ลุ่มลึกอิสราวดี 7
ความมืดได้ปกคลุมบริเวณนั้น ดวงจันทร์ที่ส่งแสงหลบเข้าสู่
ก้อนเมฆ เสียงหรีดหริ่งเรไรที่เคยได้ยินหายไปหมด นับตั้งแต่
เสือลายพาดกลอนเข้ามายังบริเวณนั้น ชายหนุ่มพยายามสอด
สายตาไปยังโคนต้นไม้ แต่ความมืดสนิททำให้ไม่สามารถแล
เห็นสิ่งต่างๆได้ แม้กระทั่งดวงตาสีเขียวปัดของเจ้าเสือร้าย
ทำให้เขาแน่ใจว่า ก้อนหินที่เขาขว้างไปนั้นคงจะทำลายดวงตา
ไปเสียแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกยินดีในฝีมือการขว้างของเขาที่สยบ
เสือร้ายแต่กับสร้างความดุร้ายโหดเหี้ยมเพิ่มให้แก่มันยิ่งขึ้น
ครั้นเมื่อแสงสว่างกลับคืนมาสู่อีกครั้ง เขาแลเห็นเจ้า
เสือร้ายกำลังพยายามปีนขึ้นมายังต้นไม้ที่เขาพักอยู่ ใกล้เข้ามา
เนื่องจากต้นไม้มีรอยตะปุ่มตะป่ำพอให้เล็บของมันตะกายขึ้น
มาได้และเป็นต้นไม้ใหญ่ เสียงเจ้าลิงน้อยส่งเสียงร้อง
ก้องกังวานในความเงียบสงัด
ตอนแรกเขาไม่คิดที่จะสังหารมัน แต่เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้
เขาจึงหยิบดาบออกมาพลางชัก เสียงกังวานของดาบสะท้านไปทั่ว
ทำให้เสือร้ายหยุดชะงักการพยายามได้พักเดียวมันก็ไต่ขึ้นมาอีก
แต่ความสลัวของความมืดทำให้ไม่ถนัดในการกระทำการเลย
พอดีกับแสงของดวงจันทร์หลุดพ้นใบไม้ที่สาดลอดช่องเข้ามา
กระทบกับร่างของเสือร้ายที่ทะยานขึ้นอย่างช้าๆ เขาจึงจับไปยัง
กลางของดาบ ด้วยหมายจะพุ่งเข้าใส่มัน พอได้จังหวะและสาย
ตาแลเห็นชัดขึ้น ชายหนุ่มจึงพุ่งดาบเข้าใส่ร่างเสือร้ายหมายที่
แสกหน้า
เสียงเสือร้ายร้องก้องดังลั่นแล้วล่วงหล่นจากการไต่ต้นไม้ทันที
มันดิ้นทุรนทุราย ยิ่งดิ้นเท่าไหร่คมมีดที่ทะลุหัวมันยิ่งทำให้บาดแผล
เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น ร่างของมันกระตุกเล็กน้อยก็สงบเงียบทันที
เขาเองก็ไม่กล้าที่จะลงไปตรวจดูสภาพมันให้แน่ใจว่ามันตายสนิท
หรือยัง ทันใดนั้นเองเสียงหวีดหวิวร้องก้องแผ่วเบาเขาแลเห็น
จุดดวงไฟหลายๆดวงลอยออกมาจากร่างของเสือร้าย บ้างวนเวียน
บ้างก็ลอยลับหายไป
เขานึกฉงนในใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่แล้วก็นึกได้ว่า
เมื่อร่างของเสือร้ายตายลง วิญญาณที่สิงสถิตอยู่คงจะหนีออกจาก
ร่างเพื่อไปเกิดหรือหาที่อยู่ใหม่ ตามที่พรานป่าได้กล่าวไว้และถูก
บันทึกลงในหนังสือที่เขาอ่านมานั่นเอง เมื่อเขารอจนดวงไฟนั้น
ลอยหายไปแล้วจึงแน่ใจว่าเสือร้ายคงจะตายแน่นอน
ในทันใดนั้นปรากฏดวงไฟสองดวงได้หวนลอยกลับมาอีกทำ
ให้ฉงนและสงสัยเหตุใดดวงไฟทั้งสองดวงถึงไม่ละหนีจากไปเล่าแต่
กลับวนเวียนและลอยมาสู่ยังคบไม้ที่เขาพักพิงอยู่ เขาตะลึงงงงันต่อ
สิ่งที่ได้รับ แต่แล้วเมื่อดวงไฟสองดวงหยุดลอยนิ่งกับที่ก็ปรากฏ
เป็นควันหนาทึบล้อมรอบดวงไฟทั้งสองดวงแล้วค่อยๆจางลง
กลับกลายเป็นร่างของหญิงสาวบ้านป่าสองคน ทำให้ชายหนุ่ม
ตกใจมาก ถึงกับอ้าปากค้างแต่ไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา บัดดลหญิงสาว
ทั้งสองก็ย่อร่างลงยกมือขึ้นไหว้เขา เสียงแผ่วเบาล่องลอยมาจากร่างนั้น
ร่างหนึ่งแต่งกายเสื้อแขนกระบอกนุ่งผ้าโสร่งลาย มีสไบสีแดงและอีกร่างหนึ่ง
มีสไบสีเขียวพาดสะพายเฉียงทั้งคู่ ท่าทางเขารู้สึกร่างที่พาดสไบแดงนั้นจะมี
อายุอานามมากกว่า คนที่สะพายสไบสีเขียวเอ่ยขึ้นก่อนแผ่วเบาๆล่องลอย
ตามลมมา
“ข้าทั้งสองยังไม่ถึงที่ตายแต่มาถูกเสือร้ายทำร้ายฆ่าเสียก่อน วิญญาณข้า
ไม่สามารถจะหาที่อยู่ใดไม่หรือไปเกิดได้ ข้าทั้งสองไปแล้วแต่คิดและปรึกษา
กันว่า เมื่อไม่ตกอยู่ในอำนาจเสือร้ายแล้วและไม่สามารถไปอาศัยที่ใดๆและเกิด
จึงหวนกลับมาอีก”
หลังจากชายหนุ่มตั้งสติได้และเห็นร่างนั้นเป็นหญิงสาวสวยงามมากคงจะไม่
เป็นภัยต่อเขาแน่แล้ว จึงกล่าวถามนางว่า
“แล้วจะให้ข้าช่วยเหลืออะไรพวกเธอได้ล่ะ????....”
“ข้าทั้งสองตกลงกันแล้วว่าจะมาขอพึ่งพาอาศัยใบบุญท่านก่อนและจะคอย
ช่วยเหลือท่าน เจ้าค่ะ”
“ด้วยรู้ว่าในกาลต่อไปท่านเป็นผู้มีบุญบารมีพอจะเป็นที่พึ่งพิงแก่พวกข้าได้”
หญิงงามในภาพสไบสีเขียวกล่าวขึ้นบ้าง
“ข้าๆ..????..หรือเป็นผู้มีบุญบารมี” ชายหนุ่มทำหน้างุนงง
“ใช่แล้วจ้า ท่านเป็นผู้มีบุญและมีอัชฌาสัยดีงามคงจะเป็นที่พึ่งพิงแก่พวกข้า
ทั้งสองได้เจ้าค่ะ” หญิงรูปงามทั้งสองตอบพร้อมเพียงกัน
ทำเอาชายหนุ่มถึงกับหัวร่อออกมา
“ผู้มีบุญ?????...หึหึ ผู้มีบุญชายหนุ่มพึมพร่ำในลำคอ”
แต่ก็ไม่วายอดถามวิญญาณหญิงทั้งสองเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง
“เราหรือที่ท่านแน่ใจแล้วว่าจะเป็นที่พึงพิงแก่ท่านได้” ชายหนุ่มกล่าวย้ำอีกครั้ง
“ใช่แล้วจ๊ะ นายท่าน” วิญญาณในร่างหญิงสาวรูปงามทั้งสองตอบพร้อมกัน
“นายท่าน????...” ชายหนุ่มหัวร่อลั่น
“ท่านแน่ใจหรือแล้วจะให้ข้าช่วยเหลือพวกเจ้าได้อย่างไรกันล่ะ ไหนลองบอกมาซิ”
“ไม่ต้องช่วยเหลืออะไรพวกข้าหรอกนายท่าน เพียงแต่ท่านรับปากพวกเราเท่านั้น
ก็คงจะพอเพียงแล้วล่ะ ส่วนที่อยู่อาศัยนั้นเราจะเร่รอนรอบๆกายท่านนี่แหละ” หญิงทั้งสองตอบ
ชายหนุ่มอดสงสัยต่อการกระทำของวิญญาณทั้งสอง ที่จะมาขออาศัยเขาแล้วหล่อนก็สวย
เสียด้วยมันจะดีหรือ ชายหนุ่มอดกังขามิได้ลืมไปว่านั่นเป็นแค่เพียงวิญญาณหาได้มีตัวตนใดไม่
จึงกล่าวว่า
“อ้าวแล้วเจ้าทั้งสองจะนอนที่ไหนหรือ”
ข้ายังหนุ่มแน่นอีกอย่างหนึ่งมันจะไม่ดีงามแก่พวกเจ้านะ
คราวนี้หล่อนหันมามองหน้ากันแล้วพลันหัวร่อ ใบหน้าที่กำลังหัวร่อช่างงดงามเสียนี่กระไร
“พวกข้าบอกแก่นายท่านว่า เพียงแค่ท่านรับปากเท่านั้นอื่นๆไม่ต้องห่วงพวกข้าหรอก”
“ไม่ได้ซิ...พวกหล่อนเป็นหญิงนะ” ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อนึกได้ว่านั่นเป็นแค่วิญญาณสองดวงเท่านั้นหาได้มีตัวตนใดๆไม่
เขาจึงหัวร่อให้กับตัวเองถึงความลืมตัวโง่เขลาไป แล้วพลางกล่าวกับวิญญาณทั้งสองว่า
“เอาล่ะๆๆ...ไหนๆเมื่อท่านต้องการเช่นนี้ เราก็รับปาก แต่ว่าเจ้าทั้งสองต้องเชื่อฟังข้านะ และอย่าทำให้ข้าต้องเดือดร้อนในภายหน้าล่ะ” ชายหนุ่มกล่าว
เฮ้..ๆๆๆ...แล้วเราจะเรียกพวกหล่อนชื่ออะไรล่ะ เขานึกหากพวกหล่อนยอมตกลงเงื่อนไข
ที่เขากล่าว
“ข้าทั้งสองให้สัตย์แก่ท่านว่า จะเชื่อฟังคำสั่งท่านทุกๆอย่าง เพียงเพื่อขอให้เราทั้งสองได้
มีทีพักพิงอาศัยเท่านั้นเจ้าค่ะ” วิญญาณทั้งสองกล่าวขึ้น
“เอาล่ะเป็นอันตกลงกันนะ....เอ๊า!!ๆ...เอาอย่างนี้ดีกว่า คนที่คาดสไบแดง
เราขอตั้งนามเจ้าว่า
“ประกายแดง” ส่วนคนที่คาดสไบเขียว เราจะเรียกเจ้าว่า “ประกายเขียว”
เจ้าว่าเห็นเป็นประการใด”
หญิงสาวทั้งสองก้มตัวลงกราบชายหนุ่มทันที
“ในเมื่อนายท่านยอมรับข้าทั้งสองไว้รับใช้ จะเรียกข้าอย่างไรก็ได้เจ้าค่ะ”
แล้วนางทั้งสองก็พึมพรำชื่อของตัวเอง “ประกายแดง” “ ประกายเขียว”
เอ๊ะไม่เลวนา ชื่อไพเราะเสียด้วยเรา แล้วหล่อนก็หันหน้ามองกันแล้วยิ้มให้กัน
พลางหันมาทางชายหนุ่มกล่าวว่า
“ ลิงน้อยน่ารักนี่ล่ะเจ้าค่ะ เรียกชื่อว่าอะไรล่ะหรือเจ้าค่ะ”
คราวนี้ชายหนุ่มมึนงง จริงซินะเรายังไม่ได้ตั้งชื่อเรียกเจ้าลิงน้อยเลยนับแต่ช่วยเหลือและอยู่
ด้วยกันมา
พลางชายหนุ่มหันไปลูบหัวเจ้าขนสีทองพลางเอ่ยว่า
“งั้นๆ...เจ้าทั้งสองเรียกลิงน้อยนี้ว่า “ประกายทอง” ก็แล้วกันนะ”
พลางหันไปลูบหัวเจ้าลิงน้อยและเรียกว่า “ประกายทอง” พลางตบหัวมันเบาๆ
เพื่อบอกเจตนาของเขา
ลิงน้อยนั้นมันส่งเสียงร้องเสมือนดีใจกระโดดโลดเต้นใหญ่แล้ววิ่งขึ้นไปยังกิ่งไม้ทันที
ชายหนุ่มทดลองความฉลาดของมันทันที พลางเรียกชื่อมันเพื่อย้ำ
“เจ้าประกายทองๆ...มานี่ซิ”
สิ้นเสียงของชายหนุ่ม เจ้าลิงน้อยเหมือนมันจะรู้ชื่อมันพลันห้อยโหนพุ่งร่างมาหาชายหนุ่ม
แล้วรีบซุกหน้าที่หน้าอกทันที ทำให้ชายหนุ่มยิ้มแล้วลูบหัวมันเหมือนจะให้รางวัลมัน
แล้วหันไปกล่าวกลับวิญญาณทั้งสองว่า
“ไหนๆเราก็มาร่วมเป็นพวกเดียวกันแล้ว จะขอให้พวกเราถือเป็นพี่น้องกันก็แล้วกัน ข้าเอง
นั้นเขินกับคำเรียกของพวกเจ้า ว่า”นายท่าน”จริงๆนะ”
“งั้นพวกข้าก็จะเรียก”นายท่าน” ว่า “พี่ท่าน” ก็แล้วกันเพื่อจะได้
เหมาะสม ส่วนน้องประกายเขียวนั้นอายุอานามอ่อนกว่าข้า
จึงต้องเป็นน้องข้า
ส่วนเจ้าประกายทองข้าจะเรียก???....”
แล้วหล่อนก็หยุดชะงัก
“ไม่ต้องห่วงหรอกงั้นข้าขอตั้งให้เป็นน้องสุดท้องก็แล้วกันนะ”
ชายหนุ่มตอบ
ในเมื่อตกลงกันได้ ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวต่างก็หัวร่อต่อกันและกัน ส่วนเจ้าลิงน้อยมันคล้ายๆ
จะฟังและเข้าใจคำพูดของพวกเขา จึงได้แต่ร้อง เจี๊ยกๆ!!!. พร้อมแสยะยิ้มแลเห็นเขียวแก้วแวววาวใส
ออกมานอกริมฝีปากมัน
ทันใดนั้นหญิงสาวคนโตกล่าวกลับชายหนุ่มว่า
“เขียวแก้วของเจ้าประกายทองน้องเรานี้ มีอิทธิฤทธิ์มากนะพี่ท่าน สามารถปราบภูตผีปีศาจ
และวิชาไสยดำได้ด้วยล่ะ” หล่อนกล่าว
“อ้าวๆๆๆ???!!!!...แล้วทำไมพวกน้องๆไม่กลัวเขียวแก้วเสียล่ะ”ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
“ครั้งแรกพวกน้องๆก็กลัวเช่นกันพี่ท่าน แต่พอพี่ท่านยอมรับพวกน้องแล้วอำนาจของเขี้ยวแก้ว
ก็ทอนลงจนเป็นปกติจ๊ะพี่ท่าน” หญิงสาวทั้งสองกล่าวตอบชายหนุ่ม
“อืมม???...เป็นงั้นหรือ พี่ถึงสงสัยว่าเหตุใดถึงพวกน้องๆไม่กลัวเกรง”
“ เอาล่ะๆ...นี่ก็ใกล้ฟ้าสางแล้ว พวกน้องๆจะไปอยู่ที่ใดล่ะ???...” ชายหนุ่มถาม
หญิงสาวทั้งสองมองหน้ากันแล้วกล่าวพร้อมกันว่า
“พี่ท่านในช่วงกลางวันนั้น พี่ท่านให้ข้าอาศัยอยู่หรือจะแกะไม้ให้ข้าอาศัยก็ได้นะพี่ท่าน”
“ เอาอย่างนี้ดีกว่า ให้น้องทั้งสองประกายแดงไปอาศัยในฝักดาบ ส่วนประกายเขียวก็เข้ามาอาศัย
ในฝักมีดเล่มเล็กก็แล้วกันนะ”
“พี่ท่านชาญฉลาดมากจ๊ะ เมื่อพวกน้องๆได้ที่อาศัยแล้ว ก็จะเพิ่มฤทธิ์แก่ดาบและมีดให้พี่ท่าน
เพิ่มประสิทธิภาพมายิ่งๆขึ้นจ๊ะ”
ใช่แล้วชายหนุ่มก็มีความคิดเช่นนั้นจริงๆ อ้าวแล้วดาบเราล่ะยังอยู่ในร่างเสือร้ายที่ตายอยู่เลย
ประกายแดงเหมือนจะรู้ใจ พลางกล่าวกับชายหนุ่มว่า
“พี่ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เดี๋ยวน้องจัดการเอง” หล่อนกล่าวจบ ร่างก็พลันสลายหายไปทันที
ในทันใดนั้น มีดดาบก็ลอยพุ่งตรงมายังเบื้องหน้าชายหนุ่มทันที เขางงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.........
* แก้วประเสริฐ. *
3 กุมภาพันธ์ 2553 12:42 น. - comment id 114129
ถ้าอ่านตอนกลางคืนคงจะหลอนเหมือนกันนะคะเนี่ยตอนที่แล้วฝนอ่านช่วงพลบค่ำ บรรยากาศวังเวงๆพอดีเลย
ไว้จะรออ่านอีกนะคะ

3 กุมภาพันธ์ 2553 13:40 น. - comment id 114133
มาตามต่อครับครูแก้ว กำลังตื่นเต้น..

3 กุมภาพันธ์ 2553 15:31 น. - comment id 114135
ครูเราเก่งที่สุดเลยค่ะ ขอคารวะเจ้าค่ะ เป็นเรื่องสั้น เอ... ต้องบอกว่ายาวสิคะ ที่น่าอ่านและน่าติดตามมากๆ ไม่แพ้กับ นิยายหลายๆเรื่องที่ได้อ่านมาค่ะ ครูแก้วสบายดีนะคะ

3 กุมภาพันธ์ 2553 19:37 น. - comment id 114150
คุณ โคลอน อิอิๆๆ....กลัวผีหรือครับ ฮ่าๆๆๆ ครับผม กำลังติดลมอยู่ครับเลยเมื่อเขียนตอนนี้เสร็จ พอตกบ่ายๆไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยมานั่งแต่งต่อ ครับเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากจะลงก็เกรงว่าจะทำ ให้คนอ่านนั้นไม่ต้องทำอะไรๆอีกครับ จึงเก็บไว้ พรุ่งนี้ครับ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

3 กุมภาพันธ์ 2553 19:40 น. - comment id 114151
คุณ กิ่งโศก จ๊ะศิษย์รัก เรื่องจะต้องสลับกันบ้างตามสภาพ และดำเนินเป็นขั้นเป็นตอน ค่อยๆกระตุ้นเรียก อารมณ์คนอ่านทีละนิดๆจ๊ะ คอยติดตามเถอะครู เองตั้งใจว่าจะเขียนแบบสลับๆกันจ๊ะ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

3 กุมภาพันธ์ 2553 19:54 น. - comment id 114152
คุณ แก้วประภัสสร ศิษย์รักเอย ยังหรอกจ้าแค่สมัครเล่นตามใจ ครูเองเท่านั้นเอง มิได้เก่งอะไรหรอกจ้าเพราะ ทางโน้นครูตั้งใจให้ศิษย์ครูเขียน หากครูเขียน มานั่งคิดก็จะไม่ดี จึงหันมาทางนี้แทนและเป็น การฝึกในอดีตไว้ด้วย รักศิษย์เราเสมอ
แก้วประเสริฐ.

3 กุมภาพันธ์ 2553 19:56 น. - comment id 114153
กำลังสนุกเลยนะคะครูแก้ว วันนี้มาอ่านก่อนอาหารมื้อเย็นคะ ครูแก้วทานข้าวให้เยอะๆ นะคะ จะได้มีกำลังเขียนต่อไปอีก อิอิ ขอบคุณมากคะ

3 กุมภาพันธ์ 2553 20:18 น. - comment id 114157
คุณ แขกประจำบ้านกลอน เรื่องนี้ผมตั้งใจว่าจะเขียนส่งทุกๆวันยกเว้น ผมป่วยเท่านั้นครับด้วยสุขภาพไม่ค่อยจะดีนักแต่ ก็จะพยายามครับ นี่ผมก็เขียนต่อไว้แล้วว่าจะลง ให้อ่านก็จะทำให้คนอ่านสับสนด้วยเกิดอารมณ์งาน ขึ้นมาครับ ติดตามเถอะครับรับรองสนุกแน่นอน ครับ จะเป็นเรื่องยาวหรือกว่า ทัศยุราชันย์ ที่ผมเร่งรีบเกินไป แต่เรื่องนี้ตั้งใจว่าจะดำเนิน เรื่องไปเรื่อยๆทั้งคำพูดและเนื้อเรื่องครับ เรื่องคงจะยาวนี้คิดว่าคงไม่กี่เปอร์เซ็นต์หนึ่ง หรือสองนี่แหละครับ ขอบคุณครับ
แก้วประเสริฐ.

5 กุมภาพันธ์ 2553 00:38 น. - comment id 114215
สนุกจริง ๆ แหละค่ะ.....

5 กุมภาพันธ์ 2553 11:48 น. - comment id 114230
คุณ คมดาบนารี เรื่องทั้งหมดผมแต่งขึ้นเองทั้งสิ้นและจะไม่ ให้เหมือนกับนิยายทั่วๆไป ด้วยผมลบทิ้งไปหมด แล้วครับ คิดเองทำเองเพื่อเป็นเอกภาพส่วนตัว ครับ ฉนั้นนิยายผมจะแตกต่างแม้ว่าจะดูหรือ สอดคล้องกับใครก็ตาม แต่หาใช่เลียนแบบเขา ผมจะนั่งนึกเรื่องราวเองเสกสรรค์สร้างเองครับ ขอบคุณครับ
แก้วประเสริฐ.
