20 พฤศจิกายน 2552 07:54 น.

ผญา วันละบทกับสุรศรี

สุรศรี

ผญา    วันละคำวันนี้ พูดถึงความการปฏิบัติตนของผู้หญิงครับ
                       ติแต่หมูหมาฮ้าย            ประตูเฮือนบ่อัดฮี่
                         ติแต่แมงหมี่ฮ้าย              ในซิ่นบ่ฮ่ำเพอ
             คำศัพท์     ฮ้าย       หมายถึง       ดุร้าย            
                             เฮือน    หมายถึง     บ้าน  เรือน
                             ฮี่            หมายถึง      มิดชิด
                             แมงหมี่ หมายถึง       แมลงหวี่
                             ฮ่ำเพอ     หมายถึง     ร่ำไร  ใส่ใจ  ดูแล
              แปล      โทษหมู หมา  ว่ามันดุร้าย ทั้ง ๆที่ ประตูบ้านปิดไม่ดี
                  โทษแต่แมลงหวี่  ว่ามันดุร้าย ทั้ง ๆที่ ตัวเองไม่รักษาความสะอาด
        ร่างกาย
              ความหมาย  ครัวของคนโบราณนั้นชอบทำที่ชั้นล่าง ของบ้าน เป็นหน้าที่ของผู้หญิงสมัยก่อนที่ต้องคอย    ดูแลและปิดประตูให้ดีกัน หมู หมาเข้าไปขโมยกินอาหารในครัวได้ 
              ผู้หญิงโบราณ  บางคนที่ไม่ดูแลรักษาความสะอาดของร่างกาย อาจทำให้มีกลิ่นจน   แมลงหวี่ต้องบินตาม  ฉะนั้น  อย่าโทษหมู หมาว่ามันดุร้าย ทั้ง ๆ ที่ตนเองปิดประตูครัวไม่ดี   อย่าโทษแมลงหวี่ว่ามันดุร้าย  ทั้ง ๆที่ตนเอง ไม่อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด
              อันนี้ถือเป็นสุภาษิตสอนหญิง  ทำนองเดียวกับที่ว่า โทษแต่เขา อิเหนาเป็นอง ครับ				
18 พฤศจิกายน 2552 17:38 น.

ผญา วันละบทกับสุรศรี

สุรศรี

ผญา    วันละคำวันนี้ พูดถึงความรักครับ
       ผมขอเปรียบเทียบกับโคลงโลกนิตินะครับ
           รักกันอยู่ขอบฟ้า             เขาเขียว
เสมือนอยู่หอแห่งเดียว              ร่วมห้อง
ชังกันบ่แลเหลียว                       ตาต่อ    กันนา
เหมือนขอบฟ้ามาป้อง                ป่าไม้มาบัง

            ฮักกันนี่       เถิงสิอยู่ฟากฟ้า                ก้ำฝ่ายเขาเขียว
                               คืออยู่หอแห่งเดียว           ฮ่วมหอโฮมห้อง
                               ซังกันนี่บ่เหลียวแล           ตาต่อ
                                คือจั่งขอบฟ้าป้อง              ป่าไม้มาบัง
             รักไม่มีพรมแดน  อะไรขวางกั้นไม่ได้ประมาฯนั้นครับ
                                              สุรศรี				
17 พฤศจิกายน 2552 07:44 น.

ผญา วันละบทกับสุรศรี

สุรศรี

ผญา วันละบท
               ครับ   วันนี้ขอเสนอ ผญาภาษิต  ครับ
ทุกข์เพิ่นบ่ว่าดี            มีจั่งว่าพี่น้อง    ลุงป้าเอิ้นว่าหลาน
คำศัพท์   ทุกข์   ภาษาอีสานหมายถึง  ยากจน  นะครับ
               เพิ่น    หมายถึง    ท่าน  
               จั่ง       หมายถึง   จึง
               มี         หมายถึง   มั่งมี  ร่ำรวย
               เอิ้น      หมายถึง   เรียก
แปล      ยากจนท่านว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี  มั่งมีถึงเรียกว่าน้อง  ลุงป้าจึงนับว่าหลาน
ความหมาย   คนเราถ้ายากจนแล้วเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจของทุก ๆคน  ถ้าเกิดมั่งมีร่ำรวยเมื่อใดจึงจะนับว่าเป็นญาติกัน
                      แม้แต่คุณลุง คุณป้า ก็ยังนับว่าหลานเป็นเครือญาติของตน  ทั้ง ๆ เมื่อก่อน  มองไม่เห็น มาสนใจ
        ครับ ก็เป็นค่านิยมของคนครับ  ของภาคกลาง ก็คงตรงกับภาษิตที่ว่า มีเงินนับว่าน้อง  มีทองนับว่าพี่
 ยากจนเงินทอง    พี่น้องไม่มี      อะไรทำนองนั้นนะครับ				
16 พฤศจิกายน 2552 16:31 น.

ผญา วันละคำกับสุรศรี

สุรศรี

ผญา   เป็นปรัชญาของชาวอีสานที่มีการพูดในชีวิตประจำวันมานานแล้ว
ผมต้องการที่จะเสนอให้ทุกคนได้รู้จัก ผมไม่ใช่ผู้รู้ดีเท่าไร แต่ผมต้องการให้ทุกคนรู้ว่ามันเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้าน มันเป็นของคนไทย  สิ่งที่เป็นของไทยนั่นคือมรดกที่ล้ำค่าของประเทศ ผมไม่ต้องการทีจะอวดรู้แต่อย่างใดทั้งสิ้น
         สิ่งที่ผมจะภูมิใจมากก็คือการที่ทุกคนแสดงความคิดความรู้สึกที่สร้างสรรค์
ผมขอโอกาสนี้กับทีมงานด้วย  กลอน และเรื่องสั้น ที่เพื่อน ๆ ได้นำผลงานมาลงนั้นผมรัก  ผมศรัทธา ผลงานทุกชิ้นทุกตัวอักษร ด้วยใจจริง นะผมขอพื้นที่ที่ตรงนี้นิดหนึ่งก็พอ  ขอบคุณมากครับ
            
                                                ด้วยรัก และศรัทธา
                                                        สุรศรี

ผญา  วันนี้ผมขอเสนอบทที่ว่า

"ผักอีตู่เตี้ยต้นต่ำใบดก  กกบ่ทันแน่นสังมาจีจูมดอก
ฮากบาทันหยั่งพื้น           สังมาปิ้นป่งใบ"

ผักอีตู่  หมายถึง           ผักแมงลัก
สัง        หมายถึง          ทำไม
จี จูม    หมายถึง           กำลังเต่งตูม
ฮาก     หมายถึง           ราก
ปิ้น      หมายถึง          กลับ
ป่ง       หมายถึง          ผลิ

แปล  ผักแมลงลักต้นเล็ก ๆ ที่เพิ่งปลูกรากหยั่งพื้นยังไม่แน่น
ทำไม ถึงออกดอกได้
ความหมาย  เด็กสมัยนี้กำลังหนุ่มสาว ยังไม่มีฐานะที่มั่นคง  การงานยังไม่มีทำ
ทำไมต้องรีบมีครอบครัว รีบเสียตัว กันนัก
     เห็นไหมครับ  ผญาบทนี้ทันสมัยแค่ไหน คนอีสานเขาพูดกันมาเป็น หลายร้อยปี แล้ว แต่มันยังเป็นอมตะ ทันสมัยอยู่เลยครับ ผมชอบบทนี้มาก ทำไมเขาต้องใช้ต้นแมงลักมาเปรียบเทียบ เพราะว่า ต้นแมงลักสามารถหักกิ่งมัน
ไปปักชำได้ ครับ 2-3  วันมันก็ผลิใบขึ้นมาใหม่ครับ				
14 พฤศจิกายน 2552 11:17 น.

แด่ หยาดเหงื่อทุกทุกหยดที่รดริน

สุรศรี

ละครชีวิต
        จากแดนอีสานบ้านเกิด     เมืองนอน
มาเล่นบทละคร                        ชีวิตเศร้า
ดุจดั่งนกจากคอน                      คงเปลี่ยว
จำสู่เมืองกรุงเข้า                       มุ่งหน้าหางาน
      ทนอาบเหงื่อต่างน้ำ           สู้ทน
ชีวิตของคนจน                        ต่ำต้อย
ทำงานดั่งเครื่องยนต์                กลจักร
มีค่าแรงเพียงน้อย                    เจียดให้บ้านนา
      สู้หมดแรงอ่อนล้า              โรยแรง
เศรษฐกิจข้าวของแพง              สุดซื้อ
มิจฉาชีพดุจเมืองแห่ง               กรุงเถื่อน
คอยฉกชิงแย่งยื้อ                     ดักปล้นทำลาย
        โอ้กรุงเทพเมืองเทพฟ้า     อมร
สมดั่งมหานคร                         เทพฟ้า
รถราเกือบล้านจร                     ถนนติด
ควันพิษส่งชีพให้                     โรคร้ายรุกรุม
        โอ้กรุงเทพเมืองเทพฟ้า     อมร
โอ้สวรรค์มหานคร                  เทพฟ้า
เมืองนรกของคนจร                จนยาก
เมืองแห่งศิวิไลซ์บ้า                  เศษสิ้นวัตถุนิยม
        กลับแดนอีสานบ้านเกิด     เมืองนอน
ลาก่อนมหานคร                       โหดไร้
ลบภาพเที่ยวหลอกหลอน         ยามหลับ  แม้ตื่น
แม้ขัดสนจนไซร้                       อย่าได้พบพาน
        ขวัญเอยขวัญเจ้าสู่             ร่างเรือน
ไร้ทุกข์สุขมาเยือน                    ร่างเจ้า
ทุกคนเปรียบเสมือน                  เครือญาติ
ฝ้ายผูกแขนแน่นเข้า                ผูกแก้ขวัญหาย
                                                 สุรศรี
                                             13 พย.52				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุรศรี