10 ตุลาคม 2552 12:14 น.

กล้วยแขก...ของแม่

อินสวน

...ณ โรงพยาบาลศูนย์ ของมหาวิทยาลัย....หน้าห้องตรวจคลินิกเฉพาะโรคอา

ยุรกรรม....วันนี้อินสวนมาในบทบาทของคนป่วยตามนัดของอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ

..นานๆทีจะได้นั่งสังเกตอะไรๆเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ป่วย ญาติ พยายบาล....พี่

พยาบาลที่ใจดีพยายามเข้ามาคุยด้วยและเชิญเข้าไปนั่งรอด้านใน..อาจารย์หมอมา

เมื่อไหร่จะให้เจอกับท่านก่อน...."ขอบคุณครับพี่  วันนี้ขอแบบตามคิว เหมือนคน

อื่นๆนะครับ"คนไข้เยอะเหลือเกิน ได้ยินคนเรียกคิว 120 อินสวนล้วงบัตรคิว

ออกมาดู..142 คงอีกนานครับ ....นั่งมองคนโน้นคนนี้เพลินๆ มีภาพดึงดูดความ

สนใจเข้ามา...หญิงชรามากคนหนึ่งดูผอมแห้งซูบเซียว....แต่งตัวซอมซ่อ

เสื้อตัวหลวมๆสีมอๆผ้าถุงเก่าๆรองเท้าแตะ....ได้รับการประคองจากชายวัย

กลางคน..ซึ่งแต่งกายซอมซ่อพอๆกัน...ชายคนนั้นพยายามมองหาเก้าอี้ว่าง

และประคองหญิงชรามาใกล้ๆที่อินสวนนั่งอยู่.....อินสวนลุกและบอกให้แม่อุ้ย

นั่งแทนที่..โดยเลี่ยงออกไปยืนอยู่ข้างๆ...จากการสนทนาพอเดาได้ว่าลูกชาย

มาส่งแม่ตรวจรักษาโรค  "แม่...เดี๋ยวแม่เล่าอาการให้หมอฟังให้หมดนะแม่นะ"

แม่ก็บอกว่า...."เออๆแม่รู้แล้ว...ละแกไม่เข้าไปด้วยกันกับแม่หรือไอ้หนู"

"ไม่ได้หรอกแม่เดี๋ยวหมอจะว่าเอา...ถ้าหมอเรียกหาญาติผมถึงจะตามเข้าไป"

อินสวนยืนฟังการสนทนาแบบไม่ได้ตั้งใจแต่ก็ได้ยินชัดเจนครับ

แล้วในจังหวะนั้น..แม่ค้าก็หิ้วกระจาดมาขายของประเภท..ของกินขบเคี้ยว

ขนม..และกล้วยแขก...แม่อุ้ยควักเอาห่อพลาสติกออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

แล้วพยายามแกะ(แกคงรัดปากถุงไว้แน่นมาก)  ในถุงมีธนบัตรเก่าๆหลายใบ

เป็นแบงค์20 /50 และเห็นมีแบงค์ 100 อยู่ด้วย สัก 1-2  ใบ  "ไอ้หนูเองชอบ

กินกล้วยแขกไม่ใช่หรือ   ตั้งแต่เช้าเองยังไม่กินอะไรเลย"  แม่อุ้ยพูดพร้อมๆ

กับเอ่ยปากซื่อกล้วยแขกจากแม่คา 1 ถุง 10 บาท   ลูกชายแม่อุ้ยคงหิวจริงๆ

คล้อยหลังแม่ค้าแกก็หยิบกล้วยแขกออกมากินอย่างอเร็ดอร่อย     ลูกชายของแม่

อุ้ยคงทำงานหนัก  ดูเล็บดูมือ  ค่อนข้างด้านกระด้าง ฟันห่างและยื่นเหยิน

แม่อุ้ยมองลูกชายกินกล้วยแขกด้วยแววตารักใคร่เหลือเกิน.....แล้วพยาบาลก็

เรียกคิว142   อินสวนเข้าไปพบอาจารย์หมอ...โดนดุเป็นกระบุงโกยในฐานะ

ไม่รักษาสุขภาพให้เป็นแบบอย่าง.....พอกลับออกจากห้องตรวจ...ก็ถึงคิวแม่อุ้ย

พอดี...อ้าวลูกชายแม่อุ้ยหายไปไหน...แม่อุ้ยดูจะวิตกกังวล...อินสวนเดินเข้าไป

หา.."แม่อุ้ยมีอะไรให้ช่วยไหมครับ"....."ลูกชายข้าเจ้าไปเยี่ยว...ข้าเจ้าจะเข้าไป

หาหมอกลัวมันมาหาไม่เจอ...ฝากถุงย่ามและกล้วยแขกไว้ให้มันหน่อย  

เดี่ยวมันคงมา"....อินสวนรับปาก สักครู่..ลูกชายของแม่อุ้ยก็กลับมา

อินสวนส่งย่ามและถุงกล้วยแขกให้เขา    "ขอบคุณครับ"พร้อมๆกับยกมือไหว้

อินสวนเลยนั่งคุยกับเขานิดหนึ่ง....แล้วถามว่า  "ยังไม่ได้กินข้าวไม่ใช่หรือ

ทำไมไม่กินกล้วยแขกให้หมด....."   "อิ่มแล้วครับ..ที่เหลือผมเอาเก็บว้ให้แม่"

.........อินสวนเดินออกมาลานจอดรถด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก......ใจสั่นหวิวๆ

เหมือนหิวข้าว....ร้อนๆขอบตาเหมือนจะร้องไห้.....ประมาณนั้น

ขากลับบ้านผ่านแผงลอยขายกล้วยแขกริมทางเลยจอดซื้อ...กลับถึงบ้าน

แม่สงสัย.."อะไรกัน..ซื้อกล้วยแขกมาทำไมตั้งเยอะแยะ...."

อินสวนเลยตอบว่าก็เอามาแบ่งกันกินกับแม่ไงครับ.......แม่บ่นพอจับใจความได้

"บ้าหรือเปล่าวะเนี่ย....กินสามวันก็ไม่หมด........				
20 มีนาคม 2552 11:00 น.

เหงา..จนได้เรื่อง

อินสวน

       	น้องครับ น้องชื่ออะไรครับ ผมเอ่ยปากถามน้องเขาขณะที่เธอกำลังก้มหน้าก้มตากับ

การผสมเครื่องดื่ม ... หนูหรือคะ  น้องเขาเงยหน้าและสบตากับผม ครับก็หนูนั่นแหละ

หนูชื่อพลอยค่ะ มีอะไรก็เรียกหนูนะคะ เธอเดินห่างออกไปเพื่อดูแลโต๊ะอื่นๆอีก2-3 โต๊ะ ที่เป็น

โซนรับผิดชอบของเธอ   มาธุระที่จังหวัดอุดรครานี้ผมมาคนเดียว ทานอาหารที่โรงแรมทุกมื้อก็เบื่อ

ครับ เย็นวันนั้นผมจึงออกไปนั่งร้านอาหารตามลำพัง  เลือกริมด้านนอกติดกับถนน เพลงเพราะมาก

ครับอาหารอร่อย บรรยากาศในร้านคึกครื้น ผู้ชายหล่อผู้หญิงสวยเต็มร้านเลยครับ ใครๆที่ติดภาพ

คนอีสานดั้งแบนมาร้านนี้เปลี่ยนความคิดแน่นอนครับ... เอาอะไรเพิ่มเติมไหมคะ แหมตกใจ

ครับกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ เธอนั่นเองพนักงานสาวไม่ถึงกับสวยคนเดิม เธอรูปร่างดีครับ หน้าตา

ก็พอดูได้ครับแนวหมวยๆแต่ไม่อึ๋มนะครับ.. ตกลงเอาอะไรเพิ่มไหมคะ โห..เร่งรัดกันจังจะรีบ

อะไรนักหนาเนี้ย  ยัง..ยังครับยังไม่เพิ่มอะไร ผมนั่งอยู่ในร้านนานนับชั่วโมงนั่งมองดูความ

เลื่อนไหวของคนในร้านสลับกับการมองขึ้นไปบนเวที..ไม่วายที่จะเหงาครับ อยากมีเพื่อนพูดคุย 

อยากมีใครสักคน..อีกแล้วหรือนี่ ...เหลือเวลาอีก 2 วันที่จะต้องอยู่ที่จังหวัดอุดร ความคิดบางอย่าง

วูบขึ้นมามันคือแผนการหนีประชุมไปเที่ยวครับ
	
น้องพลอยครับตามปกติเลิกงานกี่ทุ่มครับ ผมลืมเล่าไปครับว่าเวลาที่ผ่านไป1-2 ชั่วโมงทำให้ผม

เริ่มมีความคุ้นเคยกับน้องพลอยในระดับหนึ่งแล้วครับ... เธอบอกเวลาเลิกงานพร้อมถามกลับว่า มี

อะไรหรือเปล่าคะ... เปล่าครับ.เออ.พรุ่งนี้ว่างรึเปล่าครับ..อยากจะชวนไปเป็นเที่ยวหน่อยครับ  

น้องพลอยหัวเราะ. เที่ยวที่ไหนหรือคะ..ตามปกติช่วงกลางวันหนูรับจ้างช่วยป้าขายของค่ะ
 
โห...มามุกนี้เลย..ผมพอเดาออกว่าเธอคงไม่อยากเสียเวลา เวลาเป็นเงินเป็นทองว่างั้นเถอะ พี่มา

จากต่างจังหวัด..พี่อยากได้ไกด์พาเที่ยวหน่อยอยากไปแถวๆหนองคายครับ เพราะพี่ชอบนั่งมอง

แม่น้ำโขง..ถ้าตกลงพี่ให้ค่าขนมนะครับ เข้าประเด็นโชะเดะเลยครับน้องพลอยยิ้ม

พี่ให้หนูเท่าไหร่ล่ะ..ป้าหนูจ้างวันละ 250 ค่ะ...  แหมหนูพลอยไม่ค่อยงกเลยนะผมคิดในใจ... 

แล้วตกลงจะไปรึเปล่าครับ..พี่ให้ 4 เท่า เลยนะว่าไง น้องพลอยยิ้มกว้าง..ตกลงอยู่ในที แล้วหนู

ต้องทำอะไรบ้างคะ.พี่จะไปกี่โมง กลับกี่โมงแล้วให้หนูไปหาที่ไหนบ้าง..มาเลยคำถามมาเป็นชุด

เลยโถแม่คุณชวนง่ายจัง      หนูไม่ต้องทำอะไรมาก พรุ่งนี้ 9 โมงพี่จะมารับหนูที่หน้าร้านนี้แหละ 

หนูนั่งรถแล้วบอกทางไปหนองคายให้พี่  พาพี่ไปเลาะชายโขง หาอาหารอีสานรสแซ่ปๆกิน พอบ่ายๆก็กลับ 
		พี่คะหนูยังไม่ได้กินอะไรมาเลยนะคะพี่..หนูกะว่าพี่จะมารับสายๆกว่านี้ซัก

หน่อยพี่เล่นมาตรงเวลาเปะ...ตอนพี่โทรหา..หนูเพิ่งตื่นค่ะพี่ น้องพลอยกึ่งเล่ากึ่งบ่นขณะที่ผมก็ทำ

หน้าที่ขับรถบ่ายหน้าสู่หนองคาย....ออกจากอุดรหน่อยเดียวผมเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันจอดรถหน้ามินิ

มาร์ทหยิบแบงค์ 100 บาท 2 ใบส่งให้น้องพลอย เอาลงไปซื้อขนมมารองท้องซะไป แล้วเอานมกับ

ชาเขียวมาเผื่อพี่ด้วย แป๊บเดียวเธอก็กลับมาพร้อมขนมถุงใหญ่ยื่นเงินทอน 2 บาท มาให้   พี่รู้

เปล่าว่าหนูก็เป็นคนหนองคาย...บ้านหนูน่าอยู่นะพี่ ติดอันดับ 1 ใน 7 ของเมืองน่าอยู่ระดับโลกเชียว

นะคะ  โม้เปล่านี่..ก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะครับรู้สึกเหมือนผมเคยอ่านเจอในนิตยสารอะไร

ซักอย่างนี่แหละ ถึงหนองคายไปตลาดอินโดจีนมองข้ามฟากฝั่งลาว..เหงาอีกละ อยากข้ามฟากไปฝั่งลาวใจจะขาด
	จากนั้นก็วกขึ้นทางเหนือขับรถเลาะชายโขงขึ้นไปทางแคบมากเลยครับเวลารถสวนต้อง

แอบเลยครับ แล้วก็เจอร้านถูกใจบนชายโขง เบรกรถจนน้องพลอยหัวคะมำ .. อะไรกันพี่..พี่จะ

แวะร้านนี้หรือคะ   ผมเป็นคนจัดการเรื่องสั่งอาหารเอง อ่อมปลาคัง ส้มตำปลาร้ารสดั้งเดิม ปลา

ทับทิมเผาเกลือ ไก่บ้านคั่วเกลือ คอหมูย่าง และข้าวเหนียว โห....พี่กินหมดหรือคะ..ทำไมสั่งเยอะ

จัง  แล้วพี่ไม่ดื่มเบียร์หรือคะ ตกลงมื้อนั้นน้องพลอยเมาอยู่คนเดียว...ไม่เมาได้ไงก็เธอล่อเบียร์

สิงห์ไปตั้งครึ่งโหล เชื่อแล้วว่าเธอเป็นคนหนองคาย...โต๊ะไหนเข้ามานั่ง เธอรู้จักหมด ทักทายคุ้นเคย

ชนแก้วไปทุกโต๊ะ ยิ่งนานยิ่งเลอะเลยครับ พี่ขาเดี๋ยวไปต่ออีกร้านหนึ่งนะพี่รับรองแซ่ปสุดๆ เดี๋ยว

หนูชวนเพื่อนไปด้วยได้เปล่าพี่....นะพี่นะ...นา..นะ... อ้อน...อ้อนขึ้นมาเชียว อะไรกันเนี้ยเราหนอ

เราเหงาจนได้เรื่องแล้วไง.. พลอยครับพี่ว่าเรากลับอุดร ...กันเลยดีกว่ามั๊ย... เธอมองหน้าหรี่ตา

ทำถ้ากวนๆ เฮ้ยพี่จะรีบกลับทำไมยังไม่บ่ายเลย..หนูเข้างานก็ 6 โมงเย็นโน่น 

	ตกลงวันนั้นผมจ่ายเงินให้น้องพลอย 1,000 บาท ไปส่งเธอที่หน้าร้านที่เธอทำงาน ก่อนถึง

ร้านผมจอดรถให้เธออ๊วก 4 ครั้ง โห...รถผมเต็มๆครับ คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอ๊วกของเธอ..เซ็งเลย

ครับรู้งี้อดทนนั่งประชุมซะก็คงดีกว่าเป็นไหนๆ
				
3 กุมภาพันธ์ 2552 11:49 น.

รักแรก...ของอินสวน

อินสวน

รถลากซุง..ห้อตะบึงมุ่งหน้าสู่ปางไม้ห้วยเกิน...ซึ่งห่างไกลออกไปจากตัวอำเภอไม่น้อยกว่า 50 กิโลเมตร รถวิ่งไปตามถนนลาดยางได้ไม่นานนักก็เลี้ยวเข้าทางแยก ถนนลูกรัง รถเริ่มลดความเร็วลง ด้วยสภาพทางที่ขรุขระ รถจึงโคลงเคลง จนเด็กน้อยอินสวนที่นั่งอยู่บนรถเริ่มรู้สึกเวียนหัว แม่จึงควักยาดมออกมาสูดดมและจ่อเข้าจมูกของอินสวนสลับกันไปมา ฝุ่นตลบอบอวลหันมองไปด้านหลังไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ นอกจากฝุ่น........วันนี้เป็นวันแรกของการปิดภาคเรียน อินสวนตื่นเต้นมากที่จะได้ไปหาคุณพ่อ พ่อของอินสวนนัดหมายให้แม่และอินสวนโดยสารรถลากซุงของคนรู้จัก เพื่อเดินทางไปหาพ่อ พ่อเป็นทหารแต่ต้องเข้าไปสอนหนังสืออยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อว่าหมู่บ้านหัวนา อินสวนก็ไม่เข้าใจหรอกว่าจริงๆแล้วพ่อเป็นครู เป็นทหารหรือเป็นอะไรกันแน่ รถวิ่งไปประมาณ 1 ชั่วโมงเห็นจะได้ อินสวนเริ่มหายเวียนหัวแต่คุณแม่อาเจียนจนนับครั้งไม่ถ้วนลุงคนขับรถลากซุงคนนั้นบอกว่าอดทนอีกนิดเดียวก็จะถึงปางไม้แล้ว...จริงอย่างที่บอก  ไม่นานนักรถก็ถึงที่หมายและจอดที่ปางไม้เขาเรียกว่าปางไม้ห้วยเกิน.....มองไปทางไหนมีแต่ท่อนซุงเต็มไปหมด   ที่ปางไม้มีคุณลุงท่าทางใจดีมารอต้อนรับอินสวนและแม่..ลุงแนะนำตัวเองว่าชื่อลุงต๋อ เป็นผู้ใหญ่บ้าน ครูให้มารอรับลูกและเมีย  ครูสอนหนังสือเด็กๆ รออยู่ที่โรงเรียน ลุงต๋อพูดพร้อมกับสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส แล้วอธิบายให้เราสองแม่ลูกฟังว่าต้องเดินลัดเลาะเขาไปอีกไกลกว่าจะถึงคงเลยเที่ยงวัน แม่แสดงสีหน้าละห้อย แต่อินสวนกลับตื่นเต้นลิงโลดที่จะได้เจอหน้าพ่อ
	ทางเดินแคบๆคดเคี้ยวเลี้ยวลดไปตามไหล่เขาบางจุดมองลงไปเป็นเหวลึกน่าวาดเสียว  ลุงต๋อทำหน้าที่เป็นลูกหาบ สัมภาระของแม่ทั้งหมดยกให้เป็นหน้าที่ของลุงต๋อ อินสวนมีกระเป๋าเป้สะพายหลังใบเล็กข้างในบรรจุขนมและหนังสือการ์ตูน......จากเช้า..เข้ายามสาย...จวบจนจะเที่ยง แสงตะวันที่สาดส่องเริ่มร้อนแรง ช่วงนั้นเป็นหน้าแล้งช่วงต้นเดือนมีนาคม ใบไม้ร่วงเกือบหมดป่า โชคดีที่ต้นไม้บางต้นยังพอมีใบหนาพอให้อาศัยร่มเงาเป็นจุดพัก ณ จุดพักบนไหล่เขามีผู้หญิงวัยกลางคนและเด็กหญิงวัยไล่เลี่ยกับ 
อินสวนนั่งรออยู่ ซึ่งเป็นเมียและลูกสาวของลุงต๋อนั่นเอง  ทราบตอนหลังว่าชื่อป้าเลาส่วนเด็กหญิงขนตางอนและแก้มแดงคนนั้นชื่อแดง ....อินสวนนึกขอบคุณแม่ลูกทั้งสองที่มีทั้งน้ำและอาหารกลางวันคือหมกไข่มดแดง มาช่วยบรรเทาความหิวกระหาย ก่อนออกเดินทางต่อ
	แว่วได้ยินเสียงไก่ขัน พร้อมทั้งเสียงสุนัขเห่ามาแต่ไกล ลุงต๋อบอกว่าใกล้ถึงแล้วไม่นานนักอินสวนเริ่มได้ยินเสียงคนร้องตะโกนดังโหวกเหวก จับใจความได้ว่าลูกและเมียครูมาถึงแล้ว....พอเข้าเขตหมู่บ้านลุงต๋อชี้ให้อินสวนมองไปบนเนินที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 300 เมตร อินสวนเห็นพ่อยืนโบกมือหย๋อยๆแล้วมีเด็กนักเรียนชายหญิงหลายคนวิ่งตามมาสมทบแล้วโบกมือให้อินสวน ด้านหลังของพวกเขาเป็นอาคารหลังเล็กๆหลังคามุงหญ้าคา มีธงชาติไทยโบกไสว....อินสวนตื่นเต้นมากที่ได้เจอหน้าพ่อ และจะได้รู้จักเพื่อนใหม่..........บ้านพักของพ่อเป็นบ้านไม้หลังใหญ่เจ้าของบ้านย้ายไปอยู่อีกหลังหนึ่งกับลูกสาวและลูกเขย ก็เลยยกบ้านหลังนี้ให้พ่อได้อาศัยอยู่อย่างสบาย..หมู่บ้านหัวนามีจำนวนครัวเรือนตั้งอยู่รวมกันไม่ถึง 30 หลัง พออินสวนและแม่ไปถึงคนเกือบทั้งหมดหมู่บ้านโดยเฉพาะแม่บ้านและลูกเด็กเล็กแดงต่างพากันไปรวมตัวกันที่บ้านพักของพ่อ ทุกคนมาทักทายด้วยความเป็นมิตร มีบางคนซุบซิบกันว่าเมียครูอ้วนแต่ก็สวย
ลูกชายครูก็หน้าถอดแบบมาจากพ่อ แถมจะรูปหล่อกว่าพ่อเสียด้วย แม่เอาเมี่ยงและยาสูบ ตลอดถึงขนมลูกอมออกแจกจ่ายให้เป็นของฝากจากเมียครูโดยถ้วนหน้า...หลายคนกลับไปบ้านแล้วกลับมาใหม่พร้อมผักหวานบ้าง ถั่วแปบบ้าง หรือไม่ก็ไข่มดแดง มีบางคนเอาปลาย่างเนื้อย่างมาให้ก็มี
	บ่ายวันนั้นอินสวนได้รับการแนะนำตัวจากพ่อให้รู้จักเพื่อนๆ ว่าตอนนี้อินสวนเรียนอยู่ชั้น ป.5 เพิ่งจะสอบไล่ขึ้นชั้น ป.6 เพื่อนๆร้องอู้ฮูด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน เพราะโรงเรียนของพ่อมีสูงสุดแค่ชั้นป.4 ทุกคนเรียนรวมกันหมดเพราะมีครูคนเดียว นักเรียนของพ่อไม่ว่าชั้นไหนลายมือสวยทุกคน อินสวนนึกแล้วหวั่นๆอยู่ว่าจะเขียนหนังสือลายมือสวยสู้พวกเขาได้ไหมหนอ...พ่อคงต้องขายหน้าแน่แล้วคราวนี้  แต่ก็ดีที่อินสวนอ่านหนังสือได้แตกฉานชัดเจน และท่องสูตรคูณได้ถึงแม่สิบสองจึงพอกู้หน้าครูเอาไว้ได้.......พอตกค่ำทุกบ้านจุดตะเกียงแสงวับๆแวมๆกันทั่วทั้งหมู่บ้าน แล้วเสียงที่อินสวนไม่เคยได้ยินก็ปรากฏขึ้น นั้นคือเด็กนักเรียนทุกคนในหมู่บ้านอยู่บ้านใครบ้านมันพากันตะเบ็งเสียงอ่านหนังสือ เสียงดังเจื้อยแจ้วไปทั่งทั้งหมูบ้าน เพราะทุกคืนตอนหัวค่ำครูจะออกตรวจตรา ว่ามีเด็กบ้านหลังไหนไม่อ่านหนังสือ แล้วจะถูกลงโทษในวันรุ่งขึ้น ไม่รู้ว่านั่นเป็นกลยุทธ์ของพ่อได้หรือเปล่าที่จะบังคับให้นักเรียนอ่านหนังสือ
	อินสวนใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหัวนานานกว่า 10 วันทุกวันมีแต่ความสนุกสนาน ได้ออกไปเล่นน้ำ ดำน้ำที่เย็นใส ในลำนำแม่ขะนิง ได้เรียนรู้และรู้จักวิธีการแทงปลาในซอกหินใต้น้ำ ได้ช่วยเพื่อนทำอาหารที่เรียกว่าหลามปลาด้วยกระบอกไม้ไผ่ รู้จักวิธีการก่อไฟที่ไม่ต้องใช้น้ำมันก๊าดหรือแอลกอฮอลเป็นตัวช่วย มีบางวันที่เล่นซุกซนเช่นดำน้ำไล่จับกัน จนเอาแก้มไปถูกับโขดหิน เพื่อนๆพากันเกี่ยงที่จะพาอินสวนไปส่งที่บ้าน เพราะกลัวถูกครูดุ ทุกเวลานาที ของช่วงเวลาคือความสุขของอินสวน ไม่เคยมีภาพเหตุการณ์ใดเลือนลางไปจางความทรงจำ......วันสุดท้ายที่อินสวนต้องกลับบ้านเพื่อนๆพากันมายืนแอบอยู่ข้างกอไผ่สีสุกหน้าประตูบ้าน ทุกคนอาลัยอาวรณ์ที่เพื่อนชื่ออินสวนต้องจากไป...ครูเรียกให้ทุกคนออกมาหา บางคนก็เอามะขาม บางคนเอามะม่วงลูกเล็กๆมายื่นให้อินสวน มีของฝากจากเพื่อนๆมากมายนับไม่ถ้วน.......คนสุดท้ายที่เดินออกมาจากข้างกอไผ่คือเด็กหญิงแดง..เธอมาพร้อมกับห่อหมกไข่มดแดงที่ยื่นให้...เธอแอบมองอินสวนแบบอายๆแล้วมีหยดน้ำตารื้นขนตางอน...มันคงเป็นความรักที่บริสุทธิ์ของเด็กน้อย
อินสวนยังจดจำและตราตรึงจวบทุกวัน........วันนี้แดงพาลูกสาวมาหาหมอที่โรงพยาบาลลูกสาวของแดงหน้าตาเป็นพิมพ์เดียวกับแดงในตอนนั้น........อินสวนกลับมานั่งยิ้มในห้องทำงาน..ไม่รู้ว่าน้ำตาไหลออกมาแต่เมื่อไหร่...ใจอยากย้อนอดีตกลับไปบ้านหัวนาอีกจังเลย....				
6 มีนาคม 2550 17:07 น.

ลมร้อน

อินสวน

ลมร้อน

ลมร้อน....พัดกลับมาทักทายอีกแล้ว   ทำไมนะเจ้าลมร้อนจึงมีอิทธิพลมากมายก็ไม่รู้   ทั้งที่มีอะไรตั้งหลายอย่างที่เกิดขึ้นและผ่านเข้ามาในชีวิตของฉัน ไม่ว่าจะเป็นลมฝน ลมหนาว หรือเหตุการณ์ใดๆ  แต่ไม่เคยมีสิ่งไหนที่ทำให้ฉันหวั่นไหวได้เหมือนลมร้อน  นับว่าเป็นเรื่องแปลกอีกเช่นกันที่ชีวิตของฉันมักเจอกับเรื่องราวที่ฝังแน่นในความทรงจำ พบรัก อกหัก อ้างว้าง เดียวดายมีมากมายหลายรูปแบบ รวมทั้งเรื่องราวที่แปลกประหลาดโลดโผนต่างๆก็มักจะเข้ามาทักทายชีวิตฉันในช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาที่ลมร้อนพัดเข้ามาทักทาย    ใช่สิ..ก็เจ้าลมร้อนนี่ไงล่ะที่เป็นตัวบงการให้ฉันมานั่งคิดถึงเรื่องราวเก่าๆของตัวเองอย่างเดียวดายอยู่นี่ไง  ฉันมองไกลออกไปจากแพ กลางทะเลสาบ มองเห็นแต่ผืนน้ำริ้วคลื่นเล็กๆ ไกลสุดสายตา สุดขอบน้ำเป็นขอบฟ้าที่กลุ่มก้อนเมฆล่องลอยอยู่เหมือนจะตอกย้ำให้ฉันเดียวดายมากยิ่งขึ้น  ใครต่อใครหลายคนเวียนวนเข้ามาในความคิดคำนึงแต่ละคนอยู่ห่างไกลฉันเหลือเกิน  คงเป็นเพราะความร้ายกาจของฉันเองกระมังจึงทำให้ใครต่อใครไม่สามารถอยู่ข้างกายฉันได้   แล้วฉันก็ตกใจตื่นจากภวังค์.....มาคนเดียวแบบนี้ไม่เหงาหรือครับ................นี่ครับได้แล้วของที่สั่ง
ฉันหันมองหาที่มาของเสียงทักทาย  เด็กหนุ่มหน้าตาเกลี้ยงเกลาดูกร้านแดดอยู่นิดๆ  สวมเสื้อกล้ามสีดำมอๆกับกางเกงบอลสีเดียวกันเผยให้มองเห็นผิวกายที่ค่อนข้างคล้ำ เหงาสิ ....แต่ก็ชอบมาคนเดียว.......ขอบคุณนะฉันสนทนาโต้ตอบเพียงแค่นั้น ก็กลับมาให้ความใส่ใจกับอาหารและเครื่องดื่มที่เด็กหนุ่มนำมาเสิร์ฟ  แล้วเขาก็เดินออกไปตามทางเดินบนแพที่โคลงเคลง แต่ก็ยังอุตส่าห์ทิ้งท้ายว่า มีอะไรก็ตะโกนเรียกก็แล้วกันนะครับผมอยู่ใกล้ๆแถวนี้แหละ  ฉันมักหนีความวุ่นวายใจและจากสิ่งแวดล้อมมาที่นี่เสมอ  ยิ่งเป็นช่วงหน้าร้อนด้วยแล้วฉันก็ยิ่งต้องหลบลมร้อนมาเร้นกายอยู่ที่นี่  ......ทะเลสาบเหนือเขื่อนที่ค่อนข้างเงียบสงบ ก็อาจจะครึกโครมบ้างก็เพียงแค่เสียงเรือหางยาวที่มักแผดเสียงบางครั้งครา  ปีนี้ร้อนมากผิดจากปีก่อนๆฉันจึงต้องหอบสังขารที่ร่วงโรยมาที่นี่เกือบทุกวันหยุดสุดสัปดาห์  ทุกครั้งที่ฉันมาก็จะมีเด็กหนุ่มคนเดิมให้บริการอำนวยความสะดวก  บ่อยครั้งเข้าจึงได้ทราบว่า เขาชื่อเก่ง  ฉันจำได้ถึงเหตุการณ์วันนั้น  วันที่ฉันเมามายแล้วคิดถึงความหลังจนเผลอร้องไห้ บังเอิญที่เด็กหนุ่มเข้ามาหา....พี่ครับต้องการอะไรเพิ่มไหมครับ.......อ้าว..พี่ร้องไห้นี่ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ  ฉันรีบปาดน้ำตาทิ้ง เปล่าหรอก  คนมันเหงาน่ะ  พี่มักน้ำตาไหลแบบนี้แหละเวลาคิดถึงความหลัง  เด็กหนุ่มมองหน้าฉันคล้ายๆอยากจะเข้ามาช่วยเหลือ ฉันถามว่า เก่งหล่ะเคยเหงาบ้างมั๊ย  แล้วเคยร้องไห้บ้างรึเปล่า   เขาไม่ยอมตอบได้แต่ยิ้มยิงฟันขาว  ฉันมองแล้วรู้สึกได้ทันทีถึงความสดชื่นแจ่มใส เด็กอะไรฟันขาวเรียงเป็นระเบียบดีจังเลย  ฉันจึงแกล้งถามต่อ  ตกลงว่าไงล่ะ เคยรึไม่เคย เก่งตอบแบบประหม่าและซื่อๆว่า  ก็เคยนะครับ เคยเหงาคิดถึงแม่ มาอยู่นี่ตั้งแต่เล็กๆมากับพ่อ  พ่อมามีเมียใหม่อยู่ที่นี่ มาตั้งแต่อยู่โรงเรียนชั้น ป.๔ ยังไม่เคยเจอแม่เลยสักครั้งเดียว   ฉันนิ่งฟังพร้อมๆกับความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ดูสีหน้าของเก่งเปลี่ยนไป แววตาที่เคยเปล่งประกายเจิดจรัสดูวูบหมองไป  ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดคุยอะไรต่อ เด็กหนุ่มก็รีบพูดตัดบท  ไม่เอาละพูดอะไรก็ไม่รู้ ตกลงจะเอาอะไรเพิ่มไหมครับ  เดี๋ยวผมจะออกเรือไปขึ้นฝั่งเตะบอลกับเพื่อนซักหน่อย  แล้วผมจะรีบมาครับ    
	จากนั้นเป็นต้นมาฉันก็มีโอกาสได้พูดคุยกับ เก่ง ทุกครั้งที่ฉันมาที่นี่  จนกลายเป็นว่าทุกครั้งที่ฉันมาที่นี่ฉันจะต้องมองหาเขา  เรามักพูดคุยกันหลายเรื่องแม้เก่งจะเป็นเด็กบ้านนอกมีชีวิตอยู่แต่ในแพที่ห่างไกลแต่เก่งก็พูดคุยกับฉันได้ทุกเรื่อง  แม้บางเรื่องเก่งจะไม่เข้าใจและคุยตามประสาคนไม่รู้ แต่มันก็ดูซื่อๆน่ารักไร้เดียงสา  เก่งอายุ ๒๒ ปีดูยังเป็นเด็กที่น่ารักร่าเริงบางโอกาสแต่บางครั้งก็ดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัยอยู่เหมือนกัน  ผมอยากเป็นแบบพี่จังเลย  มีรถยนต์ขับ อยากมาเที่ยวเมื่อไหร่ก็มาได้ มีเงินใช้ และแต่งตัวทันสมัย  ฉันเคยชวนเล่นๆว่า  เอามั๊ยล่ะไปอยู่กับพี่ก็ได้เดี๋ยวพี่หางานให้ทำ  เก่งส่ายหน้าพร้อมกับทำหน้าตาเศร้าๆเนือยๆ ไม่ใช่ไม่อยากไปครับพี่แต่มันเป็นไปไม่ได้ หากผมไปใครจะอยู่กับพ่อ ช่วยพ่อต่อแพ ซ่อมแพ ยิ่งช่วงที่มีแขกเยอะๆจะยุ่งมาก    จากนั้นเรื่อยมาฉันก็จะวนเวียนเข้าไปที่นั่นอย่างสม่ำเสมอ  แม้ลมร้อนจะกลายเป็นลมฝนแล้วก็ตามที   ตั้งแต่ต้นที่วันจันทร์กว่าจะถึงวันเสาร์ ช่างยาวนานเหลือเกิน ฉันมักหงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผล แต่แท้ที่จริงแล้วฉันคอยเพื่อจะให้ถึงวันเสาร์ แล้วฉันจะได้ไปยังทะเลสาปแห่งนั้น ฉันให้เหตุผลกับตัวเองว่ามันคือสถานที่คลายเครียดสำหรับฉัน ฉันเหนื่อยมาทั้งสัปดาห์ย่อมต้องการที่จะพักผ่อน  ฉันไม่นึกเลยว่าครั้งนี้ จะเป็นการมาครั้งสุดท้ายของฉัน  เก่งเดินขึ้นมารับถึงที่จอดรถ  เก่งกล่าวสวัสดี ยกมือไหว้พร้อมๆกับดึงกระเป๋าของฉันขึ้นแบกไว้บนหลัง  ดูเก่งกระตือรือร้นกับการมาของฉันเสียจัง  ค้างสัก ๒-๓ คืน ได้ไหมครับ ช่วงนี้รู้สึกคิดถึงพี่จังเลยครับ  ฉันฟังแล้วใจมันกระชุ่มกระชวยดีจังกลบเกลื่อนความดีใจว่า จะบ้ารึแค่คืนเดียวก็จะแย่แล้วงานกองรออยู่เต็มโต๊ะเลยแหละ บ่ายวันนั้นเก่งกับฉันสนุกสนานเหลือเกินกับการว่ายน้ำแข่งกันบ้าง งัดข้อแข่งกันบ้าง เก่งไม่เคยร้องเพลงให้ฉันฟังก็มาร้องในคราวนี้  แล้วจู่ๆเก่งก็มีทีท่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างกระทันหัน เพียงแค่มีเรือหางยาวผ่านมาบนเรือมีผู้หญิงวัยกลางคนและเด็กสาวหน้าตาธรรมดาๆคนหนึ่ง  ฉันถามว่า เป็นอะไรรึเปล่าเก่ง  ทำไมเงียบไปละ เก่งหันมาจ้องหน้าฉัน ก็ดีเหมือนกันที่พี่ถามผมมีเรื่องกลุ้มใจมากๆที่อยากจะปรึกษา อยู่พอดี  เก่งดูมีสีหน้าจริงจังมากขึ้นแววตาดูหมองๆเศร้าๆ  มีอะไรก็ว่ามาสิ พี่ยินดีรับฟังนะ พูดมาเถอะ  เก่งนิ่งไปชั่วครู่แต่ก็นานสำหรับฉัน  ไม่เอาไม่พูดแล้ว  ไม่มีอะไรหรอก เก่งพูดปัดออกนอกประเด็น  แต่ฉันคิดว่าต้องมีอะไรอย่างแน่นอน แต่เก่งก็ไม่ยอมพูดอะไรอีกเลยเกี่ยวกับเรื่องนั้น จนวันรุ่งขึ้นเก่งแบกกระเป๋าขึ้นมาส่งฉันที่รถ ก่อนฉันจะก้าวขึ้นรถ เก่งซึ่งยืนส่งอยู่ก็เอื้อมมือมาจับมือฉัน  พี่ครับพี่จะมาที่นี่อีกไหมครับ  เก่งถามแปลกเสียงก็เครือๆพิกล ทำไมถามพี่แบบนี้ล่ะ หรือไม่อยากให้พี่มาที่นี่อีก  ..........เปล่าครับผมเพียงแต่เกรงว่าพี่มาแล้วอาจจะไม่เจอหน้าผม  ฉันรู้สึกหวั่นใจนิดๆรุกถามกลับไปว่า แล้วเก่งจะไปไหน  ทำไมพี่ถึงจะมาไม่เจอล่ะ  เก่งอึกอักไม่ตอบคำถามเราต่างคนต่างนิ่งไปนาน แล้วเก่งก็พูดขึ้นมาว่า ถ้าพี่บางครั้งอาจไม่เจอผมเพราะผมจะไปอยู่แพฟากทางโน้น  เก่งชี้มือออกไปอีกฟากหนึ่งของทะเลสาป  แล้วเก่งก็รีบพูดต่อ พ่อผมจะให้ผมแต่งเมียอีกไม่กี่วันนี้แล้วครับ ก็ผู้หญิงคนนั้นแหละคนที่พี่เห็นขับเรือผ่านมากับแม่ของเขาเมื่อวานไงครับ  ฉันมึนตึ๊บบนศีรษะ พูดอะไรไม่ออกคิดอะไรไม่ออก มีแต่เสียงของเก่งพูดต่อ ผมไม่ชอบเขาเลยพี่ดำก็ดำพูดมากอีกด้วย เอาเป็นว่าทุกๆวันเสาร์ผมจะหาเรื่องข้ามฟากมาคุยกับพี่ก็แล้วกัน  ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าขับรถออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ คำพูดสุดท้ายที่ร่ำลาเก่งคืออะไร  ฉันเหงาจับใจ   อ้างว้างเหมือนไม่มีใครในชีวิต ขอให้เธอโชคดีนะเก่ง  ฉันคงจะไม่มาที่นี่อีกไม่รู้จะมาหาใคร รอปีหน้าถ้าลมร้อนกลับมาเยือนอีกสักครั้งฉันจะยังเจ็บปวดและอ้างว้างอยู่หรือเปล่าแล้วฉันอาจจะกลับมาเล่าให้เธอฟัง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอินสวน
Lovings  อินสวน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอินสวน
Lovings  อินสวน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอินสวน
Lovings  อินสวน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอินสวน