18 กุมภาพันธ์ 2554 23:49 น.

ใยแมงมุม

เปลวเพลิง

ผีเสื้อน้อยโผผินบินรำร่าย  	
ชมรุ้งพรายสายหมอกชมดอกหญ้า
อวดแพรปีกงามวับระยับตา  	
หวังกอดฟ้าจูบลมห่มเมฆินทร์

ล้อลมไหวไปเรื่อยอย่างเฉื่อยฉิว  
ลัดทุ่งทิวผ่านป่าภูผาหิน
ไม่ระวังละเลยเช่นเคยชิน 		
เจ้าจึงบินสู่ข่ายใยแมงมุม

สุดจะดิ้นจะรนพาตนรอด	
รอความมอดม้วยตามย่างสามขุม
แมงมุมพุ่งตรงขยับเข้าจับกุม
แล้วห่อหุ้มด้วยไหมจากในตัว
		
เฉกโลกมากมีภัยกว่าใครคิด
พร้อมปลิดชีพชีวิตทุกทิศทั่ว
ที่สวยแสงอาจแฝงแรงน่ากลัว   
พร้อมรุกรัวให้ดับชั่วกัปกัลป์
		
รู้ระวังตนไว้ไม่ประมาท	
แม้ก้าวพลาดก็ไม่ถึงซึ่งอาสัญ
แต่หากเหลิงลืมหวงดวงชีวัน	
ผิดพลั้งพลันอาจติดไหมใยแมงมุม				
9 ตุลาคม 2556 22:14 น.

ยังคงคิดถึง

เปลวเพลิง

สายธาราไหลหลั่งไม่ยั้งหยุด	
เปรียบประดุจล้อกาลหมุนผ่านผัน
มุ่งรุดหน้าไม่หวนทวนคืนวัน
ไม่ย้อนรับกลับหันสักวันเลย

แรกได้เรียนได้รักรู้จักมิตร		
ต่างรั้วขอบรอบทิศชีวิตเอ๋ย
วาดสีสันแต่งชีวางามกว่าเคย
ใจจึงเผยไมตรีไม่รีรอ

สิ่งใดถักรักเราเข้าหนาแน่น	
ผูกและพันฟั่นแฟ้นจึงเติมต่อ
ใครปลูกดอกไม้ใจพิไลลออ	
ขึ้นแตกกอขาวกระจ่างอยู่กลางใจ

เราไม่ได้พบกันนานนักแล้ว
เพื่อนยังแจ้วเจื้อยจ้อคุยปร๋อไหม
กายแข็งแรงมีสุขดีหรือมีภัย	
บอกกล่าวให้หายห่วง-จากทรวงเรา

ยังคิดถึงซึ้งจิตนะมิตรรัก	
หวังพบพักตร์สักคราเวลาเศร้า
เพื่อหัวเราะเริงใจเช่นวัยเยาว์
อยากย้อนวันคือเก่าเรากลับมา

คงรอคอยวันหน้าจะมาถึง	
วันที่ซึ่งเราทั้งหลายจะไปหา
รอยรูปจำทั้งเพของเวลา	
ยังประทับจับตามิรู้ลืม



ปล.คิดถึงเพื่อนเก่า ตอนอยู่ ม.ปลายมากๆ				
9 ตุลาคม 2556 22:04 น.

ต้นไทย

เปลวเพลิง

ยืนต้นผ่านกาลเคลื่อนดาวเดือนดับ
เนิ่นนานนับฟ้าดินถึงสิ้นสูญ
แผ่ก้านกิ่งทิ้งใบคล้ายอาดูร
ครั้งเกื้อกูลคนเอื้อแผ่เผื่อกัน

แต่ก่อนวัดทัศนาคนคลาคล่ำ
ได้ดื่มด่ำเทศนาพาดับขันธ์
ดับรุ่มร้อนเรือนกายอยู่รายวัน
พระธรรมจรรโลงให้ใจร่มเย็น

ประเพณีมีค่าน่าชมชื่น
ต่างครึกครื้นนานาการละเล่น
ผู้ร่วมงานมิเบาบางมิว่างเว้น
ร้อยรวมเป็นเกลียวเเกร่งแรงศรัทธา

ไฉนบัดนี้คนกลับร้างวัด
พระก็ผลัดบวชไม่ถึงหนึ่งพรรษา
ประเพณีค่อยเลือนลับลงกับตา
เสียงเฮฮาถูกความเงียบลงเสียบแทน

อนิจจา!  มรดกที่ตกทอด
คงต้องวอดวายเสีย-ละเหี่ยแสน
อนุชนคนรุ่นหลังนั่งดูแคลน
ชื่นชมของต่างแดนแสนเศร้าใจ

อยากแผ่ร่มเงาไม้อันไพศาล
ไปปกบ้านปกเมืองเรืองสมัย
ให้คนรักษ์วัดวาอารามไทย
และรักษ์ในประเพณีอันดีงาม

ยืนต้นผ่านกาลเคลื่อนดาวเดือนดับ
หวังผลลัพธ์คือลูกไทยไม่มองข้าม
ปลูกต้นไทยให้คงอยู่คู่เขตคาม
เพื่อผลิความวามจำรัสพิพัฒน์ไทย				
15 กุมภาพันธ์ 2554 00:17 น.

นอนเถิดนอน

เปลวเพลิง

เพื่อนเอย
เอนกายลงตรงเขนยที่เคยหนุน
ค่ำคืนนี้เดือนดาวพราวละมุน
ฟ้าโอบอุ่นอ้อมแขนแทนแพรพรรณ

นอนเถิดนอนนอนลงที่ตรงนี้
รับไมตรีวาววับแล้วหลับฝัน
สู่แดนทิพย์วิมานสะอ้านครัน
สู่คืนวันที่ไร้ภัยรุนแรง

ชมดอกไม้ในสวนอวลอบกลิ่น
ปรุงประทิ่นดินให้ไม่ระแหง
ชมทุ่งนาสีทองครองทุกแปลง
ชมบัวแต่งก้านกวัดกระบัดใบ

วางภาระระหว่างทางสายเก่า
วางหน้าที่ที่เฝ้าเอาใจใส่
วางทุกข์เข้มเต็มข้นให้พ้นไป
พักกายใจให้ผ่อนนอนนิทรา

รอวันพรุ่งรุ่งรวีที่เฉิดฉาย
มาทักทายยิ้มรับกับโลกหล้า
รอเรี่ยวแรงหวังใหม่ให้กลับมา
เพื่อเผชิญเบื้องหน้าอันทารุณ

เพื่อนเอย
เอนกายลงตรงเขนยที่เคยหนุน
ค่ำคืนนี้เดือนดาวพราวละมุน
จะโอบอุ่นอ้อมขวัญให้ฝันดี


ปล.ขอให้ทุกคนนอนหลับฝันดีครับ				
14 กุมภาพันธ์ 2554 01:04 น.

เนื่องในวันแห่งความรัก

เปลวเพลิง

โลกจะแสนงดงามด้วยความหมาย
เมื่อรักแย้มแต้มพรายใจคนทั่ว
ที่ปริ่มหมองครองทุกข์รานรุกตัว
คงลบมัวหม่นหมางให้ห่างลา

 เมื่อวันแห่งความรักมาทักท้วง
ในห้องทรวงก็คงพะวงหา
ถามถึงรักจากผู้อยู่ไกลตา
ที่ลอยลมฝากมากับฟ้าไกล

 เราคนโสดหทัยยังไร้ผู้
มาแนบคู่เคียงจิตพิสมัย
คงขอมอบรักห้วงแห่งดวงใจ
ลงปักแนบแอบไว้ให้ทุกคน

 มอบแด่ครอบครัวอันสุขสันต์ยิ่ง
มอบแด่มิ่งมิตรสหายสุดไพรสณฑ์
มอบแด่สัตว์ร่วมโลกาในสากล
มอบแด่ตนเพื่อเพิ่มเสริมแรงใจ

 มอบแด่ดินโอบอุ้มคุ้มเรือนเหย้า
มอบแด่ข้าวเลี้ยงเราจนเติบใหญ่
มอบแด่ชาติ ศาสนา ทุกคราไป
มอบแด่ไท้จอมกษัตริย์ขัตติยา

 โลกจะแสนงดงามด้วยความหมาย
ยามรักฉายอาบชนบนแหล่งหล้า
พรมแดนกั้นใดใดไร้ฤทธา
เพราะมนต์รักล้ำค่าสถาพร

 ครั้นวันแห่งความรักยิ้มทักทาย
จึงหญิงชายสุขโขสโมสร
เราขอมอบไพรำแห่งคำกลอน
แทนเพลงพรกล่อมตัวกล่อมหัวใจ


ปล.ขอให้ทุกท่านมีความสุขในวันแห่งความรักครับ				
ไม่มีข้อความส่งถึงเปลวเพลิง