20 กรกฎาคม 2546 21:19 น.

โลกที่ปรากฏ ณ เบื้องหน้าท่าน...เป็นเช่นไร?

หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก

โลกที่อยู่เบื้องหน้าข้าพเจ้า
๑).
ดูเหมือนว่า
ท่านกับข้าพเจ้ามีความเหมือน
สัมผัสทุกสิ่งอย่างอย่างรางเลือน
ไร้เพื่อนไร้ใครไร้มิตร
ภายในกรอบแคบแคบเราแอบตน
ต่างคนโบกปูนก่ออิฐ
ล้อมบ้านกั้นทางขวางทิศ
เก็บตัวอยู่มิดชิดชีวิตเรา
ดูเหมือนว่า
ดวงตาอ้างว้างเราว่างเปล่า
เสียงผิวปากเรียกนกให้ผกเงา
ส่อชัดความเศร้าของเงาตา
ท่านกับข้าพเจ้าปิดบ้านตน
ปล่อยถนนม้วนฝุ่นจนมุ่นฝ้า
กลิ่นแล้งเรื้อรังยังค้างคา
กระจกหนาหน้าต่างปิดตาย
๒).
ความฝันเราเลือนรางและจางเจือ
หายใจเพื่อบางอย่างอย่าร้างหาย
เราฟังเสียงสะเก็ดของเม็ดทราย
แตกทำลายเนื้อเม็ดเป็นเกล็ดน้อย
มุมห้องข้าพเจ้านั่งเก้าอี้
ควันบุหรี่นั้นลอยอยู่อ้อยสร้อย
ฝาผนังเปล่าว่างร้างรอย
รูปเด็กเกี่ยวก้อยปลดทิ้ง
ทุกทุกลมหายใจภายในบ้าน
วันเคลื่อนเดือนคลานอย่างอ้อยอิ่ง
จนเหมือนโลกที่ตามความเป็นจริง
นั้นหยุดนิ่งสงบและจบลง
ภาพใครต่อใครได้เลือนราง
เค้าหน้าต่างต่างเริ่มเลอะหลง
ความสามารถจดจำเกินเจาะจง
และคงสูญหายอีกไม่นาน
กับหนังสือกรอบเข้มเล่มเก่า
ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เราอ่าน
คลุมเครือยิ่งนักว่าดักดาน
หรือแตกฉานเปรื่องปราดฉลาดล้ำ
ข้าพเจ้าทอดถอนลมหายใจ
หลายปีผ่านไปที่ไห้ร่ำ
กับการนับแต่ละเม็ดประคำ
เวียนวนบ่นพร่ำนับนานปี
๓).
ความฝันเราเจือจางและรางเลือน
คล้ายเหมือนเราหลับอยู่กับที่
มิพลิกฟื้นตื่นตาแม้นาที
มิรับรู้การไหลรี่ของเวลา
ข้าพเจ้าทั้งเหงาทั้งเศร้าโศก
อยู่ในโลกแปลกแยกอย่างแปลกหน้า
ลมหอบทรายสาดซัดเหนือหลังคา
ก็ดวงตาเบิกกว้างมิวางใจ
ทั้งทั้งที่ท่านเหงาท่านเศร้าโศก
ยังแยกตัวจากโลกมาห่มไห้
แล้วดวงตาชำรุดก็จุดไฟ
เผาไหม้ทุกสิ่งสรรพเกินดับทัน
มีเพียงความมุ่งมาดอาฆาตแค้น
สุมแน่นในอกสะทกสั่น
ขณะท่านทำลายล้างแหละช่างมัน
ขณะนั้นดิ่งดำเกินสำนึก
เปลวไฟดวงใจท่านไหม้มอด
วายวอดเกินกู้ความรู้สึก
ขณะข้าพเจ้าป่วยไข้หายใจลึก
ภาพศึกในบ้านของท่านชัด!
๔).
เสียงโทรศัพท์กี่ปีแล้ว?
คล้ายแว่วเสียงกรีดอยู่หลัดหลัด
หลังคาเรียบลาดทรายสาดซัด
ข้าพเจ้าพลัดภวังค์ใดทั้งปวง
พบว่า
น้ำตาไร้เหตุผลยังหล่นร่วง
และในความเงียบเหงาอันเปล่ากลวง
กลับเสียงหน่วงหนักรัวในหัวใจ
พบว่า
หยาดน้ำตาทุกหน่วยล้วนป่วยไข้
โลกที่สร้างส่วนตัวล้อมรั้วไว้
ลอยเลื่อนเคลื่อนไหวอยู่ดายเดียว
เสียงทรายแตกเม็ดเป็นเกล็ดเล็ก
ริมเหล็กดัดซีดและบิดเบี้ยว
ฝุ่นฝ้านอกหน้าต่างทางเทียว
ถูกเคี่ยวโดยแดดที่แผดร้อน
เสียงตะโกนของท่านยังเอ็ดอึง
คำซึ่งเกลียดชังก็ถั่งก้อน
หลังคาพุโผงไหม้ด้วยไฟฟอน
กำลังกร่อนเป็นผงร่วงลงมา
ท่านเปิดประตูผาง!!ออกข้างนอก
ตะคอกตะโกนก่นดั่งคนบ้า
โลกจ้องท่านเคียดขึ้งท่านขมึงตา
การทายท้า    อาฆาต    ความมาดร้าย!!
๕).
ภาพฝันข้าพเจ้าสิ้นเค้าโครง
ไฟทุกข์ลุกโพลงโชนฉาย
การแตกเศษสะเก็ดของเม็ดทราย
ทำลายความเชื่อมั่นในทันที
หนังสือเก่าขอบกระเม็ดประคำ
ตอบคำถามมวลมิถ้วนถี่
น้ำตาความป่วยไข้หลายหลายปี
โลกที่เงียบเหงาที่ร้าวราน
ข้าพเจ้าสิ้นสุดความอดทน
ภาพโลกหม่นหมองมัวภาพตัวบ้าน
เงานกผกรูปมาวูบลาน
แหละท่านเรียกข้าพเจ้าเปิดประตู!!
๖).
ดั่งว่า
โลกที่อยู่เบื้องหน้าจ้องตาอยู่
สัมผัสความชิงชังที่พรั่งพรู
อณูความเครียดความเกลียดชัง
โลกที่อยู่เบื้องหน้าข้าพเจ้า
ตวาดเสียงเร้ากระเส่าคลั่ง
ข้าพเจ้าจ้องนิ่งอย่างจริงจัง
แล้วสั่งตนลงทำสงคราม!!



//นี่คือโลกที่ปี่กฏ ณ  เบื้องหน้าข้าพเจ้า!				
16 กรกฎาคม 2546 00:05 น.

ศ พ น ก ใ น ล ม ห น า ว

หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก


ลมหนาวที่กราวเกรียว   

สักประเดี๋ยวก็จะกรู

สะบัดและพัดพรู   

โลมลงสู่ราบโล่งดิน

หนาวเหน็บจนเจ็บเนื้อ   

อกใดเอื้อเรืองเรื่อริน

นกฟ้ากางปีกผิน   

โต้ลมหนาวอยู่เดียวดาย

หนาวเดือนแห่งลมเหนือ   

หนาวแม้เนื้อแดดฉาดฉาย

นกฟ้าก็พุ่งกาย   

โจมสุดท้ายเข้าอกลม

ลมหนาวที่กราวเกรียว  

อีกประเดี๋ยวก็จะพรม

ศพนกที่เลือดอม   

กลางความหนาวอันเปล่าดาย...





				
21 พฤษภาคม 2546 21:34 น.

โอ...ความเศร้า..

หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก

แหลกร่วง!


แหลกร่วงแล้วเอยหัวใจ 

แหลกร้าวกราวไหลแล้วนั่น 

ปล่อยเถิดกองพื้นท่วมคืนวัน 

ปล่อยมันผันผ่านล่วงวันคืน 

ให้ลมพัดขัดเงาจนวาวงาม 

ให้แดดลามเลียจนมันมนลื่น 

แหละน้ำค้างอาบชุ่มจนนุ่มพื้น 

จนแสงขื่นขับช่วงแข่งดวงดาว 

ปล่อยมันอยู่อย่างนี้เถิดที่รัก........ 

ในปลักในตม--ในลมหนาว 

เผื่อว่าวันหนึ่งเมื่อถึงคราว 

มันจะพราวพรายเศษเป็นเพชรแท้ 

เผื่อคนจรสักคนจะด้นมา 

เห็นค่าเศษธาตุ--ซากแร่ 

เก็บสะเก็ดเปลือกโลกที่โศกแร

ก่อนแปรเป็นปิ่นไว้เสียบมวย

แหลกร้าวไปแล้วหัวใจ

แหลกไหลหนาวเหน็บเจ็บป่วย
 
รอแสงขื่นพรายรุ้งขึ้นพลุ่งพวย 

เป็นธาตุสวยเม็ดงาม--อยู่ตามดิน..... 







				
19 พฤษภาคม 2546 16:53 น.

กาฬปักษ์บนหลังคาบ้านของเรา!!

หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก

กาฬปักษ์
						
๑).

พลันหมาหอนหวนโหยมาโผยแผ่ว			

แหละแมวตัวดำโดดข้ามศพ

กาฬปักษ์ก็ถลาจากคาคบ				

กระพือปรบเรียวปีกขึ้นฉีกลม

ส่งเสียงปีกฟาดดังฉาดฉับ			

ผับผับคล้ายเรือนสะเทือนล่ม

ปลิดดาวหางหนึ่งดวงให้ร่วงจม		

หวีดข่มสรรพสิ่งให้นิ่งงัน

มาเกาะหลังคาบ้านเหนืองานศพ	

องคาพยพคนเป็นก็เต้นสั่น

เลิ่กลั่กสบตา- มองหน้ากัน			

หวาดหวั่นพรั่นพรึงตะลึงกลัว

ทั้งเยียบเยือกเย็นวาบ-เหงื่ออาบโซม		

โครมโครมหัวใจกันไปทั่ว

ชาดิกสันหลัง-ระวังตัว				

กระเดือกกลั้วกลืนกล้ำแต่น้ำลาย

เกาะนิ่งเหนือหลังคา-กาฬปักษ์			

นกยักษ์เงียบกริบ-ลางฉิบหาย

แมวดำขนนิล-ลิ้นคาย					
ก็ตะกายเล็บหน้ากับฝาโลง

๒).

ยินเพียงเสียงหายใจที่ไหวหวั่น	

ศพนั่นในโลงไม้-ผีตายโหง

บวมฉึ่งปอกเปิก-ตาเบิกโพลง			

ร่างโครงยับแหลกจนแปลกตา

เสียงฟันกระทบฟันคางสั่นรัว			

หวาดกลัวซีดเลือดเผือดหน้า

ความตายทอดร่างบนหลังคา			

สาบกาฬปักษ์ฉุนถึงถุนเรือน

สะอิดสะเอียนเหียนหืนคลื่นไส้				
อยู่ในความผวามิกล้าเขยื้อน

พระราหูแลบลิ้นขึ้นกินเดือน			

ค่อยค่อยเฉือนวิ่นแหว่งเป็นแวงแวง

คราสเป็นจันทรุปราคา					
ดินฟ้าตราบาปสาปแช่ง

ดับเดือนละมุนเสียรุนแรง				

ดับแสงแห่งจันทร์ข่มขวัญคน

กุมมือเย็นเฉียบอยู่เงียบงัน			

ประสาทขวัญสยอง-พองขน

เสียงครางโผยแผ่วของแมวกรน			

ยิ่งลุกลนเบียดชิดยิ่งติดกัน

กาฬปักษ์เงียบนิ่งมิติงร่าง			

หมาสางแหงนหอนมากร่อนขวัญ

แมวดำโลงศพ-ครบครัน				

คืนราหูอมจันทร์-อันตราย!!

๓).

กลิ่นน้ำเหลืองเลือดหนองศพพองอืด

ตาแมวในมุมมืดสอดส่าย

เพื่อนศพคนโศกล้วนโชคร้าย			

ความตายขึงกรอบขึ้นครอบคลุม

หงุดหงิดอึดอัดขัดข้อง				

มวนท้องเหงื่อแตกเป็นตุ่มตุ่ม

เงาไม้พรรณพืชก็มืดคลุ้ม			

ตะคุ่มตะคุ่มหลอนหลอกอยู่นอกเรือน

นะโมตัสสะภควโต					
ฮือโฮเสียงขื่นสะอื้นเฝื่อน

ความกลัวคราสขวัญจนฟั่นเฟือน		

ธาตุจึงเหมือนวิปริตผิดธรรมดา

สะท้อนสะท้านลานเหลือกซานเสือกตน	

พึมพำพร่ำบ่นมนต์คาถา

นะโมพุทธายะ-อาราธนา				

คืนนี้ราหูทมิฬมันกินจันทร์

แขนใครขนลุกมาถูกตัว			

หวาดกลัวเนื้อซีดก็หวีดลั่น

โกรธกริ้วกราดเกรี้ยวเคี้ยวฟัน			

ทั้งกลัวเกินกลั้นความสั่นเทา

ประณมมือกุมสร้อยที่ห้อยพระ				
นะโมตัสสะ-พระคุณเจ้า

กาฬปักษ์ดำปลอดยังทอดเงา				
ยังเฝ้าเงียบนิ่งมิติงกาย

ธาตุกำลังมุ่นมวนป่วนปั่น			

แหละขวัญกระเจิงกระเจิดเตลิดหาย

คืนราหูอมจันทร์มิทันคาย				

คนก็ทายล่วงหน้าถึงพญายม!

๔).

คือลางหายนะ-คุณพระช่วย

ใบกล้วยโบกตีเหมือนผีขย่ม

ทิวเปรตหวีดหวูเสียงลู่ลม			

โค้งก้มลำตนราวต้นตาล

เหม็นเน่าผีตายโหงในโลงไม้			

ค้างคาวแม่ไก่ก็บ่ายผ่าน

นกนรกกู่เพรียกวิญญาณ			

โขมดโหงโก่งขานรับทันที

อกรุมคลุ้มคลั่งลางสังหรณ์			

หมาหอนวิญญาณเร่-สัมภเวสี

หวาดกลัวสุดขีด-พิทิดพิที				

นกผีตาโปนก่นคราง

ราหูอมเดือนจนอ้วนพี					
มิรู้ขี้หรือขยอกคายออกข้าง

ระฆังวังเวงก็เงงงาง					
ผีสางร่วมด้วยมาช่วยจันทร์

พญากาฬปักษ์บนหลังคา				

ก็ปรบปีกฉีกฟ้าขึ้นถลาถลัน   

ก่อนจะดิ่งทิ้งโถมพุ่งโจมพลัน			

ใครกันอีกหนอ-ศพต่อไป?	






				
18 พฤษภาคม 2546 19:50 น.

การมาเยือนของใครคนหนึ่ง....

หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก

การมาเยือนของเพื่อนเธอ
๑).
สร้อยเพลงแผ่วเบานั้นเศร้าสร้อย
อิ่งอ้อยลอยมาช้าเชื่อง
ฟ้าเอยค่ำพลบจะกลบเรือง
แห่งดวงตะวันเขื่องทุกเบื้องทิศ
สร้อยเพลงเพ้อพร่ำเป็นคำสร้อย
เรียงถ้อยร้อยสอดอยู่ออดอิด
อลังการความเศร้าอันร้าวพิษ
ฟังเถิดมิตรเพลงโผยลมโชยมา
ดอกสร้อยเพลงเศร้าสีเทาทึม
มืดครึ้มขรึมคลุ้มปกคลุมหล้า
กลิ่นเพลงฉันดื่มด่ำด้วยน้ำตา
หอมหวานอยู่นานช้าหนอราตรี
๒).
เห็นไหม?ความหนักหน่วงในดวงตา
โล้เร่ความเหว่ว้ากะลาสี
เห่ความหมองหม่นทุกโทนคีย์
ขึงคลี่แพรบางขึ้นกางใบ
สุดแต่แรงลมจัดจะพัดเป่า
หนักเบาก็จะเลื่อนให้เคลื่อนไหว
พรึกฉายพรายทางไปข้างใด
ก็วัยไล่ทางไปข้างนั้น
ไหลเลื่อนเคลื่อนที่มิมีทิศ
ล่องชีวิตลอยเร่ทะเลฝัน
ฟังเพลงสร้อยถ้อยคำลมรำพัน
กรองวัยผ่านวันไปกลั่นกาล
คว้างเคว้งเคร่งคร่ำเรือลำน้อย
สร้อยดอกสร้อยแว่วหวิวยังพลิ้วผ่าน
ผ่านผิวพลิ้วพลันพลิกวันวาร
จนสร้อยบานดำเข้มจนเต็มฟ้า
วัยเยาว์ฉันสูญหายในพรายขื่น
บนยอดคลื่นแรงลมระงมกล้า
เป็นเด็กน้อยว้าเหว่ผู้เร่มา
ตามเดียงสากล้ากร้านจะดาลดล
แหละกำลังคลั่งบ้าเบื้องหน้าเธอ
ไห้ร่ำพร่ำเพ้อละเมอก่น
กระโดงเรือหักสลายเกินฟายค้น
อดีตแห่งตัวตนอยู่หนใด?
๓).
โอบกอดฉันสักนิดเถิดมิตรรัก
รูปลักษณ์น่าเกลียดรังเกียจไหม?
เหนื่อยล้ามาจากฟ้าฟากไกล
ป่วยไข้หนาวเหน็บบาดเจ็บนัก
ตามหาวัยเยาว์ที่สูญหาย
คลับคล้ายความรู้สึกเคยรู้จัก
อาจทุ่งกว้างว้างเวิ้งอาจเพิงพัก
อาจรูปสลักเก่าแก่มิแน่ใจ
เรือที่โล้ร่อนเร่ทะเลชีวิต
ฟังเถิดมิตรเสียงสะอื้นที่ขื่นไข้
กระโดงเรือหักร้าวแล้วเสาใบ
ห่มไห้พ่ายพับอับปาง
เป็นเด็กหนุ่มนักฝันผู้ฝันร้าย
เป็นผู้ชายแสนเหงาทุกข์เศร้าสร้าง
ฉันยิ้มให้ชีวิตอย่างซีดจาง
หยัดร่างย่างย่ำสุดแต่กรรมชะตา
สบตาฉันสักนิดเถิดมิตรรัก
สบตาสักเพียงครู่แล้วดูหน้า
คนที่เพิ่งกลับหลังเดินทางมา
มันเกรียมกร้านด้านชาโออาภัพ!
๔).
สร้อยเพลงแผ่วเบานั้นเศร้าสร้อย
อิ่งอ้อยลอยเลื่อนคืนเดือนดับ
ฟ้าเอยค่ำพลบพระลบลับ
นิ่งสดับเพลงสร้อยเคลื่อนคล้อยมา
ราตรีสีเศร้าโอบเงาดาว
แฉกเหลี่ยมเลี่ยมร้าวจนดาวพร่า
ฉันล่องโล้ร่อนเร่เหว่ว้า
แปลกหน้าต่อรากเหง้าแห่งเยาว์วัย
กะลาสีนักฝันผู้ว้าเหว่
โห่เห่เร่มาแต่ฟ้าไหน
ย่อมเหนื่อยล้ามาจากฟ้าฟากไกล
เจ็บไข้เหน็บหนาวแหละร้าวราน
ฟังเถิดมิตรชีวิตชนิดนี้
สร้อยราตรีโผยแผ่วได้แผ้วผ่าน
คลื่นโยนลำเรือแตกจนแหลกลาญ
นี่คือการมาเยือนของเพื่อนเธอ!!

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก
Lovings  หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก
Lovings  หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก
Lovings  หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงหมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก