ลุ่มลึกอิสราวดี 7

แก้วประเสริฐ


              ลุ่มลึกอิสราวดี  7
    ความมืดได้ปกคลุมบริเวณนั้น  ดวงจันทร์ที่ส่งแสงหลบเข้าสู่
ก้อนเมฆ  เสียงหรีดหริ่งเรไรที่เคยได้ยินหายไปหมด  นับตั้งแต่
เสือลายพาดกลอนเข้ามายังบริเวณนั้น   ชายหนุ่มพยายามสอด
สายตาไปยังโคนต้นไม้  แต่ความมืดสนิททำให้ไม่สามารถแล
เห็นสิ่งต่างๆได้    แม้กระทั่งดวงตาสีเขียวปัดของเจ้าเสือร้าย
ทำให้เขาแน่ใจว่า  ก้อนหินที่เขาขว้างไปนั้นคงจะทำลายดวงตา
ไปเสียแล้ว    ชายหนุ่มรู้สึกยินดีในฝีมือการขว้างของเขาที่สยบ
เสือร้ายแต่กับสร้างความดุร้ายโหดเหี้ยมเพิ่มให้แก่มันยิ่งขึ้น
     ครั้นเมื่อแสงสว่างกลับคืนมาสู่อีกครั้ง     เขาแลเห็นเจ้า
เสือร้ายกำลังพยายามปีนขึ้นมายังต้นไม้ที่เขาพักอยู่  ใกล้เข้ามา
เนื่องจากต้นไม้มีรอยตะปุ่มตะป่ำพอให้เล็บของมันตะกายขึ้น
มาได้และเป็นต้นไม้ใหญ่      เสียงเจ้าลิงน้อยส่งเสียงร้อง
ก้องกังวานในความเงียบสงัด
   ตอนแรกเขาไม่คิดที่จะสังหารมัน แต่เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้
เขาจึงหยิบดาบออกมาพลางชัก   เสียงกังวานของดาบสะท้านไปทั่ว
ทำให้เสือร้ายหยุดชะงักการพยายามได้พักเดียวมันก็ไต่ขึ้นมาอีก
แต่ความสลัวของความมืดทำให้ไม่ถนัดในการกระทำการเลย
  พอดีกับแสงของดวงจันทร์หลุดพ้นใบไม้ที่สาดลอดช่องเข้ามา
กระทบกับร่างของเสือร้ายที่ทะยานขึ้นอย่างช้าๆ    เขาจึงจับไปยัง
กลางของดาบ   ด้วยหมายจะพุ่งเข้าใส่มัน   พอได้จังหวะและสาย
ตาแลเห็นชัดขึ้น    ชายหนุ่มจึงพุ่งดาบเข้าใส่ร่างเสือร้ายหมายที่
แสกหน้า
     เสียงเสือร้ายร้องก้องดังลั่นแล้วล่วงหล่นจากการไต่ต้นไม้ทันที
มันดิ้นทุรนทุราย ยิ่งดิ้นเท่าไหร่คมมีดที่ทะลุหัวมันยิ่งทำให้บาดแผล
เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น      ร่างของมันกระตุกเล็กน้อยก็สงบเงียบทันที
เขาเองก็ไม่กล้าที่จะลงไปตรวจดูสภาพมันให้แน่ใจว่ามันตายสนิท
หรือยัง       ทันใดนั้นเองเสียงหวีดหวิวร้องก้องแผ่วเบาเขาแลเห็น
จุดดวงไฟหลายๆดวงลอยออกมาจากร่างของเสือร้าย บ้างวนเวียน
บ้างก็ลอยลับหายไป
    เขานึกฉงนในใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น    แต่แล้วก็นึกได้ว่า
เมื่อร่างของเสือร้ายตายลง  วิญญาณที่สิงสถิตอยู่คงจะหนีออกจาก
ร่างเพื่อไปเกิดหรือหาที่อยู่ใหม่   ตามที่พรานป่าได้กล่าวไว้และถูก
บันทึกลงในหนังสือที่เขาอ่านมานั่นเอง    เมื่อเขารอจนดวงไฟนั้น
ลอยหายไปแล้วจึงแน่ใจว่าเสือร้ายคงจะตายแน่นอน   
    ในทันใดนั้นปรากฏดวงไฟสองดวงได้หวนลอยกลับมาอีกทำ
ให้ฉงนและสงสัยเหตุใดดวงไฟทั้งสองดวงถึงไม่ละหนีจากไปเล่าแต่
กลับวนเวียนและลอยมาสู่ยังคบไม้ที่เขาพักพิงอยู่  เขาตะลึงงงงันต่อ
สิ่งที่ได้รับ       แต่แล้วเมื่อดวงไฟสองดวงหยุดลอยนิ่งกับที่ก็ปรากฏ
เป็นควันหนาทึบล้อมรอบดวงไฟทั้งสองดวงแล้วค่อยๆจางลง
    กลับกลายเป็นร่างของหญิงสาวบ้านป่าสองคน    ทำให้ชายหนุ่ม
ตกใจมาก    ถึงกับอ้าปากค้างแต่ไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา    บัดดลหญิงสาว
ทั้งสองก็ย่อร่างลงยกมือขึ้นไหว้เขา      เสียงแผ่วเบาล่องลอยมาจากร่างนั้น
ร่างหนึ่งแต่งกายเสื้อแขนกระบอกนุ่งผ้าโสร่งลาย มีสไบสีแดงและอีกร่างหนึ่ง
มีสไบสีเขียวพาดสะพายเฉียงทั้งคู่   ท่าทางเขารู้สึกร่างที่พาดสไบแดงนั้นจะมี  
อายุอานามมากกว่า    คนที่สะพายสไบสีเขียวเอ่ยขึ้นก่อนแผ่วเบาๆล่องลอย
ตามลมมา     
    “ข้าทั้งสองยังไม่ถึงที่ตายแต่มาถูกเสือร้ายทำร้ายฆ่าเสียก่อน  วิญญาณข้า
ไม่สามารถจะหาที่อยู่ใดไม่หรือไปเกิดได้    ข้าทั้งสองไปแล้วแต่คิดและปรึกษา
กันว่า  เมื่อไม่ตกอยู่ในอำนาจเสือร้ายแล้วและไม่สามารถไปอาศัยที่ใดๆและเกิด
จึงหวนกลับมาอีก”
   หลังจากชายหนุ่มตั้งสติได้และเห็นร่างนั้นเป็นหญิงสาวสวยงามมากคงจะไม่
เป็นภัยต่อเขาแน่แล้ว   จึงกล่าวถามนางว่า
   “แล้วจะให้ข้าช่วยเหลืออะไรพวกเธอได้ล่ะ????....”
   “ข้าทั้งสองตกลงกันแล้วว่าจะมาขอพึ่งพาอาศัยใบบุญท่านก่อนและจะคอย
ช่วยเหลือท่าน เจ้าค่ะ”
   “ด้วยรู้ว่าในกาลต่อไปท่านเป็นผู้มีบุญบารมีพอจะเป็นที่พึ่งพิงแก่พวกข้าได้”
หญิงงามในภาพสไบสีเขียวกล่าวขึ้นบ้าง
   “ข้าๆ..????..หรือเป็นผู้มีบุญบารมี”  ชายหนุ่มทำหน้างุนงง
   “ใช่แล้วจ้า  ท่านเป็นผู้มีบุญและมีอัชฌาสัยดีงามคงจะเป็นที่พึ่งพิงแก่พวกข้า
ทั้งสองได้เจ้าค่ะ”    หญิงรูปงามทั้งสองตอบพร้อมเพียงกัน
        
   ทำเอาชายหนุ่มถึงกับหัวร่อออกมา
   “ผู้มีบุญ?????...หึหึ  ผู้มีบุญชายหนุ่มพึมพร่ำในลำคอ”  
แต่ก็ไม่วายอดถามวิญญาณหญิงทั้งสองเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง
   “เราหรือที่ท่านแน่ใจแล้วว่าจะเป็นที่พึงพิงแก่ท่านได้”   ชายหนุ่มกล่าวย้ำอีกครั้ง
   “ใช่แล้วจ๊ะ  นายท่าน”   วิญญาณในร่างหญิงสาวรูปงามทั้งสองตอบพร้อมกัน
   “นายท่าน????...”  ชายหนุ่มหัวร่อลั่น
   “ท่านแน่ใจหรือแล้วจะให้ข้าช่วยเหลือพวกเจ้าได้อย่างไรกันล่ะ ไหนลองบอกมาซิ”
   “ไม่ต้องช่วยเหลืออะไรพวกข้าหรอกนายท่าน   เพียงแต่ท่านรับปากพวกเราเท่านั้น
ก็คงจะพอเพียงแล้วล่ะ ส่วนที่อยู่อาศัยนั้นเราจะเร่รอนรอบๆกายท่านนี่แหละ”  หญิงทั้งสองตอบ
   ชายหนุ่มอดสงสัยต่อการกระทำของวิญญาณทั้งสอง  ที่จะมาขออาศัยเขาแล้วหล่อนก็สวย
เสียด้วยมันจะดีหรือ   ชายหนุ่มอดกังขามิได้ลืมไปว่านั่นเป็นแค่เพียงวิญญาณหาได้มีตัวตนใดไม่
จึงกล่าวว่า    
   “อ้าวแล้วเจ้าทั้งสองจะนอนที่ไหนหรือ”  
 ข้ายังหนุ่มแน่นอีกอย่างหนึ่งมันจะไม่ดีงามแก่พวกเจ้านะ
        
   คราวนี้หล่อนหันมามองหน้ากันแล้วพลันหัวร่อ   ใบหน้าที่กำลังหัวร่อช่างงดงามเสียนี่กระไร
   “พวกข้าบอกแก่นายท่านว่า  เพียงแค่ท่านรับปากเท่านั้นอื่นๆไม่ต้องห่วงพวกข้าหรอก”
   “ไม่ได้ซิ...พวกหล่อนเป็นหญิงนะ”   ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
      แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อนึกได้ว่านั่นเป็นแค่วิญญาณสองดวงเท่านั้นหาได้มีตัวตนใดๆไม่
เขาจึงหัวร่อให้กับตัวเองถึงความลืมตัวโง่เขลาไป     แล้วพลางกล่าวกับวิญญาณทั้งสองว่า
   “เอาล่ะๆๆ...ไหนๆเมื่อท่านต้องการเช่นนี้ เราก็รับปาก  แต่ว่าเจ้าทั้งสองต้องเชื่อฟังข้านะ   และอย่าทำให้ข้าต้องเดือดร้อนในภายหน้าล่ะ”   ชายหนุ่มกล่าว
   เฮ้..ๆๆๆ...แล้วเราจะเรียกพวกหล่อนชื่ออะไรล่ะ   เขานึกหากพวกหล่อนยอมตกลงเงื่อนไข
ที่เขากล่าว
   “ข้าทั้งสองให้สัตย์แก่ท่านว่า  จะเชื่อฟังคำสั่งท่านทุกๆอย่าง เพียงเพื่อขอให้เราทั้งสองได้
มีทีพักพิงอาศัยเท่านั้นเจ้าค่ะ”    วิญญาณทั้งสองกล่าวขึ้น
   “เอาล่ะเป็นอันตกลงกันนะ....เอ๊า!!ๆ...เอาอย่างนี้ดีกว่า คนที่คาดสไบแดง
 เราขอตั้งนามเจ้าว่า
“ประกายแดง”  ส่วนคนที่คาดสไบเขียว เราจะเรียกเจ้าว่า “ประกายเขียว”  
เจ้าว่าเห็นเป็นประการใด”
   หญิงสาวทั้งสองก้มตัวลงกราบชายหนุ่มทันที  
   “ในเมื่อนายท่านยอมรับข้าทั้งสองไว้รับใช้   จะเรียกข้าอย่างไรก็ได้เจ้าค่ะ”
แล้วนางทั้งสองก็พึมพรำชื่อของตัวเอง  “ประกายแดง”  “ ประกายเขียว”
 เอ๊ะไม่เลวนา ชื่อไพเราะเสียด้วยเรา   แล้วหล่อนก็หันหน้ามองกันแล้วยิ้มให้กัน 
   พลางหันมาทางชายหนุ่มกล่าวว่า 
   “ ลิงน้อยน่ารักนี่ล่ะเจ้าค่ะ  เรียกชื่อว่าอะไรล่ะหรือเจ้าค่ะ”
    คราวนี้ชายหนุ่มมึนงง จริงซินะเรายังไม่ได้ตั้งชื่อเรียกเจ้าลิงน้อยเลยนับแต่ช่วยเหลือและอยู่
ด้วยกันมา
    พลางชายหนุ่มหันไปลูบหัวเจ้าขนสีทองพลางเอ่ยว่า
    “งั้นๆ...เจ้าทั้งสองเรียกลิงน้อยนี้ว่า  “ประกายทอง” ก็แล้วกันนะ”
พลางหันไปลูบหัวเจ้าลิงน้อยและเรียกว่า  “ประกายทอง” พลางตบหัวมันเบาๆ
เพื่อบอกเจตนาของเขา
     ลิงน้อยนั้นมันส่งเสียงร้องเสมือนดีใจกระโดดโลดเต้นใหญ่แล้ววิ่งขึ้นไปยังกิ่งไม้ทันที
ชายหนุ่มทดลองความฉลาดของมันทันที   พลางเรียกชื่อมันเพื่อย้ำ
    “เจ้าประกายทองๆ...มานี่ซิ”
     สิ้นเสียงของชายหนุ่ม  เจ้าลิงน้อยเหมือนมันจะรู้ชื่อมันพลันห้อยโหนพุ่งร่างมาหาชายหนุ่ม
แล้วรีบซุกหน้าที่หน้าอกทันที    ทำให้ชายหนุ่มยิ้มแล้วลูบหัวมันเหมือนจะให้รางวัลมัน
    แล้วหันไปกล่าวกลับวิญญาณทั้งสองว่า   
   “ไหนๆเราก็มาร่วมเป็นพวกเดียวกันแล้ว จะขอให้พวกเราถือเป็นพี่น้องกันก็แล้วกัน  ข้าเอง
นั้นเขินกับคำเรียกของพวกเจ้า  ว่า”นายท่าน”จริงๆนะ”
   “งั้นพวกข้าก็จะเรียก”นายท่าน” ว่า “พี่ท่าน” ก็แล้วกันเพื่อจะได้
เหมาะสม   ส่วนน้องประกายเขียวนั้นอายุอานามอ่อนกว่าข้า 
    จึงต้องเป็นน้องข้า  
 ส่วนเจ้าประกายทองข้าจะเรียก???....”
แล้วหล่อนก็หยุดชะงัก
    “ไม่ต้องห่วงหรอกงั้นข้าขอตั้งให้เป็นน้องสุดท้องก็แล้วกันนะ”   
ชายหนุ่มตอบ
     ในเมื่อตกลงกันได้  ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวต่างก็หัวร่อต่อกันและกัน  ส่วนเจ้าลิงน้อยมันคล้ายๆ
จะฟังและเข้าใจคำพูดของพวกเขา  จึงได้แต่ร้อง เจี๊ยกๆ!!!. พร้อมแสยะยิ้มแลเห็นเขียวแก้วแวววาวใส
ออกมานอกริมฝีปากมัน
     ทันใดนั้นหญิงสาวคนโตกล่าวกลับชายหนุ่มว่า  
    “เขียวแก้วของเจ้าประกายทองน้องเรานี้   มีอิทธิฤทธิ์มากนะพี่ท่าน สามารถปราบภูตผีปีศาจ
และวิชาไสยดำได้ด้วยล่ะ”  หล่อนกล่าว
    “อ้าวๆๆๆ???!!!!...แล้วทำไมพวกน้องๆไม่กลัวเขียวแก้วเสียล่ะ”ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
    “ครั้งแรกพวกน้องๆก็กลัวเช่นกันพี่ท่าน   แต่พอพี่ท่านยอมรับพวกน้องแล้วอำนาจของเขี้ยวแก้ว
ก็ทอนลงจนเป็นปกติจ๊ะพี่ท่าน”  หญิงสาวทั้งสองกล่าวตอบชายหนุ่ม
    “อืมม???...เป็นงั้นหรือ   พี่ถึงสงสัยว่าเหตุใดถึงพวกน้องๆไม่กลัวเกรง”
    “ เอาล่ะๆ...นี่ก็ใกล้ฟ้าสางแล้ว  พวกน้องๆจะไปอยู่ที่ใดล่ะ???...”  ชายหนุ่มถาม
    หญิงสาวทั้งสองมองหน้ากันแล้วกล่าวพร้อมกันว่า
    “พี่ท่านในช่วงกลางวันนั้น  พี่ท่านให้ข้าอาศัยอยู่หรือจะแกะไม้ให้ข้าอาศัยก็ได้นะพี่ท่าน”
    “ เอาอย่างนี้ดีกว่า   ให้น้องทั้งสองประกายแดงไปอาศัยในฝักดาบ  ส่วนประกายเขียวก็เข้ามาอาศัย
ในฝักมีดเล่มเล็กก็แล้วกันนะ”
    “พี่ท่านชาญฉลาดมากจ๊ะ  เมื่อพวกน้องๆได้ที่อาศัยแล้ว  ก็จะเพิ่มฤทธิ์แก่ดาบและมีดให้พี่ท่าน
เพิ่มประสิทธิภาพมายิ่งๆขึ้นจ๊ะ”
   ใช่แล้วชายหนุ่มก็มีความคิดเช่นนั้นจริงๆ   อ้าวแล้วดาบเราล่ะยังอยู่ในร่างเสือร้ายที่ตายอยู่เลย
   ประกายแดงเหมือนจะรู้ใจ  พลางกล่าวกับชายหนุ่มว่า
  “พี่ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอก   เดี๋ยวน้องจัดการเอง”  หล่อนกล่าวจบ ร่างก็พลันสลายหายไปทันที
   ในทันใดนั้น  มีดดาบก็ลอยพุ่งตรงมายังเบื้องหน้าชายหนุ่มทันที   เขางงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.........
                   *  แก้วประเสริฐ.  *

n016.gif				
comments powered by Disqus
  • โคลอน

    3 กุมภาพันธ์ 2553 12:42 น. - comment id 114129

    ถ้าอ่านตอนกลางคืนคงจะหลอนเหมือนกันนะคะเนี่ย 23.gif
    
    ตอนที่แล้วฝนอ่านช่วงพลบค่ำ บรรยากาศวังเวงๆพอดีเลย 23.gif
    
    ไว้จะรออ่านอีกนะคะ 29.gif
  • กิ่งโศก

    3 กุมภาพันธ์ 2553 13:40 น. - comment id 114133

    มาตามต่อครับครูแก้ว กำลังตื่นเต้น..
  • แก้วประภัสสร

    3 กุมภาพันธ์ 2553 15:31 น. - comment id 114135

    ครูเราเก่งที่สุดเลยค่ะ
    ขอคารวะเจ้าค่ะ
    เป็นเรื่องสั้น เอ... ต้องบอกว่ายาวสิคะ
    ที่น่าอ่านและน่าติดตามมากๆ
    ไม่แพ้กับ นิยายหลายๆเรื่องที่ได้อ่านมาค่ะ
    ครูแก้วสบายดีนะคะ
    29.gif29.gif36.gif36.gif11.gif
  • แก้วประเสริฐ

    3 กุมภาพันธ์ 2553 19:37 น. - comment id 114150

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ โคลอน
    
         อิอิๆๆ....กลัวผีหรือครับ ฮ่าๆๆๆ ครับผม
    กำลังติดลมอยู่ครับเลยเมื่อเขียนตอนนี้เสร็จ
    พอตกบ่ายๆไม่รู้จะทำอะไร  ก็เลยมานั่งแต่งต่อ
    ครับเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากจะลงก็เกรงว่าจะทำ
    ให้คนอ่านนั้นไม่ต้องทำอะไรๆอีกครับ จึงเก็บไว้
    พรุ่งนี้ครับ รักเสมอ
    
           16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    3 กุมภาพันธ์ 2553 19:40 น. - comment id 114151

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
         จ๊ะศิษย์รัก เรื่องจะต้องสลับกันบ้างตามสภาพ
    และดำเนินเป็นขั้นเป็นตอน ค่อยๆกระตุ้นเรียก
    อารมณ์คนอ่านทีละนิดๆจ๊ะ  คอยติดตามเถอะครู
    เองตั้งใจว่าจะเขียนแบบสลับๆกันจ๊ะ  รักเสมอ
    
             16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    3 กุมภาพันธ์ 2553 19:54 น. - comment id 114152

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ แก้วประภัสสร
    
         ศิษย์รักเอย ยังหรอกจ้าแค่สมัครเล่นตามใจ
    ครูเองเท่านั้นเอง มิได้เก่งอะไรหรอกจ้าเพราะ
    ทางโน้นครูตั้งใจให้ศิษย์ครูเขียน  หากครูเขียน
    มานั่งคิดก็จะไม่ดี จึงหันมาทางนี้แทนและเป็น
    การฝึกในอดีตไว้ด้วย  รักศิษย์เราเสมอ
    
             16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แขกประจำบ้านกลอน

    3 กุมภาพันธ์ 2553 19:56 น. - comment id 114153

    กำลังสนุกเลยนะคะครูแก้ว
    วันนี้มาอ่านก่อนอาหารมื้อเย็นคะ
    ครูแก้วทานข้าวให้เยอะๆ นะคะ
    จะได้มีกำลังเขียนต่อไปอีก อิอิ
    ขอบคุณมากคะ36.gif36.gif29.gif
  • แก้วประเสริฐ

    3 กุมภาพันธ์ 2553 20:18 น. - comment id 114157

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ  แขกประจำบ้านกลอน
    
           เรื่องนี้ผมตั้งใจว่าจะเขียนส่งทุกๆวันยกเว้น
    ผมป่วยเท่านั้นครับด้วยสุขภาพไม่ค่อยจะดีนักแต่
    ก็จะพยายามครับ  นี่ผมก็เขียนต่อไว้แล้วว่าจะลง
    ให้อ่านก็จะทำให้คนอ่านสับสนด้วยเกิดอารมณ์งาน
    ขึ้นมาครับ  ติดตามเถอะครับรับรองสนุกแน่นอน
    ครับ  จะเป็นเรื่องยาวหรือกว่า  ทัศยุราชันย์
    ที่ผมเร่งรีบเกินไป  แต่เรื่องนี้ตั้งใจว่าจะดำเนิน
    เรื่องไปเรื่อยๆทั้งคำพูดและเนื้อเรื่องครับ
    เรื่องคงจะยาวนี้คิดว่าคงไม่กี่เปอร์เซ็นต์หนึ่ง
    หรือสองนี่แหละครับ  ขอบคุณครับ
    
             16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • คมดาบนารี

    5 กุมภาพันธ์ 2553 00:38 น. - comment id 114215

    สนุกจริง ๆ แหละค่ะ.....41.gif1.gif
  • แก้วประเสริฐ

    5 กุมภาพันธ์ 2553 11:48 น. - comment id 114230

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ คมดาบนารี
    
         เรื่องทั้งหมดผมแต่งขึ้นเองทั้งสิ้นและจะไม่
    ให้เหมือนกับนิยายทั่วๆไป ด้วยผมลบทิ้งไปหมด
    แล้วครับ คิดเองทำเองเพื่อเป็นเอกภาพส่วนตัว
    ครับ  ฉนั้นนิยายผมจะแตกต่างแม้ว่าจะดูหรือ
    สอดคล้องกับใครก็ตาม แต่หาใช่เลียนแบบเขา
    ผมจะนั่งนึกเรื่องราวเองเสกสรรค์สร้างเองครับ
    ขอบคุณครับ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน