4 กุมภาพันธ์ 2553 08:29 น.

อีเมลถึงนางฟ้า

สุรศรี

อีเมลถึงนางฟ้า.......
อ้ายนี่คิดฮอดน้อง         เปิดอ่านอินเตอร์เน็ต
ได้แต่เขียนจดหมาย    ส่งอีเมลเถิงน้อง
มื้อนี้เขียนจากห้อง        มอสองอยู่ห้องหนึ่ง
ให้การบ้านเด็กน้อยแล้ว	กะเลยเปิดนั่งเขียน
เป็นจั่งได๋นอหล่า      ศรีอำคานางฟ้าพี่
เจ้าอยู่ดีอยู่บ่น้อง      นางหล่าเป็นจั่งได๋
อ้ายโทรไปมื้อนั่น     คือบ่รับสายโทร
รึว่านางมีไผ	          นั่งนำพะนางน้อง
รึว่าพ่อแม่น้อง         หวงนางบ่ให้พี่
คบกับอ้ายผู้นี้	         ผู้จนยากกว่าไผ
รึว่าแฟนของน้อง     มีสองเทียมผ่าง
นางปิดบังโตอ้าย     ตั๋วให้คิดคะนิง
อ้ายนี่คิดฮอดน้อง   ละเมอหาบ้าป่วง
ห่วงแต่นำแจ่มเจ้า   เห็นข้าวบ่ยากกิน
มื้อนั่นงานวันเกิดน้อง ขอขวัญได้รับบ่
ห่อกระดาษให้เจ้า   เห็นแล้วเป็นจั่งได๋
ถืกใจอยู่บ่หล่า          ของบ่มีราคา
แต่มันออกจากใจพี่  คันบ่มักแท้แท้
ให้นางหล่าส่งคืน       โลดเด้อ...

มือนี้พอส่ำนี้		คนดีอ้ายไปก่อน
เอาไว้ตอนหน้าพุ้น	สิส่งหานางฟ้าใหม่
ขอบ้ายบายพอส่ำนี้	ซียูเล็ตเตอร์....เด้อนางเด้อ...				
3 กุมภาพันธ์ 2553 15:14 น.

....ดาวนั้นมีไว้...เบิ่ง (กาพย์อีสาน02)

สุรศรี

..........ดาวนั้นมี...ไว้...เบิ่ง
สูงเสียดฟ้า	ดารดาษดวงดาว
พราวพรายแสง อยู่เทิงปลายฟ้า
ส่องทางให้	เห็นไกลเฮืองฮุ่ง
ดาวไก่น้อย	หลายล้นหลากมี

สวยหยาดฟ้า	ลงดินสูงส่ง
งามหยาดย้อย	นางฟ้าบ่ปาน
งานการสูง	กว่าคนทั้งค่าย
คนส่ำอ้าย	ตาน้องบ่เหลียว

คนจั่งอ้าย	ซาวนาหน้าก่ำ
ทุกข์ยากไฮ้	เงินไซ้บ่มี
งานการสร้าง	วันวันเตะฝุ่น
หลงปองเจ้า	นางฟ้าผู้สูง

หงส์หยาดฟ้า	สยองหยาดธรณี
โตจั่งกา	บ่เจียมโตน้อย
ฝันสืบมื้อ	คิดนำหน่ำหน่ำ
กากับหงส์	ฮ่วมคอนบ่มีได้

สูงเสียดฟ้า	มีแต่เดือนดาว
มือบ่ยาว	เอื้อมเถิงโตน้อง
ได้แต่แหงน	เหลียวมองยามค่ำ
พอหลับฝัน	นับมื้อสืบเว็น  ..น้องเอ้ย...ฯ
.................................
อิบาย
เทิง.....ข้างบน
เฮืองฮุ่ง.....รุ่งเรือง
ลื่นคนทั้งค่าย...เกินคนทั้งหมด
ส่ำ....เท่า  ประมาณ
ไฮ้....ยากไร้
จั่ง...อย่าง
ก่ำ...ดำคล้ำ
โต...ตัว
คิดนำ....คิดถึง
หน่ำหน่ำ....ประจำ..เรื่อย ๆ ตลอด
ฮ่วมคอน...ร่วมชีวิต
เถิง..ถึง
แยง..ส่อง
นับมื้อสืบเว็น...อยู่ไปวัน ๆ				
2 กุมภาพันธ์ 2553 15:50 น.

อาลัยเฮติ (กาพย์อีสาน)

สุรศรี

ปีขาลเข้า	โลกาไหวหวั่น
สนั่นพื้น	ตีน้ำฟาดฟอง
แผ่นดินปี้น	เฮติพังย่าว
คนตายเกลี้ยง เกินล้นอนาถนอง

    เฮือนเพม้าง มุ่นปานค้อนทับ
ตึกใหญ่กว้าง	จมพื้นเหมบดิน
เสียงคนฮ้อง	ครวญครางเจ็บปวด
อ้ายพรากน้อง	ลุงป้าอยู่ไส
  
  นองนันไห้	น้ำตาย้อยยั่ง
ใหลปานน้ำ	ทะเลท่วมบ่ปาน
ซุมพี่น้อง	ซาติอื่นมองเห็น
ซ่อยเหลือกัน	ข้าวปลาเงินพ้อม

    หมอแพทย์พ้อม   พยาบาลน้อยใหญ่
ทหารกล้า    	     ดีล้นซ่อยกัน
คนอดอยาก	     บ่มีเฮือนอยู่
ข้าวและน้ำ	     กินใซ้บ่มี
    
  อาหารให้	     โภชนังปันแจก
เกิดเดือดฮ้อน      ดันยู้ยาดกัน
เหม็นอืดพ้อม      ศพหมู่คนตาย
เหม็นสาบปาน     แฮ้งกุยเหลือฮ้าย

    ซุมซาวโลก	   เงินทองบริจาค
ฝากข้าวน้ำ	  ของต้อนผ่องกัน
ฮักกันไว้	 ซุมหมู่มวลมนุษย์
น้ำใจงาม	 โพดดีเหลือฮ้าย
   
   ไปภายหน้า       โลกเฮาฮักแก่น
เกิดเดือดฮ้อน       ดีฮ้ายซ่อยกัน
โพยภายหน้า        สุดตาแนมส่อง
ไผบ่ฮู้	      ดินฟ้าเปลี่ยนแปลง
    บาดหนึ่งฮ้อน     คอนคอนหนาวหน่วง
พายุฮ้าย	      เกิดได้หากมี
ฟากหนึ่งฮ้อน        ซีกหนึ่งมีหิมะ
เกิดเภทภัย	   โลกเฮาระวังไว้ ...พี่น้องเอ้ย ฯ
	................................
อธิบาย   
ปี้น.......กลับ พลิก
พังย่าว.....พังทลายลงอย่างเร็ว
อยู่ไส....อยู่ไหน
นองนัน....ร้องไห้ฟูมฟาย
ซุม....พวก
มุ่น...แหลกละเอียด
พ้อม...ด้วยกัน
โพด...เกินพอดี
ฮ้าย....ร้ายกาจ
ดันยู้....ผลักดัน
ยาด...ยื้อแย่งกัน
ซ่อยกัน....ช่วยกัน
โภชนัง....ข้าวปลาอาหาร
แฮ้งกุย....เหม็นสาบอีแร้ง
บาดหนึ่ง...ประเดี๋ยวเดียว
แนม....มองเห็น
คอนคอน...ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว
....................
ผมลองแต่งกาพย์อีสานครับ  สัมผัสไม่ค่อยเน้น
 เน้นเฉพาะเสียงสูงต่ำท้ายวรรคแต่ละวรรคครับ
เพื่อน ๆ ช้วยติชมด้วยครับผม				
1 กุมภาพันธ์ 2553 16:19 น.

ขอเพียงแต่เธอยืนหยัดสู้

สุรศรี

ขอเพียงแต่เธอยืนหยัดสู้....
มือที่เหี่ยวด้านดำกร้านกรำนั่น
มือที่ปั้นเด็กน้อยหลายร้อยผ่าน
มือที่จับชอล์กเวียนเขียนกระดาน
มือที่กร้านหยาบหนาจนชาชิน
มือที่จับไม้เรียวเที่ยวขู่เข็ญ	
มือที่เข่นกำหราบหยาบเป็นหิน
มือที่คอยปลุกปลอบดั่งชีวิน	
มือที่ไม่เคยสิ้นวิญญาณครู
ปากที่คอยสอนสั่งให้ตั้งจิต	
ปากที่คอยบอกผิดถูกให้รู้
ปากที่คอยบ่นพร่ำทำให้ดู	
ปากที่คอยกรอกหูสู้ชีวิต
ปากที่คอยปลอบเจ้ายามท้อแท้
ปากที่คอยช่วยแก้ยามเจ้าผิด
ปากที่คอยปลุกเร้าให้เจ้าคิด		
ปากที่ดุด่าศิษย์ให้คิดตรอง
ตาที่คอยสอดส่องมองดูเจ้า	
ตาที่เศร้ายามเจ้านั้นหม่นหมอง
ตาที่คอยชื่นชมยามสมปอง	
ตาที่จ้องดูแลแคร์ทุกยาม
ใจอิ่มเอิบอาบอิ่มยามยิ้มหัว	
ใจหม่นมัวยามเจ้าถูกเขาหยาม
ใจสดชื่นยามที่เจ้าดีงาม	
ใจตูมตามยามเจ้าจับรับปริญญา
เพียงเจ้าทำตามที่ครูชี้แนะ	
เพียงอย่าแตะสิ่งที่ไม่มีค่า
เพียงแต่เจ้าเป็นคนดีมีวิชา	
เพียงเจ้าอย่าท้อแท้และอดทน
เพียงเจ้าเห็นคุณค่าของชีวิต	
เพียงเพียรคิดให้สำเร็จให้เสร็จผล
เพียงคิดอ่านให้เห็นเป็นของตน
เพียงเป็นคนยืนหยัดสู้...ครูพอใจ  ฯ
					
1 กุมภาพันธ์ 2553 07:56 น.

ผญา วันละบทกับสุรศรี

สุรศรี

ผญา  วันละบทครับ
...อดสาเยิ้น	          นอนเฮือนฟากไม้ไผ่	
บาดห่าโซคแล่นเข้า  สินอนแป้นแผ่นกะยูง
  อดสาเยิ้น	          กินปลาทูตางปลาแดก
อดสากินแจ่วบึ้ง        ซามพ้อลาบงัว....
   อดเอาถ่อน	          นอนเฮือนปูฟาก
หลังน้อยน้อย	          มุงตองแกมหญ้า
ฝาเฮือนเฮา	          ส่องไกลเห็นใกล้
ยามโซคเข้า	          สินอนแป้นแผ่นกะยูง
อดสาเยิ้น	          กินแจ่วปลาทู
ยามบ่มี	         กินตางปลาแดก
กินแจ่วบึ้ง	          จ้ำแจ่วแพวผัก
ยามเฮาจน	          ลาบงัวซามพ้อ...
..............................
คำศัพท์	
1. อดสาเยิ้น, อดเอาถ่อน หมายถึง  ให้อดทนเอาหน่อย อดสาภาษาอีสานก็คืออุส่าห์ครับ  แต่ไม่ได้หมายถึงพยายาม แต่หมายถึงอดทนครับ
2. เฮือน หมายถึง เรือน  บ้าน
3. โซค หมายถึง โชค
4. ฟากไม้ไผ่  หมายถึง พื้นกระดานที่ทำจากไม้ไผ่ ลำโต ๆ นำมาสับ แล้วแผ่ออกปูเป็นพื้นครับ  เวลานั่ง นอนต้องระวังหน่อยครับ
5. ตาง หมายถึง  ต่าง  หรือแทน
6. แป้น หมายถึง ไม้กระดานครับ
7. แผ่นกะยูง  หมายถึง ใม้พะยูง
8. แจ่วบึ้ง  หมายถึง บึ้ง ตัวคล้ายแมลงมุมยักษ์ครับ นำมาปิ้ง สุกแล้วนำมาตำน้ำพริกครับ
9. จ้ำ หมายถึง จิ้ม หรือจุ่ม
10. แพว  หมายถึงผักแพว น้ำพริกต้องมีผักเป้นเครื่องเคียงครับ
11. ซามพ้อ หมายถึง รอให้ถึงเวลา รอให้พบเจอ พ้อก็คือ พบเจอครับ
..
อธิบาย
1.อดทนนอนบ้านที่ปูด้วยฟากไม่ไผ่ เผื่อโชคดีบ้างจะได้นอนพื้นที่ปูด้วยไม้พะยูง
2.อดทนกินน้ำพริก รอให้ถึงเวลาที่ได้กินลาบวัว
เป็นผญาสมัยก่อนครับสอนให้คนอดทน เราพอจะมองเห็นวัฒนธรรมท้องถิ่นปนอยู่  นี่คือเสน่ห์ของวรรณกรรมครับ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุรศรี