5 กุมภาพันธ์ 2551 09:16 น.

พงศาวดารฮวนรื่อง ไฮ้อั่น จบ

สะพั่งสะท้านไมภพ

พงศาวดารฮวนรื่อง ไฮ้อั่น  ตอนที่สอง
สะพั่งสะท้านไมภพ 
   การไล่เลียงวิชาความรู้ที่นครหลวง  เจ้าเมืองก็ลงมาไล่วิชาพวกที่สอบได้เอง พอถึงคราคนที่สองร้อย ไฮ้อั่น ก็เดินยิ้มเผล่ส่ายอาดๆเข้าไป  เจ้าเมืองเห็นเจ้าไฮ้อั่น นั่งลงแล้ว จึงให้เลือกซองคำถาม ไฮ้อั่นหยิบขึ้นมาอันหนึ่ง แล้วยื่นให้เจ้าเมือง เจ้าเมืองก็อ่านออกมาว่า จงอธิบายมาว่า คำกล่าวว่าผู้ที่มีกตัญญูนั้นหากมีอำนาจและหน้าที่แล้วก็สามารถปราบเสี้ยนแผ่นดินได้  และถ้าผู้มีสติปัญญาเล่าหากไม่มีซึ่งอำนาจและหน้าที่แล้วก็จะเปรียบเหมือนกับสิ่งใด
   ไฮ้อั่น ได้ยินคำถามแล้วก็วนหัวโคลงไปโคลงมา มองหน้าท่านเจ้าเมืองแล้วยิ้มก็กล่าวว่า อันนี้เป็นโคลงกลอนสมัยเหม็ง  และคำตอบก็คือ เปรียบเหมือนมังกรน้ำตื้น และเสืออยู่ในที่กักขัง
   เจ้าเมือง มองหน้าพวกกรมการเมืองแล้วตบมือ กล่าวว่าประเสริฐ แล้วเจ้าเมืองก็พยักหน้าเรียกให้ยกกระบัตรเมืองซึ่งมีบรรดาศักดิ์เป็นถึงเจ้าพระยาสายสะพายแดงเข้ามา ท่านเจ้าพระยาสายสะพายแดงก็มองหน้าไฮ้อั่นด้วยความหยาม แล้วก็ถามขึ้นมาหนึ่งคำถามว่า ขบวนที่จะทำศึกสงครามทำประการใด
   ข้อแรก รู้ว่าจะทำศึกกับใคร เช่นจังหวัดชายแดนใต้ ก็คือ พวกอิทธิพลนั่นเอง ตั
   ข้อสอง ภูมิประเทศ ที่ล้อมรอบด้วยทะเล ชายแดนติดพวกแขก ด้านใต้ และด้านตะวันตก จึงไม่ยากที่จะส่งกำลัง และสนับสนุนให้ก่อการร้ายเป็นพวกโจรโพกผ้าดำ
   ข้อสามเมื่อรู้ว่าจะรบกับใคร ภูมิประเทศเป็นอย่างใดแล้ว เบื้องต้นพื้นฐานเลยคือจะต้องฝึกหัดพลรบในเรื่องที่จะเป็นต้องใช้ในการรบให้เก่งก่อน อาวุธของทหารก็ต้องให้ทหารพลรบที่จะไปรบเกิดความมั่นใจ รวมถึงสามารถใช้ได้อย่างความต้องการ 
   ข้อสี่ จะใช้ใครคุมกระบวนทัพไปรบ ก็ให้พิจารณาให้ถ่องแท้ อย่าเอาแต่ไอ้พวกขี้ขอวิ่งเก่งไปเป็นอันขาด นอกจากมันจะออกข่าวเอาหน้าไปวันๆแล้ว ยังจะทำให้ลูกน้องล้มตายอีกเป็นอันมาก ขอให้เอาแต่พวกที่มีสติปัญญา ที่จะทำการได้เช่นพวกที่เคยมีประสบการณ์รบมาแล้วเป็นต้น  หากยังทำแบบนี้ ทหารก็จะขาดความเชื่อมั่น และพลอยเสื่อมเสียขวัญ ทำให้รบแพ้ได้
   ข้อที่ห้าตัวผู้บังคับทหารเอง ก็ต้องกอปรไปด้วยยุติธรรม ทำชอบให้รางวัล ทำผิดก็ลงโทษ ถ้าทำผิดไม่ลงโทษเพราะรัก หรือให้รางวัลเพียงเพราะเป็นคนใกล้ชิดหรือชอบ หรือเป็นญาติพี่น้องก็ปล่อยปละ เช่นนี้อำนาจของ ผู้บัญชาการทหารก็จะเสือมลงทุกวัน ก็จะทำให้เหล่าทหารด่านายกันเละเทะ
   ข้อที่หกได้ผลประโยชน์สิ่งใดมาก็ให้มีการแบ่งปันให้กับผู้น้อย อย่าเก็บไว้แก่ตนเพียงคนเดียว เรียกว่าร่วมทุกข์ร่วมสุข
   ข้อที่เจ็ด อย่ายกน้องให้ดีกว่าพี่ อย่าให้ผู้น้อยก้ำเกินผู้ใหญ่ อย่าให้เมียเข้ามายุ่มย่ามเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้าย เลี้ยงให้เป็นลำดับกัน การกินการเป็นอยู่ของผผู้น้อยต้องดูแลให้ดีจริง เช่นนี้แล้วจะได้สรรเสริญ และก็จะมียศฐาใหญ่ขึ้นทุกคือนวัน
   ฝ่ายพระยาสายสะพายแดงทราบก็หันไปมองตาเจ้าเมืองแล้วก็โค้งคำนับถอยไป
   ฝ่ายไฮ้อั่นก็เดินออกจากห้องสอบสัมภาษณ์อย่างสุดเฟื่อง
   หลายวันต่อมา....
การประกาศผลได้ออกมาแล้ว
ผลก็คือ พวกลูกหลานพี่น้องของอธิบายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
พวกลูกของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
พวกลูกของพ่อค้ามีเงินได้อย่างไม่น่าเชื่อ
และไฮ้อั่น ก็สอบไม่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
   เมื่อแผ่นดินไดไม่ชอบใช้คนมีความรู้มีสติปัญญามีความซื่อสัตย์แล้วแผ่นดินนี้ก็จะเกิดจลาจล เหมือนกับไฟซึ่งติดขึ้นด้วยความชั่วร้ายจากน้ำมือคนใจชั่ว ทำให้เกิดความร้อนเกินทนขึ้นทุกอาณาบริเวณ เพราะเหตุนี้เองกลุ่มโจรร้ายจึงเกิดขึ้นอย่างมากมาย 
   ไฮ้อั่น ก็รำลึกได้ถึง พงศาวดารจีนเรื่องต่างๆแล้ว ก็ทราบแล้วว่าทำไมยอดคนหลายท่านจึงได้ซ่อนตนเร้นกาย  เมื่อถึงเวลาวาสนาครบถ้วนแล้วคงจะได้เจอกัน
   ว่าแล้วไฮ้อั่นก็เดินหายลับตาไปโดยสวนกระแสกับกลุ่มชนที่มุ่งหน้าเข้ามา				
2 กุมภาพันธ์ 2551 08:23 น.

พงศาวดารฮวนรื่อง ไฮ้อั่น

สะพั่งสะท้านไมภพ

ศุภมัสดุ มีแผ่นดินฮวนทางตอนใต้ของจีนหลังสมัยราชวงศ์ชิง แผ่นดินได้เกิดกลียุคแย่งชิงความเป็นใหญ่ ระหว่างอิทธิพลของพ่อค้า กับ อิทธิพลในระบอบอามาตยาธิปไตย ในยุคนี้เหล่าบรรดาขุนนางทั้งฝ่ายบู๊ ฝ่ายบุ๋น ที่เป็นตงฉินหรือมีนิสัยซื่อตรง ก็มักจะโดนกดขี่ข่มเหงจนไม่สามารถจะตั้งใจทำงานให้ได้ ผลจากการนี้จึงทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อน จากพวกข้าราชการที่ชอบสอพลอปอปั้น มักไม่มีความรู้ในด้านงานที่ตนเองต้องเข้ามาบริหาร นำเอาระบบการตรวจสอบจากประเทศยุโรปมาใช้ซึ่งเป็นระบบที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องได้ดีด้วยการขยันทำงาน ดังนั้นเมื่อคนทำงานแล้วไม่ค่อยได้ดี ก็นับวันจะมีคนที่ไม่ทำงานแล้วหวังจะได้ดีมากขึ้น  ไม่แปลกใจเลยว่า เมื่อเป็นอย่างงี้แล้ว ฟ้าฝนก็จะไม่ตกต้องตามฤดูกาล โจรขโมยก็มากขึ้น ทุกครอบครัวของประชาชนเดือนร้อน กลุ่มคนต่างๆในแผ่นดินฮวนนี้ก็เริ่มแข็งข้อตั้งตัวเป็นใหญ่ในทุกตำบล
   เง็กเซียงฮ่องเต้ จึงได้เรียกประชุมเหล่าขุนนางบนท้องฟ้า ว่าในแผ่นดินจีนก็ได้ส่งเทพต่างๆไปจุติแล้วสร้างราชวงศ์ใหม่ๆแล้ว และในบัดนี้แผ่นดินฮวนเกิดทุรยุคจะได้เทพองค์ไหนลงไปปราบพวกชั่วร้ายในแผ่นดินฮวนได้ เง็กเซียงฮ่องเต้มองไปมาก็ไม่มีเหล่าเทพองค์ใดจะอาสา เนื่องจากต้องลงไปลำบากเผลอไผลทำอะไรผิดลงไปคงไม่ได้มาเกิดเป็นเทพอีก จะกลับกลายเป็นสัตว์เดรัจฉานไป ขณะนั้นเองก็มีเทพแห่งท้องฟ้า อาสาเพราะเห็นแก่มนุษย์ชาวฮวน เง็กเซียงฯยิ้มให้แล้วก็ให้เทพแห่งท้องฟ้าลงไปจุติได้
   กล่าวถึงครอบครัวที่เทพแห่งท้องฟ้าจะมาจุติ บ้านบางกระบือ มีครอบครัวหนึ่ง ผู้ชายชื่อ ซัม ส่วนผู้หญิงชื่อนางเล็กสี คืนวันหนึ่งฝันว่ามีสายรุ้งจากฟ้าแวบเข้ามาในบ้าน กลายเป็นหนูสีขาวน่ารักตัวหนึ่ง แล้วก็วิ่งหายเข้าไปในกายนางเล็กสี หลังจากวันนั้นนางเล็กสีก็ตั้งครรภ์ วันที่นางเล็กสีจะคลอด ปรากฏกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วทั้งบ้าน นางเล็กสีคลอดลูกออกมาเป็นชายตั้งชื่อว่า อั่น
   เจ้าเด็กอั่น ได้เล่นกับลูกชาวบ้านในหมู่บ้านนั้น และเด็กทั้งปวงยกให้เป็นหัวหน้า เจ้าอั่นจะใช้อย่างใดเด็กๆพวกนั้นก็ทำตาม อยู่มาวันหนึ่งเจ้าอั่นได้ไปพบกับซินแสคนหนึ่ง เขาก็เลยเข้าไปขอให้ซินแสนั้นดุดวงชะตาให้ ซินแส นั้นมองพิจารณาดูสีหน้าแล้วก็เห็นว่าจะมีวาสนาต่อไป แต่ยังต้องผ่านเคราะห์กรรมวิบากอีกมากจึงจะสำเร็จผลได้ ซินแสก็บอกว่า ขอให้ลื้อได้พยายามศึกษาให้มากๆไว้ก็เลี้ยวกัน แล้วจะได้ดี ซินแสคนนั้นก็เดินจากไป พอเจ้าอั่นเผลอซินแสคนนั้นก็หายไป

   เจ้าอั่นเห็นดังนั้นก็ก้มกราบด้วยรู้ว่าเป็นเซียนมาบอกแน่ นับตั้งแต่วันนั้นมาเจ้าอั่นก็เก็บความไว้และมุ่งประพฤติแต่การหาความรู้ทั้งบู๊และบุ๋น
   และเมื่อทางการได้ประกาศสอบจอหงวนเจ้าอั่นก็ได้เดินทางไปสอบ ในระหว่างการสอบเจ้าอั่นแทบจะโยนพู่กันทิ้งเนื่องจากความเครียดจากความยากของข้อสอบไล่ แต่ทว่าจากการระลึกได้ว่าได้อดทนต่อการอ่านตำรับตำรามานานก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนทำจนกระทั่งหมดเวลาทำ
   ในระหว่างการรอ เจ้าอั่นก็ต้องเตร็ดเตร่รอเวลาประกาศผลอยู่ที่เมืองหลวงเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในเมืองหลวงมีแสงสีเป็นอันมาก โดยเฉพาะหอโคมหลากสี และมีนางยั่วเมืองอยู่เต็ม อีกทั้งความสนุกสนานพิสดารมากมาย   เจ้าอั่นได้เข้าหอนางโลมหลายต่อหลายที่ ก็ชักเคลิบเคลิ้ม ดีแต่ว่าได้เวลาที่ประกาศผลสอบพอดี ทางราชการรับเข้าเพียงสองร้อยคน เจ้าอั่นเข้าไปได้คนที่สองร้อยพอดี ก็นับว่าเป็นโชคดีแบบเหงื่อตก
   โปรดติดตามตอนต่อไปครับ				
31 มกราคม 2551 10:24 น.

กว่าจะไปผับได้

สะพั่งสะท้านไมภพ

หลังจากที่ทำงานเสร็จและเป็นวันพุธ มันเป็นวันที่ถือว่าเป็นวันสันธนาการของผม ผมจึงตรวจสอบเงินในกระเป๋าแล้ว พันกว่าบาท ผมเสียบกระเป๋าตังไว้ที่กระเป๋าหลังแล้วตบตูดด้วยความมั่นใจ 
   หน้าของผมในกระจกดูหล่อเหลาเอาการและด้วยผมที่เปียกน้ำมันและดัดปอยผมข้างหน้าให้แหลมย้อยลงมา ทำให้เป็นเสน่ห์ที่ยังจะหากินได้อีกนาน 
   การเริ่มต้นก่อนจะยามค่ำ ตอนยามเย็นเพื่อนั่งทานข้าวเหนียวส้มตำลาภริมน้ำและกินไปดื่มไปดูหญิงสาวที่ต่างพากันร่อนมอเตอร์ไซด์เที่ยวแล้วเที่ยวเล่าและหลากหลายระรานตาในตอนเย็นริมน้ำแม่กลอง
   แสงแดดเริ่มสีเข้มขึ้นและตกกระทบน้ำเป็นสีกากีกรมท่าสะท้อนความแวววาวแสบตา แต่ทว่าพอกลับเย็นเมื่อดวงอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมเขาใหญ่ ยิ่งทำให้แสงสีที่ตกมีความเข้มข้น เตือนว่าใกล้จะมืดมิดแล้ว
   บรรดาสัตว์เล็กเช่นนกต่างก็พากันบินกลับรัง แต่ทว่าคนบางคนเล่ากลับกำลังจะออกหรือกำลังจะไปทำมาหากิน จากการนั่งทานข้าวเหนียวลาบส้มตำริมน้ำ เมื่อบรรยากาศเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนสถานที่กินดื่ม
   จากร้านข้างๆทางริมแม่น้ำ ก็มาเป็นร้านอาหารที่เป็นแพในแม่น้ำ ผมมักจะเป็นแขกคนแรกของร้านเสมอ และบ่อยๆก็มักจะเป็นแขกคนสุดท้ายที่ออกจากร้าน แต่วันนี้คงไม่เพราะผมตั้งใจจะไปที่อื่นต่อ
   แสงไฟที่ประดับประดาตามแพ เริ่มเปิดกันจนเจิดจ้าในท่ามกลางความมืด เสียงเพลงที่เกิดจากอีเลคโทรนดังก้อง สลับคลอด้วยเสียงของนักร้องที่แต่งหน้าเข้มยามค่ำคืน และยังแทรกด้วยดนตรีของแพข้างๆซึ่งเป็นเพลงเพื่อชีวิต 
   ผมนั่งคลอเคล้ากับแก้วเหล้าที่มันใส่ด้วยบรั่นดีไทยและโซดา ตามสูตรของกระผม เมื่อก่อนก็เคยดื่มออนเดอะร๊อกมาก็บ่อยมันก็ดีดูจริงใจดีและมาดเข้มแมนตามแบบชายไทย แต่ทว่าผมชอบความนุ่มๆเสียมากกว่า และการดื่มแบบผมนี้มันจะค่อยๆเมาไปอย่างช้าๆ
   กับแกล้มของผมก็ไม่มากไปกว่า กุ้งแช่น้ำปลา ไก่สามอย่าง ซึ่งก็เพียงพอนั่งจิบเหล้าไปฟังเพลงไป ดูทิวทัศน์ยามเย็น รับแรงลมแม่น้ำที่พัด มองเด็กเสริฟ แทะโลมนักร้องทางสายตา เป่าควันบุหรี่เล่น
   ความเคลิบเคลื้มเพลิดเพลินตามแบบที่คิดเองเป็นสิ่งที่ทำให้เวลาได้หมดไปอย่างรวดเร็ว ก็ไม่รุ้ว่าอะไรที่ทำให้คิดได้ว่าจะต้องทำอย่างนี้แล้วมีความสุข
   สักพักพอร้านเลิกเด็กเสริฟก็ชวนไปเที่ยวต่อ ไปก็ไปผมคิด ชีวิตของผมมีเรื่องราวแปลกๆมากมายในตอนกลางคืน
   นักร้องไม่พอผมก็ขึ้นไปร้องสลับได้จนร้านเลิก แต่นักร้องไม่ยอมเลิกพาไปร้องต่อที่บ้าน
   นักร้องนัดให้เจอตอนเลิก แทนที่จะไปก็กลับไม่ไปเพราะง่วงนอน
   ไถเหล้ากินกับสาวโดดเดียวในผับอย่างหน้าด้าน
   โก่งคอขันร้องเพลงไล่แขกกลับในผับเป็นประจำ
   ตื่นขึ้นมาแล้วจำไม่ได้ว่าร้านที่ไปเมือคืนชื่อว่าร้านอะไร
   ขนหมอนวดจำนวนเต็มรถปิคอัพไปเต้นระบำ
   ชวนหมอนวดมาเล่นป๊อกเด้ง ไม่กีคนแต่มาทั้งร้าน
   เข้าเทคเลี้ยงเด็กเสริฟ รวมทั้งเรียกวงดนตรีที่เล่นสามวงมาดื่มเหล้ากัน ทำให้คนเกือบครึ่งร้านฮาเฮ
   และที่กล่าวมาทั้งหมดมักจะฉายเดี่ยว
   ผมยักไหล่ ตอนนี้ก็มาแล้ว
   ผมก็ชอบติดตามลีลาชีวิตของผมเองว่าจะทนสภาพแบบนี้ได้อีกนานเท่าไหร่แต่เท่าที่ประสบมาก็ไม่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมง 
   ลีลาเด็กเสริฟก็ว่ากันไปเช้ามาต่างก็แยกย้ายกันไป
   สรรพคุณของแอลกอฮอล์ทำให้หัวใจของคนที่ชอบแสวงหาความสนุกและความสุขหาได้พบง่ายและเร็วตามจำนวนที่เสพเข้าไป ดนตรีก็เร่งเร้าให้องคายพในร่างกายขยับไหวตามแต่ว่าคนร้องจะมีความเป็นซุปเปอร์สตาร์แค่ไหน
   ลีลาส่ายสโพกของผมขณะร้องขณะเต้นบนเวทียังคงเรียกร้องเสียงปรบมือชอบใจจากคนดูได้ และยังอีกนาน
   ยามที่ผมนั่งละเมียดแบล็ค กรีน โกลด์ หรือ บลู ในสถานที่ที่เสียงดังแก้วหูสั่นขี้หูเกือบไหล ผมรู้สึกว่า มันเป็นสรวลสวรรค์ของผม แม้จะไม่นานก็ตาม แต่หลังจากฟื้นตื่นที่ต้องไปทำงานตอนเช้า ผมก็มักจะถามตนเองว่า ไม่เบื่อและไม่ทรมานบ้างเหรอทุกครั้ง แต่ทว่าพอตกตอนเย็นทีไร มักจะมีเหตุอ้างให้ออกทุกที
   ต่อเมื่อวันหนึ่ง เมื่อได้สะดุดพบกับความไม่แน่นอนของชีวิต ได้หันกลับมาดูแลครอบครัวและจะต้องตื่นตะลึงว่า คนในครอบครัวลำบากเพียงใด ที่ผ่านมาเราเพียงแต่สนใจตนเอง ไม่ได้ใส่ใจกับครอบครัวเลย ภรรยาของเราก็ช่างอดทนนัก ผมสำนึกแล้วในความบันเทิงที่ผ่านมาในอดีต  แต่ยังไม่สายเกินไป ช่างโชคดีสำหรบผมนัก ที่จะได้ทำการแก้ตัว 
   มาบัดนี้ ผมได้ความอบอุ่นจากกายภรรยาและผมก็ให้ความอบอุ่นอย่างจริงใจแก่เธอด้วยความรักแสนหวาน ดูแลลูกเต้าด้วยความตั้งใจ ก็พบว่า สิ่งที่เราแสวงหามาตั้งแต่ตอนหนุ่มนั้น มันก็เป็นเพียงกิจกรรมค่าเวลาเท่านั้น แม้จะระลึกได้ก็เพียงมีรอยยิ้มนิดหน่อยตรงมุมปาก
   ผมไม่ได้เสียดายสิ่งใดๆที่ได้กระทำไปแล้วในอดีต ตรงกันข้าม สิ่งที่ได้ทำแม้จะผิดหรือถุก จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจมันก็ส่งเสริมให้เห็นคุณค่าของความรักที่มีให้แก่ครอบครัวในยามนี้มากมายทีเดียว
   ผมเฝ้ามองคนอื่นที่เขาเริ่มที่จะมีความรัก เริ่มที่จะสร้างสัมพันธ์กันให้เกิดความรักกันแล้ว ภาพเหล่านี้ก็ได้ย้อนกลับมาถึงผมได้นึกเห็นภาพเก่าในอดีตอันหวานแหววแล้วก็อดยิ้มในใจไม่ได้อีก				
29 มกราคม 2551 08:15 น.

เพียงแค่จะเป็นใหญ่2

สะพั่งสะท้านไมภพ

ในตอนนั้น นานมากแล้ว คนที่จบจากโรงเรียนนายร้อย มักจะได้เป็นนายก ไม่นายกรัฐมนตรี ก็นายกอื่นๆ รวมถึงได้รับเกียรติจากการเป็นประธานอื่น หรือผู้นำอื่นๆ หากมีการเลือกสรรเกิดขึ้น
   ดังนั้น ชายไทยทุกคน จึงมุ่งมั่นที่จะหันมาเดินตามทางนี้ ทางสู่ความรุ่ง
ที่หน้าโรงเรียนเตรียมทหารเก่าซึ่งตอนนี้กลายเป็นบาร์เบียร์และร้านขายหูฉลาม เขียนไว้ว่า ทางจะไปรุ่งเรือง หาได้โรยด้วยกลีบกุหลาบไม่ ตอนนั้นเด็กๆยังเข้าใจว่าคงจะโรยด้วยเหงื่อต่างน้ำ แต่ทว่าในปัจจุบันทราบแล้วว่าเป็นอะไร
   แต่อีกทางหนึ่ง หนทางที่จะไปสู่ความร่ำรวย ข่าวลือที่ว่าแม้ยังจะไม่จบก็สามารถซื้อรถยนตร์ให้พ่อแม่ขี่ได้แล้ว บางคนก็หันไปเป็นอีกแบบหนึ่งแบบที่ได้เป็นแล้วรวย
   ขณะที่ผมไอ้น้องอีกสองคนมองหน้ากันด้วยตาที่แวววามรู้ใจกัน คนอื่นกำลังจ้องปัดแข้งปัดขากันอยู่ พวกเราต้องการก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด ดังนั้นการสาบานในสวนหลังบ้าน เป็นพี่เป็นน้องสามคนจึงยังคงเป็นความลับไม่มีผู้ใดรู้
   ต้อม ต๊อก ปู่ เป็นชื่อพวกเราสามคน
   ในสภา ชายชื่อต้อม กำลังนั่งเหม่อลอยตามองประธานรัฐสภาอยู่แต่ใจก็คิดถึง เรื่องราวในอดีต ตอนสมัยเป็นผู้หมวด ผู้กอง ผู้พัน ผู้การ หยุดกึกตรงผู้การ ต้องต่อสู้กับรุ่นน้องคนหนึ่งที่เป็นที่โปรดปรานของเจ้านายและก็สู้ไม่ได้ นั่นนับว่าเป็นความพ่ายแพ้ที่ไม่อาจฝืนให้ชนะได้ แต่บทเรียนแห่งความพ่ายแพ้ที่น้อยครั้งจะพ่ายแพ้เขาก็ได้คิดแก้ลำและเดินรอยตามในอันที่จะไม่แพ้ใครอีกต่อไป ตอนเป็น ผู้บัญชาการกองพล ตอนเป็นแม่ทัพ และสุดยอดตอนที่จะเป็นผู้บัญชาการทหารบก ที่ได้ใช้ศึกยภาพทั้งมวลเพื่อให้ได้เป็น และตอนนี้จากการปฏิวัติได้มาเป็นผู้แทนและกำลังใช้ศักยภาพที่ยิ่งใหญมหาศาลโดยเฉพาะไม้ตายก้าวเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกลาโหมอันทรงอิทธิพลสูงสุดในสถานการณ์การเมืองในอนาคต เพราะนั่นหมายความว่า จะสามารถแต่งตั้งพรรคพวกกองพลเดิมเข้ามาครองอำนาจทางทหารได้อย่างเบ็ดเสร็จ และยังคงจะค้ำบัลลังค์ให้ น้อง ต๊อก กับ น้อง ปู่ ได้อย่างสบายใจ
   ในกองทัพ ชายชื่อต๊อก ได้เป็นผู้บัญชาการทหาร เขาก้าวขึ้นมาจากการสาบานเป็นพี่น้อง ในสวนหลังบ้าน เดินตามรอยพี่ใหญ่อย่างใกล้ชิดติดๆ จากการที่พี่ใหญ่ได้ช่วยริดรอน คนที่มีแววว่าจะแคนดิแดดตำแหน่ง ผู้บัญชาการกองพล แม่ทัพ จนกระทั่งผู้บัญชาการทหาร ให้คนที่มาแรงเหล่านี้กระเด็นไปด้วยความงุนงง หรือหลงดีใจที่โดนย้ายไปตำแหน่งอื่นซึ่งดูเหมือนว่าจะดีกว่าใหญ่กว่า แต่หารู้ไม่ว่าได้กระเด็นออกไปนอกวงโคจรของเขาแล้ว แม้แต่รุ่นพี่ที่ฉลาดในการทำงาน แต่ก็ยังนึกไม่ถึงว่ามันจะเล่นไม้นี้จนต้องเจ็บช้ำใจแต่ก็ไม่สามารถจะพูดได้ ชายคนที่ชื่อต๊อกแม้ว่าทรยศต่อเพื่อนร่วมรุ่น แต่ทว่าบัดนี้เขาได้ครองอำนาจที่เขาพอใจแล้วตามแผนการใหญ่ และน้องปู่อีกคนที่กำลังมาแบบไม่มีสิ่งกีดขวาง เขาก็จะเริ่มวางฐานอำนาจของรุ่นตนให้กลับมามีอำนาจและสำนึกพระคุณของเขาใหม่ต่อไป จนอาจจะไม่ใช่คนที่เคยมีชื่อว่าทรยศรุ่นเพื่อน แต่จะเป็นคนที่มีพระคุณต่อรุ่นมากกว่าในอดีต
   ในกองทัพชายชื่อ ปู่ ได้เป็นแม่ทัพ  เป็นตำแหน่งที่ค้ำประกันของชายชื่อต๊อกให้ยิ่งยงทรงพลังได้ด้วยพลังสองประการ หนึ่งคือพลังกองทัพกรุง สองคือพลังภายในชั้นสูงสุดยอดมือสอย ด้วยพลังอันพิเศษนี้สามารถจะค้ำบรรลังค์ช่วยเหลือพี่ใหญ่และพี่รองได้อย่างสบายๆ
   การช่วงชิงอำนาจในตอนนี้ เบ็ดเสร็จเด็ดขาดลงไปแล้ว มีการแบ่งแนวทางชัดเจนอย่างน้อยก็อีกห้าปี อำนาจก็เหมือนการแตกแขนงของหญ้าแขนงที่ยิ่งนานไปยิ่งเหนียวแน่น
   หากแต่ว่าผู้ที่มีเป้าหมายเล็กย่อมตกเป็นรองแก่ผู้ที่มีเป้าหมายใหญ่กว่า และการได้สร้างรอยแค้นให้กับศักดิ์ศรีของหน่วยบางหน่วยโดยบุกยึดกลางใจกองพลทำให้ความแค้นนี้เป็นความแค้นที่ไม่สามารถอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้ ก็ได้แต่รอเวลาที่อำนาจได้กลับมาในกำมือ แม้ว่าจะต้องชักศึกเข้าบ้านก็ตาม อย่างไรเสียวันหนึ่งจะได้ไปเผาฮอลออฟเดอะเฟรมในบ้านสามพี่น้องให้จงได้
   บรรดาเหล่าทหารที่รู้เห็นต่างก็มองตาปริบๆ ไม่ใช่ว่าพี่น้องประชาชนจะอดอยากตกงานเศรษฐกิจตกต่ำไม่รู้จะมีชีวิตรอดได้อย่างไร ทหารส่วนมากก็เช่นเดียวกันสภาพจนยิ่งกว่าประชาชนมากอดอยากมากกว่าประชาชนมาก แต่ด้วยหัวใจที่ทรนงของทหารแท้ก็ต้องยืนหยัดยึดมั่นในการทำความดีไว้เผื่อว่าสักวันหนึ่งผลกรรมแห่งการทำความดีจะสนองคุณ
  ในโลกปัจจุบันทหารชั้นผู้น้อยไม่ได้โง่อย่างที่ผู้ใหญ่หรือผู้บังคับบัญชาของเขาคิด ตรงกันข้ามผู้ใหญ่ยังคงคิดแบบเดิมๆกดขี่แบบเดิม ด้วยความหลงใหลแบบเดิมๆ ทุกคนได้รับข่าวสารจากแหล่งต่างๆ และทุกคนก็มีความต้องการแบบประชาชนเปี๊ยบ นั่นคือ ใครก็ได้ที่มาเป็นใหญ่แล้ว พวกเขามีเงินเยอะขึ้น มีความรู้สึกว่าได้รับการดูแลที่ดี รู้สึกว่ามีเกียรติ และรู้สึกว่าปลอดภัย
   คิดแค่นี้แหละครับ				
28 มกราคม 2551 06:10 น.

เพียงเพื่อความยิ่งใหญ่

สะพั่งสะท้านไมภพ

ในหัวของคน ย่อมจะมีอะไรๆที่แปลกพิสดารอยู่ข้างใน เช่น ความประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง จึงทำให้เกิดการกระทำที่สติปัญญาของคนๆนั้นได้คิดเค้นเคร่งเครียดแล้วทำออกมา สิ่งที่ได้รับแม้จะยังมองไม่เห็นหนทางแต่ทว่า ด้วยความอดทนอดกลั้น บากบั่น แม้จะไม่ค่อยแน่ใจ ก็ทำให้คนส่วนมากที่ต่อสู้ฝ่าฟันได้พบกับสิ่งที่ตนเองต้องการ
   เธอนางสาว ราธิณี ชาวีร์  นั่งเหม่อมองออกไปจากตึกชั้นที่เจ็ดสิบ มองออกไปเหนือเมืองหลวง ที่ปกคลุมด้วยหมอกเมฆ วันนี้เป็นวันที่เธอได้รับชัยชนะสมตามความหวังของเธอทุกประการ
   วันหนึ่งในอดีต เธอเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสวยงาม บรรดาชายหนุ่มก็ได้ตามจีบเธอหลายคน ทุกครั้งที่เธอแต่งชุดนักเรียนออกจากบ้าน ก็จะมีเด็กหนุ่มข้างบ้านหลายๆคนเฝ้าชะเง้อมองตอนที่เธอออกจากบ้านและตอนที่เธอจะเข้าบ้าน
   ไม่ว่าจะที่ป้ายรถเมล์หรือบนรถเมล์เธอก็จะพบกับลีลาร้อยแปดรถบันทุกของชายหนุ่มหลายๆชนิดหลายๆแบบ รวมถึงตาเฒ่าหัวงู ที่ไม่ได้ตักน้ำดูก่อนจะหลี
   เธอหัวเราะอย่างมีความสุขในตอนนั้น ใช้ซิ เธอได้วาดลวดลายพริ้วพรายยิ่งกว่านางแบบบนแคดวอร์ค ที่ตั้งใจเปิดเผยความวาบหวิวของร่างกายบางส่วนให้แก่ผู้ชมได้ตื่นเต้นดีใจ
   ในห้องนอน เธอได้เปลือยกายล่อนจ้อนหน้ากระจก และเพ่งมองอย่างใกล้ชิดทุกจุดตั้งแต่ใบหน้าจนถึงปลายเท้า ความเรียบรื่นไร้ใฝฝ้าราคี ส่วนโค้งเว้า อกอูมกำลังดี รวมทั้งสมองที่เธอมี ทำให้เธอมั่นใจว่าเธอจะต้องไปได้อย่างไม่ธรรมดา
   เพียงแต่หว่านเสน่ห์นิดหน่อย ก็ทำให้พวกผู้ชายเหมือนเสือติดจั่น เธอขำทุกครั้งที่บรรดาชายหนุ่มต่างก็หันหน้าเขม่นกันและอวดเก่งให้ดูต่อหน้า จนบางครั้งแทบจะมีเรื่องราว
   ไม่แม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้าที่เธอไปตักบาตร หากท่านยังเป็นพระหนุ่มและยังไม่ขาดจากกิเลสท่านก็คงทนผ้าเหลืองร้อนรุ่มไม่ได้
   เมื่อเธอจบการศึกษาเข้าสมัครงานที่หน่วยราชการ และมีการสอบ เธอได้ใช้ลีลาท่านั่งของเธอทำให้กรรมการต้องเอาแต่เดินวนเวียนหน้าโต๊ะของเธอ และแอบก้มต่ำเพื่อลอบมองความงามที่เร้นลับของเธอ
   เมื่อเธอได้เป็นข้าราชการแล้ว บรรดาเพื่อนร่วมงานที่เป็นชายหนุ่ม รวมทั้งหัวหน้ากองก็ได้มาเกาะแกะจีบแทะเล็ม เธอก็มุ่งเน้นไปที่บุคคลที่จะให้สองขั้น ให้ตำแหน่งกับเธอได้
   เมื่อหัวหน้ามีความต้องการอย่างรุนแรงและทุ่มเทให้มากแล้ว เธอก็พร้อมให้ตอบแทนได้ ด้วยการแอบลักลอบนอนและอนุญาตให้หัวหน้าได้สมสู่บรรเทาความกลัดมัน ได้เป็นบางครั้ง จนล่าสุดถึงมือของปลัดผู้มีท่าทางราวกับเจ้าอาวาสแต่ความหื่นมิได้ยิ่งหย่อนไปกว่ารุ่นหนุ่มๆอื่นๆ
   เธอหัวเราะออกมาขณะที่คิดถึงเรื่องเก่า ๆ ด๊อกเตอร์อย่างเธอ ทำอะไรก็ได้เพื่อกุมอำนาจการบริหาร และนั่งอยู่เหนือชายฉกรรจ์อย่างน้อยก็ในสถาบันนี้ 
   แม้เธอจะยังคงเป็นแค่นางสาว แต่นมของเธอแม้จะโดนน้ำมือชายมาหลายคน หรือของสงวนของเธอจะถูกกล้ำกลายแค่ไหน แต่มันก็ยังมีรูปทรงที่เย้ายวนยิ่งกว่าเดิม อีกไกลแน่เธอคิด				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสะพั่งสะท้านไมภพ