29 กันยายน 2552 06:33 น.

ใกล้แล้ว

สะพั่งสะท้านไมภพ

เครื่องกรองน้ำแบบสามโถ
เมื่อเปิดก๊อกน้ำกรองแล้วมันช่างไหลช้าเสียจริง
ขวดที่รองเป็นขวดแก้วจำพวกกาแฟ ชา น้ำส้ม ที่ทานหมดแล้วเอามาใส่น้ำกิน
นัยน์ว่าจะไม่เป็นมะเร็ง
แต่ทว่าขณะที่เติมน้ำอยู่นั้นก็ไม่ได้ทำแค่รอน้ำเต็มอย่างเดียว
กลับทำอย่างอื่นอีก

ผมพะวักพะวนมองไปมองมา
ร่างกายก็พลิกกลับไปกลับมา
สายตาก็ดูน้ำ และ พอหันไปอีกข้างก็ดูกับข้าวที่อบอยู่ในตู้ไมโครเวฟ

เมื่อตู้ไมโครเวฟดังตี๊ดๆๆ  และน้ำในขวดมีเสียงเหมือนจะล้น
จึงต้องตัดสินใจ

ภรรยาของผมบางครั้งก็มาช่วยกันทำกับข้าว
และผมก็ชอบเติมน้ำใส่ขวดเปล่าๆที่กินแล้วยังไม่ได้เติมอีกมากมาย
แล้วผมก็จะเดินไปทำธุระที่ยังค้างคาอยู่
เช่นเช็ดโต๊ะกินข้าว ยกจานยกช้อน ยกแก้ว 
และกะเวลาว่ากลับมาพอดี
แต่ทว่าบางครั้งก็ลืม
ภรรยาของผมต้องรีบมาปิดน้ำ
และงอนใส่

ผมหัวเราะให้กับภรรยา
บางครั้งการแกล้งภรรยาของตนเองเล่นบ้างเนี่ยมันก็เพลิดเพลินเจริญใจดีเหมือนกัน
ลำดับในการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
หากไม่มีการคิด
อย่างน้อยก็ทำให้เสียเวลาไปใช่ย่อย
บางท่านอาจคิดว่าบ้าหรือเปล่าคิดตลอดเลย
แต่ทว่า
มันเป็นการใช้สมองทั้งสองซีกพร้อมๆกันประเภทหนึ่ง

การดื่มนมตอนนอน
กับการดื่มเหล้าก่อนนอน
มันแตกต่างกัน
การนอนหลับแต่หัวค่ำ
กลับการอดหลับอดนอน
มันก็ต่างกัน
อย่างเห็นได้ชัดทีเดียว
  
มันทำให้กระบวนการคิดต่อเนื่องประติประต่อ
มันจะไม่ทำให้สิ่งที่คิดวืดไป

การขับรถแท๊กซี่ยาวนานเกินไปทำให้เกิดอาการเบลอๆได้
หากเราต้องเจอกับเขวที่บังเอิญเบลอพอดี
ก็ต้องตั้งสติให้ดี

ชีวิตของผม
กำลังแสวงหาความพอดี
ผมเฝ้ามองคนอื่น คิด พูด และทำ
บางทีก็งง
แต่ทว่า ผมงงกับตนเองมากกว่า

ผมเห็นสิ่งที่เกิดกับมนุษย์
ผมมองเข้าไปในนัยน์ตาของสัตว์ที่พบเห็น
มองที่ตา หน้าตา
ผมว่ามันไม่ได้แตกต่างกันที่สามารถจะประมาณได้ว่า
อะไร

การให้สิ่งของเงินทองแก่ลูก
แม้หากมีจะไม่เสียดาย
แต่ก็ต้องคิด

การร่วมชีวิตสังคมกับเพื่อนร่วมงาน
มันไม่ได้ยากเย็น
หากปล่อยใจ
และยอมรับในสิ่งที่ดีๆได้

ในท่ามกลางความสับสนของจิตใจ
ตั้งแต่ตื่นนอนมา
จนกระทั่งอยากจะไปข้างนอก
แต่ไม่รู้ว่าจะไปไหน
และเมื่อออกไปแล้ว
ถึงที่หมายแล้ว
ก็อยากกลับบ้าน

สิ่งต่างๆเหล่านี้
แม้เป็นเรื่องราวที่สมควรคิด
แม้แต่จะไร้สาระ
แต่ก็ยังสมควรคิด
และบางครั้งก็ใช้เวลา และสถานการณ์
มาช่วยในการตกลงใจ

สิ่งที่คิดทำออกไปแล้ว
แม้จะกลับกลายเป็นคำตอบที่ผิด
ผม สะพั่ง สะท้านไมภพ กลับหัวเราะ
ไม่มีสิ่งใดผิด ไม่มีสิ่งใดถูก
ในสิ่งที่ผิดๆที่ทำไป
อาจทำให้ได้รับผลที่พึงพอใจอย่างไม่คาดคิดก็ได้
ในส่งที่ทำไปถูกๆ
อาจทำให้ต้องเจ็บปวดก็เป็นได้

ผมมองน้ำที่ค่อยๆมีระดับสูงขึ้นเรื่อยๆในขวด
มันก็ใช้เวลาไม่มากในการที่จะเต็ม
ในห้วงเวลาก่อนจะเต็มมันมีเวลาทำสิ่งอื่นๆได้อย่างจำกัด
ประสบการณ์ในการเติมน้ำก็หลายร้อยขวดแล้ว
แต่ความแตกต่างในระหว่างที่เริ่ม กับ ตอนน้ำเต็มเนี่ย
มันก็แตกต่างไป

การเติมน้ำใส่ขวดแม้จะเป็นเรื่องที่ไร้สาระที่สุด
แต่ผมกลับคิดว่ามีสาระที่สุดในชีวิต
นั่นก็คือ การใช้ชีวิต
สิ่งที่สรุปได้ในเรื่องนี้ของผม
เวลาสั้นๆนี้
ทำดีเอาไว้				
27 กันยายน 2552 08:03 น.

ว่างๆ

สะพั่งสะท้านไมภพ

ผมคว้าลูกกลมๆพลาสติกสีเขียวขนาดเขื่องหิ้วมาสองลูก วางมันลงบนรางของผม
และเชื่อมั่นว่าด้วยหมายเลข ๑๑ บนลูกของมันจะทำให้ผมทำสไตรค์ได้ทุกครั้ง
นึกอย่างนี้ทุกครั้ง
นึกอย่างนี้ประจำ

น้องครับเบียร์สดเหยือกหนึ่ง
ผมหันไปสั่งพนักงานบริกร ประจำโรงโบว์ลิง

ผมซื้อถุงเท้ามาใส่ยี่สิบ
ผมฝากรองเท้าของผมแลกกับรองเท้าโบว์ลิงเบอร์เจ็ด
นัยว่าเป็นการค้ำประกัน

แต่ทว่าคราวที่แล้ว
โยนไปโยนมาเมาเบียร์
กลับไปถึงบ้านถึงรู้ว่ามีรองเท้าโบว์ลิ่งใส่กลับไปบ้าน

คราวนี้ก็หวังว่าจะไม่เอารองเท้าโบว์ลิ่งกลับไปบ้านอีก
สายตาทุกคู่มองดูลีลาของผม
ลีลาเสือแก่
นุ่มนวล แรงน้อย ไม่รุนแรงโครมคราม หรือ  ออกเสต็ป แบบวัยรุ่นเลนส์ข้างๆ
ทั้งสาวและหนุ่ม
ผมนึกในใจ
เมื่อก่อนก็เงี้ยๆเหมือนกันแหละ

กลับเข้ามาสู่ท่าทางของมาดขรึมต่อไป
ส่วนหนึ่งเนื่องจากแอลกอฮอลล์ทีเสพเข้าไปเริ่มแพร่ความซาบซ่านเข้าสู่สายโลหิต
ยิ่งโยนก็ยิ่งเอียงเข้าข้างทาง
จนที่สุดหมดฤทธิ์

แลกรองเท้าคืนเรียบร้อยก็ออกมาเดินเล่นต่อ
แต่ว่าเหล้าเบียร์แก้วแรกย่อมเป็นตัวจุดชนวนเรื่องราวตามมา
เพียงแต่ว่า
เมื่อได้ออกกำลังและเหงื่อออก
มันก็ทำให้ไม่เมาเท่าไหร่
ผมดูนาฬิกาข้อมือ
โป๊ะ
ได้เวลากลับบ้านแล้ว
ในวันนี้
ว่าง และได้ทำในสิ่งที่อยากทำแล้ว
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีสาระหรือไม่
ได้เล่นโบว์ลิง แล้ว
ได้พ่นควันแล้ว
ได้ลิ้มรสชาติน้ำและฟองเบียร์แล้ว
กลับบ้านดีกว่า

ถึงบ้านเมียมองหน้า และทำจมูกฟุตฟิต
ผมมั่นใจมาก
ก่อนเข้ามาก็ดมแล้วไม่มีกลิ่นใดๆทั้งสิ้น
ทำท่าคล้ายไม่มีเรื่องราวใด
และก็ไม่มีเรื่องราวใด

ตกตอนดึกสงัด
ผมใช้นิ้วสะกิดเมียรัก
เมียผมรู้สึกตัวแล้ว
เมียผมพลิกตัวนอนหันไปทางโน้น

ในยามค่ำคืน ดึกสงัดเงียบและเหงาเปล่าเปลี่ยว
ผมเริ่มสำนึกแล้วว่า
สิ่งที่ทำลงไปเมื่อกลางวัน
ย่อมจะมีผลในยามค่ำคืน
แม้ในระดับจอมยุทธจะไม่ยอมพูดกันตรงๆ
แต่เมื่อเป็นแบบนี้ก็ใช้ได้แล้ว

ผมจะจำได้เสมอ
เว้นไว้แต่ว่า
เมื่อได้ลิ้มของมึนเมาทั้งปวงไปแล้วหนึ่งแก้ว				
27 กันยายน 2552 07:46 น.

ปาตานี

สะพั่งสะท้านไมภพ

ชายหนุ่มผิวคล้ำผอมสูงอายุราวยี่สิบปี กับหญิงสาว นั่งพลอดรักกันกุ๊กกิ๊กภายในรถไฟ
ผมมองเห็นความน่ารักของความรักของหนุ่มสาว
ที่ผมเคยมาก่อนแล้ว
และผมชอบมากกับความรู้สึกแบบนี้
ที่แต่ละชีวิตคนสามารถจะเจอได้น้อยครั้งมาก

เรื่องราวของชายหนุ่มคนนี้
เขาต้องการความรักจากพระเจ้า
เขาต้องการได้รับการยกย่อง หรือ โปรโมทจากองค์กรของเขา
เขาต้องการเป็นผู้นำ
และเขาต้องการอะไรก็ได้ที่เติมเต็มชีวิตของเขาให้ครบตามแบบที่เห็น

เวลาเขาไปทำงาน
เขามักจะทำงานสำเร็จทุกครั้ง
และแต่ละครั้งก็จะได้เงินมาก้อนหนึ่ง
และก็เดินทางออกนอกพื้นที่ไปพักผ่อนเสพสุข
และทิ้งเรื่องราวที่กระทำไว้เบื้องหลัง

ในวันพักผ่อน เขาและคนรัก
พร่ำพรอดรักกัน ด้วยลีลาของความหนุ่มและความสาว
รสชาติที่สดชื่นเบิกบาน
และเมื่อวันสุขสนุกสั้นๆที่ผ่านไปอย่างเร็วยิ่งหมดลง
เขาและเธอก็เก็บของเพื่อเข้าพื้นที่

รถไฟแล่นโยกมาตลอดทาง
นอนหลับกันสามตื่น
ขยับก้นพลิกแล้วพลิกอีก
ขยับแขนจากโอบมาวางย้ายไปย้ายมา
คุยกันไปถึงอนาคตการสร้างครอบครัว
คุยกันไปถึงบ้านน้อยหลังใหม่
และคุยกันไปถึงจำนวนและเพศของลูกที่จะให้กำเนิด

บนรถไฟตู้เดียวกัน
ชายคนหนึ่งตัวใหญ่ล่ำสมส่วนแข็งแรง
เขานั่งเหม่อลอยออกไปทางหน้าต่าง
มองทิวทัศน์ที่รถไฟวิ่งผ่าน
สลับกับคอยสั่นหัว ไม่เอาข้าวผัดกระเพราไข่ดาว ขนมของฝาก

จำเป็นต้องจากมาเพื่อทำหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองใคร
และสถานการณ์ไม่รู้ว่าจะต้องเป็นอย่างไรต่อไป
จะต้องห่างจากรสสวาทของเมีย
หากมีลูกก็ต้องห่างจากลูกรักไม่ได้ใกล้ชิดอุ้มชูให้สมกับความรัก
และปัญหาเรื่องเงินทองที่ไม่ค่อยพอใช้
เงินเดือนน้อย
แต่ทำงานถึงขึ้นเสี่ยงชีวิตเข้าแลก
เขาไม่ได้อยากมาทำงานอย่างนี้
แต่ทว่าทางราชการประกาศสมัคร
แต่ก็ไม่มีใครสมัคร 
จึงต้องเกณฑ์ บางครั้งก็ยอมเสียเงินเพื่อไม่เกณฑ์

แปดโมงเช้ารถไฟถึงยะลาแล้ว
ชายทั้งสองที่กล่าวถึงต่างก็แยกย้ายกันออกไปจากสถานีรถไฟ

ตอนเย็น
ชายทั้งสองได้มาเผชิญหน้ากัน
ทั้งสองคนจำไม่ได้และไม่รู้จักกันเพราะไม่ได้อยู่ตู้รถไฟเดียวกัน และใกล้ที่จะพอเห็นกัน
ต่างคนต่างก็สาดใส่กระสุนใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ยั้ง
คมกระสุนต่างก็ตัดเข้าร่างกายของชายทั้งสอง
ทั้งสองล้มลงเลือดทะลักล้นคอจนไหลออกมาข้างปาก
ในสายตาที่ยังคงเหลือแววประกายน้อยนิด
ต่างคนต่างก็หวังโอกาสจะรอด

ทั้งสองถูกนำไปโดยรถกระบะ
และถูกวางบนรถเข็นพาเข้าโรงพยาบาล

ครอบครัวของคนทั้งสอง
เมื่อได้ยินข่าวคราวการประทะกันของสองฝ่าย
ต่างคนต่างก็รู้สึกตกอกตกใจและขวัญไม่ดี
แต่ยังไงก็นึกภาวนาขอให้เหมือนครั้งก่อน
พอประกาศชื่อออกมาทางทีวีแล้วไม่ใช่ชื่อของผัวของตน
เอ้อโล่งอก
ขอให้โล่งอกเหมือนกับครั้งที่แล้ว
หากผ่านครั้งนี้ไปได้จะไม่ให้ผัวของตนมาเสี่ยงอีกแล้ว
หากผ่านครั้งนี้ไปได้จะขอร้องไม่ให้แฟนของตนมาเสี่ยงอีกแล้ว				
26 กันยายน 2552 09:15 น.

ต่างแตก

สะพั่งสะท้านไมภพ

บุหรี่มาโบโรแดง วาบๆ ควันเบาลอยเป็นลำเข้าปอด และแยกย้ายออกทางรูสองรูของจมูก
มันเป็นเรื่องแปลกที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่ดีแต่ชอบกระทำ
นี่กระมัง จึงมีศาสนาขึ้น

ผมชอบใส่กางเกงสีเขียวขี้ม้า ซีด เก่า ปะ มากมาย

แต่มาวันหนึ่ง ผมใส่แสลกลายออกน้ำตาลของอิตาลี เสื้อลายฟ้า ผูกนาฬิกามียี่ห้อ และแหวนพลอยแดงเรือนทองคำวงใหญ่ไว้ที่นิ้วกลางข้างซ้าย

สังเกตได้ว่าผู้หญิงจะมานั่งชิดทางผมเสียเป็นส่วนมาก
แต่พอแต่งกายแบบเก่าๆซีดๆแล้วดูเหมือนจะนั่งซะไกลทีเดียว

ตอนที่มีปัญหา
ก็อดทนถึงที่สุดจนปัญหาไม่อาจทำอย่างไรได้
พอต่อมาเป็นตอนที่ไม่มีปัญหา
มันก็ไม่อาจเป็นอะไร

ผมมองดูหญิงสาวที่แต่งตัวกันแบบตามแฟชั่น
หรือเพียงแค่ทักว่าแค่นี้สวยพอแล้วก็ทำให้หยุดได้
ไม่รู้ว่าจะสวยหรือหุ่นดีไปเพื่อใคร
หรือเพื่อตนเอง

สิ่งที่แฝงไว้ในคนอันนี้ก็คงยากจะรู้จริง
แม้แต่โกวเล้งหากมาเจอสาวบางภาคของไทยแล้ว
จะไม่อาจกล่าวคำว่าเป็นปีศาจสุราออกจากปากได้

ทุกคนคิดว่าตนเป็นคนดี
ทุกคนต่างคิดว่าตนได้กระทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว
แต่ก็ยังมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งเคืองขุ่นโกรธเคืองอยู่ทุกวัน

ในความแตกต่าง
ผมกลับพบว่ามันเป็นเพียงลำดับขั้นของสิ่งที่ต้องได้กระทำ
น่าตกใจไหม
เคยไหมเคยคิดว่าหากเป็นอย่างนี้จะทำอย่างนั้น
แต่พอเป็นอย่างนี้เข้า 
ก็ไม่เคยคิดจะทำอย่างนั้นเลย
แต่กลับไปทำอย่างอื่น

ความต่างแตก
อาจเป็นเพียงความเหลื่อมล้ำกันแค่บันไดไม่กี่ขั้นก็เป็นได้

เวลาผมกลัวผี
ถ้านึกไม่ได้ เกิดผีโผล่มาผมก็จะวิ่งขนหัวลุก จับไข้หัวโกร๋น
แต่หากผมนึกได้ว่า
ต่อไปผมก็จะเป็นผีรุ่นน้อง
ก็น่าจะพอพูดคุยกันได้

ในยามค่ำคืนแห่งหนึ่งในป่าเปลี่ยว
คณะล่าสัตว์หลายสิบนายนอนบนเตียงผ้าใบในเต๊นกระโจมหลังใหญ่
แต่ละเตียงก็มีมุ้งเดี่ยวๆครอบอยู่
ไฟทุกเตียงปิดหมดแล้ว
แต่ยังมีสองเตียงคุยกัน
เป็น ชรา หนึ่ง และหนุ่ม หนึ่ง
ชายชรา เล่าเรื่องน่าสะพึงกลัวให้ ชายหนุ่มฟังเรื่องหนึ่ง
และคิดว่ามีเพียงสองคนเท่านั้นในค่ำคืนนี้
แต่ทว่าเมื่อถึงบทมุขตลกสอดแทรกอย่างฉับพลันในการเล่านิทานน่ากลัว
กลับปรากฏเสียงหัวเราะกันขรมทุกมุ้ง
สองคน หนึ่งชรา หนึ่งหนุ่ม หัวเราะให้แก่กัน
นึกว่าจะไม่ชอบ
ที่แท้ก็ชอบเรื่องผีๆเหมือนกัน				
26 กันยายน 2552 08:54 น.

พี่กี

สะพั่งสะท้านไมภพ

ในตอนนั้น
ผมเห็นพี่กีเดินลัดเลาะที่จอดรถใต้ต้นไม้เพื่อให้ร่มเงามันอำพรางไม่ให้ใครเห็นการเคลื่อนไหวในพื้นที่
ไม่มีใครเดินตามสักคน
ตะแกก็ลัดเลาะใต้ร่มเงาต้นไม้จนกระทั่งลับหายจากสายตาผมที่แอบจ้องมองอยู่ไป
ผมนั่งทบทวนถึงความทรงจำในอดีตย้อนกลับไปไม่นาน
พี่กีหน้าแดงคล้ำ
ด้วยความเอาการเอางาน
และในที่สุดก็ติดตามนายพี่กีไป

จนกระทั่ง พี่กี ได้เป็นนาย
ลูกน้องมากมายมหาศาลเดินตามเป็นพรวน
เวลาเดินแกก็เดินตรงกึ่งกลางถนน ลูกน้องที่เดินตามซ้ายขวากระจายเต็มท้องถนนหมดเหมือนกระบวนแห่พ่อนาค

ชีวิตคนมีแต่ความเปลี่ยนแปลง
และเมื่อไม่รวย ไม่มีอำนาจ ตกเป็นจำเลย อะไรก็แล้วแต่
ก็มักจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า

ผมอดไม่ได้ที่จะเข้าไปในตอนที่พี่กีตกอับ
พี่ครับ พี่มีอะไรบอกผมนะครับ ผมยินดีช่วยเหลือ
ขอบใจมากน้อง พี่กีมองตาผม
ประกายตาของแก แวววาม ด้วยความซาบซึ้งใจ

เพียงแค่ความรู้จัก แต่ไม่ยอมประจบ ในตอนรุ่งเรือง
เพียงแต่หวังปลอบประโลม ให้คลายทุกข์เท่านั้น ในตอนตกอับ

แต่ก็มีพี่อีกหลายคนที่ลืมความหลัง
ได้ดีก็ไม่เคยคิด
พอตกอับและยิ้มแค่นเข้ามา

แต่บ้างแม้ตกอับก็ไม่สะทกสะท้านและไม่เคยกระดิกหางให้ใคร

สิงห์โตย่อมไม่กระดิกหางอย่างพร่ำเพรื่อเป็นแน่

บัดนี้ พี่กี กลับฟื้นคืนชีพมาอีกแล้ว
ก็คงเข้าใจแล้วว่า
คำว่า พี่ยังจำผมได้ไหม มักจะได้ยินเสมอๆเวลาเจ้าตัวที่โดนเรียกว่าพี่ ได้ดี
แต่ทว่า ในยามตกต่ำ หากถามมันกลับไปว่า จำพี่ได้บ่
มันคงไม่รู้สึกว่าได้ยินอะไรและทำเป็นมองไม่เห็น

พี่กี ตอนนี้ ก็ไม่รู้จัก สะพั่ง เหมือนเคยอีก
สะพั่ง ก็จะรอ
รออีก
ไม่ได้รอพี่กีคนเดียว
แต่รอพี่หลายๆคน
ที่ตกอับเมื่อไร
ผม จะเข้าไปให้กำลังใจให้มีแรงต่อสู้ต่อไป				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสะพั่งสะท้านไมภพ