วิบากเก่าสิ้นไปไร้ตำนาน
ผลิวิญญาณชีวิตใหม่ในรอยบุญฯ

-------------------------------------------------
ย่างเข้าสู่วสันต์พรรษาแล้ว
ชีวิตใหม่ที่แตกโตขึ้นเมื่อได้รับสายฝนในยามนี้
ทำให้ฉากภาพแห่งชีวิตชนบทนั้นถูกปลุกตื้นขึ้นอีกครา

หน่อไม้ที่นอนสลบไสลอยู่ในดินก็แตกหน่อทายทัก
ตำลึงยอดอวบริมรั้วต่างก็ชูช่อเครียวยอดอิ่มงาม
ข้าวกล้าในนาก็ระบัดใบรอคอยสำหรับการปักดำ
ผักบุ้งในคลองก็ทอดยอดไปตามลำน้ำฝนตกใหม่
อีกวัวควายก็ลิงโลดดีใจ หญ้าเขียวจักฟื้นคืนให้หากิน
กบเขียด มโหรีวงใหญ่จักฟื้นวงบรรเลงเสียงขรม
จิตวิญญาณชาวชนบทอย่างข้าพเจ้าก็ไหวชื่น
ด้วยสายฝนคือสายชีวาจากฟ้าประทานลงมาสู่แผ่นดิน

แรงงานชนบทที่เคยทิ้งท้องทุ่งกองฟางให้เดียวดาย
ก็จักกลับคืนสู่มาตุภูมิแผ่นดินเกิดในยามนี้
กลับมาแปรแผ่นดินทำกิน ทำไร่ไถนาตามประสา
ความสุขเรียบง่ายจึงปรากฎอยู่ทุกชานเรือน
มีพ่อแม่พี่น้องพร้อมหน้า มีรักอันเป็นอมตะแห่งบ้านนา
บางรายอาจจะไม่กลับไปเมืองรอนอีกเลยทั้งชีวิตนี้
ด้วยชีวิตใหม่แห่งวสันตฤดูนั้นได้เริ่มขึ้นแล้ว....
เป็นชีวิตที่มีมนตร์เสน่ห์ ที่ติดตราตรึงใจไม่ลืมเลือน
ณ ชนบทอันเป็นที่รักแห่งสยามประเทศ



				
2 กรกฎาคม 2548 18:32 น.

มุ่งไปสู่รุ่งแจ้งแห่งวิปัสสนา (Beyond a Meditation)

ลำน้ำน่าน

น้อมอารมณ์ดุจพรหมมาเนรมิต
ภาวนาเจิมจิตอธิษฐาน
บริกรรมจากปฐมบรมฌาน
ตราบรุ่งลานละวางสว่างไสว

สาลิกากล่อมป่าพณาสณฑ์
เหล่าอุบลชุบชื่นจิตตื่นใหม่
หอมวิเวกอุ่นอ่องละอองไพร
คลายครรไลลับว่างอยู่วังเวง

ทิ้งเกียรติศักดิ์จบไว้ใจกลางเมือง
สารพัดราวเรื่องร้าวข่มเหง
จิตรกเรื้อกิเลสรัดเส็งเคร็ง
นำบรรเลงคีย์ชีวิตผิดทำนอง

สู่วิมานใบไม้บรรณศาลา
มณฑลรุกขเทวาพฤกษาสนอง
กลางกลิ่นกรุ่นเสาวคันธ์วิรังรอง
ฟังแซร่ซ้องสกุณีตราบตรีกาล

อโณทัยจะแย้มแต้มลานโลก
อุษาโยคทินกรซ้อนแสงศานต์
โกกิลาครวญเสียงจำเรียงกาล
จิตฟุ้งซ่านกลับสงบภพอุรุ

เงียบสงัดเพียงครู่ก่อนกรูเกรียว
ในเถาวัลย์พันเกี่ยวเรียวไผ่ผุ
ดุเหว่าแว่วกระจาบจรอ้อนวายุ
เกลือกวาริพินทุน้ำดอกไม้

อิ่มอุดมสมบูรณ์เกื้อกูลผอง
วังวัฏฏะครรลองของป่าใหญ่
ปรมัตถ์สัจจาสารัตถะใจ
อสังขตธรรมอำไพไร้ปรุงแปลง

เมื่อแดดสายพรายยิ้มปริ่มผิวน้ำ
เรงเร้าพนารามอย่าย่ามแสง
เงาไม่เที่ยงหดตรงรงค์จำแลง
มิอาจแข่งไตรลักษณ์กฏจักรกาล

รอนสายัณห์ผันแปรแท้เหนื่อยนัก
หยุดพักริมฝั่งฟ้าอวสาน
เอกอุบัติเคล้าคลอมรณานต์
ผ่องผิวธารส่องสรวงยวงเมฆสลาย

จิรกาลสัทธรรมอันล้ำลึก
ตกผลึกเงียบว่างกระจ่างหมาย
ไม่มีบวกมิมีลบไม่มีตาย
ยังกระแสวาวผกายนฤพาน

วิศววนาลัยไพรพลันพลบ
ราตรีสงบพบอรูปกรรมฐาน
เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
วิเศษซ่านพรหมนิมิตจิตประพุทธ์

มิอาจกลับไปเกี่ยวเกียรติศักดิ์
ดับไฟรักโลภโกรธหลงปลงจุด
เพียรไปสู่ศิวโมกข์โลกวิมุตติ
สิ้นสุดวัฏฏะพบพระนิรพาณ

------------------------------
วันเวลาแห่งชีวิตมนุษย์นั้นสั้นลงทุกขณะ 
มิเว้นแม้เวลาแห่งชีวิตผู้รจนาธรรมกวีอย่างเราๆ ท่านๆ
ดังพระมิ่งมงกุฏพระประทีปแก้วตรัสไว้ว่า
มรณะมีอยู่คู่ลมหายใจเข้าออก

ภาพพระผู้แสวงหาวิมุตตินั่งบำเพ็ญเพียรภาวนา
ซึ่งเหน็ดเหนื่อยจาริกรอนแรมมาจากชนบทแสนไกล
มาภาวนาอยู่กลางธรรมชาติวิสุทธิ์ เพิงผา และม่านไทร
ส่งเสริมให้เวไนยนิกรชนบทคามนิคม บังเกิดความศรัทธา 
หันหัวเรือชีวิตบ่ายหน้าสู่ธารพระธรรมกันจำนวนมาก
เหมือนพุทธวนจะที่ว่า *ดั่งพระมาลัยมาโปรด*
พยายามมีชีวิตงดงามอยู่ท่ามกลางความเสื่อมสลายทุนนิยม

พระท่านเพียรปิดอบาย แล้วยังดวงจิตให้จุติ ณ อรูปาวจรภูมิ
หรือ พรหมไม่มีรูป ซึ่งอาจแน่ใจได้ว่า กุศลกรรมอันอุกฤษ์นี้
จักไม่ชักนำไปบังเกิดในทุคติภูมิ ไม่ว่าในชาติหน้าหรือชาติไหน
ยังแต่จะบ่ายหน้าไปสู่ปรินิพพาน

อานิสงค์อันใดอันพึงมีจากการรจนาธรรมของข้าพเจ้านี้
ที่ยังจิตผู้อ่านให้สุขใจยามสดับกวีได้แม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียว
ขออธิษฐานจิตให้บังเกิดกุศลแก่บิดามารดาและตัวข้าพเจ้า
พี่น้องร่วมท้องญาติสนิทมิตรสหายทางโลกและทางจิตวิญญาณ
และเวไนยนิกรทุกผู้ทุกนาม

-----------------------------------------------
***เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน***  
คือ อรูปฌานชั้นสูงสุดที่ชักนำผู้สำเร็จไปจุติ ณ อรูปาวจรภูมิ 
บนพรหมโลกชั้นสูงสุด

ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖



				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลำน้ำน่าน