ลุ่มลึกอิสราวดี 2

แก้วประเสริฐ


        ลุ่มลึกอิสราวดี  2
     ชายหนุ่มจ้องมองฟังเสียงสนทนาระหว่างแม่ทัพกับนายกอง 
ก็ให้คิดด้วยความอยากรู้ว่า   ใครกันนะที่ทั้งสองได้พยายามค้น
หามาตั้งนมนานแล้ว  เขาคอยจนกระทั้งขบวนทั้งหมดได้เลยไป
จนลับตา    จึงยืนขึ้นบิดตัวเองด้วยความปวดเมื่อย   แล้วหันตัว
กลับหวังจะคืนสู่ที่พัก    
        แต่แล้วเขาต้องเบิ่งตาด้วยความตกใจ
ทางที่เขาเคยเดินมาสู่ที่นี้กลับเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม  ทางเส้น
เดิมหายไปหมด   คงเหลือเพียงแนวป่าและขุนเขาดำทะมึน
เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์  เขาขยี้ตาตัวเองนึกว่าเขานัยน์ตา
เพี้ยนไป   พร้อมทั้งหันรีซ้ายทีขวาทีเพื่อให้แน่ใจว่าเขามิได้มอง
ผิดเพี้ยนไปและหยิกเนื้อตัวเองก็รู้สึกว่าเจ็บ    ด้วยความตกใจจึง
ร้องอุทานออกมา
     “เฮ้ๆ!!!...อะไรกัน...ทำไมถึงเกิดพิสดารอะไรเช่นนี้...?????
     “แล้วเราจะกลับที่พักได้อย่างไรกัน มันช่างเปลี่ยนแปลงเสีย
หมด”  ชายหนุ่มร้องเสียงหลงค่อนข้างดังด้วยความตกใจแทบ
สุดขีด  ด้วยความไม่เชื่อนึกว่าสายตาหลอน   จึงได้เดินเข้าไปยัง
แนวขุนเขา พลางเอื้อมมือไปหมายเด็ดใบไม้ที่ดูแปลกตานัก
      “เอ๊ะ????....มันเป็นจริงนี่หว่า....???? “  ชายหนุ่มอุทานเสียหลง
      “ตายล่ะหวา  พรุ่งนี้ก็นัดเขามารับงานแล้ว จะทำอย่างไรดี
นี่กับมีเหตุการณ์ประหลาดมาขวางทางเดินกลับเสียหมด
แล้วหนทางเดิมไปไหนหมดล่ะ” ชายหนุ่มรำพึงในใจ
     ด้วยความไม่เชื่อในสายตา จึงได้ยกมือขึ้นหยิกเนื้อที่ใบหน้า
ด้วยความแรง
    “อุ้ยๆ...???   เจ็บนี่หวา   ทั้งหมดนี้ก็เป็นจริงซิ”
     ชายหนุ่มตะลึงถึงกับขาอ่อน ทรุดร่างลงกับพื้น
     “แล้วเราจะกลับได้อย่างไรกัน ในเมื่อมีภูเขาขึ้นเรียงราย ส่วน
ด้านหลังก็เป็นแม่น้ำสายใหญ่กว้างขวางนัก   โอ้ยๆๆ???? ปวดหัว
จัง”  ชายหนุ่มถึงกับกุมศีรษะ
     “แล้วเราจะทำอย่างไรดี   หรือว่าหากพ้นภูเขาที่ขวางหน้าไปอาจ
จะพบทางกลับได้กระมัง  “  เขาคิดรำพึงรำพันกับตัวเอง
     “เอาล่ะอะไรจะเกิดให้มันเกิดไป เดี๋ยวฟ้าสางพระอาทิตย์ขึ้นอาจจะ
เปลี่ยนแปลงก็ได้”  ชายหนุ่มคิดแต่ก็ไม่วายคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่
ถึงการแต่งกายแปลกๆ  ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ฝูงม้ามันมาจากไหน
คนก็ยังใช้ดาบ หอก ธนู กันอยู่   ยุคเรามันหมดไปนานแล้วนี่นา เขา
ใช้ปืนกันหมดแล้ว  เฮ้!!!!...เราประสาทหลอนหรือเปล่านะ
     ชายหนุ่มนั่ง งุนงง ต่อเหตุการณ์เหล่านี้  
     สักครู่ดูเหมือนเขาจะตัดใจได้แล้ว  จึงล้มตัวนอนคอยฟ้าสางพระอาทิตย์
มาบ่งบอกเหตุการณ์อีกครั้งหนึ่ง   เขาหลับตาและคิดว่าหากหลับไปอีกที
เมื่อตื่นขึ้นมาก็คงเข้าสู่สภาวะเดิม  ทุกอย่างก็คงจะหมดสิ้นไปแหละ เขาคิด
     แล้วเขาก็ผล๊อยหลับไปอีกครั้ง  ก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงนกร้องเจื่อน
แจ้ว    เสมือนเรียกพวกพ้องให้หากินอาหาร
     พระอาทิตย์เริ่มทอแสงยามเช้าตรู่  อากาศช่างสดใสยิ่งนัก เขานอนมอง
พระอาทิตย์สีแดงกลมโต กำลังโผล่ขึ้นขอบฟ้า ส่งแสงอ่อนๆระยิบระยับ
กับผิวน้ำที่เป็นระลอกคลื่นน้อยๆ ความงามของธรรมชาติเขาหาได้สนใจ
อีกแล้ว พลางตวัดร่างให้ลุกขึ้นฉับพลันรีบหันไปมองทางด้านเบื้องหลัง
ทันที
     “อุบ๊ะ!!!!...????.....เฮ้ๆๆ....ทำไมไม่หายไป แล้วทางกลับที่พักเราล่ะ
หายไปไหนหมด  เมื่อเขาจ้องมองก็แลเห็นเป็นภาพภูเขาหลายลูกซ้อนๆกัน
และเต็มไปด้วยป่าดงดิบรกชัฏตลอดแนวทางคู่ขนานไปกับสายน้ำอิสราวดี
    ชายหนุ่มเกาศีรษะ แกรกๆๆ
     พร้อมร้องลั่น  
     “เฮ้ยๆๆ...เปลี่ยนเหมือนเดิมซิๆๆ เขาตะโกนซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ทว่าก็ยังคง
สภาพเดิมคือภูเขาป่าอยู่นั่นเอง
     ชายหนุ่มทรุดกายลงอีกครั้ง พร้อมยกมือทั้งสองขึ้นกุมศีรษะทันที พร้อม
หลับตาพริ้ม  ใจหวังว่าหากลืมตาคราวนี้คงจะมีอะไรๆดีขึ้นบ้าง เขาไม่กล้า
จะลืมตา คงปล่อยเวลาผ่านไปๆ  จนรู้สึกว่าท้องเริ่มจะร้องเพื่อให้อาหารใส่
ลงท้องคลายความหิว
    คราวนี้ชายหนุ่มภาวนาในใจ “เพี้ยง” ขอให้เหมือนเดิมนะ  พอเขาลืมสายตา
ก็พบสภาพเดิมคือขุนเขาแมกไม้  เหมือนเดิมจริงๆแต่ไม่เหมือนเก่า
     “โถๆๆ...อุตส่าห์อ้อนวอนภาวนาขอให้เหมือนเดิม ก็เหมือนเดิมจริงๆแหละ
พร้อมยกมือขึ้นเขกศีรษะ   คิดว่าไม่น่าเล๊ยหากขอให้เหมือนเก่าก็จะดีนะรำพึง
รำพันคนเดียว   ช่างเถอะในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้เห็นทีต้องยอมรับสภาพ
ล่ะว๊ะ เขาคิด
     อะไรเกิดก็ให้มันเกิดไป โลกมันพิสดารเองนี่หว่า อดีตปล่อยมันไว้ก่อนเอา
ปัจจุบันนี้ดีกว่า เอ๊ะแล้วเราจะทำอะไรได้  หากเจอพวกนั้นเขาใช้ดาบกันเราเอง
ไม่เคยใช้ดาบต่อสู้กับใคร  นอกจากฝึกจากโรงเรียนพอสังเขปในเรื่องการใช้ดาบ
กระบี่กระบอง  ก็เอาเพียงแค่สอบผ่านๆเท่านั้นหาได้สนใจจริงจังไม่  แต่เมื่อเกิด
เหตุการณ์เช่นนี้   แล้วทุกๆคนใช้มีด ใช้ดาบ ใช้หอก ใช้ธนู สำหรับธนูเขาไม่เป็น
เอาเสียเลย   แล้วจะต่อสู้กับพวกเขาได้หรือ เขามาคิดและนึกทบทวนวิชาความรู้
ที่เคยร่ำเรียนมา จริงอยู่ถึงแม้ว่าเขาจะสอบผ่านได้อันดับดีๆก็ตามแต่นั่นเป็นแค่
ความรู้เบื้องต้นและหาได้จริงๆจังๆใดไม่
    ชายหนุ่มเมื่อตัดใจได้แล้ว ก็ออกเดินทางไปยังริมแม่น้ำ เพื่อชำระร่างกายแปรงฟัน
เขาไม่มีแปรงฟัน จึงใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางแทนแปรงสีฟันแทน   อ้าวๆๆๆ????
แล้วเราจะอาบน้ำอย่างไร   เสื้อผ้าก็มีชุดเดียวนี้กับผ้าคาดเองอีกผืนหนึ่งเท่านั้น
เห็นทีจะต้องเป็นชีเปลือยเสียแล้วเรา เขาคิด พลางหันซ้ายและขวาว่าจะมีใครอยู่
หรือเปล่า    เมื่อแน่ใจแล้วว่าสถานที่เขาอยู่นี้ปราศจากผู้คน  จึงได้จัดการถอดเสื้อผ้า
กางเกงขาก๊วยออก  แล้วกระโจนลงยังแม่น้ำทันที
     “โอ้วๆ???...มันช่างเย็นสบายจัง น้ำก็ใสสะอาดยังกับน้ำประปาในบ้านเรา ด้วย
ความหิวเขาจึงได้วักน้ำขึ้นดื่มแทนอาหารไปก่อน 
   อืมม????...เหมือนน้ำประปาในบ้านเราจริงๆแหละ  เขารีบกระวนกระวายอาบน้ำ
โดยรวดเร็ว ด้วยกลัวคนอื่นจะเข้ามาเห็นยามที่เขาเป็นชีเปลือยอยู่   หลังจากอาบน้ำ
เสร็จความสดชื่นได้เข้ามาสู่อีกครั้งหนึ่ง   เขาเลือกก้อนหินขนาดย่อมนั่งคิด หาหน
ทางจะกลับที่พักและคิดถึงอนาคตต่อไปหาก สภาพสิ่งแวดล้อมนี้ยังคงสภาพเดิม
      บัดดลหูเขาแว่วเสียงม้าร้องและฝูงม้ากำลังควบมาทางเขา   ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นวิ่ง
เข้าไปยังป่าที่ใกล้ที่สุดและหาต้นไม้แอบซุกซ่อนตัว  รอเพื่อให้ฝูงม้าได้เลยพ้นผ่านไป
เหมือนแกล้งชายหนุ่มคิด  ฝูงม้าเหล่านั้นหยุดลงยังบริเวณที่เขาใช้อาบน้ำเมื่อกี้นี้ เขา
มองเห็นที่เรียกว่าผู้กอง   ได้ลงจากหลังม้าแล้วเดินไปยังก้อนหินที่เขานั่ง พลางเอื้อมมือ
เข้าไปแตะก้อนหินนั้น เขาลูบคลำพร้อมยกขึ้นแตะจมูก
     “อะไรหว่า????.... คิดชายหนุ่มคิดเขาทำอะไรอยู่
    ทันใดนั้นเขาเห็นผู้กองหันมาสั่งทหารให้ไปตามแม่ทัพมาดู ด้วยน้ำเสียงดังลั่น
ทหารเมื่อได้รับคำสั่งก็ขึ้นม้าแล้วขี่ออกไป   สักครู่ก็ปรากฏร่างของแม่ทัพพร้อมเสลี่ยง
เข้ามาและลงจากเสลี่ยงเดินเข้ามาหานายทหารคนนั้น
      “อะไรหรือท่านเหมี่ยวนรธา”  ท่านแม่ทัพถาม
      “เรียนท่านแม่ทัพ   ข้าเห็นแสงกระทบกับน้ำบนหินก้อนนี้ก็เกิดสงสัย จึงเข้ามาดูก็
เห็นรอยเปียกน้ำ  แสดงว่ามีคนอยู่แถวๆนี้และพึ่งอาบน้ำเสร็จขอรับท่าน”
      ท่านแม่ทัพก็รีบไปยังก้อนหินนั้นแล้วยกมือขึ้นลูบคลำทันที่เพลางเอ่ยขึ้น
     “ใช่แล้วท่านเหมี่ยวนรธาแม่กอง   ไม่ผิดหรอกต้องมีคนอยู่แถวนี้  แต่ทว่าถิ่นแถวนี้ไม่
มีคนอาศัยอยู่เลยนี่นา เราเองก็เที่ยวค้นหาทุกซอกมุมแล้วไม่มีหมู่บ้านสักหลังเดียว
     “ขอรับท่านแม่ทัพ  ข้าเองก็เที่ยวค้นหาดุจเดียวกันก็ยังไม่พบใครสักคน สงสัยว่าสาย
ของพระแม่เจ้าคงจะเจอแต่ไม่กล้าเข้าทำการจับกุม เกรงจะขัดต่อเบื้องบนจึงเพียงแค่
รีบกลับมารายงานเท่านั้นเองขอรับ”
     “นั่นซิท่านนายกอง  เราเองก็คิดเช่นเดียวกับท่านแหละ  อ้อ!!!...เราได้รับสาสน์
จากพระแม่เจ้าแล้วว่า ให้รีบกลับวังด่วน   เหตุการณ์ทางนี้ให้วางมือก่อนแล้วหา
ทางที่หลัง  พระองค์จะทรงปรึกษาข้อราชการแก่เราสอง   ฉะนั้นท่านรีบจัดการ
ทหารให้เดินทาง  อ้อๆ...แต่พระองค์สั่งไว้ว่าให้พวกเราทั้งหมดพลางตัวกลับอย่า
ให้กระโตกกระตากเป็นที่จับได้ของคนอื่นนะ”
     “ข้าเองก็สงสัยว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีภายในเสียแล้ว  พวกเรารีบกลับและบอก
ทหารให้พลางตัวดุจพ่อค้าและชาวบ้านอาวุธยุทโธปกรณ์ให้นำไปเท่าที่นำไปได้
หากเกะกะมากให้หาที่ซ่อนแล้วทำเครื่องหมายไว้ อาจจะย้อนนำมาใช้ได้อีกนะ”
      “ขอรับท่านแม่ทัพ ข้าจะจัดการเดี๋ยวนี้แหละ”
      หลังจากนั้นนายกองผู้ชาญฉลาดก็จัดการเรียกประชุมเหล่าทัพทันที โดยแจ้ง
เรื่องราวบางอย่างให้ทหารทุกๆคนทราบ ส่วนม้านั้น ได้จัดทหารส่วนหนึ่งรักษา
ไว้   ทหารส่วนใหญ่ให้เดินเท้าไป แยกย้ายกันให้ไปพบที่ตลาดใหญ่แล้วซื้อเสื้อผ้า
แต่งกายพลางสภาพทหารให้หมดสิ้น พร้อมทั้งจัดแยกมวลทหาร ออกเป็นหมวด
หมู่ พร้อมทั้งแจงสัญญาลักษณ์ประจำหน่วยไว้ หากเห็นเครื่องหมายในที่ชุมนุมชน
ของเราและท่านแม่ทัพ   ก็ให้รีบแจ้งข่าวแก่พวกเราทั้งหมด
ก็ให้มารวมตัวกันพร้อมอาวุธต่างๆ อย่าให้เป็นพิรุธสงสัยแก่เหล่าทหารในเมืองได้
เป็นอันขาด หากผู้ใดฝ่าฝืนให้ลงโทษตามแต่สานุโทษได้ทันที ความรับผิดชอบให้
เป็นหน้าที่ของหมวดหมู่นั้นๆ โดยนายกองแยกทหารออกหน่วยล่ะ 20 คนบ้าง 30
คนบ้างตามแต่ความเหมาะสม และสั่งให้แยกย้ายกันไปได้นับแต่นี้ หากเจอกันใน
เมืองห้ามทำเป็นรู้จัก ให้ทำเสมือนคนแปลกหน้ามิฉะนั้นจะโดนทำโทษตามอาญา
ศึกแผ่นดินต่อไป
               *   แก้วประเสริฐ.  *

n016.gif				
comments powered by Disqus
  • โคลอน

    29 มกราคม 2553 18:21 น. - comment id 113914

    46.gif46.gif46.gif
    
    ลุ้นๆ
    
    
    ฉากอาบน้ำ ก๊ากกกก 19.gif ล้อเล่นนะคะ อิอิ 4.gif65.gif5.gif
    
    ไว้จะมาติดตามเป็นระยะๆค่ะ 46.gif29.gif29.gif29.gif
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    30 มกราคม 2553 12:59 น. - comment id 113928

    นึกถึงเพลงลุ่มอิรวดี
    
    ชอบๆๆกระต่ายชอบฟังเพลงเก่าๆค่ะ
    
    เป่าปี่ตีกลองลั่นกลองศึกรบ11.gif36.gif
  • แก้วประเสริฐ

    30 มกราคม 2553 13:47 น. - comment id 113930

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ โคลอน
    
         ทำไงได้นะพระเอกไม่มีผู้ช่วยนี่นาก็ต้อง
    ดำเนินไปตามธรรมชาตินะ อิอิ ชอบใจ เดี๋ยว
    เฮอะยายฉางนุ้ยจะหัวร่อตายๆเลยล่ะจ้า 
    
             16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    30 มกราคม 2553 13:52 น. - comment id 113931

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กระต่ายฯ
    
         เจ้ากระต่ายน้อยเอ๋ย จะเอาอะไรกับลุงการ
    เขียนนี้ย่อมไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนด้วย
    ไม่ค่อยชอบเลียนแบบใครๆเขาด้วยซิ ชอบใช้
    ความคิดสมองตัวเองเป็นหลัก อาจจะแทรกๆไว้
    บ้างตามแนวแต่ไม่เหมือนจ้า และนับต่อไปนี้
    จะเริ่มพิสดารยิ่งๆขึ้นนะ หากติดตามตลอดจ้า
    รักหลานเสมอ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • คมดาบนารี

    4 กุมภาพันธ์ 2553 23:51 น. - comment id 114210

    สุดท้ายนู๋ก็มานั่งอ่านต่อ..พลางกินมาม่าไปด้วย แบบว่าปากกิน ตาก็อ่านไป...27.gif
    
    อ่อ..ไปก่อนนะคะ
    
    ไปอ่านตอน 3 ค่ะ.......555
  • แก้วประเสริฐ

    5 กุมภาพันธ์ 2553 11:32 น. - comment id 114225

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ คมดาบนารี
    
          ครับตามสบายเลยครับ  ผมแต่งนิยาย
    เรื่องนี้ให้ผสมผสานกันไปครับ และพยายามที่จะ
    ส่งทุกๆวันตามความคิดนะ ยกเว้นจะไม่สบายครับ
    ขอบคุณครับ
    
             16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน