ลุ่มลึกอิสราวดี 10
เจ้าลิงน้อยเมื่อพุ่งร่างมาถึง ยังเบื้องหน้าเขาแล้วมันแสดงอาการ
ลิงโลดดีใจ ตีลังกาหลายๆรอบพร้อมส่งเสียงร้องลั่น นั่นคงหมายว่า
มันได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์แล้ว
ชายหนุ่มหัวร่อรับรู้และแสดงความดีใจแก่มันด้วยเข้าไปลูบยังหัวมัน
แล้วตบไปที่ลำตัวมันเบาๆ บัดนี้เจ้าลิงน้อยจะมาพุ่งเข้าซบอกเขามิได้แล้ว
ด้วยร่างมันกำยำและใหญ่เกินกว่าที่เขาจะอุ้มมันได้อีกต่อไป ดังนั้นจึง
ได้แต่เพียงย่อร่างแล้วแสดงอาการให้มันรับรู้
ชายหนุ่มหันไปยังแม่ช้างและลูกช้าง อาการบาดเจ็บของแม่ช้างค่อน
ข้างจะมาก เลือดยังไหลแต่ก็ยืนน้ำตาไหล เขาเดินไปใกล้มันมันกลัวก็กลัว
แต่เห็นแม่ช้างมิได้แสดงอาการดุร้ายแต่ประการใด คงปล่อยให้เขาเดินไปลูบ
ตัว เขาตบสีข้างแม่ช้างพังเบาเพื่อปลอบใจ และดูบาดแผลที่เป็นรอยมากมาย
แต่บ้างลึก บ้างแค่รอยใต้ผิวหนังที่หนาย่นเล็กน้อย แต่ก็ให้เลือดหลั่งออกมา
ขณะที่เขากำลังแสดงอาการปลอบใจแม่ช้าง เจ้าช้างน้อยก็เข้ามาใช้ปลาย
งวงมันลูบไล้บนใบหน้าชายหนุ่ม ชายหนุ่มคิดมันคงจะแสดงความขอบคุณ
เขากระมัง ดังนั้นเขาจึงหันไปลูบที่หัวมันเบาๆแล้วตบเบาๆที่ข้างลำตัวของมัน
แขนเขาถูกกระตุกๆเบาๆ จึงหันไปดูและเห็นเจ้าลิงขนทองมันหอบใบไม้
อะไรเขามองดูและไม่รู้จัก และมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่เขาไม่รู้ ทันใดนั้นเองเสียง
เบาๆจากแม่นางพรายก็กล่าวขึ้นว่า
“พี่ท่านเจ้าประกายทองมันหายามาให้แม่ช้างจ๊ะ ให้พี่ท่านนำมาเคี้ยวในปาก
แล้วนำไปพอกยังแม่ช้าง มันเป็นต้นสมุนไพรป่าที่ใช้ในการรักษาบาดแผล และทำ
ให้แผลหายเร็ววัน ซึ่งแม่ช้างมันก็รู้ แต่ว่าอาการตอนนี้มันค่อนข้างหนักจึงยังไม่
สามารถไปหายาด้วยตัวมันเองได้ ให้พี่ท่านจงเคี้ยวใบสมุนไพรแล้วนำไปพอกยัง
บาดแผลแม่ช้างเถอะจ๊ะ”
“ขอบใจมากจ๊ะแม่นาง”
ชายหนุ่มหันไปมองเพื่อจะปฏิบัติตามคำพูดของแม่นางพราย แต่แล้วเขาเห็น
เจ้าขนทองกำลังนำใบไม้ที่เคี้ยวแหลกนำไปพอกยังบาดแผลแม่ช้าง ดังนั้นเขาจึง
รีบนำใบยามาเคี้ยวแล้วนำไปพอกที่บาดแผล แม่ช้างเหมือนจะรู้ในการกระทำของ
เขาและเจ้าขนทอง ดังนั้นมันจึงยืนนิ่งๆ เพียงแค่สะบัดหางไปๆมาๆคอยรับการ
ช่วยเหลือ พร้อมทั้งชูงวงร่ำร้องแสดงถึงความยินดี
ภายหลังจากช่วยแม่ช้างและลูกช้างแล้ว เขาแลเห็นหลังจากแม่ช้างและลูกช้าง
แสดงคาราวะเขาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็พากันเดิน คุ่มๆเข้าชายป่า หายลับไปก่อนที่
จะเข้าแนวป่ามันทั้งสองยังหันกลับมาพร้อมชูงวงร้องเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินหายไป
ชายหนุ่มหลังจากกำราบเจ้าหมีควายยักษ์แล้วก็หันมาจูงเจ้าขนทองที่มีรูปร่างสูง
ใหญ่เกือบเท่าเขาออกเดินทาง ลัดเลาะผ่านแนวโขดเนิน เนินแล้วเนินเล่าผ่านตัดกลาง
แนวป่าทึบ จวบจนถึงทางคั่นระหว่างภูเขาสองลูกที่มีรอยตัดกันเป็นแนวเพื่อไปยัง
อีกด้านหนึ่งของเขา ในช่วงทางรอยแยกนั้นปรากฏหมอกมืดวนเวียนคลุ้งรุนแรงมาก
จนกระทบมายังชายหนุ่มและลิงขนทอง สายลมหมุนเป็นวงกลมแล้วกระจายหายไป
“โอ้แล้วเราจะผ่านไปได้อย่างไร”
ชายหนุ่มคิด หรือว่าจะเป็นแค่บางช่วงเท่านั้น
“อากาศเริ่มจะขมุกขมัวแล้วเห็นทีจะต้องรอจนกว่าพายุจะสงบกระมัง” เขารำพึงกับ
ตัวเอง พร้อมทั้งมองหาสถานที่จะพักผ่อน จึงได้ปีนป่ายไปยังเหลือบชะง่อนผาที่มองเห็น
เป็นลานยื่นออกมาคล้ายพลาญ และแลเห็นมีโพรงเล็กๆพอที่จะหลบลมและน้ำค้างได้
ดังนั้นจึงหันมาส่งสัญญาณกับเจ้าขนทอง ทั้งสองก็ปีนป่ายส่วนเจ้าขนทองใช้เวลาเดี๋ยว
เดียวก็ขึ้นไปยังชะง่อนหน้าผาได้ เหลือเพียงเขาเท่านั้นที่ยังตะเกียกตะกายในที่สุดก็ขึ้นไป
สำเร็จก่อนตะวันจะพลบค่ำ ภายในโพรงคล้ายๆปากถ้ำมืดมิดจนมองอะไรไม่ค่อยถนัดนัก
เพื่อความไม่ประมาทเข้าจึงล้วงหยิบชุดไฟที่ยังเก็บไว้ประมาณสามอัน อีกอันหนึ่งเขาใช้แต่
ยังไม่หมด พลางล้วงหยิบหินแล้วหาที่บังลมพลางตีหินเหล็กไฟทันที สักครู่หนึ่งเขาก็สามารถ
ติดกระชุไฟได้ แล้วค่อยๆเดินส่องทางเข้าไปในโพรงนั้น
โอ้ว!!!!????.... เขาอุทานเบาๆ ภายในเป็นบริเวณกว้างขวางพอสมควร แต่มีกลิ่นคาวๆ
เต็มไปหมด ด้วยสัญชาติฌานทำให้เขานึกว่าคงจะเป็นที่อาศัยของงูเสียมากกว่า ส่วนเจ้าขนทอง
ก็ส่งเสียงร้องคำรามพร้อมขู่ลั่น เขาจำเป็นที่ต้องใช้ที่นี่อาศัยด้วยเวลาได้เริ่มจะมืดขึ้นทุกๆขณะ
จึงได้ค่อยๆส่องไฟค้นหาเพื่อหากมี งู ดังที่เขาคิดจะได้กำจัดมันเสีย แต่เขามองไม่เห็นเพียง
แต่เห็นแต่หินย้อยๆ เรียงรายกันไปหมด พื้นก็มีหินย้อยงอกโผล่จากพื้นถ้ำด้วย แต่ทำไมกลิ่นคาว
ยิ่งฉุนมากๆจนต้องเอาผ้าคาดเอวมาพันที่จมูกคล้องคอเขาไว้ จะด้วยอะไรก็ตามทีเขาเห็นสิ่งผิด
สังเกตทันใด หินย้อยที่เขาคิดด้วยมองจากความสลัวๆและแสงของกระชุ เขาเห็นและรู้เหมือนว่า
จะมีอาการเคลื่อนไหว แต่งูนั้นเขาไม่เห็นมันสักตัวเลย
คิดได้ดังนั้นแล้วจึงค่อยๆถือคบไฟถอยหลังอย่างช้าๆ แล้วพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทันใดนั้นสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นหินย้อยก็ค่อยๆต่ำลงๆ จนจดพื้นถ้ำ โอ้วๆสิ่งที่เขาแลเห็นจากคบไฟ
มันกลับเป็นหัวงูขนาดใหญ่ ดวงตาสีแดงก่ำๆสองดวงแต่แปลกที่มันผิดกับหัวงูทั่วๆไปเกล็ด
มันยามกระทบกับแสงไฟ ส่งประกายหลากสีนักและที่แปลกที่สุดคือบนหัวมันกับมีปุ่มงอก
ออกมาด้วย หากแม้นเขาก้าวล่วงเข้าไปอีกนิดเดียวคงจะเป็นอาหารมันแน่ๆ มันเหมือนจะ
มีอำนาจพิเศษ
ปรากฏว่าร่างเจ้าลิงขนทองนั้นกลับเหม่อลอยค่อยๆเดินเข้าไปหามันช้าๆ และ
หินย้อยที่เขาคิดว่าเป็นหินจากธรรมชาติค่อยๆขยับขึ้นทีละน้อยๆ จนแลเห็นกว้างขึ้นๆ เขารู้ทันที
ว่าเจ้าลิงขนทองสงสัยจะถูกมนต์สะกดแน่ จึงรีบกระชากแขนมันถอยหลังทันที เจ้าขนทองถึง
กับสะดุ้งสุดตัวพลันร้องเสียงดังก้อง เสียงลั่นกังวานก้องไปทั่วภายในโพรงหรือจะเรียกว่า ถ้ำ
ก็ได้ทันที
“ทันใดนั้นเสียงของแม่นางพรายก็แว่วก้องมาสู่เขา ฉับพลันควันหมอกก็พุ่งออกมากจาก
ฝักดาบมีดของเขา กลายร่างเป็นภูตสาวสองนางทันที เขาหันไปยิ้มให้แม่นางพรายทั้งสอง
พลางกล่าวว่า
“นั่นมันงูยักษ์ใช่ไหมน้องเรา”
“มันไม่ใช่งูยักษ์ธรรมดาหรอกจ๊ะ พี่ท่าน”
“อ้าวแล้วมันอะไรกันนะ พี่เห็นมันเป็นงูนี่นา”
“มันเป็นงูลูกน้องของพญางูที่ควบคุมบริเวณแถวๆนี้จ๊ะ”
“แล้วเราจะทำอย่างไรดีล่ะน้องพี่”
“เห็นทีพี่ต้องจัดการฆ่ามัน แล้วเอาลูกแก้วที่มันสะสมพลังแก่กล้าไว้มาใช้ในการเดินทางเพื่อ
ฝ่าหมอกพิษที่ช่องทางระหว่างเขาเสียแล้วพี่ท่าน” พรายประกายแดงกล่าว
“อะไรน่ะ????...ถึงต้องกับฆ่าแกงกันเชียวหรือ” ชายหนุ่มถาม
“เห็นทีจะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วจ๊ะ ด้วยมีหนทางเดียวที่จะฝ่าควันหมอกพิษไปได้จ้าพี่ท่าน”
“อืมม...แล้วจะฆ่ามันได้อย่างไรล่ะ อาวุธเราสามารถฆ่ามันได้หรือ”
“มีแต่ดาบและมีดนี้เท่านั้นถึงทำลายมันได้จ๊ะ” แม่ประกายเขียวตอบ
“โอ้วๆๆ???... แม้แต่เจ้าขนทองที่มีเขี้ยวแก้วยังโดนมันสะกดลืมตัวนะดีที่พี่ไหวทันกระชาก
มันเสียก่อน” ชายหนุ่มตอบ
“อันเขี้ยวหรืออำนาจของน้องทั้งสองก็ไม่อาจจะต้านทานฤทธิ์ของมันได้จ๊ะ” นางพรายตอบ
“ยังงั้นพี่จะทดลองดูนะ”
“พี่ก็นำธนูของพี่ที่ทำด้วยไม่รวกแล้วอธิษฐานขอความเมตตาจากเทพยาดา แล้วยิงมันที่นัยน์ตา
ทั้งสองของมัน หากแม้นเทพยาดาป่าเขาแห่งนี้อนุเคราะห์พี่ก็เห็นทีจะสำเร็จ หากไม่ก็ต้องใช้ดาบพี่และ
มีดน้อยพุ่งเข้าใส่นัยน์ตามันจ๊ะ แต่ทว่า???...”
“แต่อะไรน้องพี่???...” ชายหนุ่มถามด้วยความสังสัย
“หากพี่ใช้ดาบและมีดน้อยไปแล้ว เมื่อถูกเป้าก็จริงแต่ว่า งูยักษ์มันจะดิ้นจนโพรงหรือถ้ำนี้แทบ
จะทะลาย มันจะพุ่งเข้ามาหาพี่แล้วพี่จะเอาอะไรใช้ต่อสู้อีกล่ะ” พรายสาวทั้งสองตอบ
“นั่นซิเห็นที....พวกเราต้องวิ่งหนีออกจาก ถ้ำไปแล้วล่ะ แต่หน้าโพรงถ้ำนี้มีแค่พลาญนิดเดียว
นอกนั้นเป็นผาสูงชันเราจะทำอย่างไรดีล่ะน้องเรา”
“ถึงตอนนั้นก็เห็นจะต้องแล้วแต่บุญวาสนาเรานั่นแหละ แต่อุ๊ยๆ???... น้องนึกได้แล้วเรายัง
มีประกายทองอยู่ เมื่อตางูยักษ์มันมองอะไรไม่เห็นแล้วอำนาจมันก็จะลดทอนลงไปมาก ด้วยอำนาจ
มันเกิดจากนัยน์ตาที่สามารถสะกดคนหรือสัตว์แม้แต่ภูตพรายได้จ๊ะ”
“อืมมๆๆๆ พี่ก็ไม่ทันนึก นี่ดีนะที่พี่มีคู่ปรึกษา หากไม่มีน้องพี่เห็นทีจะแย่จริงๆๆ”
ชายหนุ่มตอบ เล่นเอาแม่นางพรายถึงกับม้วนอายไปทีเดียว สร้างความงดงามของใบหน้าแก่
ชายหนุ่มยิ่งนัก ถึงกับมองตะลึงไปเลย ชายหนุ่มพลางหันไปแล้วสะบักหน้าเบาๆเพื่อสะหลัด
ความคิดเรื่องความงามออกเสีย
“เอาล่ะ!!!???.....เป็นไรเป็นกันเราก็หนีไปไม่ได้แล้วนี่นา หากไม่ทดลองจะรู้หรือ”
ครั้นแล้วชายหนุ่มก็ดึงลูกธนูออกมาสองดอก พลางมองไปยังที่ดวงตาเจ้างูยักษ์ที่มันค่อยๆ
หุบปากลงเพื่อมองเหงื่อของมันด้วยความสงสัย เขาไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นเสียไปพร้อมยกลูกธนู
ตั้งจิตให้แน่วแน่นิ่งแล้วกล่าวคำอธิษฐานเบาๆ วอนเทพยาดาฟ้าดินขอให้การกระทำของเขา
ในครั้งนี้บรรลุล่วงสำเร็จด้วยเทอญ เมื่อสิ้นคำอธิษฐานต่อเทพยาดาป่าเขาลำเนาไพรแล้ว
เขาก็ง้างคันธนูพร้อมกับลูกดอกสองดอก พอได้จังหวะก็ปล่อยลูกธนูไม้รวกไปทันที
เหมือนอำนาจของไม้รวกตันนี้ประกอบกับคำอธิษฐานจะได้ผล ลูกธนูพุ่งเข้ายังดวงตาของ
เจ้างูยักษ์ทันที ลูกธนูที่ทำด้วยไม้รวกตันหายวับไปเข้าสู่ดวงตาดวงโตสีแดงก่ำๆทันที
เลือดได้ทะลักออกมา ร่างงูยักษ์ดิ้นพลาด ๆ ด้วยความใหญ่โตของมันทำให้เกล็ดหิน
ต่างๆล่วงพรูออกมาชายหนุ่มและเจ้าขนทองรีบหันหลังทะยานออกจากมานอกโพรงถ้ำทันที
เสียงภายในโพรงแทบถล่มทลาย แล้วหัวของงูยักษ์ที่ดวงตาบอดสนิท โผล่ออกมาจาก
โพรง ชายหนุ่มไม่รอช้าโอกาสทองเช่นนี้ เขาชักดาบออกกระโดดเข้าฟาดฟันหลายๆครั้ง
ไปยังด้านต้นคองูยักษ์ ปรากฏคอห้อยออกมา เลือดมันสาดมากระทบตัวของชายหนุ่มแดงฉาน
ชายหนุ่มรู้สึกว่าร่างกายที่ถูกเลือดงูนั้นช่างเยือกเย็นอะไรเช่นนี้จนเขาอดสะท้านร่างด้วยความ
หนาวเหน็บ โอ้ววๆๆๆมันเย็นอะไรเช่นนี้ เลือดเจ้างูยักษ์เขารู้สึกว่ามันซึมผ่านผิวหนังเขาเข้า
ไปในร่างกายเพิ่มความหนาวเหน็บจนร่างเขาสั่นๆทันที หันไปมองเจ้าลิงขนทองก็เช่นกันมัน
ยกมือทั้งสองกอดอกนั่งคุดคู้ทันที เขาเองก็เหมือนกับมันรีบนั่งลงพลางปลดหนังเสือสมิงที่
ม้วนเก็บไว้ รีบเอามาหุ้มห่อร่างกายรู้สึกว่ามีไออุ่นของหนังเสือซึมซ่านมา ทำให้ร่างกาย
ค่อยอบอุ่นขึ้นทีละน้อยๆ
เป็นไปสักครู่ใหญ่ๆอาการทั้งหมดก็หายไป
“ไม่ต้องตกใจหรอกจ้าพี่ท่าน ท่านโชคดีแล้วที่ได้อาบเลือดงูต่างน้ำด้วยงูนี้มีอายุนับพันปี
และเป็นสิ่งหายากมาก หากใครได้อาบแล้วจะมีร่างกายคงกระพันชาตรี ยากนักจะหาอาวุธใด
ทำร้ายพี่ท่านได้ ผู้ใดหากมีตบะเดชะอ่อนกว่าก็จะพากันตกอยู่ในอำนาจของพี่ไป อีกประการ
ให้พี่รีบชำแหละที่ภายในท้องใกล้ๆหัวใจมันโดยเร็วก่อนที่ร่างมันจะกลับกลายเห็นหินไปจ๊ะ
เพื่อนำแก้วสองดวงออกมา และนำดีมันมาให้พี่และเจ้าประกายทองดื่มกินด้วยก็จะเพิ่มพละ
กำลังอย่างมหาศาลด้วยจ๊ะ รีบๆหน่อยๆ” พรายสาวทั้งสองรีบกล่าวขึ้นด้วยความดีใจ
“อะไรนะต้องทำเดี๋ยวนี้เชียวหรือ ทั้งๆตัวพี่ยังเปื้อนเลือดอยู่นี่นะ” ชายหนุ่มตอบ.......
* แก้วประเสริฐ. *
5 กุมภาพันธ์ 2553 18:18 น. - comment id 114239
ครูแก้วบอกว่ามาอ่านเรื่องโม้ต่อ ก็จะมาติดตามอ่านบทต่อไปอิอิ อืม ครูแก้วตื่นสายเหมือนกันเหรอคะ มองเห็นเวลาเกือบเที่ยงนั่งดื่มกาแฟขอบคุณมากนะคะ

5 กุมภาพันธ์ 2553 20:42 น. - comment id 114240
พระเอกเริ่มเสริมเขี้ยวเล็บรอบตัวแล้ว

6 กุมภาพันธ์ 2553 08:37 น. - comment id 114248
อยากได้นางพรายตนที่ 3 มั้ยอ่าคะ คุณลุง....... แวะมาอ่านต่อค่ะ..

6 กุมภาพันธ์ 2553 12:08 น. - comment id 114255
ลุ้นค้ะลุ้น.........อิอิ

6 กุมภาพันธ์ 2553 12:27 น. - comment id 114258
คุณ แขกประจำบ้านกลอน ครับผมเองก็เขียนไปเรื่อยๆนี่พึ่งตื่นนอน สักพักกำลังทานกาแฟ ครับผมตื่นสายด้วยนอน ดึกๆ ไม่สิบโมงก็สิบเอ็ดโมงแหละครับ มิฉนั้น นอนไม่พอเพียงจะปวดศีรษะครับ แฮะๆๆๆคนตก งานก็อย่างนี้แหละครับจะหาแหล่งมิได้ต้องซุกหัวนอน ต่อไปครับ ขอบคุณครับ
แก้วประเสริฐ.

6 กุมภาพันธ์ 2553 12:30 น. - comment id 114259
คุณ กิ่งโศก ครูเองก็วาดภาพไปเรื่อยๆแหละตามใจฉัน แต่งานเขียนครูชอบมักแฝงอะไรๆไว้เสมอๆ ศิษย์ เราเวลาเขียนโคลงกลอนก็ควรหาสิ่งสาระแฝงไว้ ด้วยไม่ใช่เพื่อสนุกอย่างเดียว นั่นแหละโคลงหรือ กลอนถึงจะมีคุณค่านะ เอ๊ะไม่รู้ซิว่าจะเข้า มาอ่านอีกหรือไม่หนอ รักศิษย์เราเสมอๆ
แก้วประเสริฐ.

6 กุมภาพันธ์ 2553 12:33 น. - comment id 114261
คุณ คมดาบนารี แฮะๆๆๆอยากนะอยากอยู่แต่กลัวว่ามันจะ เลอะเทอะกันใหญ่นะ ตอนแรกคิดจะแค่นางพราย ตนเดียว แต่อิอิ คนขาดเพื่อนไม่ได้ก็เลยพ่วงอีก สักตนหนึ่งครับ กลัวพระเอกเหงาๆครับ อิอิ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

6 กุมภาพันธ์ 2553 14:42 น. - comment id 114263
คุณ โคลอน สวัสดีจ้าคุณฝน เป็นอย่างไรบ้างครับ เรื่องที่ผมจินตนาการไว้นะไม่เห็นบอกดีหรือไม่ดี หากไม่ดีก็จะเลิกเขียนจ๊ะ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

6 กุมภาพันธ์ 2553 14:54 น. - comment id 114265
^ ^ ^ โห ตามอ่านแบบเหนียวแน่นหนึบแบบนี้ยังต้องบอกอีกเหรอคะ....อิอิ

6 กุมภาพันธ์ 2553 14:55 น. - comment id 114266
10 เพื่อมิให้เป็นการเสียเที่ยวที่เทียวมาอีกรอบ...อิอิ

6 กุมภาพันธ์ 2553 23:46 น. - comment id 114279
สวัสดีค่ะลุงแก้ว ยุ่งก็ยุ่ง อยากอ่านก็อยาก ติดไว้ก่อนนะคะ 8 - 9 - 10 อ่านไม่ไหวแระ ง่วงนอน ราตรีสวัสดิ์นะคะ

7 กุมภาพันธ์ 2553 11:25 น. - comment id 114280
คุณ โคลอน ผมเห็นเราสนิทกันจึงกล่าวเช่นนี้ เผื่อว่า ทุกๆอย่างผิดพลาดกันได้ ก็เลยถามเพื่อให้แน่ใจ จ้า ขอบใจมากนะจ๊ะ รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

7 กุมภาพันธ์ 2553 11:28 น. - comment id 114281
คุณ โคลอน สวัสดีจ้า โอ้ช่างชื่นใจจริงๆเหมือนหยาด ทิพย์ชโลมใจเลยล่ะจ้า เชื่อมั่นแล้วจ้า งั้นรออ่าน ต่อนะจ๊ะ เสร็จตอบกระทู้แล้วก็จะแต่งต่อเลยจ้า รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.

7 กุมภาพันธ์ 2553 11:30 น. - comment id 114282
คุณ bananaleaf สวัสดีจ้า ไม่เป็นไรหรอกเป็นครูก็แบบนี้ แหละงานมักจะยุ่งทั้งอาชีพและงานบ้านด้วยต้อง ควบสองอย่างเชียว หากว่างๆค่อยอ่านก็ได้จ้า รักเสมอ
แก้วประเสริฐ.
