27 ตุลาคม 2553 07:41 น.

เพลงรักริมฝั่งโขง คืนเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 11 (2)

สุรศรี

เพลงรักริมฝั่งโขง  คืนเพ็ญ  สิบห้าค่ำเดือนสิบเอ็ด 2
........สายลมยามราตรี.............เสียงเพลงที่โดนใจ
ภายใต้แสงจันทร์นวล............ช่างชักชวนให้ดื่ม
เพื่อให้ลืมความหลัง................ที่ยังฝังในใจ
ปล่อยมันไปกับน้ำ..................ความชอกช้ำที่มี
สายนทีจงรับเอา.....................ความโศกเศร้าขมขื่น
ของพวกเราคืนไป..................ทิ้งลงในแม่โขงเอย......
......................................................................................
...........เอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขง   ให้มันไหลลง ๆ ๆ ๆ ทะเล เบื่อความรัก
จากคนร้อยเล่ห์  เล่ห์ลวงลึกกว่าทะเล  สุดคาดคะเนสุดลึกคณา..........................
....................................................................................................................
...........แม้ความเจ็บปวดเป็นเหมือนกรวดทราย  ถมทิ้ลงไปหม่โขงทั้งสาย
คงกลายเขินตื้น  ถ้าความเจ็บช้ำเป็นน้ำก็คงท่วมพื้น รสชาติบาดแผลขมขื่น
แม่โขงช่วยกลืนให้ไกลแสนไกล.....................
.........(จากเพลงเอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขง  ของรุ่งฤดี  แพ่งผ่องใส)
.........เมื่อร่ำสุราได้ที่..................เสียงอู้อี้ในลำคอ
จับคู่เต้นบนฟลอร์......................วัยรุ่นขอสตริง
ให้สะหวิงสะแด่ว.......................แล้วให้เร็วโดนใจ
พี่ดีเจจัดให้..........หนุ่มบาวสาวปาน.....เพื่อชีวิตเอ้าเชิญ...
.....................................................................................
...........กรีดยางปักษ์ใต้ไม่ปลอดภัยมาขับวินมอไซด์อยู่ที่กอทอมอ ไอ้ไข่นุ้ย
ลูกทักษิณรูปหล่อไม่ชอบเพลงฮาร์ดคอ ชอบเพลงคาราบาว   ได้แฟนเป็นเด็กแนวสายเดี่ยวแต่อยู่กันเดี๋ยวเดียวก็ออกลายน้ำเน่า บอกอยู่กันไปต้องอดตายเปล่า ๆ เลิกแล้วคาราบาวอยากจะโมเดิร์นด็อก...............
..........กับแกล้มไม่สนใจ............บั้งไฟก็ไม่ดู
จับคู่ควงออกเต้น.....................ร้องเล่นเพลงเพื่อชีวิต
เพลงเคยฮิตจัดให้.......................เพลงอะไรจัดมา
อย่าเสียเวลาเลยเกลอ..................เอานี่เธอจับไมค์
กี้ธงชัยอ้ายเบิร์ด.........................พีสะเดิดจี่หอย
อ้อยกะท้อนบ่าววี......................ขอคัมภีร์ไม่ขัด
ตอนนี้ขอจัดเสก....โลโซ..........ซมซาน......
............................................................................
......เกิดมาไม่เคยเจอะใครเหมือนเธอหลับฝันละเมอ ภาพเธอหลอกหลอนทุกคืน
อยากนอนคราใดอยากนอนไม่เคยตื่น  ทุก ๆ ค่ำคืนเจอเธอที่ปลายฟ้าไกล..
........อยากเดินเข้าไปบอกว่ารักเธอ เวลาที่เจอยามเธอส่งยิ้มมา  เหมือนดั่งโลกนี้สดใสขึ้นทันตาในห้วงเวลาที่ต้องการใครเข้าใจสักคน...........
.........................(จากเพลง ซมซาน  ของเสก  โลโซ)
เสียงเพลงยามค่ำคืน..............ยามดึกดื่นยิ่งดัง
ดีอยู่หลังหมู่บ้าน..................ไม่รำคาญหนวกหู
ผู้คนทยอยกลับ....................เพราะอยากหลับอยากนอน
แต่หยุดก่อนเพื่อนซี้.............เมาได้ที่ติดลม
เอาอีกกลมเถิดหนา.............เสียเวลาอยู่ใย
เราจัดให้หมอลำ.................โบว์รักสีดำ....เด้อนางเด้อ.......
................................................................................
..........วันงานเทศกาลผ่านมาแค่ปีกว่าไม่น่าลืมกัน  ในงานวันออกพรรษา 
 สัญญาว่าจะรักมั่นจุดธูปเวียนเทียนร่วมกัน อธิษฐานจะรักมั่นภิรมย์
พี่มีของขวัญให้มาเป็นผ้าเช็หน้ากับโบว์ผูกผม พี่ผูกโบว์ให้น้อง
ตามองว่าสวยคำชมน้องอายหน้าแดงนั่งก้มถูกสายตาคมของพี่จ้องมอง
จากงานวันออกพรรษาผ่านมาสีหน้าไม่ผ่องสัญญาไม่เป็นสัญญาพบดอกฟ้า
แล้วลืมดอกฟักทองไม่หันมาเหลียวเกี่ยวข้องโบว์ผูกให้น้องเป็นโบว์รักสีดำ.......
		..........(จากเพลงโบว์รักสีดำ  ของศิริพร อำไพพงษ์)
.........ยาวไปอย่าขาดตอน...........ศิริพรจินตหรา
ทั้งดอกฟ้าทุ่งทอง.......................น้องพี่โปรดเข้าคิว
ถ้าใครหิวก็กิน...........................ถ้าใครวินโปรดระวัง
คนอยู่หลังยังคอย......................ดื่มให้น้อยดูสังขาร
รู้ประมาณในการกิน................ใครไม่วินก็ลุกเต้น
คราวนี้เป็น  .....โบว์แดงแสลงใจ....ครับพี่น้อง
.............เห็นโบว์แดงแสลงในใจ  เห็นยามไหน ใจหายามนั้นเขาซื้อให้เราเมื่อวันสงกรานต์อีกไมนานเขานั้นไปซื้อให้อีกคน โบว์ผูกผม เหมือนปมผูกใจ อยากแช่งให้ตายวันละหลายสิบหนประชดใจคนด้วยโบว์ผูผมขื่นขมเหลือเกิน.....ตายซะให้รู้แล้วรูรอดเขาจะไปกอดกับใครก็เชิญ  ไปเลย ไปเลย  ไปเลย ๆ ๆ  แล้วอย่ายูเทิร์น ต่างคน ต่างเดิน กลับมาหาไม่อ้าแขนรอ รีบไปให้ไกลผู้ชายชีกอ
..........ไหนไหนก็ไหนไหน.......ใครที่ชอบหมอลำ
แฟนประจำจัดให้อีก.................สตริงหลีกไปก่อน
ขาร็อกโปรดนอนรอ.................เพื่อชีวิตขอไม่จัด
ฮิพฮ็อพขอขัดใจ.......................หลีกทางให้จินตหรา
มาในเพลง...มิซซิสเหี่ยน..........เอ้าหย่าวววววว.......
.......แน่ว ๆๆๆๆๆๆๆๆ  ....................................
............ฮัลโลผู้บ่าวฝรั่ง  ซ่างดังโนแท้ ไอนี่ผิวแหล่ ยูฮักแท้แม่นบ่ รูปมาหล่อแท้นออ้ายซิ่งสมอลอายมาพ้อว้อ ไอเลิฟยูแล้วหละหนอ ฝรั่งหล่อ เซฟมาดแมน.........
...........ยูคัมฟอร์มถามแหน่  ไอนี่แหมสาวขอนแก่น กรามใหญ่ ๆ ดั้งแบน ๆ แล่นไล่แย้กินฮังแตน   มายเนมอิส มิสซิสเหี่ยน  ๆ  เดี้ยนยังบ่มีแฟน ไออยากวอล์คควงแขน เว้าแปน ๆ อยากเป็นมายเดียร์ยู  ๆ ...............แน่ว ๆๆๆๆๆๆๆ
..................................................................
 .....เสียงเพลงยังคงดัง.......ความหวังยังคงมี
เปรียบได้กับชีพนี้.............ไขว่คว้า  เพื่อนเอย...				
26 ตุลาคม 2553 08:48 น.

เพลงรักริมฝั่งโขง คืนเพ็ญ สิบห้าค่ำเดือนสิบเอ็ด 1

สุรศรี

เพลงรักริมฝั่งโขง  คืนเพ็ญ  สิบห้าค่ำเดือนสิบเอ็ด

	ออกพรรษาปีนี้		มีนัดที่ริมโขง
	เพื่อเชื่อมโยงสัมพันธ์	เรานัดกันเอาไว้
	ดูบั้งไฟพญานาค		อยากจะรู้อยากเห็น
	ว่ามันเป็นฉันใด		ใครหนอเป็นคนสร้าง
	ใบเอ่ยอ้างพญานาค	อยากจะบอกให้รู้
	ตำนานมีอยู่ว่า		คราสมัยพุทธองค์
	ไปทรงโปรดมารดา	เข้าพรรษาเสร็จสิ้น
	กลับพื้นดินสู่โลก		คนมีโชคได้เห็น
	นาคก็เซ่นยินดี		เป็นอัคคีลูกไฟ
	ดั่งที่ได้เล่ามา		เป็นวิทยาทาน		ในส่วนของพวกเรา	 เตรียมเอาเครื่องเสียง
	เตรียมเสบียงอาหาร	เอาไปทานริมฝั่ง
	ตรงที่ตั้งประปา		เพราะไฟฟ้ามีพร้อม
	พี่นอมและป้าแตง		จัดแจงเนื้อปลาผัก
	หมักไปให้เรียบร้อย	พี่น้อยเตรียมเครื่องเสียง
	พร้อมเพรียงคาราโอเกะ	เมาให้เละพร้อมแล้วไป......
	เดือนใสริมฝั่งน้ำ		คนคลาคล่ำริมฝั่ง
	รอบั้งไฟพญานาค		หลายคนอยากดื่มด่ำ
	กับคืนค่ำที่สุดสวย	แกล้มด้วยแสงจันทรา
	ซดยำปลาเนื้อย่าง	              ร่ำเพลงเอ่ยอ้าง.....ถึง....จันทร์  
......จันทร์คืนแรมวับแวมอยู่บนปลายฟ้า    คงล้าอ่อนแรงทอแสงแหว่งเว้าครึ่งดวง
คืนเหงามันเศร้ามันซึมในทรวง   จันทร์ครึ่งดวงคล้ายจันทร์เจ้ารอใคร
......จันทร์เอ๋ยจันทร์ที่ลอยแจ่มฟ้า   จะมีน้ำตาหลั่งมาเหมือนฉันบ้างไหม  
ความรักมันช่างห่างไกลแสนไกล   ไม่รู้วันไหนหัวใจถึงจะเต็มดวง........
.                               .................(จากเพลงจันทร์  ของหญิง  ธิติกานต์)
	เสียงเพลงที่คร่ำครวญ                ช่างรัญจวนเปลี่ยวเหงา
	โศกเศร้าดวงวิญญา                    ร่ำสุราคลอเคล้า
	เสียงสาวเจ้าตัดพ้อ                     รอรักไม่สมหวัง
	ฟังแล้วให้เคลิบเคลิ้ม            เอ้าเริ่ม....สองฝั่งโขง....จัดไป
.........สายนทีที่หลั่งจากฟ้า   แบ่งพสุธาเป็นซ้ายเป็นขวาสองฝั่ง  สายน้ำกั้นขวาง
ก็บ่สำคัญ  แต่ความสัมพันธ์ของเรามั่นคงเรื่อยไป............
........ขอฟ้าดินช่วยเป็นสักขี    โปรดคิดปรานีจงอย่าได้มีวันห่าง อย่าให้สัมพันธ์
นั้นต้องจืดจาง   ฝากฝังชีวีเหนือนทีสองฝั่งเอย.......
                              .................(จากเพลง สองฝั่งโขง เวอร์ชั่น  ไท   ธนาวุฒิ)   
......ถึงสายน้ำขวางกั้น	สายสัมพันธ์บ่จาง
อ้ายฮักนางคือเก่า		ชวนดื่มเหล้าตำจอก
รักที่บอกวันวาน		ใช่เอ่ยขานเพียงลม
ให้สมหวังในจิต		อ้ายบ่คิดเปลี่ยนใจ
ฮักน้องมากกว่าใคร	เอ้าต่อไป.....ดวงจำปา.....เซิญม่วน	
........โอดวงจำปา  เวลาซมดอก  คิดถึงบานซ่อง  มองเห็นหัวใจ เฮานึกขึ้นได้ในกลิ่นเจ้าหอมเห็นสวนดอกไม้บิดาปลูกไว้ตั้งแต่ไดมา เวลาหงอยเหงา ยังซ่อยบรรเทาให้หายโศกา โอดวงจำปาคู่เตียงกันมาแต่ยามน้อยเอย.........
					............(จากเพลงดวงจำปา  เวอร์ชั่น คาราวาน)
โอ้เจ้าดวงจำปา		ลีลาวดีของไทย
เป็นดอกไม้ของลาว	สีนวลขาวกลิ่นหอม
เป็นพะยอมประจำชาติ	สวยบาดตาบาดใจ
ใครใครก็รู้จัก		อ้ายอยากปักให้น้อง.......
เอะเสียงกรีดร้องของใคร	นั่นดวงไฟสีส้ม
ลูกกลมผุดขึ้นฟ้า		แสงเจิดจ้าหวีดหวิว
ลอยละลิ่วขึ้นไป		ชั่วอึดใจก็หาย
เหลียวซ้ายขวามีอีกไหม                 ไม่เป็นไรร้องเพลงต่อ
คราวนี้ขอ......เดือนเพ็ญ                 ที่ลอยเด่นบนฟ้า
ยกจอกชวนดื่มจ้า		ยอดดวงใจของพี่เอย....
...........เดือนเพ็ญสวยเย็นอ่าม  นภาแจ่มนวลดูงาม  เย็นชื่นหนอยามเมื่อลมพัดมา
แสงจันทร์นวลชวนใจข้า คิดถึงถิ่นที่ผ่านมา
        กองไฟสุมควายคอกคงยังไม่มืดดับดอก  จันทร์เอ๋ยช่วยบอกให้ลมช่วยเป่า
สุมไฟให้แรงเข้า  พัดไล่ความมืดเย็นหนาวให้พี่น้องเรานอนหลับอุ่นสบาย...
........................................................................................................................
         ลมเอยช่วยเป็นสื่อให้  นำรักจากห้วงดวงใจของข้านี้ไปบอกเขานั้นหนา
ให้เมืองไทยรู้ว่าไม่นานลูกที่จากมาจะไปซบหน้ากับอกแม่เอย.........
ให้เมืองไทยรู้ว่าไม่นานลูกที่จากมาจะไปซบหน้ากับอกแม่เอย.........
บทเพลงยังมีต่อ		ใครจะขอให้เข้าคิว
แต่ตอนนี้หิวแล้ว		ใครมีแก้วให้เอามา
แต่โซดายังพอมี		จะให้ดีเอามาเพิ่ม
จะได้เริ่มกันต่อ		คราวนี้ขอไปทำงาน.....ก่อนเอย
.......................................................................................				
24 ตุลาคม 2553 06:41 น.

........คิดฮอด.......

สุรศรี

บทเพลงแห่งความคิดฮอด
...แสงจันทราที่อับแรง              ดาราอ่อนแสงมัวหม่น
คืนมืดมิดยิ่งมัวมล                    ดั่งคนไม่อยากหายใจ
ดั่งตะวันไม่หวลมา   
...โลกที่เคยสดใส                     ไม่มีวันกลับมาหา
ฤดูกาลเปลี่ยนแปลงเวลา            ไม่มีฝนฟ้าเปลี่ยวเหงา        	
ดั่งชีวิตเราจะ...ขาดรอน
..........................................
โอ้หนอ...อ้ายเอย...
...ควมฮักผู้ซายนี่            ไหลหนีปานขี้ฝ่า
เคยสัญญาสิมาหมั้น        ผู้ได๋แล้วเปลี่ยนไป
บอกว่าเคยคิดฮอด          อยากกอดน้องแก้หนาว
บาดเถิงคราวไกลกัน      มาส่างลืมกันได้
อยากถามหัวใจอ้าย        ฮักแท้อ้ายอยู่ไส....บอกมา
(ขี้ฝ่า  ขี้ฟ้า  หมายถึงก้อนเมฆ ,มาส่างลืมกันได้หมายถึง ใยมาลืมกนได้)
...............................................
...ก็ยังคิดถึงเธอ                       อยู่เสมอมิคลาย
มีเธอมีความหมาย                   ทะเลยิ่งทำให้เหงา
...คล้ายดั่งเธอลืมหมดแล้ว      น้องแก้วลืมสัญญาเก่า
ว่าจะไม่ลืมรักเรา                    แล้วจะหวนคืนกลับมา
ต่อให้หมื่นฟ้าไกล                 ไม่หวั่นไหวกับเวลา
ความรักเปี่ยมล้นอุรา              คิดถึงไม่เคยจืดจาง
................................................
....โอ้นออ้ายเอย   
อ้ายเคยฝากจูบไว้                   ในใจน้องจำได้บ่
ยามเมื่ออ้ายจากน้อง              จำได้บ่เคยลืม
อันว่าเทิงท้องฟ้า                    เปลี่ยนสีอยู่ตลอด
เปรียบคือดั่งใจอ้าย                ฝากคนใกล้อยู่บ่หนอ
อยากถามหัวใจอ้าย               ฮักแท้อ้ายอยู่ไส.....
................................................
....ก็ยังคิดถึงนะ                    ถึงแม้จะห่างหาย
รักคิดถึงมิคลาย                   โลกนี้โหดร้ายยามไร้เธอ
ชีวิตก็ต้องก้าวไป                 แม้ไร้เจ้าเดินเคียงข้าง
แม้ต้องเดินเพียงลำพัง          มีเพียงความหวัง...ยังคอย
....................................................................................
อยู่ไสหนอควมฮัก........โอ้ละหนอ..................
........................................
ห้วงทะเลขอบฟ้าไกล           โหดร้ายยามไร้เธอ
ยังคิดถึงเธอเสมอ                  ขอเธอได้โปรดคืนมา
................................................................................
ขอบฟ้าทะเลสดใส                กลับมาได้ใหม....ยังคอย
..................................................................................
ก็ยังคิดถึงเธอ.....................
ยังคิดถึงเธอ.......................
คิดถึงเธอ...........................
..................................................................................
โอ้ละหนอควมฮัก..............
โอ้ละหนอ..........................
ควมฮัก...............................
โอ.....โอ.....โอ........โอ....................
.............................................................................				
17 ตุลาคม 2553 17:04 น.

เพลงลา

สุรศรี

.... เสียงพระสวดมนต์ที่มีเนื้อหาพูดถึงความไม่เที่ยงของสังขารมนุษย์
.... ญาติมิตรถ่ายภาพที่ระลึกเป็นครั้งสุดท้ายหน้าโลงศพโดยมีภาพผู้ตายแนบบนหน้าอก
....ผู้คนแต่งชุดดำทยอยเดินลงบันไดหลังวางดอกไม้สีขาวและพนมมือขออโหสิกรรม หลายคนไม่สนใจที่จะหยิบของชำร่วยที่วางบนถาดริมทางลงบันได
....ควันไฟสีดำลอยออกจากปล่องไฟอย่างอ้อยอิ่ง  พร้อม ๆกับค้างคาวหลายสิบตัวที่บินออกมาอย่างตกใจกลัว
....เสียงปืนและพลุไฟหลายสิบนัดดังแหวกอากาศที่อึมคึม ดังจะส่งดวงวิณญาณผู้ตายสู่สรวงสวรรค์
.....ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงบ้างรีบเดินออกจากบริเวณวัด  บ้างยืนมองปล่องไฟ ดุจจะจดจำภาพนี้ไว้เป็นครั้งสุดท้าย ในความทรงจำ
.....คนงานเก็บเตนท์  โต๊ะเก้าอี้ เข้าที่ให้เหมือนเดิม เด็กวัดเก็บกวาด แก้วพลาสติก ขวดน้ำ และถุงขยะ
.....ผู้คนและรถยนต์เริ่มเดินทางออกจากวัดอย่างเงียบ ๆ 
.....แฟนผู้ตายยกมือไหว้ขอบคุณแขกเหรื่อที่มาช่วยงาน  ไม่มีใครได้เห็นหยดน้ำตาจากจากบหน้าที่เศร้าหม่นของเขา
.....พี่น้องกอดกันกลมก่อนจาก  ไม่มีคำร่ำลาใด  ๆ หลุดออกจากปาก  นอกจากหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
และเสียงสะอื้นจากลำคอ
....พี่น้องจากต่างจังหวัดที่จากกันไปนาน ต่างเร่งรีบเดินทางกลับ  เหมือนไม่อยากจะจดจำวันคืนที่โหดร้ายหม่นหมองนี้  ไม่สนใจที่จะหันหลังกลับไปมองสถานที่นั้นอีก   เช่นเดียวกับควันไฟสีจางหม่นที่ลอยหายไปในอากาศจากปล่องไฟสูงของที่เผาศพไม่มีวันหวนคืนมา 
......................
หวัดดีครับ........
         คิดถึงแทบใจจะขาดครับพี่น้อง  การงานเบียดบังเอาเวลาและความสุขส่วนหนึ่งของเราไป   แต่ไม่มีปัญหาครับ เรื่องเล็กน้อย... คิดถึงทุกคนเหมือนเดิมครับ  บ้านหลังนี้ให้ความอบอุ่นแก่ทุกคน   ขอบคุณทุกอุปสรรคที่ทำให้เราเข้มแข็งครับ    ฝากทุกวรรคทุกบทนายสุรศรียังเหมือนเดิมครับ
          ด้วยรักและคิดถึงครับ
                นายสุรศรี				
15 กรกฎาคม 2553 08:36 น.

ชี้แจงครับ......

สุรศรี

เพื่อน ๆ  ครับ  
      ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ชี้แจงเพื่อการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องครับ
      คือว่า คำว่า ไม๊  หรือ  แฮ๊บนี่  มันเป็นอักษรต่ำ  อักษรสูง และอักษรต่ำใช้ไม้  ตรี ไม่ได้ครับ อักษรกลาง  9  ตัว  เท่านั้น ครับที่ใช้ไม้ตรีได้ (ก จ ด ต บ ป อ ฎ ฏ)  ถ้าอักษรต่ำจะใช้ไม้ตรี  ให้ใช้ไม้ โทครับ เพราะ อักษรต่ำไม้โท ออกเสียง ตรีครับ  ส่วนอักษรสูง ใช้ไม้โทได้ และออกเสียงโทครับ  แต่ไม่มีเสียงตรีครับ
          ตัวอย่างคำที่มักใช้ผิด
            โน๊ต   ที่ถูกคือ  โน้ต
            มั๊ย         "        มั้ย  (ภาษาพูด)
            ร๊อก       "        ร็อก
        ..................
       ถึงแม้จะเป็นภาษาพูด ก็ ควรใช้ให้ถูกครับ เพราะนานไป เด็ก ๆ เยาวชนเห็น  ก็จะยึดเอาเป็นแบบอย่างที่ไม่ถูกต้องครับ  เพราะภาษาไทยเราไม่มี
ไวยากรณ์ที่ตายตัวเหมือนภาษาอังกฤษ บาลี สันสกฤตเขา บางครั้งเราใช้ด้วยความคะนองปาก เอาไปเอามา  พจนานุกรมก็อนญาตให้ใช้ได้ตามความเคยชิน
ซึ่งไม่สมควรเลย....ตัวอย่างเช่น 
       สัปดาห์        ที่ถูกคือ   สับ- ดา  (ต่อมาให้อ่าน  สับ-ปะ-ดา   ก็ได้)
       สมานฉันท์     "          สะ - มา - ฉัน  (ต่อมาให้อ่าน สะ-หมา-นะ-ฉัน  ก็ได้)
.....................
         ด้วยความรักครับ
         สุรศรี				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุรศรี