25 เมษายน 2549 01:48 น.

จงฟังเสียงเหล่าสิ่งมีชีวิต

เจรนัย

จงฟังเสียงเหล่าสิ่งมีชีวิต...
ผู้มีสิทธิ์บนแผ่นดินถิ่นฐาน
เป็นเผ่าพันธุ์สรรค์สร้างมานมนาน
คือวิญญาณสานต่อค้ำแผ่นดิน

     จงฝันเสียงเหล่าสิ่งมีชีวิต...
ที่ดวงจิตแกร่งกล้าดั่งผาหิน
อุดมการณ์ที่รักจะโผบิน
ไปยังถิ่งห่างร้างพัฒนา

     จงฟังเสียงเหล่าสิ่งมีชีวิต...
ปัญญาชนผู้คิดหวนรักษา
สร้างตำนานสามัคคีและศรัทธา
เผากิเลสที่บ้าจนอัปปรีย์

     จนฟังเสียงเหล่าสิ่งมีชีวิต...
ใจกายจิตเลอค่าเด่นราศี
มีพลังสันติธรรมนำวิธี
นำสังคมทางดีตลอดไป

     จงฟังเสียงเหล่าสิ่งมีชีวิต...
ที่ลิขิตด้วยชะตาอันยิ่งใหญ่
ต่างร้องขอความชอบธรรมอันอำไพ
ให้มวลชนรู้ไว้...ว่ายังมี				
24 เมษายน 2549 16:43 น.

บ้านหลังนี้...

เจรนัย

เจ้าเหมียวนอนหลับบนพรมเช็ดเท้า
ไอ้ด่างเห่าแกล้งเด็กที่ในสวน
บานหน้าต่างใช้สอยห้อยกระพรวน
พอลมหวนพัดโดนก็ไหวดัง
     รั้วไม้ไผ่ไม้เลื้อยขึ้นพันซ้อน
ยอดตำลึงอ่อนอ่อนเก็บแกงมั่ง
เสื้อผ้ากองรวมในกาละมัง
วางไว้หลังบ้านมีที่ซักไป
     บันไดเรือนช่างเหมือนบันไดเศร้า
เป็นไม้เก่าสร้างมาหลายสมัย
มีระเบียงทำด้วยไม้ยื่นออกไป
ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่แต่ดูดี
     บ้านหลังนี้มีอยู่ด้วยสองชั้น
 ที่นอนฉันอยู่ชั้นสองดูผ่องศรี
มีวิวเป็นสวนทิวกล้วยตานี
ลมพัดทีเย็นจิตสถิตอนันต์
     ถึงเป็นไม้แต่ใช้ได้ถึงปานนี้
ช่วงชีวีร่วมทุกข์และสุขสันต์
บ้านหลังนี้แม้ไม่สวยรวยแพรวพรรณ
แต่ก็รักเท่าชีวันเจ้าเพื่อนเกลอ				
24 เมษายน 2549 02:36 น.

น้ำค้างแข็งบนยอดหญ้า

เจรนัย

ยอดดอยบนภูผาเมื่อหน้าหนาว
สายหมอกคราวเหมันต์ดูหรรษา
กอหญ้าเด่นชูชื่นคืนทิวา
น้ำค้างแข็งเด่นตาน่ารื่นรมณ์
     เป็นลายขาวพราวเด่นบนยอดหญ้า
ให้ชื่นจิตเริงตาน่าสุขสม
เพียงได้ต้องแดดเช้าเย้าอารมณ์
จิตระทมศิลป์มลายหายกับตา
     เพียงได้เห็นสักครั้งในชีวิต
ราวกับจิตหมดสิ้นสิ่งถวิลหา
มนุษย์เราแค่นี้เป็นบุญตา
ธรรมชาติเจ้าเลอค่ากว่าใดเทียม				
23 เมษายน 2549 22:49 น.

กิจวัตรของเจ้าหมา(ข้างบ้าน)

เจรนัย

ใกล้เช้าแล้วทำไงดีเจ้าหมาน้อย
เดินเหงาหงอยสะลึมสะลือจะไปไหน
มายืนรออยู่หน้าบ้านก่อนใครใคร
อะ...นั่นไงหนังสือพิมพ์อยู่นี่เอง
     เลยคาบมากะว่าให้นายอ่าน
แต่ดันบานประตูปิด ชีวิตเอ๋ง
มันเลยลองตะกรุยเท้าให้เป้นเพลง
เคาะประตู "กูตื่นเอง...ปลุกทำไม"(เสียงนาย ฮิๆๆ)
     ตอนสายหน่อยวันนี้นายไม่อยู่
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปไหน
เห็นว่านายนั่งรถคนนั้นไป
ไม่พอใจยังไม่ฉี่รดล้อเลย
     มาเกือบเที่ยงเริ่มหิวทำไงดี
เข้าครัวซิมีกินอย่างเปิดเผย
นายให้ข้าวไว้ในชามวางไว้เลย
อ้าวไหนเฮ้ย...นายลืมเซ็งเลยตู
     เข้าบ่ายแล้วหิวก็หิวนายใจร้าย
ทำเราได้เดี๋ยวจะหอนให้หนวกหู
ไปเดินเที่ยวหน้าปากซอยดีกว่าตู
ไปจีบหนูหมาพุดเดิ้นเพลินสุขใจ
     ไงจ้ะน้องเดินคนเดียวเหนื่อยไหมจ้ะ
ไม่เหนื่อยจ้ะ พี่ล่ะคะเหนื่อยบ้างไหม
ไม่เหนื่อยหรอกน้องพุดเดิ้นยอดดวงใจ
"น่าหมั่นไส้ มึงทำไร ไอ้หมาเวร"(เสียงนายของน้องพุดเดิ้นอะ)
     หลบบาทาฟรีคิกสับขาหลอน
เล่นเอาหอบกลับถึงบ้านกันเห็นเห็น
ดูเวลานายใกล้กลับ เย้...ข้าวเย็น
ยืนให้เห้นหน้าบ้านเลยล่ะกัน
     นายมาแล้วโยนน่องไก่ โดดรับปั๊บ
อร่อยนักน่องไก่ร้านไหนนั่น
กินให้เรียบไม่มีเหลือเห็นเป็นอัน
แล้วเล่นกันกับนายหน่อยแก้เบื่อดี
ยามกลางคืนก็ไม่ลืมหอนคานรับ
อย่างลับๆระงมกันทั่วซอยสี่
ชาวบ้านต่างหยิบรองเท้าเล็งดีๆ
เขวี้ยงใส่สิ โอ้ยเจ็บ โดนหัวตู
     แล้วนอนหลับสบายลงในบ้านหมา
ที่สร้างมาด้วยไม้อย่างสวยหรู
ชีวิตหมาน่ารักน่าเอ็นดู
หมาอย่างตูดุไม่เป็นเป็นแต่เลีย (เลียปาก อิๆๆ)
     

ปล. หมาตัวนี้เป็นเพศผู้อยู่ข้างบ้านมีชื่อว่าเจ้าแรมโบ้ พันธุ์โกเด้นรีฟิเวอร์เด้อครับ...				
22 เมษายน 2549 12:47 น.

...ความฝัน...ความเหงา...ความรัก...

เจรนัย

อีกหนึ่งของความฝัน
ในหนึ่งวันที่แสนเหงา
รู้ซึ้งถึงความเศร้า
ที่โลมเล้าแนบกายา
     อยากหลับให้สนิท
แต่ใจคิดวิตกหนา
เรื่องราวที่เป็นมา
กลับเปลี่ยนค่าเป็นหลังมือ
     ตัวเธอแค่เดินสวน
ไม่น่าควรจะยึดถือ
แต่รักเป็นสิ่งคือ
ที่ยึดยื้อและฉุดรั้ง
     ตอนนี้ก็คงจบ
ไม่ประสบอย่างหนหลัง
เราสองต่างไม่ฟัง
เกินกำลังจะอดทน
     คิดดูเอาเองเทอญ
สิ่งใดเกิดเป็นเหตุผล
ความรักแค่ต้องมนต์
อยู่ที่คนจักต้องการ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจรนัย
Lovings  เจรนัย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจรนัย
Lovings  เจรนัย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจรนัย
Lovings  เจรนัย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเจรนัย