28 พฤศจิกายน 2552 08:47 น.

ผญา วันละบทกับสุรศรี

สุรศรี

ผญา  วันนี้เสนอผญาภาษิตที่ให้กำลังใจ และเตือนสติคนครับครับ
         แมงเม่าบินอยู่ฟ้ายังบ่ม้มปากอึ่งยาง
         เถิงสิมีปีกก้วง                    บินไปได้คือนก  
            อย่าสิหลงอวดดี                เหยียบดินบ่มีได้
            ตกหว่างยามขนขาด          สิโอ้อ่าวคะนิงหา
           เจิดจิเลยลงดิน                    ปีกหักกะยังได้
           เปรียบแมงเม่าบินอยู่ฟ้า      บินบนอยู่อากาศ
           บาดห่าปีกหลุดแล้ว            ยังบ่ม้มปากอึ่งยาง      ดอกเด้
          ศัพท์  
           แมงเม่า        หมายถึง    แมลงเม่า
           ม้ม               หมายถึง   พ้น
           ก้วง              หมายถึง   กว้าง
          หว่าง            หมายถึง  ระหว่าง
         โอ้อ่าว          หมายถึง  คิดได้
          คะนิง           หมายถึง  คิด คำนึง
          เจิดจิเลย        หมายถึง  ร่อนถลาลงดิน
          ห่า                 หมายถึง    บางที
          อึงยาง           หมายถึง   อึ่งอ่าง
 แปล         แมลงเม่าบินอยู่บนฟ้า ก็ยังตกเป็นอาหารของอึ่งอ่าง
ความหมาย    คนที่มีบุญบารมี   คนร่ำรวย   หรือมีโอกาสมากว่าคนอื่น  อย่าหลงทะนง   ตนว่าจะไม่มีวันที่จะอับโชค หรือตกยาก เพราะทุกอย่างมันไม่แน่นอน
  คนที่ขาดโอกาส   คนยากจนก็อย่าไปท้อ  บางที่โอกาสต้องเป็นของเราสัก
  วันหนึ่ง  เปรียบเหมือนแมลงเม่าที่บินอยู่บนฟ้า  เวลาปีกมันหลุด มันก็ต้อง
   ร่วงลงมาเป็นอาหารของอึ่งอ่างผู้ต่ำต้อยเข้าจนได้
                    ผมชอบผญาบทนี้มากครับ บทสั้น ๆ   แต่สอนไม่ให้คนทะนงตนและ
   ขณะเดียวกันก็สอนไม่ให้คนสิ้นหวังด้วยครับ				
28 พฤศจิกายน 2552 07:46 น.

คำถาม ที่อยากถาม

สุรศรี

คำถาม ... ที่อยากถาม
        เสียงพระตีโปงหกโมงกว่า         รีบลุกหุงหาอาหาร
นึ่งข้าวหาปลาเตรียมทำงาน                จ้างวานเขาเกี่ยวเรียวรวง
นาข้าวสุกเหลืองเต็มท้องทุ่ง               ต่างมุ่งเกี่ยวข้าวก่อนโรยร่วง
ค่าแรงแพงเท่าไรไม่ห่วง                    ทั้งปวงขอให้ได้มา
ร้านค้าขายของต่างคึกคัก                    พืชผักหวานคาวไขว่หา
น้ำแข็งเครื่องดื่มทั้งเหล้ายา                 ข้าวปลาเตรียมไว้ให้คนงาน
รถอีแต๊กขนส่งกันวิ่งวุ่น                      เสียงดังฟุ้งฝุ่นรอบด้าน
เร่งรีบให้ทันงานการ                          ขับขานเพลงเรียวเกี่ยวข้าว
วิทยุเปิดหมอลำบรรเลง                      บทเพลงความรักของหนุ่มสาว
แดดร้อนเหงื่อไหลไคลคาว                บอกเล่าเรื่องราวของชาวนา
ค่าแรงค่าปุ๋ยปักดำ                               มัดจำเมล็ดพันธุ์ร้านค้า
ค่านวดค่าเหล้าข้าวปลา                       ค่าขนข้าวมาขึ้นเล้า
ลงทุนลงแรงลงเงิน                             ขาดเขินหยิบยืมใครเขา
กองทุนเงินล้านบ้านเรา                      ธอกอสอกู้เข้าไม่เว้น
เปิบข้าวทุกคราวทุกคำ                       จงสูจงจำอย่างที่เห็น
ใครเขาให้สูได้อยู่เย็น                        น้ำตาแทบกระเด็นนั่นใคร
ช่วยบอกลูกหลานที่ทานข้าว             ข้าวขาวได้มาจากไหน
น้ำตาหยาดเหงื่อคราบไคล                บอกเขาได้ใหมใยได้มา
ทุกครั้งทุกคำที่ขบเคี้ยว                      คิดเฉลียวในใจได้ใหมว่า
เขาทำอย่างไรหนอชาวนา                ข้าวขาว....ถึงมา....ถึงจาน
                                                                            สุรศรี				
27 พฤศจิกายน 2552 06:38 น.

เล่าสู่กันฟัง

สุรศรี

เพียง.....เล่าสู่กันฟัง
     ฉันยังจำเสมอ           คำที่เธอเอ่ยกับฉัน
คิดแล้วมันตื้นตัน           เกินที่จะอธิบาย
    นึกถึงวันที่ห่าง           คนเคียงข้างมาลับหาย
ทุกอย่างต้องเปล่าดาย    ไม่มีใครไม่เห็นเธอ
     สายใยสายสัมพันธ์   โยงใยถึงกันเสมอ
แม้ห่างไกลไม่เจอ           ยังอยากสนใจได้ฟัง
     ไม่ว่าเราจะโชคดี       หรือบางทีจะผิดหวัง
เรื่องฝันหรือจริงจัง         ย่อมจะมีที่ต่างกัน
      ฝนที่ตกทางโน้น      มันไกลโพ้นจากบ้านฉัน
หนาวบ้างใหมหัวใจหวั่น  อยากได้ยินฟังเรื่องราว
      คืนที่ไร้แสงไฟ            คืนที่ใจยังเหน็บหนาว
คืนที่ฟ้าไร้ดาว                  คือคืนที่คนห่วงใย
       วันที่เสียน้ำตา            วันที่ฟ้าแอบร้องไห้
วันที่เธอเสียใจ                   วันที่ใครคอยรำพึง
       ยังนอนดึกอยู่ใช่ใหม   คนห่างไกลอยากถามถึง
ผอมไปใหมใจคะนึง          ยังห่วงหาทุกนาที
        เธอยังขาดอะไรใหม    ยังสู้ไหวหรือเปล่านี่
พักผ่อนบ้างนะคนดี             เธอยังมีใครอีกคน
พักผ่อนบ้างเถอะคนดี           เธอยังมี....สุรศรี...อยู่ทั้งคน				
26 พฤศจิกายน 2552 06:34 น.

ผญา วันละบทกับสุรศรี

สุรศรี

ผญา  วันนี้ขอเสนอตัวอย่างกลอนผญาที่  เกี่ยวกับความรักที่หนุ่มสาวเขาจีบกัน  โดยการจ่ายผญา ครับ
ฯ    คำแพงเอ้ย   อ้ายนี่คิดฮอดน้อง       ทุกแลงงายเซ้าค่ำ
                          ยามกินข้าวอาบน้ำ     คะนิงเจ้าอยู้สู่ยาม
                          มื้อใด๋บ่พ้อหน้า         โทรมาหากะไคแหน่
                          ได้ยินเสียงแจ่มเจ้า      กินข้าวกะแซบนัว
                          มื้อได๋บ่พ้อหน้า          เห็นหลังคากะพออยู่
                          เห็นแต่ซิ่นพาดฮั้ว      กะปานได้นั่งนำ
                         ยามตักบาตรหยาดน้ำ  อ้ายแบ่งส่วนบุญกุศล
                        ให้กับสองคนเฮา          พ้อกันอยู่ภายหน้า
                        คันน้องคิดฮอดอ้าย       ให้มืนตาใส่น้ำแจ่ว
                        คันมันแสบแจ้วแจ้ว      ใจอ้ายกะดั่งกัน
                        ยามอ้ายคิดฮอดน้อง       เหลียวเบิ่งแต่เดือนดาว
                        ลางเทื่อสายตาเฮา          จวบกันอยู่เทิงฟ้า  พุ้นแล้ว ฯ
        ศัพท์      จ่ายผญา  หมายถึง  พูดโต้ตอบผญากัน
                       คิดฮอด  หมายถึง   คิดถึง
                       คะนิง   หมายถึง   คะนึงหา ถวิลหา
                        คำแพง   หมายถึง  คำที่เรียกผูหญิงที่เรารักมาก ๆ
                                                     เช่น ที่รัก  สวีทฮาร์ท  ฮันนี่ 
                                                     ทำนองนั้นครับ
                       มื้อใด๋     หมายถึง     วันใด
                       ไคแหน่ หมายถึง     ค่อยยังชั่ว
                       แซบนัว หมายถึง   อร่อยมาก
                        ซิ่น       หมายถึง      ผ้าถุง
                       พาดฮั้ว  หมายถึง     พาดรั้ว
                       กะ        หมายถึง       ก็
                       พ้อ       หมายถึง      พบเจอ
                        เฮา       หมายถึง       เรา
                       มืนตา    หมายถึง    ลืมตา
                       น้ำแจ่ว  หมายถึง   น้ำพริก
                        เบิ่ง      หมายถึง    มองดู
                       ลางเทื่อ  หมายถึง  บางครั้ง
                       จวบ    หมายถึง     เจอ  พบ
                       เทิง    หมายถึง     บน
  แปล และความหมาย 
                   ที่รัก เวลาพี่นี้คิดถึงเจ้าทุกค่ำทุกเช้าทั้งเวลากินข้าว และอาบน้ำ
                   วันไหนไม่เจอหน้ากัน น้องเจ้าโทรศัพท์หาก็ค่อยยังชั่ว
                   ได้ยินเสียงน้องแล้วกินข้าวก็อร่อย วันไหนไม่เจอหน้า
                   มองเห็นหลังคาบ้านน้องก็ดีแล้ว  เห็นผ้าถุงน้องตากที่ริมรั้ว
                   ก็เหมือนได้นั่งคุยด้วย  ยามตักบาตรพี่ก็อธิษฐานให้เราได้เจอกัน
                  ในภายหน้า  ถ้าหากน้องคิดถึงพี่ ให้ลืมตาใส่น้ำพริก  ถ้ารู้สึกแสบ ๆ
                   ใจพี่ก็เช่นเดียวกัน    เวลาที่พี่คิดถึงน้องพี่พี่ก็ได้แต่มองดูดาวเดือน
                   เผื่อบางที่สายตาสองอาจเจอกันที่บนฟ้าก็ได้
                                                                 สุรศรี				
24 พฤศจิกายน 2552 11:09 น.

When I was just ......

สุรศรี

เป็นเพลงที่ไพเราะ ทำออกมาได้น่าชมตอนที่ออกมา
ครั้งแรกผมต้องนิ่งอึ้ง ตั้งใจฟัง เคยร้องสมัยเป็นเด็กประถมครับ
           ผมนำมาช่วยฟื้นความจำครับ
When  I  was  just  a  lit-          tle  girl
I  ask   my  mother                   what  will   I  be 
I  ask   my   father                   (will  I )   be  rich
Here is what  she  said to me   Que  sera  sera

When  I  was  just  a  child           in  school
I  ask   my  teacher                        what  should   I  try 
Should  I   print   picture              I  sing (a  song)   
The  future  not our to see            what  ever will  be  will  be

     คราเมื่อฉันยังเล็กเป็นเด็กน้อย
เคยกล่าวถ้อยถามแก่พ่อแม่ฉัน
ครั้นเติบใหญ่โตขึ้นทุกคืนวัน
ฉันจะเป็นอะไรนั้นวานตอบที
           ครั้นเมื่อฉันโตใหญ่ไปโรงเรียน
ฉันเฝ้าเพียรถามครูผู้รู้ชี้
เมื่อเติบใหญ่ฉันจะเป็นอะไรดี
จิตรกรนักร้องดีที่เกรียงไกร
       ครั้นเมื่อฉันโตใหญ่เป็นวัยรุ่น
ถามแม่คุณที่รักฉันฝันและใฝ่
สายรุ้งสวยพรุ่งนี้มีหรือไม่
อนาคตเป็นไฉนไม่แน่นอน
                       สุรศรี				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุรศรี